จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คลายเครียดด้วยนิทานสอนใจในสไตล์ของ รุทธิ์ อีเกียแดง


เรื่อง "อนิจจาหนอ นายแอ่น"

ที่มา: เป็นนิทานที่นำมาแปลงใหม่ในสไตล์ของผมเองครับ

ครั้งหนึ่งโดนมาแล้วครับ(โดนเติบอยู่)มีนกนางแอ่นโตผู้สีดำอยู่โตหนึ่ง
(น่าสิเอิ้นนกนายแอ่นเด๊เน๊าะเพราะว่าเป็นโตผู้แหมะ) นกโตนี่เป็นนกที่อารมณ์ดีมักฮ้อง
เพลงคือบ่าวรุทธิ์นี่หล่ะ แต่ละมื้อนกโตนี่สิบ่ค่อยเฮ็ดหยั๋ง กิจวัตรประจำมื้อกะคือมันสิ
บินเซิน(ถลา)ร่อนลมอย่างมีความสุขอยู่เทิงฟ้ากว้าง สูงขึ้นไปฮอดก้อนขี่ฝ่า(เมฆ)
แล้วกะเซินต่ำลงมาเฉียดยอดหญ้า (แสดงว่าหมอนี่อารมณ์ดีแล้วกะบ่มีเวียกคั๊ก)
มันบินหยอกล้อสายรุ้ง จนลืมว่าลมหนาวกำลังสิมาฮอดมาเยือนแล้ว

มันเป็นฤดูหนาวที่โหดเหี้ยมหลายอุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง (พอปานเกาหลีตอนนี้)
แค่เวลาข้ามคืนหิมะกะโปรยปรายตกลงตลอดมื้อตลอดคืนจนท่งนากลายเป็นลานน้ำแข็งสีขาว สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ทั้งหลายต่างกะมุดเข้าถ้ำจำศีลกับคู่เจ้าของ หานอนกอดกันแก้หนาวดีกว่าพะนะ

กะสิมีแต่เจ้านกนางแอ่นผู้ที่มักเสียงเพลง สายลม แสงแดดและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พะนะ ที่บินไปมาอย่างไร้จุดหมาย ฮังของมันถืกอัดแน่นไปด้วยหิมะเย็นยะเยือก ในที่สุดมันจึงได้ตัดสินใจ นั่งรถไฟโอ๊ะบินลงใต้ หวังว่าสิไปพ้อดินแดนที่อบอุ่น แต่อนิจจาครับท่านผู้ติดตามอ่านนกนางแอ่นน้อยฝ่าลมหนาวไปได้บ่ไกล พายุหิมะเฮ็ดให่ปีกมันชา ปวด แล้วกะตกตุ๊บลงข้างๆกองเฟียง(ฟาง)โรงนาของชาวบ้านแห่งหนึ่ง (ลองเบิ่งแหล่วกับความหนาวต๊ะบ่าวรุทธิ์ อีเกียแดงกะแข็งแล้ว) มันนอนโตแข็งทื่อเหลียวเห็นความตายกำลังกวักมื้อเอิ้นอยู่ต่อหน้า (มาถะแม้มาถะแม้ )เลือดกำลังจับโตเพราะความหนาวเหน็บ

ทันใดนั้นเองกะมีแม่งัวโตหนึ่งย่างฝ่าหิมะมาหาเฟียงเคี้ยวกิน ย่างผ่านมาเห็นนกนางแอ่นน้อยที่นอนแข็งอยู่เฮ็ดให่เกิดความหลูโตนหลาย กะเลยขี้ออกมากองบักใหญ่ทับไปที่ร่างนกนางแอ่นน้อย (เหอะๆๆเหม็นหลายพะนะ ฮิ๊ววว) ความอบอุ่นจากขี้งัวซอยคลายความหนาว
ขับไล่ความหนาวเย็น นกน้อยเริ่มฮู้สึกโตช้าๆ โอ...ช่างอบอุ่น ช่างเหม็นดีแท้ๆ
หรือว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังสิมายามแล้วบ้อ พุ้นหน่ะเพินคิดไป

ด้วยความอบอุ่นเป็นสุขมันกะเลยอ้าปากฮ้องเพลงอันไพเราะออกมาว่า

"ลมหนาวลูบข้าวรวงไหวลู่ตามแรง ตะวันโอบแสงกอดผืนนาปลายฟ้าหน้าหนาว" (ฮ้องเพลงไผ่เลยตั๊วนี่555)
พอดีขณะนั้นเองมีแมวป่าหิวโซย่างออกหาอาหารผ่านมา มันกะหยุดฟังพ้อมกับแปลกใจ


"เอ... กองขี่งัวคือฮ้องเพลงได้น้อบาดเนี่ยะ งึดหลายย" เมื่อสงสัยแล้วแมวป่า
กะเลยทำการพิสูจน์แหวกกองขี่งัวออกเบิ่ง เลยไปพ้อกับนกนางแอ่นน้อยอยู่ในนั้น เสร็จถ่อนแหล่วพี่น้องเอ๊ย แมวป่าเลียปากใส่เลย..

(แมวป่าท้องกิ่วกะเลยจับนกน้อยกินเป็นอาหารซ้ำ)

นิทานเรื่องนี่สอนให่ฮู้ว่า.....

1. คนที่นำสิ่งสกปรกมาให่กะใช่ว่าสิเฮ็ดร้ายเฮาเสมอไปเน๊าะ

2. คนที่ซอยเฮาออกจากที่สกปรกอาจเป็นอันตรายกะได้

3. อย่าเพิ่งอ้าปากคุยโว ขณะยังมีมลทิน

4. อย่าเป็นคนเถลไถล(ฮู้จักเตรียมการแน คาต๊ะม่วนหลาย)






นิทานเรื่อง สองพ่อลูกจอมปึกกับเจ้าลาจอมโง่

ณ หมู่บ้านดู่ดอน(ห้ามผวนหนา)มีสองพ่อลูกอยู่คู่หนึ่งผู้พ่อซือว่าตาดุดพะนะ(ซือกะดายเน๊าะ)ส่วนลูกซายเพินซือรุทธิ์พะนะ "บุ๊ย" กำลังเป็นบ่าวเลย สองพ่อลูกนี่เป็นคนโม่แป้งเพินเป็นเจ้าของโรงสีพุ้นเด๊(โอ้..บ่ธรรมดา) แต่ว่าผั่นมีฐานะยากจน(เอ๊า..มาเว้าเป็นตาซังแถะ5555)จนแล้วยังบ่แล้วพี่น้องเอ๋ยตกมาปีนี้ฝนกะมาแล้งอีก
ฝนบ่ยอมตกลงมาเลย จุดบั้งไฟแล้วกะแล้วแห่นางแมวแล้วกะแล้วกะบ่ยอมตก สงสัยพญาแถนเลาสิคานอนเว็นพะนะคือสิลืมเบิ่งโลกมนุษย์ มันกะเลยเป็นสาเหตุให่ต้นข้าวสาลีแห้งเหี่ยวตายถ่อนแหล่ว แต่ก่อนกะยังไคเด๊มีชาวบ้านชาวนานำข้าวสาลีมาโม่แป้งอยู่เรื่อยๆปีนี้แล้งหลายกะเลยหาแทบสิบ่มี บ่าวรุทธิ์กะเลยเว้ากับผู้เป็นพ่อว่า

"นี่อี๊พ่อแป้งที่เฮาเอามาเฮ็ดขนมปังกินกะเหมิดแล้วเด๊สิกินหยั๋งหล่ะบาดนี่สิให่ผมไปกินข้าวบ่ายเกลือผมบ่เอาเด๊..ผมอยากอายผู้สาวพะนะ บุ๊ย!!!)

ทางพ่อใหญ่ดุดผู้เป็นพ่อกะเลยเว้ากับผู้เป็นลูกซายว่า

"นี่รุทธิ์เอ๊ย...พ่อเองกะปวดหมองคือกันหล่ะบ่แม่นต๊ะโตดอก เฮายังมีลาอยู่โตหนึ่งอยู่เด๊หล่า พ่อว่าเฮาเอาไปขายดีบ่พอมีเงินพอได้ใช้จั๊กน้อยแนดีบ่หล่า" เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วพ่อใหญ่ดุดกับบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายกะตัดสินใจสินำลาเข้าไปขายในโตเมืองพุทไธสงพะนะ สองพ่อลูกพากันจูงลาไปครับแดดกะจั่งแม่นฮ้อนหยั๋งกะด้อกะเดี้ยบุ๊หนิ จูงลาไปเช็ดเหงื่อไปไหลเข้าปากกะพ่องกัน(เค็มดีแท้ๆ) ระหว่างทางนั้นเองบ่าวรุทธิ์กับผู้เป็นพ่อได้พ้อกับผู้สาวอยู่กลุ่มหนึ่งกำลังพากันนั่งซักผ้าอยู่ บ่าวรุทธิ์กะเป็นคนปากไวอยู่แล้วกะเลยฮ้องถามไปว่า

"ผู้สาวเฮ็ดหยั๋งน้อ" ทางผู้สาวกะเลยตอบมาว่า

"ซักผ้าอ้าย ตาบ่มืนตี้พะนะ" 555งึดหลาย ทางผู้สาวนอกจากว่าบ่าวรุทธิ์ตาบ่มืนแล้วกะยังมาหาว่าสองพ่อลูกนี่มาซางพากันโง่แท้ว่าซั่น(โง่เทิงพ่อเทิงลูกเลย)โอ๊ยรับบ่ได้พี่น้องเอ๊ยย สูนถ่อนแหล่วบาดนี่กะเลยฮ้องถามไปทางหมู่ผู้สาวแบบเคี๊ยดสุดๆว่า

"นี่คนสวยเป็นหยั๋งคือว่าอ้ายกับพ่อโง่ครับ" น้านเห็นผู้สาวบ่ได้เคี๊ยดปานได๋กะเว้าม่วน555 ทางผู้สาวเพินกะเลยฮ้องตอบกลับมาว่า

"กะโง่แหล่วเนาะลากะมียังพากันจูงย่างเกียกขี่ฝุ่นจนหัวแดงอยู่แทนที่สิขึ่นนั่งเทิงหลังมัน" บ่าวรุทธิ์ได้ยินจั่งซั่นกะเลยเว้ากับผู้เป็นพ่อว่า

"เออ...มันกะแม่นควมผู้สาวเขาว่าเด๊หล่ะพ่อ" ทางพ่อใหญ่ดุดเลากะเลยเว้ากับลูกซายว่า

"เอาจั่งซี้บักหล่าโตขึ้นเทิงหลังลาสาลูกหล่า" ว่าแล้วพ่อใหญ่ดุดเลากะอยู่ดากบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายขึ่นนั่งเทิงหลังของลาแล้วกะพากันเดินทางต่อไป

พากันย่างต่อมากะมาพ้อผู้หญิงเฒ่าๆ(คนชรา)ในมือเลาถือไม้เท้าย่างสวนมาพะนะ พอย่างสวนมาฮอดไกล้ๆเลากะใช้ไม้เท้าเลาเค๊าะไปหม่องหัวบ่าวรุทธิ์ทันที

"เอิ๊อะ!!!แม่นหยั๋งหนิแม่ใหญ่เจ้ามาเค๊าะหัวผมเฮ็ดหยั๋งหนิ เยี่ยวใส่บ่อนไผ๋รับผิดชอบหนิแม่ใหญ่" บ่าวรุทธิ์สวนขึ่นไปปนอารมณ์สูน+กับควมเจ็บ ทางฝ่ายยายเฒ่าเลากะสวนขึ่นมาทันทีเลยว่า

"บักผีบ้า บักผู้ฮ้ายหลวง กะมัง บักสันหลังยาว อากาศแฮ่งฮ้อนแทนที่สิให่พ่อมึงนั่ง มึงผั่นมานั่งเองจั่งแม่นมึงคั๊กหลายเน๊าะบักผู้ฮ้ายหลวงหน้าบ่อายแท้ ว่าซ้านนน" เอ....มันกะแม่นควมเลาว่าเด๊เน๊าะพ่อ(บ่าวรุทธิ์เว้า)

"เอาจั่งซี้อี๊พ่อมานั่งเดี๋ยวผมจูงเองสั่นหน่ะ" ว่าแล้วบ่าวรุทธิ์กะลงจากหลังลาเปลี่ยนกับตาดุดผู้เป็นพ่อแล้วกะพากันเดินทางต่อไปอีก(ฮอดพุทไธสงง่ายบ้อน้อ55555)

สองพ่อลูกย่างไปได้อีกบ่ไกลกะพ้อกับคนเดินทาง(จั่งแม่นพ้อดุ๊หนิ ฮ่าๆๆๆ) คนเดินทางย่างสวนมากะเลยเว้าขึ่นว่า

"สองพ่อลูกนี่มาโง่แท้อากาศกะฮ้อน ลากะมีเทิงโต แทนที่สิขึ่นนั่งเทิงสองคนยังมาย่างจูงอยู่อีก จั่งแม่นมันปึกเด๊ ปึ๊กแล้วบ่แล้วมันยังพกดีกรีควมผู้ฮ้ายพ่วงมานำอีก คั๊กหลายน้อสู" ฝ่ายบ่าวรุทธิ์ได้ยินจั่งซั่นกะเลยมีความคิดขึ่นมาในสมองว่า

"มันแม่นคือเขาเว้าเด๊เน๊าะ เฮากะโง่อีหลี๋ นี่หล่ะน้อเพินว่าผู้ฮ้ายแล้วบ่แล้วซ้ำตื่มตดเหม็นอีก เฮ้อออ" ทางพ่อใหญ่ดุดเลาเองกะได้ยินคือกันเลากะบอกบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายขึ่นมานั่งนำกัน แล้วกะพากันเดินทางต่ออีก

พากันขึ่นหลังลาย่างจนสิไปฮอดเมืองพุทไธสงแต่กะไปพ้อกับชาวนาอีกผู้หนึ่งจนได้(ผู๊ได๋เขียนบทหนิพ้อดุ๊เหลือฮ้าย เฮ้อออ555)

"นี่ลาพวกเจ้าตี๊" ชาวนาถามขึ่น

"แม่นแล้วคุณชาวนามีอะไรเหรอ ผมสิเอามันไปขายในเมืองพุทไธสง ฮ่าๆๆๆ" บ่าวรุทธิ์ตอบแทนผู้เป็นพ่อ ฝ่ายชาวนาได้ยินจั่งซั่นกะเลยตอบกลับมาว่า

"อีกบ่โดนถ่าเบิ่งโล้ดลาโตนี่สิเหมิดแฮง ย้อนมันแบกน้ำหนักหมู่เจ้าซำบายกันคั๊กแท้น้อหล่ะบ่หลูโตนมันแหมะ มันเหมิดกำลังเวลาเอาไปขายสิได้ราคาบ้อเจ๊กโคกทางได๋สิซื้อให่เจ้า บุ๊ย พากันคิดบ่หนิ ข่อยคิดว่าพวกเจ้าสองคนพากันซอยแบกมันสิดีกว่าเด๊" ฝ่ายบ่าวรุทธิ์กับผู้เป็นพ่อหันมาสบตากันหน่อยนึง

"อี๊พ่อ เอาตามนั่นพะนะ 5555" เป็นความคิดที่ดีเข้าท่าแท้

ว่าแล้วตาดุดกับบ่าวรุทธิ์กะพากันหาไม้กับเชือกมา ซอยกันผูกลาไว้กับท่อนไม้แล้วกะหามลาเข้าไปในเมืองพุทไธสง(เฮ้อ!!!ฮอดง่ายบ่น้อพี่น้อง) หามกันเข้าไปฮอดในเมืองครับ คนในเมืองบ่เคยเห็นสิ่งที่ตลกแบบซี้มาก่อนเลยพากันหัวร่อจนท้องแข็ง คอกะแข็งบุ๊ยย!! (บาดนี่มาเว้าฮอดลาครับ งึดหลายจนสิจบเรื่องแล้วค่อยสิมาเว้าฮอดมัน) ลามันกะบ่ว่าหยั๋งดอกที่มันถืกหามแบบซี้(ลองว่าลองเว้าออกมาตี๊บ่าวรุทธิ์แล่นแท้ๆ ฮ่าๆๆๆ

"พี่น้องเอ๊ยยยซอยแนลาเว้าได้" ครับท่านผู้ติดตามอ่านลามันบ่พอใจที่ถืกคนหัวร่อกะยังหว่า มันกะเลยพยศเทิงดิ้น เทิงยัน เทิงถีบ ในที่สุดเชือกขาดครับแล้วกะควมบังเอิญตรงกับควมพอดีตรงนั้นมีสะพานข้ามคลองพอดี ลากะเลยตกลงไปในน้ำจมลงไปหายไปต่อหน้าต่อตาพ่อใหญ่ดุดกับบ่าวรุทธิ์

"อี๊พ่อเห็นบ่" บ่าวรุทธิ์ถามพ่อ

"บ่เห็น" พ่อใหญ่ดุดตอบลูกซาย

"เอาอี๊พ่อบ่เห็นเบาะลามันตกลงไปในน้ำไปแล้วนั่นแหมะ" บ่าวรุทธิ์ว่า

"พ่อบ่เห็นกะย้อนว่าตอนนี้มันจมไปแล้วบักผีบ้า" พ่อใหญ่ดุดเทิงเว้าเทิงสิให่ สรุปแล้วสองพ่อลูกเลยจำใจต้องกลับบ้านมือเปล่าพี่น้องเอ๋ย เสียลาไปโดยเปล่าประโยชน์ บ่ได้หยั๋งซ้ำ ทางพ่อใหญ่ดุดเลาหันมาหาบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายทั้งถอนหายใจแล้วกะเว้าขึ่นว่า"พ่อบ่น่าเฮ็ดตามใจซุมหมู่นี่เลย ในที่สุดพ่อกะเฮ็ดบ่ถืกใจไผ๋ แล้วกะกลับกลายเป็นพ่อเองนี่หล่ะลูกที่โง่คือลาแถมคั๊กกว่าลาอีกหล่ะหว๋า เฮ้อออ"

(นิทานเรื่องนี้สอนให้ฮู้ว่า)
บ่ใช้สมอง บ่ใช้ควมคิดของเจ้าของมัวแต่อาศัยควมคิดชาวบ้านหรือคนอื่น จั๊กมื้อหนึ่งสิพ้อกับควมเสียหายอย่างพ่อใหญ่ดุดกับบ่าวรุทธิ์กะได้เด๊ สั่นดอกว๊าพี่น้อง




นิทานสอนใจผู้ชาย (ที่ผู้หญิงต้องอ่าน แห่ะๆ)

..กาลครั้งหนึ่ง บ่โดนปานใด๋ครับยังมี ผบ.น (ผู้บ่าวซ่ำน้อยพะนะ) จารย์ใหญ่พาแปลเด้อครับเคลียร์กันเอาเอง5555 ซื่อว่าบ่าวหน่อ (เอ๊ะ..ซื่อคุ้นๆ) เพินมีอาชีพตัดต้นไม้ขายครับ ตัดไปตัดมาตัดอี๊ท่าได๋บุ๊หนิขวานหลุดมือตกลงน้ำกะหยั๋งหว่า สงสัยเพินสิอ่านนิทานดู๊ครับ

"เอ????เฮาลองทำท่าให่เบิ่งก่อนน๊าลังเทือสิมีเทวดามาซอย" ความคิดช่างร้ายกาจมาก คิดได้จั่งซั่นกะให่สั่นแล้วครับ

"ฮือๆๆๆๆไผ๋กะได้ซอยแนซอยผมแนขวานหลุดมื๊อขวานหลุดมือ จมจ้อย ฮือๆๆๆๆซอยแน๊ซอยแน" ไห่เป็นตาซังคั๊ก55555 บ่เซือกะต้องเซือครับเพราะมันเป็นนิทานบ่าวรุทธิ์ ทันใดนั้นเองเทวดาลอยขึนมาจากผิวน้ำ ว่ายฟรีสไตล์200เมตรเข้ามาหาบ่าวหน่อทันทีเลย พ้อมกับเปล่งวาจาออกมาว่า

"มีอะไรรึเจ้าหนุ่มน้อย" ทางบ่าวหน่อได้ยินหัวร่อสู่อยู่แอ๊กๆถืกใจเพินหลายเทวดาเอิ้นหนุ่มน้อย พ้อมคิดอยู่ในใจเป็นไปตามแผนเป๊ะเทวดากำลังสิตกหลุมพราง5555 เพินกะเลยเอ่ยขึ่นว่า

"เทวดาครับซอยผมแนขวานผมตกลงน้ำแหมะ ลึกกะลึกเฮ็ดจั่งใด๋ดีบ่มีขวานผมสิเอาหยั๋งทำมาหากินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียครับ" เว้าบ่เว้าซือๆบ่าวหน่อนั่งลงแล้วกะเอาเท้าเพินยันขี้ดินอยู่ตั๊บๆคือจั่งเวลาเด็กน้อยเคียดแม่บ่ซื้อขนมให่กิน เทิงฮ้องเทิงเฮ็ด ฝ่ายเทวดาเห็นจั่งซั่นเลาเลยคิดในใจ

"โอ ....ซางเฮ็ดไปได้ งึดหลายว่าซ้านนน5555)" เทวดากะเลยเว้าขึ้นว่า

"บ่เป็นหยั๋งดอกเฮาสิซอยเอง" ว่าแล้วเทวดากะว่ายตีกรรเชียงออกไปจั๊กหน่อยพ้อมกับมุดดำลงไป

ฝ่ายบ่าวหน่ออักยิ้มอยู่ผู้เดียว กำลังสิเป็นไปตามแผนเทวดาเพินต้องขึ้นมาพ้อมกับขวานทองในเทือแรกพุ้นหน่ะ (ป๊าดดด เฮ็ดการบ้านมาดีคั๊ก) เป็นไปตามคาดครับเทวดาโผล่ขึ้นมาพ้อมกับขวานทองอีหลี แล้วถามไปทางบ่าวหน่อว่า

"แม่นขวานด้ามนี่บ่ของเจ้า" ทางบ่าวหน่อบ๊าเข้าล็อคเพินสั่นแหล่ว

"มันบ่แม้นมันบ่แม่น เทิงฮ้องเทิงไห่" เทวดาเห็นดังนั้นกะเลยว่า

"บ่เป็นหยั๋งอย่าให่เฮาอยากไล่ ฮ่าๆๆๆ เดียวเฮาสิลงไปเบิ่งใหม่" ว่าแล้วกะดำลงไปอีก ลับตาเทวดาบ่าวหน่อหัวไหลเต๊อะไหลเติ่นอยู่

"ต่อไปขวานเงิน" พุ้นนะ เฮ็ดการบ้านมาดีคั๊ก เทวดากลับขึ้นมาอีกครั้งพ้อมกับขวานเงินอีหลีครับ บ่าวหน่อหันมายิกคิ้วให่กับคนอ่านอีกเทือนึง (ตามแผนชัวร์ว่าซั่น)

"อั่นนี้แมนขวานเจ้าบ่" เทวดาถามขึ้น

"มันบ่แม้นมันบ่แม่น" (ตามสูตรเก่าเพิน) เทวดากะเลยบอกว่า

"บ่เป็นหยั๋งเฮาสิลองอีกจั๊กเทือ คิดว่าสิแม่นต่อไปนี่ เพราะว่าเฮากะเริ่มสิเมื่อยแล้ว อีกอย่างเฮาซังท่าฮ้องให่ของเจ้าพะนะ" เทวดามุดเทือที่สามบ่โดนกะโผล่ขึ้นมาพ้อมกับขวานเหล็กด้ามไม้เก่าของบ่าวหน่อ

"แม่นด้ามนี่บ่หล่ะ" ทางบ่าวหน่อเพินเตรียมการมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

"แม่นครับขวานเหล็กนี่หล่ะขวานผม ฮักหลายแม่นด้ามหล่อนปานใด๋กะฮั๊กฮั๊กแฮ้งแฮงว่าซั่น" เทวดาได้ฟังดังนั้นกะเลยคิดว่า

"โอ...เพินนี่เป็นคนฮู้ผู้ดีเด๊หนิ ซื่อสัตย์สุจริต บ่อยากได้ของที่บ่แม่นของเจ้าของ

"เทวดาเลยเว้าขึ้นว่าเฮาเห็นโตเป็นคนดีฉะนั้นเฮาสิมอบขวานทองกับขวานเงินให่นำ ไป กลับบ้านเจ้าได้แล้ว" เข้าตามแผนทุกประการครับ บ่าวหน่อสู่อยู่แอ๊กๆถืกใจเพินหลายกะยังหว่า

หนึ่งเดือนต่อมา....บ่าวหน่อกับภรรยา(เมีย)เพินได้พากันไปย่างเหล่นริมหนองน้ำ รำลึกความหวานโรแมนติก ย่างแบบได๋กะบ่ฮู้ ภรรยาบ่าวหน่อได้มื่นตกลงหนองน้ำ (อั่นนี้นิทานเด้อ 5555) บ่าวหน่อเฮ็ดหยั๋งบ่ถืกไห่สั่นแหล่วครับ ยากเทวดาผู้เก่าอีก

"แม่นหยั๋งอี๊กมาให่เฮ็ดหยั๋ง" เทวดาถามขึ้น

"เมียผมตกน้ำครับ ดังจ๋อมเลย ซอยผมแน"

"เอ๊าๆๆเซาไห่ได้แล้วเฮาสิซอยเดี๋ยวนี้หล่ะ" ว่าแล้วเทวดากะมุดลงน้ำทันที บ่ถึงนาทีเทวดาโผล่ขึ้นมาพ้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายๆน้องพอลล่า คือคั๊กคือแนปานว่าน้องพอลล่า เทเล่อร์ เอาโล้ด

"ผู้หญิงคนนี้แม่นภรรยาเจ้าบ่" เทวดาถามขึ้น ฝ่ายบ่าวหน่อเมื่อเห็นดังนั้นยิ้มปุ้ยเลยท่านผู้อ่าน

"แม่นแล้วครับนี้หล่ะภรรยาของผมว่าซ้าน ฮ่าๆๆๆ" ฝ่ายเทวดาได้ยินดังนั้นสูนถ่อนแหล่วครับ

"โห้ ...เดียวนี่เจ้าเป็นคนแบบซี้แล้วบ่ เจ้าบ่ซื่อสัตย์คือเก่า

" ทางบ่าวหน่อได้ยินจั่งซั่นกะเลยฟ้าวเว้าขึ้นว่า

"ขออภัยครับท่านเทวดาตามความคิดผมถ้าแม่นผมตอบว่าบ่แม่น ท่านเทวดากะคือสิดำลงไปพ้อมกับผู้สาวหน้าตาคล้ายน้องจีจ้า (ที่บ่าวรุทธิ์ปลื้ม บุ๊ย) ถ้าผมปฏิเสธท่านกะสิดำลงไปใหม่ สุดท้ายกะคือสิดำลงไปพ้อมกับนำภรรยาโตแท้ผมขึ้นมา ผลสรุปผมคิดว่าท่านกะสิมอบผู้หญิงสองคนให่ผมนำ ในฐานะผมบ่ตั๋วผมซื่อสัตย์ ลำพังผมมีเมียผู้เดียวอาชีพตัดไม้ขายกะหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องยากอยู่ ฉะนั้นผมเลยตอบว่าแม่นตั้งแต่คนแรก" ป๊าดดดเหตุผลเพินแหมะ (ห้ามลอกเลียนแบบ ฮ่าๆๆๆ) เห็นสาวพอลล่าบ่ได้ฟ้าวฮับเอาเลย ฮ่าๆๆไปเคลียร์กันกับโตแท้เอาพะนะ

นิทานเรื่องนี้สอนอีหยั๋ง
สอนว่าเมื่อใดที่ผู้ซายขี้ตั๋ว แสดงว่าผู้ซายคนนั้นต้องมีเหตุผลจำเป็นในการตั๋วและมีเจตนาดีอย่างแน่นอน5555

ปล. อั่นนี้เป็นนิทานเนาะครับ อย่าคิดหยั๋งผมต้องการให่คลายเครียดกันท่อนั้น ความเป็นจริงแล้วการฮักเดียวใจเดียว เอาใจเขามาใส่ใจเฮา เป็นสิ่งประเสริฐแท้ครับ





ไปอ่านพ้อนิทานเรื่องนึงครับจาก วิชาการ ดอทคอม
(ออกแนวขำดีคือกันเลยนำมาแต่งแปลงเพิ่มตามสไตล์อีเกียแดง)

นิทานเรื่อง ไม่คิดเอาเสียเล๊ยยย..

..โดนนานมาแล้วยังมีกบวิเศษโตหนึ่ง อาศัยอยู่ในป่าซึ่งเป็นป่าดงดิบซึ่งห่างจากป่าละเมาะเข่าไปอีก ลึกลับยากที่สิมีมนุษย์หรือว่าสัตว์ชนิดใดเดินทางไปเถิง แต่แล้วอยู่มามื้อหนึ่งครับกบวิเศษโตนี่ได้ยินเสียงสัตว์สองชนิดแล่นไล่กวดกันมาอย่างเอาเป็นเอาตาย มันคืออีหยั๋งน้อหนิ.. ที่แท้มันคือหมีตัวบักใหญ่กำลังไล่ล่ากระต่ายเจ้าเล่ห์เพื่อนำเฮ็ดดินเนอร์ยามมื้อแลงครับ

" พวกเจ้าเทิงสอง หยุดเดี๋ยวนี่ " เสียงกบวิเศษฮ้องบอกสัตว์ทั้งสองให้หยุดตอบข้อซักถามเพราะตลอดชีวิตของมันบ่เคยพ้อหมีและกระต่ายแล่นไล่กันมาก่อน

"พวกเจ้าทั้งสองแล่นกวดกันแทบเป็นแทบตายเพราะเหตุอีหยั๋งหนิ" กบวิเศษถาม

"บักหมีมันสิจับข่อยเฮ็ดอาหารแลงแม๊ะท่าน" กระต่ายตอบลิ้นห้อยด้วยความเมื่อยยังบ่เซา

"อ๋อ เป็นแบบซี้นี้เอง เอาเถาะ อย่าเฮ็ดอีหยั๋งกันเลย เฮาสิให้พรวิเศษเจ้าโตละ 3 ข้อหวังว่าคงสิซอยลดความขัดแย้งลงได้เนาะ" ทั้งหมีและกระต่ายรับคำด้วยความยินดี

เจ้าหมีเป็นฝ่ายขอพรก่อน มันคิดอยู่เป็นนาทีจึงบอกไปว่า

" ข่อยอยากให้หมีทั้งเหมิดป่าแห่งนี้ยกเว้นโตข่อยเป็นโตเมียเทิงเหมิด " ว่าซั้น..เว้าแล้วกะขนคิงลุกด้วยความสยิวตีคิ้วอยู่ ฮึ๊บฮึ๊บ... บ่โดนกลิ่นสาบสาวจากหมีโตเมียกะหอมฟุ้งไปทั่วป่า

เถิงทีกระต่ายน้อยขอบาดหนิ กระต่ายผู้น่าหลูโตนขอแค่หมวกกันน็อคหนึ่งใบพะนะ งึดหลาย บักหมีสู่อยู่แอ๊กๆ ถืกใจเพินหลาย

" บักกระต่ายปัญญาอ่อนหน้าโง่เอ๊ย..ถ้ามันขอเงินสักพันล้านมันสามารถซื้อหมวกกันน็อคได้หลายล้านใบ สิเอาไปเหล่นหุ้น ซื้อดาวเทียมกะได้ แต่ช่างเถาะมันบ่แม่นธุระของเฮา" หมีพึมพำออกมา หมีบ้าตัณหาได้โอกาสขอพรข้อ2 ซึ่งมันคิดอยู่โดนคักประมาณ 3นาทีก่อนสิบอกว่า

" ข่อยปรารถนาให้หมีทุกโตในป่าถัดไปกลายเป็นโตเมียทั้งสิ้น" เว้าแล้วกะน้ำลายไหลยืดด้วยความสยิว คันมีหมีโตเมียเพิ่มอีกนับร้อยโตมันสิตั้งฮาเร็มหมีว่าซ้าน.. (ป้าดแผนการช่างเข้าท่าทีเดียวเชียว)

ส่วนกระต่ายน้อยขอพรข้อ2 มันขอมอเตอร์ไซต์หนึ่งคันพะนะ (งึดหลายอีกแล้ว) เมื่อได้สมปรารถนามันแล้วกะสวมหมวกกันน็อคกระโดดขึ้นคร่อมและสตาร์ทรถทันทีเลย

บักหมีใหญ่ขอพรข้อสุดท้ายบาดหนิ

"ข่อยปรารถนาสิให้หมีทุกโตในโลก ยกเว้นโตข่อยกลายเป็นหมีโตเมียทั้งเหมิด ว่าซ้าน "

...โอ .. มันแทบสิถ่าบ่ไหวแล้ว...เทิงเว้าเทิงน้ำลายแตกห่าวอยู่โด่งๆ สั่นขนด้วยความสยิว แต่แล้วบักหมีกะเถิงกับช็อค เมื่อได้ยินกระต่ายน้อยขอพรข้อที่ 3 ก่อนสิตีค้วป๊อกๆให่สองเทือพ้อมกับบิดรถรถมอเตอร์ไซค์หนีไปในทันที


พรข้อที่3ที่กระต่ายน้อยขอกะคือ

>>>>>ข่อยขอให่บักหมีโตนี้มันเป็นเกย์<< (..ว่าซ้านนนนน..) นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...คิดให่ดีก่อนแนก่อนสิเว้าก่อนสิว่า คิดให่รอบคอบ มีสติ อย่าสะคึดต๊ะแนวเดี๋ยวหลายเลยกลายเป็นพังเพราะกิเลสตัณหา เดี๋ยวสิคือบักหมีสั่นดอกว๊า...


(ยังไม่มีชื่อเรื่องครับ)

กาลครั้งหนึ่งโดนมาแล้วมีอีเกีย (ค้างคาว) 3 โต อาศัยอยู่เทิงกกตาลต้นเดียวกัน
มีอีเกียริวน้อย มีอีเกียบ่าวรุทธิ์ และกะอีเกียชราจารย์ใหญ่

...ปรกติอีเกียเทิง3โตนี่ สิเปลี่ยนเวรกันออกไปหาเลือดสดๆจากคอผู้สาวงามๆ มาแบ่งปันกันกินเพื่อความเป็นอมตะ และมื้อนี้เป็นเวรของเจ้าอีเกียริวน้อยต้องออกไปหาดูดเลือดจากคอผู้สาว อีเกียริวน้อยออกไปโดนเติบ....จนว่าโดนบักคัก กะยังบ่เห็นกลับมา แต่ที่สุดแล้วอีเกียริวน้อยกะกลับมา...

" ริวน้อยขอโทษหลายๆที่หาเลือดมาให่บ่ได้ ริวน้อยคิดว่าช่วงนี้เป็นหน้าแล้งผู้สาวเลยพากันหนีไปกรุงเทพเหมิด " (บุ๊ย..คิดคือคักเนาะหมอหนิ) อีเกียริวน้อยบอกเสียงเจื้อยแจ้ว

" โตหนะ ยังด้อยประสบการณ์หลาย เดี๋ยวอ้ายออกไปเอง..." เสียงอีเกียบ่าวรุทธิ์บอก พ้อมกับบินเซิ่นออกไป.. แล้วออกไปโดนคักบาดหนิ..โดนกว่าอีเกียริวน้อยอีก... แล้วกะฟาวล์กลับมาบ่ได้เลือดแม้แต่หน่อย ..

" สงสัยท่านชราจารย์ใหญ่ต้องซอยพวกเฮาแล้วหละครับ" อีเกียบ่าวรุทธิบอก ...ว่าแล้วอีเกียชราจารย์ใหญ่กะจำต้องบินออกไป โดยแสยะยิ้มอยู่ในใจว่า " ปะสาสูน้อประสบการณ์ช่างอ่อนด้อยหลาย มันต้องเฮาพี้..ถ่าเบิ่งผลงานบักหล่า " เว้าพ้อมตีปีกพ้อม...

.. บ่น่าเชื่อ....บ่เถิง3นาที ท่านอีเกียชราจารย์ใหญ่ก็กลับมา พร้อมกับเลือดสดๆ เต็มปาก....

" ป้าด..เจ้าเฮ็ดได้จั่งได๋หนิ ท่านผู้ชรา (แห่ะๆ) ..^_^.. " อีเกียทั้งสองฮ้องด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ งึดหลายว่าซั่น...

...ท่านอีเกียชราจารย์ใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.....

" พวกโตเห็นต้นไม้อยู่ด้านหน้านั่นบ่ " เสียงอีเกียชราจารย์ใหญ่ถาม

" เห็นครับท่าน " อีเกียบ่าวรุทธิ์กับอีเกียริวน้อยตอบ

" นั่นแหละ...............เฮาบ่เห็นว๊ะ "

บ่าวรุทธิ์ ..กาละมังคนเอ๊ยยย..ฮ่าๆๆๆ