จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 15

http://www.isan.clubs.chula.ac.th/para_norkhai/?transaction=post_view.php&cat_main=2&id_main=363&star=0

{ลิ้งค์..สายใยไหม..สายใยผ้า..สายใยแห่งวิถี..วิถีอีสานกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม..งานด้านหัตถกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานครับ}

..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา..


ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ




ตอน เส้นทางเดิน 3








"บุคคลใดคิดว่าตนกำลังทำความดี แต่จิตเร่าร้อน หาความสงบไม่ได้ พึงเข้าใจเสียให้ถูกต้องว่า ตนมิได้กำลังทำความดี อาจเพียงกำลังคิดแข่งดี ความแข่งดีมีหลายระดับ ถ้าคิดแข่งดีกับผู้ระดับไม่แตกต​่างจากตนมากนัก ความเร่าร้อนนั้นก็ไม่มากมาย ไม่ผลักดันให้พูดให้ทำรุนแรงเลว​ร้ายมากมาย แต่ถ้าคิดแข่งดีกับผู้มีระดับแต​กต่างจากตนมากเพียงไร ความเร่าร้อนก็จะรุน...แรงมากเพียงนั้น ผลัดดันให้พูดชั่วทำชั่ว วางแผนชั่ว เพื่อให้ตนดำเนินไปสู่ความสำเร็​จ

การเพิ่มพูนความดีให้มากทวี เป็นความสุขเยือกเย็นสว่างไสวใน​จิต แต่การแข่งดี ยิ่งวันยิ่งทวีความเร่าร้อนมืดม​ิด เป็นอุปกิเลสที่จะปิดกั้นความปร​ะภัสสรแห่งจิต (ผุดผ่อง ผ่องใส บริสุทธิ์)

( บทความดีๆของพระอาจารย์สุโข กตปุญโญ )



“ ตร. สน.หัวหมากเปิดแถลงข่าวหลังจากที่โชว์ศักยภาพรวบขบวนการขนยาบ้า 4หมื่นเม็ดกลางกรุงได้เป็นผลสำเร็จ จากที่ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวมาโดยตลอด..”

ข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ชื่อดังของเช้าวันใหม่มันได้สร้างใบหน้าแห่งความวิตกกังวลให้กับณรงค์ฤทธิ์เสี่ยหนุ่มเจ้าของไนท์คลับชื่อดังย่านคลองตันเป็นอย่างมาก เขาโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ..สายตามองดูภาพที่อยู่หน้าหนังสือพิมพ์แบบไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก

“ เฮ้อ..มันไปเฮ็ดอีท่าได๋ว๊ะ..ให่เขานำกลิ่นจนพ้อ..โง่หลายเนาะมึง “ เสี่ยหนุ่มสบถออกมา ( คาดเดาได้ว่าคนที่ถูกรวบตัวพร้อมของกลางนี้คงจะเป็นเครือข่ายที่รับของจากเสี่ยหนุ่มเป็นแน่ ) งานนี้เสี่ยหนุ่มคงต้องสั่งการต่อสายตรงแบบด่วนจี๋เข้าหาลูกล้อผู้ที่ยอมสยบต่ออำนาจของเงินตราจัดการเช็คบิลตัดตอนก่อนที่ผู้ต้องหาจะซัดทอดโยงใยมาถึงตัวเอง หรือไม่อย่างนั้นคงต้องได้ใช้วิศรุจหนุ่มจอมอหังการจากแดนพนมรุ้งเข้าเป็นตัวประสานอีกครั้งนึง แต่งานนี้ดูจะไม่ง่ายเลย เพราะเป้าหมายอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหนเสี่ยหนุ่มก็เลือกที่จะทำเพื่อปัดตัวเองให้พ้นจากวิบากที่กำลังจะเผชิญอยู่ในขณะนี้…


/////////////////////////////////////////////////////////////////////








สายลมอันสงบเงียบพัดโชยผ่านท้องทุ่งนาอันใหญ่กว้าง มองเห็นใบข้าวเขียวที่กำลังยืนต้นไหวเอนไปตามแรงมองดูแล้วช่างเหมือนกับบรรดาสาวสวยทั้งหลายกำลังร่ายรำโยกยายส่ายตัวพริ้วไหวไปตามจังหวะเสียงเพลงทำนองลาติน เสียงเจ้าปลาช่อนตัวใหญ่สะบัดหางอันแข็งแกร่งกระทบผืนน้ำอยู่กลางทุ่งนา เพื่อส่งร่างของมันให้พุ่งขึ้นสู่เหนือผิวน้ำเพื่องับเจ้าเขียดจะนาหนุ่มตัวนึงที่กำลังนั่งร้องเพลง " เป็นเพื่อนไม่ได้หัวใจอยากเป็นแฟน " จีบเขียดจะนาสาวน้อยที่อยู่กอข้าวถัดกันไปแบบสบายอารมณ์โดยที่ไม่รู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง ส่งผลให้ผืนน้ำบริเวณนั้นเกิดการกระเพื่อมเป็นวงกว้างจนเจ้าปูนาขาเกตัวใหญ่ที่กำลังใช้ก้ามอันทรงพลังหนีบกอข้าวเล่นอยู่ไม่ไกลรับรู้ถึงแรงสั่นไหวได้ ต้องหยุดกิจกรรมอันไม่สมควรที่ทำอยู่ในขณะนี้ไปโดยปริยาย และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องรีรอให้ทางการประกาศเตือนออกมา พร้อมกับถอยร่นแทรกตัวเข้าในกอข้าวเป็นที่กำบังหลบภัยให้ตัวของมันในเร็วพลัน...

วิถีชีวิตของคนอีสานเป็นตำนานสืบสานต่อมาตั้งแต่รุ่นบรรพชน ความเชื่อที่ถูกฝังแน่นจนซึมซับเข้าไปอยู่ในสายเลือด ขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนน่าภาคภูมิใจ ความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศจนก่อเกิดเป็นตำนานที่ใครหลายๆคนต้องขนานนามให้ว่า " สายเลือดนักสู้แห่งที่ราบสูง "

ท้องทุ่งนาข้าวที่เขียวขจีมองสุดลูกหูลูกตายาวไปถึงภูเม็ง ภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านขวางกั้นแบ่งเขตแดนระหว่างจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดชัยภูมิ ดูแล้วช่างเป็นภาพที่ดูงามตา นี่คือธรรมชาติที่มีมนต์เสน่ห์ในตัวโดยมิได้เพิ่มเสริมเติมแต่งแต่อย่างใดแต่ก็สามารถสร้างรอยยิ้ม และยังความอิ่มเอมจิตอยู่ภายในลึกๆเมื่อได้มายืนสัมผัสกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ณ ตอนนี้ สยามประเทศคืออู่ข้าวอู่น้ำที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างอิจฉา เนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยและมีพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์กว้างใหญ่ไพศาล อาชีพเกษตรกรรมจึงเป็นอาชีพหลักในการดำเนินชีวิตและช่วยหล่อเลี้ยงประชากรภายในประเทศ ดังมีคำกล่าวว่า สยามประเทศคือแผ่นดินขวานทองที่บริบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารในน้ำก็มีปลาในนาก็มีข้าว “ เป็นคำกล่าวอ้างที่ดูจะเป็นจริงทีเดียว “








สายลมหอบพัดพาอากาศอันเย็นสดชื่นเข้าปะทะกับใบหน้าคมได้รูปของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาต้องลุกขึ้นยืนสูดรับเอาความเย็นบริสุทธิ์ที่ธรรมชาติเสกสรรจรรโลงแต่งแต้มเข้าเสียเต็มปอด ร่มเงาจากต้นหว้าขนาดใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมพื้นที่กว้างพอประมาณช่างเป็นเกราะกำบังแสงแดดได้อย่างดีเยี่ยม จนบางครั้งทำให้เด็กหนุ่มต้องเผลออ้าปากหาวหวอดอยู่เป็นระยะ..เด็กหนุ่มกลับลงนั่งยังจุดเดิมอีกครั้ง สายตาเพ่งดูกับวัตถุสีขาวขนาดเล็กๆที่ลอยอยู่เหนือน้ำพร้อมกับคอยลุ้นอยู่อย่างใจจดใจจ่อว่าวัตถุสิขาวนี้จะขยับเมื่อใด และแล้วมันก็สร้างรอยยิ้มให้กับเขาเมื่อเจ้าวัตถุนั้นโดนกระตุกดึงให้จมลงข้างล่างแล้วก็กลับขึ้นมาลอยอยู่เหนือผิวน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อดูแล้วเห็นว่าการดึงในลักษณะนี้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างล่างคงจะไม่สามารถหลุดรอดจากการเกี่ยวติดของเบ็ดไปได้แน่แท้ เขาจึงยกไม้ลำปอขนาดยาวที่ถูกวางไว้แนบบนคันนาขึ้นมา “ ใช่แล้วมันคือไม้คันเบ็ดของเขานั่นเอง “

ไผ่ศธรเลือกใช้ไม้ลำปอของแม่มาใช้ทำคันเบ็ด เนื่องจากว่าหาง่ายไม่ต้องเดินไปหาตัดกิ่งไผ่ให้ยุ่งยากแค่เดินไปที่ข้างเล้าก็มีให้เลือกเยอะแยะ เด็กหนุ่มยกสายเบ็ดขึ้นพร้อมกับมีปลาหมอตัวขนาดเขื่องติดขึ้นมาด้วย การนั่งตกเบ็ดตามทุ่งนาข้าวเป็นภาพที่หาดูได้ไม่ยากนักมีให้เห็นอยู่เป็นจุดๆ ไผ่ศธรเลือกทำเลที่ถือว่าเข้าทีนัก ต้นหว้าใหญ่ช่วยแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาความเย็นได้มากโข อากาศร้อนๆฝูงปลามักจะเข้ามาอาศัยหลบพักพิงสัมผัสความร่มรื่น จึงเป็นจุดที่เหมาะและลงตัวที่สุดสำหรับความคิดของเด็กหนุ่ม

“ ได้จั่งซี้อีกจั๊กสามโตกะคือสิพอแล้วหล่ะ..โตใหญ่เป็นต๊ะปิ้งแซบคัก “

เด็กหนุ่มนึกในใจขณะที่ปลดเจ้าปลาหมอชะตาขาดให้หลุดจากการเกี่ยวติดของตะขอเบ็ด หลังจากปลดเป็นที่เรียบร้อยแล้วปลาหมอตัวเขื่องก็ถูกนำไปใส่ไว้ในข้องใบเล็กที่ถูกวางแช่น้ำไว้ซึ่งตอนนี้มีปลาหมออยู่ข้างในเกือบ20ตัวแล้ว ไผ่ศธรเดินกลับมายังจุดเดิมอีกครั้ง เด็กหนุ่มใช้มือปั้นเหยื่อที่อยู่ในถ้วยให้เป็นก้อนกลมๆขนาดไม่ใหญ่นัก เขาใช้หัวแม่มือดันเบ็ดให้เข้าไปฝังตัวในก้อนกลมๆพร้อมกับเหวี่ยงลงไปในจุดที่ว่างระหว่างกอข้าวแล้วก็นั่งรอลุ้นอย่างใจเย็น เหยื่อที่เด็กหนุ่มใช้ก็คือ “ มดแดงที่มีไข่เล็กๆปนติดมาด้วย หรือที่ภาษาอีสานเรียกว่า ..ไข่ผาก.. และการที่จะทำให้การปั้นหล่อจับตัวกันไม่เปื่อยยุ่ยหลังจากที่โดนน้ำนั่นก็คือ ..ยางของต้นไทร.. และดูจะเหมือนว่าปลาจะชอบลิ้มลองดีนักเชียว สังเกตุได้ว่าเด็กหนุ่มใช้เวลาไม่นานเท่าไรนักเขาก็ได้ยกสายเบ็ดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า..เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับยืนยิ้มไม่หุบกับผลงานของตัวเอง…











" บ่ฮักบ่ว่าเจ้าดอกคำแพง เว้านำพออ้ายมีแฮง เดินแข่งปัญหารายวัน
บ่หวังได้ครอง ขอแค่มองให้มีใจมั่น ขอยืมหน้ามาเข้าฝัน แค่นั้นก็เป็นบุญใจ "





เสียงเพลงดังแว่วมาจากวิทยุเครื่องโปรดของสายใยที่ตั้งอยู่ข้างๆกี่หน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เธอกำลังขะมักเขม้นใช้มือจับกระสวยให้พุ่งลอดผ่านเส้นใยของไหมที่ถูกย้อมสีสันเรียงรายขึงเป็นแนวอยู่นับพันเส้น เท้าของเธอดูจะทำหน้าที่ปฏิสัมพันธ์กับมือได้อย่างยอดเยี่ยม เท้าทำหน้าที่วางน้ำหนักลงบนไม้ที่ถูกวางคู่ขนานอยู่เบื้องล่างเพื่อใช้สำหรับเปิดช่องให้สลับกันดูจะลงตัวกับมือที่กำลังสาละวนอยู่ด้านบน เสียงเธอคลอเพลงไปตามนักร้องชื่อดังในวิทยุแบบสบายอารมณ์ สายลมที่พัดเข้ามาแผ่วเบาทำให้เพิ่มความสุนทรีย์แห่งความรู้สึกได้ดีเยี่ยม ทำให้งานของเธอตอนนี้ดูจะลงตัวได้ดีทีเดียว ผ้าซิ่นไหมลายงามถูกแสงแดงส่องลอดผ่านเข้ามากระทบในบางจุดมองดูแล้วช่างแวววาวงามตาเหลือเกิน ผลงานฝีมือของป้าไหมและสายใยเคยถูกส่งเข้าประกวดในงานวิถีอีสานอยู่หลายๆครั้งและก็มักจะมีของรางวัลติดไม้ติดมือมาให้ชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง สายใยถือเป็นช่างฝีมือในด้านนี้ที่ชาวบ้านหนองนางามให้การยอมรับ แม้ว่าเธอจะอายุยังอยู่ในวัยสาวแต่การที่มีแม่เป็นช่างทอผ้าไหมฝีมือเยี่ยม จึงได้รับการฝึกปรือถ่ายทอดความรู้ให้แบบไม่มีกั๊กจากป้าไหมผู้ขยัน และสายใยเองก็เป็นคนที่สอนง่ายและเรียนรู้ได้เร็วจนป้าไหมเองต้องเอ่ยปากชมลูกสาวแสนสวยอยู่ไม่ขาดปาก “ เอ๊า..กะใยเป็นลูกสาวอี๊แม่เนาะ บ่เคยได้ยินเขาว่าติ ลูกไม้ย่อมหล่นบ่ไกลต้น “ นี่คือประโยคที่เธอพูดกับผู้เป็นแม่อยู่บ่อยๆ

“ โอ๊ย..เนาะ ..จ๊ะแม่นเพินอารมณ์ดีคักเนาะ เอาเพลงนักร้องคนโปรดผมไปฮ้องเสยแม๊ะ พี่อ้ายกับน้องพิมไปไสหล่ะเอื้อยใย “ เสียงไผ่ศธรแซวพี่สาวของเขาและถามหาพี่เขยกับหลานสาวคนเก่งขณะเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับจัดการนำคันเบ็ดเข้าไปเก็บใว้ที่ข้างยุ้งข้าว

“ พี่อ้ายกับหลานคือสิอยู่บ้านปู่พุ้นหล่ะ…เป็นได๋หล่า..หมานบ่หล่ะ “ เธอหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่และเอ่ยถามน้องชายคืน

“ บ่บอก..เบิ่งเอาเองโล้ด ฮ่าๆๆ..บ่อยากสิคุยเล๊ยย.. “ ไผ่ศธรลากเสียงสูงทำหน้าล้อเลียนพี่สาวคนสวยของเขาพร้อมกับยื่นข้องใบเล็กๆส่งให้เธอ เล่นเอาสายใยต้องนั่งอมยิ้มในความขี้เล่นของน้องชาย

“ อืม..ได้หลายเติบอยู่ตั๊วะหนิ เดี๋ยวจั๊กหน่อยเอื้อยสิปิ้งดอก บักหล่าไปต่อยบักหุ่งข้างเฮือนลงมาไว้ให่เอื้อยนำแน..เอ้อ..สิลงกรุงเทพอยู่มื้ออื่นมื้อฮือนี่หาซักผ้าเตรียมไว้ยังหล่ะ “ เธอเอ่ยถามน้องชาย

“ ยังเอื้อย..เดี๋ยวผมสิไปจัดการดอก เว้ามาแล้วกะใจหายอยู่เลิ๊กๆ สิได้หนีไกลจากเอื้อยจากอี๊แม่..ผมคือสิคิดฮอดบ้านคักแท้ๆ ดีแต่ว่ามีเพินจักรถ่าอยู่พุ้นกะสิบ่เหงาปานได๋ เว้ามากะตื่นเต้นจั๊กหน่อยอยู่เอื้อยใย..ได้ยินเพินจักรว่ามีงานที่ผมมักที่สุดถ่าอยู่..เพินจักรบอกว่าฮู้จักอ้ายคนนึง เพินสิเป็นผู้ฝากงานให่ผมเองว่าซั่น “

ไผ่ศธรบอกพี่สาวสายตาทอประกายแห่งความหวังอยู่ลึกๆกับสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิดมันคงทำให้การเริ่มต้นของเส้นทางชีวิตดูจะเป็นไปในทางที่ดี..แต่..ทุกสิ่งอย่างไม่มีอะไรที่สมบูรณ์พร้อมเสมอไปอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากที่คาดหวังเต็มร้อยกับสิ่งที่จะต้องเผชิญและรอเขาอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้….

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 14


กรรมลิขิต

ตอน เส้นทางเดิน 2


คนที่เชื่อในเรื่องกรรม ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เชื่อ คนที่เชื่อเรื่องกรรมย่อมสามารถอดทนรับความทุกข์ยากลำบาก ความผิดหวัง ความขมขื่น และเคราะห์ร้ายที่เกิดแก่ตนได้ เพราะถือว่าเป็นกรรมที่ทำมาแต่อดีต ไม่ตีโพยตีพายว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำดีแล้วไม่ได้ดี คนที่เชื่อในเรื่องกรรมจะยึดมั่นอยู่ในการทำความดีต่อไป จะเป็นผู้สามารถให้อภัยแก่ผู้อื่น และจะเป็นผู้มีหิริโอตตัปปะ

คนที่ประกอบกรรมทำชั่วทั้งกาย วาจา และใจ ส่วนใหญ่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่อเรื่องบุญและบาป ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด คนพวกนี้เกิดมาจึงมุ่งแสวงหาทรัพย์สมบัติและความสุขสบายให้แก่ตัว โดยไม่คำนึงว่าทรัพย์สมบัติหรือความสนุกสนานที่ตนได้มาถูกหรือผิด และทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนหรือไม่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน กรรมนั้นย่อมเป็นของเราโดยเฉพาะ และเราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น จะโอนให้ผู้อื่นไม่ได้ เช่น เราทำกรรมชั่วอย่างหนึ่ง เราจะต้องรับผลของกรรมชั่วนั้น จะลบล้างหรอโอนไปให้ผู้อื่นไม่ได้ แม้ผู้นั้นจะยินดีรับโอนกรรมชั่วของเราก็ตาม กรรมดีก็เช่นเดียวกัน ผู้ใดทำกรรมดี กรรมดีย่อมเป็นของผู้ทำโดยเฉพาะ จะจ้างหรือวานให้ทำแทนกันหาได้ไม่ เช่นเราจะเอาเงินจ้างผู้อื่นให้ประกอบกรรมดี แล้วขอให้โอนกรรมดีที่ผู้นั้นทำมาให้แก่เราย่อมไม่ได้ หากเราต้องการกรรมดีเป็นของเรา เราก็ต้องประกอบกรรมดีเอง เหมือนกับการรับประทานอาหาร ผู้ใดรับประทานผู้นั้นก็เป็นผู้อิ่ม (บทความดีๆจาก..มหาโชค ดอทคอมครับ )







21.05 น. ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ

ดุ่ย แดนผาขาวเดินยิ้มมาแต่ไกลหลังจากมองเห็น BMW สีดำเลี้ยวเข้ามาจอดสงบนิ่งยังบริเวณลานจอดของสถานบันเทิงที่ตัวเองรับหน้าที่ดูแลให้กับเสี่ยหนุ่มของเขา

" หวัดดีครับอ้ายรุจ..หวัดดีครับอ้ายแก่น " เสียงเอ่ยทักทายแบบสนิทสนมดังขึ้นเมื่อวิศรุจและปฐมพงษ์ก้าวลงมาจากรถเก๋งคันหรู

" หวัดดีน้อง..เป็นได๋สำบายดีบ่น้องหล่า.กิจการของเสี่ยคือสิไปในทิศทางสวยหรูคือเก่าเนาะ " ชายหนุ่มเอ่ยทักและตบไหล่หนุ่มจากเมืองเลยเบาๆ แม้การพบเจอกันของพวกเขาจะมีไม่บ่อยนักแต่วิศรุจกับหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ดูจะมีความสัมพันธ์ให้กันเป็นอย่างดีเนื่องด้วยบุคลิกอันแกร่งที่แฝงด้วยความอ่อนโยนของวิศรุจที่มีอยู่ในตัวตนกับความอ่อนน้อมของดุ่ย แดนผาขาว เลยทำให้สัมพันธภาพจึงเป็นไปด้วยดี

" เสี่ยเพินคือสิเข้ามาประมาณ4ทุ่มอ้าย..อ้ายรุจกับอ้ายแก่นเข้าไปนั่งจิบเบียร์อยู่ในห้องถ่าก่อน..เดี๋ยวผมบอกตั้มจัดน้องคนงามๆไปให่อ้ายเอง " เด็กหนุ่มบอกอย่างเอาใจ

" ขอบใจน้องหล่า..บ่ต้องกะได้ดอกหามาให่แก่นกะพอแล้ว..ให่น้องเขาเฮ็ดหน้าที่ของเขาสา " ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินตามหลังของดุ่ย แดนผาขาวเข้าไปข้างยังข้างใน รอยยิ้มเปิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านกับกลุ่มสาวๆที่นั่งอยู่ทางเข้า ซึ่งพวกเธอเหล่านี้มีหน้าที่คอยเรียกลูกค้าเข้ามาดื่ม-กินนั่นเอง






ไฟจากข้างในดูสลัวๆอึมครึมนิดๆเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของการดื่มกิน..มีเสียงเพลงเล่นคลอเคล้าเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับนักท่องเที่ยวในยามราตรีได้เป็นอย่างดีทีเดียว แต่ละโต๊ะก็จะมีสาวสวยคอยนั่งเทคแคร์ดูแลลูกค้าอยู่อย่างใกล้ชิดมองดูเหมือนว่าแนบชิดสนิทเลยทีเดียว สายตาอันคมกริบของชายหนุ่มสะดุดเข้ากับนักดื่มกินโต๊ะนึงที่มีอยู่ประมาณ5คน ประเมิณด้วยสายตาแล้วน่าจะเป็นเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึง18ปีด้วยซ้ำ ซึ่งตามหลักแห่งความเป็นจริงสถานบริการในรูปแบบนี้ เปิดให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า18ปีเท่านั้น คงเป็นเพราะอำนาจของผลประโยชน์ที่ทางเสี่ยณรงค์ฤทธิ์หยิบยื่นให้บุคคลบางกลุ่ม จึงทำให้สถานบันเทิงแห่งนี้เปิดรับได้แบบสบายใจแฮ...


เสียงอันดังและสนุกจนเกินเหตุของเด็กกลุ่มนี้ทำให้โต๊ะข้างๆถึงกับจ้องมองด้วยสายตาอันขุ่นเคือง คงจะเป็นเพราะความคึกคะนองในวัยบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปวิ่งอยู่ในสายเลือดมากเกินไป จนมิอาจที่จะควบคุมสติของตัวเองให้คงที่ได้จึงถูกปลดปล่อยออกมาในรูปแบบนี้

" แก่น..เบิ่งเด็กน้อยกลุ่มนั้นแนหล่ะ..เฮาว่าบ่โดนดอกคันเป็นจั่งซี้.มีสิทธิ์ได้คลานออกไปข้างนอกแท้ๆ.." วิศรุจบอกพร้อมกับสะกิดเพื่อนรักให้หยุดมอง

" เดี๋ยวผมจัดการเองอ้าย..มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดูแล " ดุ่ย แดนผาขาวบอกและเดินตรงเข้าไปยังเด็กกลุ่มนั้นโดยมีวิศรุจและปฐมพงษ์เดินตามเข้าไปด้วย

" เบาเสียงลงหน่อยนะครับ..มันรบกวนโต๊ะข้างๆครับ " เสียงบอกด้วยความนุ่มนวลของเด็กหนุ่มจากเมืองเลย มันทำให้เกิดความเงียบจากเด็กกลุ่มนั้นในทันที สายตาทุกคู่จ้องมายังกลุ่มของวิศรุจที่ยืนอยู่ประชิดโต๊ะกลุ่มของพวกเด็กวัยรุ่น

" เฮ๊ยย..มรึงเป็นใครว๊ะ!!ถึงกล้าเดินเข้ามาบอกกรู.." เสียงดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นเสมือนหัวโจกแสดงความก้าวร้าวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

" อ้าวไอ้น้อง..ทำไมพูดกวนส้นตรีน.แบบนี้ว๊ะ " ปฐมพงษ์ตบะแตกในทันใดเมื่อการบอกกล่าวดีๆไม่เป็นผล

" ตั๊บบ. " เสียงกำปั้นดังหนักแน่น กลุ่มของวิศรุจต้องพลาดไปก่อนแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อกำปั้นวัยรุ่นเลือดร้อนตรงดิ่งเข้าที่ปากของปฐมพงษ์อย่างเหมาะเหม็ง เล่นเอาไอ้หนุ่มจากแดนหมอแคนถึงกับหน้าผงะหงาย ฤทธิ์ของหมัดมันไม่ได้มีน้ำหนักมากมายนักสำหรับปฐมพงษ์แต่มันเป็นการเสียหลักแบบที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียมากกว่า.. กลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนต่างลุกทะยานเข้าหาทันทีหลังจากที่หัวโจกประเดิมชัยเบิกทางให้แล้วในหมัดแรก กลุ่มโต๊ะที่อยู่ข้างๆถึงกับลุกฮือถอยออกจากที่บริเวณนั้นทันที

" งานนี้ได้ม่วนกับอ้ายแท้ๆ..บักหล่า " วิศรุจคำรามออกมาพร้อมกับตั้งรับในทันที

" วื๊ดด." เสียงหมัดเฉียดใบหน้าเขาไปเพียงนิดเดียว สายตายังใช้ได้ดีอยู่(ชายหนุ่มนึกในใจ) และก็ให้บทเรียนกับน้องๆที่น่ารักเข้าให้แล้ว

" ตั๊บ " เสียงกำปั้นอันหนักหน่วงกระทบเข้าที่ใบหน้าของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง มันทำให้ร่างนั้นต้องผงะหงายลงไปนอนดิ้นอยู่ตรงนั้นได้เลย

" ตั๊บ..ตั๊บ.." เสียงลำแข้งเข้ากระทบเข้าที่ต้นขาจนเกิดเสียงดัง มันทำให้ใบหน้าของวิศรุจเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย เขาโดนเข้าอีกฝั่งโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั่นเอง ตอนนี้ปฐมพงษ์และดุ่ยแดนผาขาวดูเหมือนจะยืนแลกและก็กำลังให้บทเรียนกับกลุ่มวัยรุ่นจอมอหังการเหล่านี้ลงไปนอนดิ้นได้เช่นเดียวกัน

" วื๊ดด..ตั๊บบบ. " เสียงความต่างที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกันเมื่อหมัดของวัยรุ่นเลือดร้อนพลาดเป้าแล้วก็โดนหมัดสวนของวิศรุจจนต้องเซถลาไปติดกับโต๊ะ ผลงานช่างยอดเยี่ยมนักเมื่อสามารถเรียกเลือดให้ไหลออกจากปากได้ในฉับพลัน ..เมื่อมองเห็นเลือดเท่านั้นเองความบ้าระห่ำก็เกิดขึ้นกับวัยรุ่นเลือดร้อนคนนี้ในทันที

" กูเอามึงตายแน่..ไอ้เชี่ยย. " เสียงตะโกนออกมาพร้อมกับคว้าขวดเบียร์ที่ตั้งอยุ่บนโต๊ะพุ่งทะยานเข้าหาวิศรุจโดยที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว

" ฮ๊ะ..เฮ๊ยย..อ้ายรุจระวัง.." ดุ่ย แดนผาขาวร้องบอก เมื่อมองเห็นขวดในมือของวัยรุ่นเลือดร้อนฟาดเข้ายังร่างของชายหนุ่ม

" ปั๊วะ..กรี๊ดดด..กรี๊ดดด.. " เสียงขวดเบียร์กระทบเข้ากับท่อนแขนจนแตกกระจายพร้อมกับเสียงกรีดร้องของบรรดาสาวๆที่อยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มต้องสะบัดแขนเร่าไล่ความเหน็บชาแต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้ใบหน้าเหยเกได้ ความเร็วของสายตาและปฏิกิริยาของวิศรุจดูจะยังใช้การได้ดีอยู่ ถ้าขืนช้ากว่านี้มีหวังบริเวณใบหน้าและส่วนหัวของเขาคงจะรับไปเต็มๆแน่นอน และแล้วการตอบสนองเอาคืนดูจะยอดเยี่ยมเสียด้วยสิ

“ พลั๊วะ!!..ตั๊บบ.. “ เสียงรองเท้าคู่งามปะทะเข้ากับยอดอกของวัยรุ่นเลือดร้อนตามด้วยสันหมัดที่เข้าปะทะปากครึ่งจมูกครึ่งแบบจังๆ ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มจอมเฮี๊ยว.ลงไปนอนกองกับพื้นแบบหมดสภาพส่งเสียงร้องครวญครางโอดโอย งานนี้คงไม่มีการซ้ำอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นแค่การสั่งสอนให้รู้จักความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นเอง..

“ โทษหลายๆอ้าย..ผมออกมาซ้าไปหน่อยนึง..ยากนำสั่งงานข้างในอยู่..อ้ายเป็นได๋เจ็บแฮงอยู่เบาะ “ ตั้ม เมืองศรี เด็กหนุ่มมือขวาของเสี่ยณรงค์ฤทธิ์เอ่ยถามกระหืดกระหอบเพราะพึ่งวิ่งออกมาจากส่วนของห้องครัวหลังจากที่พนักงานเข้าไปรายงานให้ทราบถึงเหตุการณ์

“ บ่เป็นหยั๋งดอกน้อง..บอกเด็กน้อยมาเคลียร์สถานที่หม่องหนี่แนหล่ะ..เคลียร์กับซุมหมู่แขกเพินนำ..เด็กน้อยซุมนี้ให่มันออกไปซ๊ะ..มันบ่สมควรที่สิอยู่ในสถานที่แบบซี้ “ ชายหนุ่มบอกพร้อมกับกราดสายตามองเหล่าวัยรุ่นสี่ถึงห้าคนที่นอนกองอยู่กับพื้นแบบหมดสภาพ เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเพราะฤทธิ์ของหมัดและเท้าที่กลุ่มของพวกเขายัดเยียดให้

“ กระดูกมันคนละเบอร์ไอ้น้อง..ลุกขึ้นแล้วไสหัวออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย..พวกมึงจะลุกออกไปเองหรือจะให้กูจับโยนออกไป..” ปฐมพงษ์ร้องสั่ง.อารมณ์เดือดดาลยังพลุ่งพล่านอยู่ภายใน

กลุ่มของเด็กวัยรุ่นจำต้องรีบพยุงตัวเองออกไปอย่างทุลักทุเล วิศรุจและปฐมพงษ์เดินตามหลังกลุ่มของเด็กวัยรุ่นออกมายังข้างนอก เสียงคุยกันของพวกเขา ชายหนุ่มพอจะจับสำเนียงได้ว่าในกลุ่มนี้มีเด็กจากถิ่นที่ราบสูงอยู่สองคน ชายหนุ่มจึงเรียกให้หยุดก่อนพร้อมกับเอ่ยถามเป็นสำเนียงของตัวเอง

“ เฮ๊ย..พวกโตสองคนมาแต่ไสว๊ะ..เบิ่งหน้าแล้วอายุบ่น่าสิฮอด18..บ่ฮู้เบาะว่าสถานที่แบบนี้เขาห้ามเข้า “ ชายหนุ่มถามสายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของหนุ่มหน้าตาละอ่อนคนหนึ่ง สำเนียงจากถิ่นเดียวกันมันสร้างรอยยิ้มให้กับหนุ่มน้อยทันทีถึงแม้ว่าพึ่งจะรับหมัดและเท้าของผู้ชายคนนี้ไปหยกๆแต่กลับทำให้จิตใจตอนนี้รู้สึกเป็นมิตรขึ้นมาทันใด

“ ผมอายุตอนนี้18พอดี..ผมมาเฮ็ดงานอยู่แถวลำสาลีครับอ้าย พอดีหมู่เขาซวนออกมาเที่ยวกะเลยมานำเขาซือๆดอก พึ่งสิมาเป็นเทือที่สอง บ่คิดเลยว่าสิมาพ้อแบบซี้..เจ็บคิงขนาดเลย “ เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบคลำที่ใบหน้าตัวเอง เล่นเอาเขาต้องสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตอนนี้พลังของหมัดมันกำลังแผลงฤทธิ์ออกอาการย้อนหลังเสียแล้ว ส่งผลให้ใบหน้าต้องบวมปูดขึ้นมาในบัดดล

“ นั่นหล่ะ..ทีหลังอ้ายสิบอกอีหยั๋งให่ เฮาเป็นเด็กน้อยกว่า ผู้ใหญ่ผู้ได๋บอกกะตามซางต้องหัดฟังแล้วกะคิดนำ บ่แม่นสิพากันแสดงนิสัยแบบซี้ออกมา เขาหวังดีเขาเห็นผิดตานั่นหล่ะเขาค่อยบอกค่อยเตือน เอ้อ..โตเป็นคนทางได๋ว๊ะ “ ชายหนุ่มถาม

“ ผมอยู่มัญจาคีรี ทางขอนแก่นครับอ้าย แล้วอ้ายเด๋ “ เด็กหนุ่มบอกและถามกลับใบหน้าฝืนยิ้มเล็กน้อยเนื่องจากรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองตอนนี้มันใหญ่ขึ้นแบบกะทันหัน

“ เอิ้นอ้ายรุจกะได้น้อง บ้านอ้ายอยู่ทางบุรีรัมย์พุ้นหล่ะ นี่หมู่อ้ายซือว่าแก่น เป็นคนศรีบุญเรือง ขอนแก่นคือกันกับโตนั่นหล่ะ “ ชายหนุ่มบอกยิ้มๆจ้องมองดูเด็กหนุ่มพลางนึกในใจว่า เด็กคนนี้เวลาได้คุยก็ดูเหมือนจะมีความเคารพอยู่ในที เหมือนกับว่าเคยผ่านการอบรมบ่มนิสัยมาบ้าง เมื่อสักครู่นี้คงเป็นเพราะความคึกคะนองตามเพื่อนๆเท่านั้นเองและดูเหมือนว่าเด็กที่มาด้วยกันจะเป็นเด็กในถิ่นแถบนี้เสียด้วยสิ " นี่หล่ะนะที่เขาว่าการคบมิตรที่ไม่ดีจะทำให้เราต้องพลอยไม่ดีไปเสียด้วย " ชายหนุ่มนึกและรีบสลัดความคิดทิ้งเสีย จะไปบอกกล่าวมากมายก็ดูกระไรอยู่ เพราะตัวเขาเองเมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มคนนี้อกุศลกรรมการกระทำมันยังห่างกันลิบลับหลายเท่าตัว

“ ครับอ้าย..ผมซือจักรเด้อครับ..จั่งได๋ผมกะขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกะขอโทษแทนหมู่นำแนเด้ออ้าย “ เด็กหนุ่มดูเหมือนจะเริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ดูเหมือนจะเบาบางลงไปด้วย

“ บ่เป็นหยั๋งดอกน้องหล่า ไป๋..พากันกลับได้แล้ว “ วิศรุจบอกพร้อมกับเดินหันหลังกลับจะเข้าข้างใน

“ เดี๋ยวอ้ายรุจ..อย่าพึ่งไปครับ ผมขอเบอร์โทรอ้ายได้บ่ครับ..ผมฮู้สึกว่าผมถืกโฉลกกับอ้ายแฮง..ผมอยากพ้ออ้ายอีก “ เด็กหนุ่มร้องเรียกและบอกจุดประสงค์มันทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาอีกครังพร้อมกับเอ่ยบอกเพื่อนรักเบาๆ

“ แก่น..เอาเบอร์โทรโตให้น้องมันแน “








สายฝนยามเดือนหกโปรยปรายอาบพื้นพสุธาเป็นระยะเวลาสามวันติดต่อกันจนน้ำเจิ่งนอง ยังความชุ่มชื้นความอิ่มเอมให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่โดยรอบเป็นภาพที่ชวนให้น่ามองน่าพิศมัยยิ่งนัก เปรียบดังเช่นสายน้ำตาแห่งความปลื้มปีติยินดีของดรุณีนางผู้ที่ตื้นตันกับความรักอันสมหวังที่ชายหนุ่มมอบให้แบบหมดตัวและหัวใจจนยากที่เธอจะควบคุมความยินดีไว้ได้..จำต้องปลดปล่อยออกมาในรูปแบบสายน้ำแห่งความอิ่มเอมชื่นมื่นปรีดา…เสียงสกุณาวิหคตัวน้อยเปล่งเสียงร้องให้ได้ยินเป็นระยะๆพร้อมกับกระโดดบินถลาไปยังกิ่งไม้ที่อยู่ถัดไปกิ่งแล้วกิ่งเล่า มองดูแล้วเหมือนกับนักกายกรรมเหรียญทองโอลิมปิคชื่อดังของเมืองจีนกำลังแสดงโชว์ลวดลายความสามารถ อวดสายตาต่อคณะกรรมการที่กำลังนั่งเพ่งพิศคอยจับผิดหาข้อบกพร่องอยู่แบบไม่คลาดสายตา









“ สิกขังปัจจักขามิ..คิหีติมัง ธาเรถะ “


เสียงดังแว่วมาจากกุฏิหลังใหญ่ของวัดอุดมคีรีเขต ตอนนี้ปรากฏภาพของหนุ่มวัยรุ่นหัวเกรียนกำลังก้มลงกราบหลวงพ่อพระครูฯผู้มีอภิญญาแบบนอบน้อม การได้สัมผัสกับรสของพระธรรมตลอดระยะเวลาสี่ปีมันช่วยสร้างความอ่อนโยน ความรู้สึกนึกคิดอันดีภายในจิตได้อย่างดีเยี่ยม และสิ่งเหล่านี้หนุ่มน้อยคนนี้ก็พร้อมจะรักษาให้อยู่กับตัวเองให้ตราบนานเท่านานและก็สัญญากับตัวเองว่าจะนำสิ่งดีๆที่ได้รับมาไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่นให้มากที่สุด


“ ต่อไปนี่กะถือว่าเป็นคฤหัสถ์สมบูรณ์แบบแล้วเด้อ..กะพยายามนำสิ่งดีๆที่ได้รับและได้สัมผัสจากจุดนี้ไปใช้ในชีวิตเจ้าของ เว้ามาแล้วกูกะเสียดายคักอยู่ดอก..กำลังสิไปได้ดีกะต้องมาหยุดชะงักลง..ว่าสิส่งไปเรียนต่อวัดสระเกศนำเณรขวัญอยู่..แต่กะเอาเถาะวาสนาคนเฮาแต่ละคนมันบ่ท่อกัน..วิถีชีวิตแต่ละคนมันขึ้นอยู่กับกรรมการกระทำมาในอดีต กรรมเป็นโตลิขิตขึ้นอยู่ว่าผู้ได๋ได้เฮ็ดมาจั่งได๋ ทางนี้มึงคือสิได้แค่นี้กะบ่จักอาจสิมีทางให่ย่างพ้อถ่ามึงอยู่อีกหลายเส้น..แต่กูอยากบอกไว้ว่าจั่งได๋กะขอให้ตั้งมั่นในความดีให่หลายๆมันสิได้ซอยค้ำซอยซูชีวิตมึงให้ดีขึ้นไปในภายภาคหน้าเด้อ “

หลวงพ่อพระครูฯเอ่ยบอกด้วยความเมตตาอยู่ลึกๆภายใน ความรักความเอ็นดูที่ท่านมีต่อลูกศิษย์คนนี้ยังมีอยู่เปี่ยมล้น ไผ่ศธรเคยทำหน้าที่อุปฐากรับใช้ท่านอยู่ถึงสองปีเลยทีเดียว ความฝันของเขาไม่สามารถจะไปถึงยังฝั่งฝันได้ เขาทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ แต่เขาก็แอบสุขใจอยู่ลึกๆกับการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินชีวิตในครั้งนี้ ต่อไปสิ่งที่เขาต้องก้าวย่างต่อไปก็คือการเดินทางไปหาเพื่อนรักที่เฝ้ารออยู่ ณ กรุงไกล และสิ่งที่เขาหวังไว้มากกว่านั้นก็คือ การหารายได้เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่และการดิ้นรนหาโอกาสทางการศึกษาให้กับตัวเองควบคู่ไปด้วย..

( ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม)

รุทธิ์ อีเกียแดง




นิยาย กรรมลิขิต 13


...บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา..

ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

( อีเกียแดง )

กรรมลิขิต

ตอน เส้นทางเดิน









...ณ โรงเรียนมัธยมป่าติ้ววิทยาคาร…


“ เหว๋ย…เหว๋ย… เร็วๆแนสองคนนั่น คาแต่ย่างคุยกันอ้อยอิ่งอยู่หั่นหล่ะ เร็วๆมันสิกลับเข้าโรงเรียนบ่ทัน…” เสียงนักเรียนกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าร้องดังขึ้น บอกให้เพื่อนชายหญิงอีกสองคนที่เดินตามหลังมารีบเดินให้ทันกลุ่มของตน ทำให้ดรุณีร่างเล็กวัย15ต้องหยุดชะงัก ใบหน้าอาบด้วยรอยยิ้มที่เอียงอายเล็กน้อย มองเห็นฟันมีเขี้ยวเล็กๆที่แซมอยู่ผุดประกายขึ้นมา พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันกลุ่มเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า…..









..เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานดังมาจากนักเรียนกลุ่มใหญ่ที่ตอนนี้กำลังดื่มด่ำกับความเย็นสดชื่นของสายน้ำจาก
" ห้วยวังหิน " สายน้ำที่อยู่ห่างออกไปจากโรงเรียนไม่ไกลเท่าใดนัก สภาพของห้วยวังหินนั้นเป็นเหมือนเนินหินและมีหาดทรายอยู่เป็นบริเวณที่ใม่กว้างเท่าไรนัก มีโขดหินขนาดใหญ่กระจายกันอยู่ประปรายทั่วบริเวณ ต้นไม้ป่าสีเขียวปิดล้อมไว้ทุกๆด้านซึ่งถือว่าเป็นที่ปิดบังสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดีทีเดียว อีกฟากฝั่งนึงของห้วยวังหินนั้น มีร่องธารน้ำขนาดเล็กกว้างสักสองถึงสามเมตรมีน้ำไหลเลาะออกมาจากแนวป่า สายน้ำใสที่มีความเย็นเป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ผู้มาเยือนต้องลุ่มหลงจนต้องกลับมาสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า

เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวดูจะเป็นสาเหตุหลักให้คนเราต้องหาทางออกให้กับตัวเองบ้าง ยิ่งเป็นแถบทางภาคอีสานในเขตทุ่งกุลาร้องไห้แล้วด้วย คงไม่ต้องเอ่ยถึง อณูแห่งความเร่าร้อนมันแผดเผาไหม้ลามเลียต้นไม้ใบหญ้าให้แห้งกรอบและไหม้เกรียม ขึ้นชื่อว่าความเร่าร้อนคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาเท่าใดนัก เปรียบได้ดั่งจิตใจของคนเราที่ร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลา ย่อมเป็นบ่อเกิดให้เกิดความแห้งและหมองคล้ำ เมื่อจิตร้อนรุ่มอยู่ตลอดย่อมมีผลส่งมากระทบโดยตรงกับใบหน้าและร่างกายเป็นแน่นอน ซึ่งมันทำให้ขาดความสดใสและสดชื่นไร้ซึ่งความสุข และกลายเป็นคนหมดสง่าราศีไปในที่สุด

“ เร็วๆแนเด้อ!!! ฟ้าวเหล่นฟ้าวแล้วเดี๋ยวมันสิกลับไปบ่ทันเวลา แล้วอย่าพากันเว้าเสียงดังหลายสู “ ศิริกัญญานุชสาวน้อยวัย15นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ร้องบอกเพื่อนๆที่ตอนนี้กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่ากลุ่มพวกเขาจะเตรียมการมาอย่างดีกับชุดที่ผลัดเปลี่ยนลงเล่นน้ำ แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เป็นการหนีออกมาเล่นน้ำเป็นครั้งแรกแน่นอน

วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมเปลี่ยนไปตามเวลา สิ่งสำคัญของชีวิตนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการเลือกของเราเอง เลือกที่ตัดสินใจในการเลือกเส้นทางของชีวิต มีหลากหลายชีวิตที่ตัดสินใจเลือกในแบบฉบับของตัวเองโดยคิดว่าสิ่งที่ตัวเราเลือกลงไปนั้นดีและถูกต้องที่สุด แต่ไม่ใช่ เมื่อสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่เป็นตามที่เราตั้งใจและเลือกไว้เลยและสิ่งที่ทุกคนต้องเอ่ยถึงและคาดโทษเมื่อเราไม่สมหวังในสิ่งที่ปรารถนานั่นก็คือ เป็นเพราะกรรมนั่นเอง “ กรรมลิขิต “ กรรมนั้นคือตัวกำหนดในสิ่งที่เรากระทำและส่งผลมาถึงตัวเราเองอย่างแน่นอน สิ่งที่เราได้รับในปัจจุบันย่อมเป็นผลกรรมตั้งแต่ในอดีตชาติไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรมก็ตามที และย่อมส่งผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ต่อเมื่อมันถึงเวลาอันควร การเลือกกระทำในสิ่งที่ดีมีอุดมมงคลนั้นย่อมส่งผลให้ชีวิตต้องพานพบเจอแต่สิ่งที่เป็นมงคลของชีวิตแน่นอน

เส้นทางของ ศิริกัญญานุช สาวน้อยเลือดนักสู้จากจังหวัดยโสธรคนนี้ ดูกำลังจะเป็นไปได้สวย เธอกำลังเดินสู่เส้นทางที่ดีในสิ่งที่เธอเองได้ตัดสินใจเลือกโดยมีครอบครัวเป็นผู้ส่งเสริมผลักดันให้เธอก้าวย่างด้วยความมั่นคง ความสามารถที่เรียกว่าพรสวรรค์นั้นมันมีอยู่ในตัวของสาวน้อยผู้นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วและพรแสวงที่เธอพยายามค้นหาและฝึกปรือมาตลอดนั้นมันคือกำไรที่เธอได้รับแบบสมบูรณ์จนยากที่เพื่อนๆในวัยเดียวกันจะพึงมีได้เฉกเช่นเธอ ..ความมั่นใจ กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก และกล้าที่จะตัดสินใจเลือกมันทำให้เป็นจุดเด่นให้เธอถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการแข่งขันการพูดและการแสดงวิสัยทัศน์ความสามารถในเวทีใหญ่ในตัวจังหวัด และเธอก็ไม่ทำให้ใครๆผิดหวังเมื่อเธอคว้ารางวัลในหลายๆรายการมาสู่โรงรียนมัธยมป่าติ้ววิทยคาร ซึ่งมันสร้างความภาคภูมิใจให้กับทางสถาบันและตัวเธอเองเป็นอย่างยิ่ง และเธอเองก็หวังว่าเธอจะใช้จุดเด่นที่ตัวเองมีอยู่นี้เป็นบันไดเพื่อปีนป่ายขึ้นไปเรียนรู้ในสังคมโลกกว้าง จะต้องต่อสู้ยืนหยัดจนประสบความสำเร็จในชีวิตให้จงได้ และพร้อมที่จะนำความรู้ที่มีอยู่นำกลับไปพัฒนาถิ่นกำเนิดที่เธอจากมา เพราะนั่นมันคือ “ ไอดินถิ่นรัก “ ที่เธอตั้งมั่นเอาไว้ในใจเสมอมา..







บนโลกกลมๆที่ปนไปด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิงนั้น มีทางเดินอยู่มากมากให้เราเลือกตัดสินใจในการก้าวเดิน จงเลือกตัดสินใจกับเส้นทางเดินที่ดีที่สุด ชีวิตมีทางเลือกเสมอ ไม่มีใครห้ามหากเราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต และขอให้เราภูมิใจในสิ่งที่เราได้เลือกขอให้เต็มที่กับมัน ความสุขและความสำเร็จของชีวิตไม่ได้อยู่ที่ความร่ำรวยแต่ผู้เขียนกลับมองว่ามันอยู่ที่ความสงบและเพียงพอ จงเปิดรับในสิ่งที่ดีและใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด จงทำให้ตัวเองมีความสุขในทุกๆขั้นตอนของชีวิต เวลายังคงเดินหน้าต่อไปไม่เคยหยุดนิ่ง สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในอดีต สิ่งไหนที่ดีควรเก็บเอาไว้ในความทรงจำและก็พร้อมที่จะลบสิ่งที่ไม่ดีทิ้งไปเสีย เก็บและรวบรวมประมวลข้อผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์แก้ไขตัวเองเสียดีกว่า..


กรุงเทพมหานคร เขต..รามอินทรา เวลา ..20.45 นาที










BMW สีดำขับเลี้ยวเข้าไปตามซอยแคบๆที่รถสองคันพอวิ่งสวนกันได้เท่านั้น ถัดไปไม่ถึงห้านาทีเจ้าบีเอ็มคันหรูก็ชะลอความเร็วลง “ หมู่บ้านเทพอินทรา “ ป้ายขนาดใหญ่ที่ถูกติดไว้ก่อนทางเข้าโครงการของหมู่บ้านมองเห็นได้ชัดเจน

“ หวัดดีครับหัวหน้า..บ่เห็นหน้าเกือบอาทิตย์นึงเนาะครับ “ เสียงชายวัยจะ40 รูปร่างผอมสูงซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ประจำป้อมยามหรูหน้าทางเข้าหมู่บ้านเอ่ยทักพร้อมกับก้มหัวเป็นการแสดงการให้เกียรติเล็กน้อย

“ ครับน้าสิทธิ์..ช่วงนี้งานหลายแนเลยบ่ค่อยได้แวะมาปานได๋..จั่งได๋ซ่อยเป็นหูเป็นตาให่นำแนหล่ะครับ..มีผู้ได๋มาเกาะแกะกับเด็กผมบ่ “ เสียงษุรุษหนุ่มภายในรถเก๋งคันหรูบอกเหมือนจะสนิทกับชายวัยกลางคนได้เป็นอย่างดี

“ บ่มีปัญหาครับ..ผมสิเป็นหูเป็นตาให่อย่างดี..ว่าแต่คุณแอนคือจั่งหลับมาแบบซั้นหล่ะครับหัวหน้า “ ชายวัยกลางคนเอ่ยถามเมื่อสายตามองผ่านเข้าไปในรถเห็นร่างของสาวสวยนอนคอพับอยู่เบาะข้างๆเขา

“ หึหึ.เมาหน่ะครับ.อัดเข้าไปหลายแก้วโพ้ด “ ชายหนุ่มตอบยิ้มๆสายตาชำเลืองดูร่างสวยที่ได้สัดส่วนนอนหลับใหลแบบไม่รู้สติ

“ เชิญครับเชิญ..เดี๋ยวจั่งได๋ผมสิเบิ่งให่ดอกครับ..คันไผ๋มาเกาะแกะคุณแอนผมสิฟ้าวรายงานหัวหน้าทันทีเลย “

“ ครับน้าสิทธิ์..เอาแนวแก้ง่วงไปเม็ดนึง “ ชายหนุ่มยื่นบางสิ่งให้กับชายวัยกลางคน ซึ่งมันทำให้ผู้ทำหน้าที่ดูแลทางเข้าของหมู่บ้านเปิดยิ้มออกมาพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่ม..ไม่น่าเชื่อว่าอำนาจแห่งเงินตราและสิ่งอันยั่วยุที่ก่อกิเลสมันทำให้คนที่มีวัยวุฒิสูงกว่ายอมกระทำในสิ่งที่ไม่บังควรยิ่งนัก ชายหนุ่มขับรถเขามาจอดในบ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างจากป้อมยามทางเข้าไม่ถึงสามร้อยเมตร บ้านหลังนี้เขาเป็นคนซื้อให้กับกนกกร หรือแอน สาวสวยจากจังหวัดระยอง เธอคือเพื่อนของเดือนนภานั่นเอง วิศรุจมีโอกาสเจอเธอหลายครั้งเมื่อตอนที่เธอไปหาเดือนนภาที่ห้อง ด้วยคารมและอำนาจของเงินตราที่วิศรุจแอบหยิบยื่นให้เธอหรือแม้แต่บ้านหลังงามแห่งนี้ มันทำให้กนกกรสาวสวยผู้นี้ยอมตกลงและยอมเป็นของเขาแบบไม่มีข้อบิดพลิ้ว กนกกรยอมทรยศหักหลังกับเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าสนิทที่สุดซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับวิศรุจในตอนนี้ที่ยอมแอบนอกใจเดือนนภาเช่นกัน

“ แอน..แอน..ตื่นได้แล้วคนดี..ถึงบ้านแล้วครับ “ ชายหนุ่มเรียกเธอให้ตื่นจากความหลับใหลพร้อมกับจับหัวไหล่ของเธอเขย่าเบาๆ สาวสวยเปิดเปลือกตาขึ้นมองมองกับยิ้มตาปรือจนทำให้ชายหนุ่มแอบนึกขำไม่ได้

“ ถึงบ้านแล้วเหรอพี่รุจ..น้องแอนง่วงจังเลยย..ขอนอนต่ออีกได้ไหมอ่ะ..น๊า..” เธอพูดเสียงอ่อยและปิดเปลือกตาลงอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้ม ความสวยของเธอมันไม่ได้เป็นรองเดือนนภาเอาเสียเลย กรกนกทำให้เขาต้องหลงหัวปักหัวปำเลยทีเดียว วิศรุจก้มลงบรรจงหอมที่แก้มด้านขวาของเธอ กลิ่นหอมจากผิวกายเธอดูจะเป็นเชื้อปลุกเร้าอารมณ์ของกิเลสตัณหาราคะของเขาได้เป็นอย่างดี เล่นเอาไฟในตัวถึงกับเดือดปุดๆใบหน้าร้อนผ่าวออกมาเลยทีเดียว เกือบอาทิตย์นึงแล้วที่เขาไม่ได้แวะมาหาเธอ เนื่องจากเดือนนภาคอยติดแจอยู่ข้างกายนั่นเอง วันนี้เป็นโอกาสเหมาะเพราะเดือนนภาเดินทางกลับอุบลฯ เขาจึงมีโอกาสได้มาหาเธอและพรุ่งนี้อีกทั้งวันที่เขาก็มีโอกาสได้อยู่กับเธอตลอดทั้งวัน

“ ขึ้นไปนอนที่เตียงนุ่มๆดีกว่าแม่คุณ…เดินไหวไหม.. “ ชายหนุ่มกระซิบแนบที่ข้างหูเธอแผ่วเบา

“ น้องแอนเดินม่ายยหวายย..เอิ๊กก. พี่รุจช่วยยย..น้องแอนที “ @@@@@

“ ได้สิแม่คุณ..ยังไงพี่ก็ต้องช่วยแอนอยู่แล้วหล่ะ..” ชายหนุ่มบอกเสียงพร่าสั่นเล็กน้อยสายตาจ้องมองรูปร่างที่ได้สัดส่วนจนทำให้หัวใจหวิวๆอยู่ข้างใน กางเกงยีนส์ที่กระชับรัดรูปและเสื้อยืดที่รัดตึงแน่นมันทำให้ชายหนุ่มต้องคอแห้งผากเอาแบบดื้อๆ กนกกรช่างทำให้เขาตื่นเต้นได้ทุกเมื่อ เธอไม่เคยด้อยกว่าเดือนนภาเอาเสียเลย ชายหนุ่มยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับผลักประตูรถออกเดินอ้อมไปยังฝั่งเธอพร้อมกับใช้มือและท่อนแขนที่แข็งแรงอุ้มเอาร่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เข้าไปยังบ้านหลังงามซึ่งมันคือแดนสวรรค์ของเขาและเธอในค่ำคืนนี้..



เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากเครื่องของกนกกรที่วางไว้บนหัวเตียงนอน มันทำให้ชายหนุ่มต้องเปิดเปลือกตาพร้อมกับใช้มือควานหากับเจ้าของเสียง ส่วนเจ้าของโทรศัพท์ดูเหมือนว่าเธอยังนอนหันหลังหลับปุ๋ยอย่างมีความสุขโดยหนุนที่ต้นแขนด้านซ้ายของเขาอยู่ ผ้าห่มถูกดึงปกปิดในส่วนด้านล่างของเธอไว้ ทำให้ตอนนี้มองเห็นแผ่นหลังที่ขาวเนียนสวยของวัยสาว ชายหนุ่มต้องขยับแขนนิดหน่อยเพื่อคลายการกดทับของน้ำหนักจากส่วนหัวของเธอ นี่เธอคงจะหนุนต้นแขนเขามานานพอดูเพราะเล่นเอาอวัยวะส่วนนี้ของเขาถึงกับเป็นเหน็บชาเลยทีเดียว







" แอน..แอน..เสียงโทรศัพท์ดังหน่ะแม่คุณ..พี่เอื้อมไม่ถึงอ่ะ " ชายหนุ่มจำต้องปลุกเธอ เพราะมองดูแล้วเห็นว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นวางอยู่สุดหัวเตียงด้านฝั่งที่เธอนอน กนกกรเป็นฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นมาบ้าง พร้อมกับหันมามองหน้าของชายหนุ่มแบบเอื้อนออด..ความง่วงและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ของเมื่อคืนมันทำให้ใบหน้าของเธอดูเหมือนจะออกแนวยุ่งๆจนชายหนุ่มต้องเผลอยิ้มออกมา

" พี่รุจรับให้น้องแอนเลย..น้องแอนปวดหัวจาแย่อยู่แล้วอ่ะ.. " เธอบอกเสียงยุ่งพร้อมกับทำหน้าให้ยุ่งเข้าไปอีก ทำให้ชายหนุ่มต้องนึกขำและใช้มือจับเย้าที่หัวของเธอเล่นเบาๆ เขาขยับท่อนแขนซ้ายนิดหน่อยเพื่อการเอื้อมตัวให้ไปถึงยังสุดหัวเตียง ชายหนุ่มนึกแปลกใจอีกครั้งเมื่อมองเห็นรายชื่อที่ขึ้นมาโชว์อยู่หน้าจอ เพราะดูเหมือนว่าจะคุ้นตาเขาเหลือเกิน

" อื้อ..ว่าได๋แก่นคือได้โทรเข้ามาเครื่องของแอน "

" อ้าวแม่นติ..สงสัยแบตเหมิดมั้ง..มื้อคืนกะลืมชาร์ตแม๊ะ.มีเรื่องหยั๋งด่วนบ่หนิ "

" อืม..ได้ๆ.เดี๋ยวโตกะมาถ่าเฮาอยู่คอนโดนั้นหล่ะจั๊กสองทุ่มค่อยไปกะได้ดอก..จั่งได๋เฮาสิโทรเข้าไปหาเสี่ยเพินเองดอกเว๊ยย."

" ได้แก่นได้..บ่มีปัญหา2ทุ่มพ้อกัน "

ชายหนุ่มกดวางพร้อมกับล้มตัวกลับลงมานอนยังจุดเดิมอีกครั้ง อีกไม่กี่วันข้างหน้าคงมีงานใหญ่ให้เขาได้สัมผัสอีกเป็นแน่ " เฮ้ออ " ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาแบบแผ่วเบาพลางฉุกคิดว่านี่มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วหนอที่เขาต้องกระทำและเดินอยู่บนเส้นทางแห่งตราบาปนี้ และต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรกันเขาถึงจะสามารถเดินออกจากเส้นทางของนักฆ่าซึ่งเป็นถนนของอกุศลกรรมหนักที่ไม่มีใครปรารถนา หลายชีวิตต้องมาจบสิ้นด้วยน้ำมือของเขากับการแลกด้วยสิ่งบรรณาการที่ใครๆต่างก็หวังปรารถนา " นั่นก็คือเงิน " อำนาจของเงินตรามันช่างมีอานุภาพมากมายมหาศาลเหลือเกินเพราะมันสามารถแลกได้แม้กระทั่งกับชีวิตของมนุษย์ผู้ยึดติดกับบ่วงกิเลศได้อย่างง่ายดายแบบไม่มีข้อยกเว้นเอาเสียเลย

วิศรุจรู้ตัวเองดีว่าสิ่งที่เขากำลังเดินอยู่นี้มันจะเป็นไปในรูปแบบไหน แต่การได้ก้าวถลำลึกเข้ามาแล้วนั้นมักยากนักที่จะถอนตัว สิ่งที่เขาต้องทำได้ในตอนนี้ก็คือยอมรับชะตากรรมกับสิ่งที่เขาเป็นคนเลือกและก็ตักตวงกับผลประโยน์บนเส้นทางสายมืดแห่งนี้ให้มากที่สุด อย่างน้อยเขาก็ยังได้เลี้ยงดูตอบแทนพระคุณผู้บังเกิดเกล้าของเขาด้วยเงินส่วนนี้ โดยที่ผู้บังเกิดเกล้าเขานั้นไม่มีวันล่วงรู้ได้เลยว่าลูกชายคนเก่งคนนี้หาเงินมาด้วยวิธีไหนและหารู้ไม่ว่าลูกชายของเขาตอนนี้กำลังเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งอกุศลกรรมหนักที่นับวันจะจมดิ่งลงสู่ห้วงเหวลึก

" มีเรื่องอะไรเหรอพี่รุจ..เสี่ยเค้าโทรตามอีกแล้วเหรอ ..ไม่เอาสิค๊ะคนเก่งของน้องแอน..ไม่คิดมากน๊า..ยังไงน้องแอนก็อยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้พี่รุจอยู่เสมอนะค๊ะ." กนกกรเอ่ยถามชายหนุ่มและให้กำลังใจหลังจากจับความรู้สึกของเขาได้หลังจากที่ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ เธอเป็นฝ่ายใช้มือมาขยี้เล่นที่ผมของเขาเพื่อให้ผ่อนคลายลงบ้าง หลังจากที่ดูใบหน้าของเขาแล้วเหมือนมีความกังวลภายในใจ วิศรุจเป็นชายหนุ่มที่เก่ง เข้มแข็งและแกร่งในสายตาของเธอ เขาเป็นคนที่มี2บุคคลิก ความแกร่งและอ่อนไหวดูจะมีให้เห็นกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอ และเธอก็ยอมรับในความสามารถของเขา ผู้ชายคนนี้มีอะไรให้เธอต้องทึ่งและแปลกใจอยู่หลายๆอย่างและเธอก็ยอมรับแล้วว่าเธอรักและพร้อมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาผู้นี้แม้จะต้องยอมกระทำผิดกับเดือนนภาเพื่อนรักของเธอก็ตามที ..

" ใช่จ๊ะแอน..เสี่ยเขาโทรตามพี่ไปพบคืนนี้หน่ะ..คงจะมีงานให้ทำอีกหล่ะมั้ง..ก็ดีแล้วแหล่ะแอน..ถ้าไม่มีงานแล้วพี่จะเอาเงินที่ไหนมาให้แอนของพี่ใช้หล่ะ!! ว่าไงแม่คุณทูนหัว.. ฮึ๊..มานี่เลยแม่คุณน่าหมั่นเขี้ยวนักนะเราอ่ะ " ชายหนุ่มบอกยิ้มๆตามีประกายเมื่อสัมผัสกับรูปร่างส่วนบนที่เปลือยเปล่าอันได้สัดส่วนของเธอ ชายหนุ่มใช้แขนกอดรัดโอบตัวเธอให้เข้ามาหาพร้อมกับประทับรอยฝีปากลงบนปากที่สวยได้รูปของกนกกรแบบนุ่มนวล โดยที่กนกกรเป็นฝ่ายเผยอริมฝีปากรอรับอย่างรู้หน้าที่ของเธอเป็นอย่างดี บทเพลงรักแห่งไฟพิศวาสดูจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกับหนุ่มสาวคู่นี้ ..อ่า..นี่คือมนุษย์ผู้ที่ไม่ยอมปล่อยละวางแห่งกามกิเลสตัณหา

-----------------------------------------------------------------

สภาพการจราจรใขเขตกรุงเทพฯดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตกเสียจริงๆ ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนรัฐบาลผู้บริหารหน่วยงานไหนแล้วก็ตามที ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรถมากเป็นอันดับต้นๆ ทั้งที่บางคนรถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเขาเลยแต่เขาก็ยังดิ้นรนแสวงหาเข้ามาครอบครองให้ได้ กระแสสังคมและการแข่งขันเป็นการสร้างแรงกิเลสของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว และหนักไปยิ่งกว่านั้นก็คือบางรายมีรถไว้ในครอบครองมากกว่าสองคันขึ้นไปทั้งที่มันไม่จำเป็น ฉะนั้นปัญหาการจราจรก็ต้องมีตามมาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนับวันดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องนี้ยังแก้ไม่ตกกันอยู่ดี อาจเป็นเพราะว่าการแก้ไม่ตรงจุดหรือไม่เต็มใจที่จะแก้หรือเป็นเพราะว่ามันเป็นปัญหาที่ใหญ่และถูกทับถมมาเป็นเวลาช้านาน จนยากเกินความสามารถที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงกับเรื่องพวกนี้จะคลี่คลายหาทางออกได้ ประชาชนผู้สัณจรใช้เส้นทางก็เลยต้องทำใจและยอมรับกับสภาพปัญหาเหล่านี้อยู่นัยๆ


ดารุณีข้าวแกง เขตบางกะปิ








" พี่หน่อย..ผมว่าคืนนี้เฮาลองเข้าไปเหล่นแถวๆคลองตันดีบ่ครับ..ผมกะเริ่มสิหงุดหงิดแนแล้วหล่ะ..จนว่าปานนี้ยังบ่ไปเถิงไสอยู่..ผู้กำกับเพินกะแฮ่งเร่งมาอีก " ลุ่มดอนไข่ ตำรวจหนุ่มไฟแรงจากบึงกาฬเอ่ยขอความเห็นจากคู่หูแสนสวยมาดเท่ห์พร้อมกับใช้ช้อนตักข้าวขึ้นหม่ำไปด้วย อากาศภายนอกร้านร้อนระอุกับเปลวแดดที่แผดเผา รถที่วิ่งกันขวักไขว่ดูจะเพิ่มสภาวะความร้อนให้กับโลกได้มากขึ้นอีกแรงนึง

" พี่ว่ากะดีคือกันหล่ะ..แต่กะแปลกใจคือกันว่าเวลาที่เฮาเข้าไปตรวจค้นคือบ่พ้อหยั๋ง.ทั้งที่สายกะรายงานมาว่าหม่องนี้เป็นหม่องจัดเก็บของบางส่วนไว้..บางเทือพี่เองกะยังแปลกใจอยู่ว่าเขาไหวโตย้อนมีทางเฮาบอกเขาหรือจั่งได๋..แต่จั่งได๋ลองเข้าไปแหย่หนวดเสื้อเหล่นอีกจั๊กรอบกะได้..โบราณเขาว่าไว้บ่เข้าถ้ำเสือสิบ่ได้ลูกเสือเด๊ะ.. " ตำรวจสาวสวยบอกคู่หูของเขาพร้อมกับยักคิ้วข้างขวาขึ้นเป็นเชิงกวนๆตามแบบฉบับของสาวมาดเท่ห์ จนทำให้นายตำรวจหนุ่มนึกที่จะขำไม่ได้

" เเสดงว่าพี่หน่อยหนิเป็นคนโบราณเด้หนิเนาะ.ค่อยฮู้จักคำเว้าของคนโบราณ .ฮ่าๆๆ " โดนแซวคำนี้เข้าไปทำให้ตำรวจสาวต้องมองค้อนคู่หูของเธอในทันทีทันใด

" อย่าหลุดกะแล้วกัน..เจอยิงคืนแท้ๆหล่ะ " เธอนึกในใจพร้อมกับยิ้มออกมา

" ฮ่าๆๆ..ผมฮู้เด๊ะว่าพี่หน่อยคิดหยั๋งอยู่..ผมหยอกเหล่นซือๆดอกน่า..เออ..ว่าแต่พี่หน่อยบ่ลากลับไปยามบ้านแนบ้อ..ผมเห็นเฮ็ดแต่งานสั่นดอก เป็นห่วงหน่ะอยากให้ผ่อนคลายเจ้าของลงแน จริงจังหลายกะบ่ดีเด้..มาดเข้มหลายแม๊ะเนาะ..จักผู้บ่าวทางได๋เขาสิกล้าเข้ามาจีบ ฮ่าๆๆ " เสียงตำรวจหนุ่มหัวเราะร่าทำให้สาวเจ้าต้องจ้องสายตาขมึงทึงนึกหัวเราะอยู่ในใจ

" กะซางเถาะ..บ่งึด. โบราณเพินว่าไว้คาดสิได้บินมาคือนกเจ่า..เคยได้ยินเบาะ " เธอบอกยิ้มๆ

" บ่ครับ..ผมบ่แม่นคนโบราณ ฮ่าๆๆ " ลุ่มดอนไข่หัวเราะลั่นอีกครั้ง งานนี้ตำรวจสาวสวยพลาดไปถึงสองครั้งสองครานึกจะเขกหัวตัวเองเล่นเบาๆสักสองทีที่ปล่อยให้คู่หูหนุ่มไฟแรงยิงเอาได้สองนัดซ้อนติดๆกัน..