จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ค่ำคืนแห่งรัตติกาล


..สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาในช่วงตอนเย็นมันทำให้อากาศบริเวณโดยรอบลดอุณภูมิแห่งความเร่าร้อนดั่งเปลวเพลิง มลายหายสิ้นไปโดยปริยาย ควันสีขาวที่มาพร้อมกับไอระอุของผืนดินในยามที่โดนเม็ดฝนประพรมชะโลมเลียในช่วงหัวค่ำถูกแปรเปลี่ยนสภาพเป็นผืนดินที่เต็มไปด้วยความชุ่มชื่น เม็ดน้ำนับล้านที่หล่นมาจากฟากฟ้ายังช่วยทำให้ท้องทุ่งและผืนป่าเกิดการปรับสภาพขยายตัวเพื่อรองรับดูดซึมซับน้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์อย่างผู้หิวกระหายเสมือนมิเคยได้ลิ้มลองและสัมผัสกับรสชาดอันหวานชื่นมาเสียนาน

ความเย็นถูกปกคลุมแผ่ซ่านไปทั่วอาณาบริเวณสลับกับเสียงร้องรำทำเพลงของเขียดตัวน้อยที่ออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด "นี่บรรพบุรุษของเจ้าเขียดตัวน้อยคงจะไม่ได้บอกกล่าวตักเตือนลูกหลานของตัวเองเป็นแน่แท้" เพราะเมื่อใดที่ฝนตกน้ำมา พวกที่ดีใจน่าจะเป็นพวกปลากระดี่ไม่ใช่พวกบรรดาเขียดซักกะหน่อย ..^_^.. ว่าม๊ะ..แห่ะๆ


.....ค่ำคืนแห่งรัตติกาล ณ อิ่มเอมรีสอร์ท นครชัยภูมิ.....

หลอดไฟยี่ห้อดังจากเจแปน ส่องประกายแบบมิเต็มใจ เพราะประเมิณด้วยสายตาแล้วมันดูขมุกขมัวยังไงชอบกล อาจจะเป็นเพราะว่าเสื่อมสภาพไปโดยที่เจ้าของรีสอร์ทไม่ได้สั่งการให้ผู้ดูแลทำการปรับเปลี่ยน หรือ อีกนัยหนึ่งสาเหตุน่าจะมาจากคนภายในห้องจงใจที่จะทำให้มันเกิดแสงออกมาในลักษณะนี้ ผ้าม่านภายในห้องถูกดึงปิดจนยากที่จะคาดเดา (ยกเว้นอีเกียแดงเท่านั้นที่รู้ดี) แม้แต่มดตัวน้อยจะแอบชะเง้อคออันกระจ้อยร่อยเข้าไปสอดแนมก็มิอาจเห็นได้ เสียงเครื่องปรับอากาศยังทำงานอย่างแผ่วเบาถึงแม้อุณภูมิภายนอกจะเย็นก็ตามที แสดงให้เห็นว่าบุคคลภายในมีรสนิยมติดยึดกับองศาต่างเป็นแน่แท้เชียว อ๊ะ อ๊ะ หรือว่าอุณภูมิภายในห้องมันไม่ได้เย็นดังเช่นอุณภูมิภายนอกหรืออย่างไร ????


" เป็นไงบ้างคนดี ทนไหวมั้ยแม่คุณ " เสียงชายหนุ่มเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับใช้ริมฝีปากเข้าไปแนบข้างๆใบหูของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าคนรัก มันทำให้เธอต้องขยับตัวพร้อมกับกายสั่นไหวเล็กน้อย


" บอกว่าอย่าขยับเข้ามาใกล้ เห็นมั้ยเล่นเอาเค๊าขนลุกหมดแล้วนี่ มันจะทนไม่ไหวอยู่แล้วน๊ะ " เสียงเธอต่อว่าต่อขานชายหนุ่มแผ่วเบาพร้อมทำสีหน้าเจื่อนๆ จนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ต่อหน้าต้องอมยิ้มพร้อมกับขยับกายเข้าประชิดกว่าเดิม มือขวาอันแข็งแกร่งโอบกอดร่างอันกลมกลึงโน้มเข้าหา สายตาอันคมกริบส่องประกายฉายแววประดุจเสมือนว่าอีเกียแดง แห่งรัตติกาล กำลังเจอบักสีดา (ฝรั่ง)อันโอชะเสียอย่างนั้น


" น่าน๊ะ ไหนดูซิ ขอดูหน่อยแม่คุณ ไหวไม่ไหวเดี๋ยวก็รู้ " เสียงชายหนุ่มคะยั้นคะยอ พร้อมเอียงคอเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูของเธออีกครั้ง


" ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ไหวแล้ววววววว....ซี๊ดดด.. " เสียงเธอบอกคนรักแผ่วเบาพร้อมกับแสดงอาการตัวเกร็งขนลุกอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาชายหนุ่มนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มออกอาการส่งสายตาชวนฝันในทันใดและไม่อาจที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ในบัดดล


" ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ ไอ้ยัยนกบ้า..รีบออกมาจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะเค้าจะราดอยู่แร๊ววว.." เสียงเธอตะโกนลั่นห้องบอกเพื่อนสาวที่เข้าไปอาบน้ำอยู่เสียนาน เพราะขืนช้ากว่านี้สักสองนาทีมันคงทำให้ชายหนุ่มคนรักมีเรื่องให้ต้องจดจำไปถึงวันตายเป็นแน่ นี่คงเป็นเพราะพิษของมะม่วงเปรี้ยวในช่วงกลางวันเเน่ๆเลย


" ชายหนุ่ม " ?????


" อีเกียแดง" บุ๊ยยย แม่นหยั๋งหล่ะ



โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล







นิยาย กรรมลิขิต 20












..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจินตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาจากตัวผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใดๆ ขออภัยกับคำพูดที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของตัวละคร ผู้เขียนเพียงแค่ต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตในสังคมอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง เพื่อโยงให้เห็นการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงาม และสะท้อนให้เห็นถึงผลที่ได้รับในสิ่งที่ตัวละครเหล่านี้ได้กระทำลงไป ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ยังให้การติดตาม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้การจินตนาการแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ขอบคุณภาพสวยๆจากอินเตอร์เน็ตและขอบคุณบทความดีๆ ด้วยจิตคารวะ..

รุทธิ์ {อีเกียแดง แห่งรัตติกาล}


นิยาย กรรมลิขิต

ตอน เส้นทางกรรม




"บางทีการพูดความจริงให้น่าเชื่อ อาจยากกว่าการพูดให้คนเชื่อเรื่องโกหกเสียอีก โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้นกลับไม่ตรงกับความเชื่อของคนฟัง เรื่องไหนที่เป็นเรื่องจริงเราไม่จำเป็นจะต้องไปอธิบายเสียให้ยืดยาวสู้นิ่งเงียบเป็นดีที่สุด เพราะกาลเวลาจะเป็นเครื่องช่วยพิสูจน์ให้กับตัวเราเอง คำพูดมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนฟังเกิดความรู้สึกดีหรื่อไม่ดี ยิ่งเมื่อใดที่คำพูดนั้นได้ผ่านออกไปสู่หูคนฟังแล้วนั้นมันยากที่จะดึงกลับคืนมาได้ ถ้าเป็นคำพูดอันไพเราะเสนาะหูก็คงเป็นสิ่งน่าชวนฟัง แต่เมื่อใดที่เป็นคำพูดที่ประชดเสียดแทงความรู้สึกแล้วนั้นมันย่อมทำให้คนฟังเกิดความรู้สึกหดหู่เป็นแน่แท้ บุญที่ทำให้เป็นผู้มีเสียงกังวานชวนน่าฟังต้องมีใจเป็นสุขกับการพูดจาด้วยถ้อยคำที่เป็นจริงทั้งสุภาพไพเราะและประสานสัมพันธ์ฟังแล้วเกิดสติทั้งผู้พูดและผู้รับฟังให้เกิดความจรรโลงต่อสภาวะจิตใจ อันว่าชีวิตของคนเราไม่จำเป็นว่าจะต้องล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้ง แต่มันสำคัญที่ว่าเราจะใช้ความล้มเหลวให้เป็นประโยชน์ได้กี่หน ถ้าจะใช้ชีวิตให้คุ้มต้องทุ่มเทกับการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ใช้ชีวิตซ้ำๆอยู่ในหัวและไม่ใช่ "ใช้ชีวิตล่วงหน้าอยู่ในความฝัน" ออกเดินหนึ่งก้าวไม่ใช่แค่มาไกลขึ้นหนึ่งก้าวแต่ยังทำให้ใจคิดจะก้าวไม่ใช่เอาแต่ถอยหรือหยุดอยู่ ก้าวต่อไปไม่ต้องมองข้างหลังไม่ต้องหวังข้างหน้าเดี๋ยวก็ถึงที่หมายเอง มาถึงตรงนี้ในนามผู้เขียนเองก็คงต้องก้าวย่างเดินต่อไปดังปณิธานที่ตั้งมั่นไว้ นับแต่บัดนี้ไปเช่นกันครับ








เวลา 17.20 น.


รถเก๋ง BMWสีดำขับเคลื่อนออกจากประตูหมู่บ้านเทพอินทรา หมู่บ้านหรูใจกลางย่านรามอินทรา เสียงเพลงในรถคันหรูดังประสานกับเสียงคลอเบาๆอย่างอารมณ์ดีของชายหนุ่ม ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงมันทำให้อารมณ์ของเขาเป็นสุขยิ่งกับภาระกิจหลายๆอย่าง โชคดูจะเข้าข้างเขาเป็นอย่างยิ่งกับการบริหารจัดการเวลากับสิ่งต่างๆได้แบบลงตัวและเหมาะเหม็งยิ่งนัก วิศรุจใช้ลิ้นแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเล่นไปมา ใบหน้าอาบยิ้มปนไปด้วยความสุขภายใน ภาพของกนกกรที่นั่งฉอเลาะเขาก่อนหน้านี้ไม่นานผุดล่องลอยอยู่ในมโนภาพดั่งเช่นประกายความฝัน กนกกรคือหญิงสาวที่เขาทุ่มเทมอบความรักใส่ใจต่อเธออย่างดีเยี่ยมไม่ด้อยไปกว่าเดือนนภา แต่แล้วภาพของกนกกรพลันต้องหายวับไปทันควันเมื่อเสียงของโทรศัพท์คู่กายของเขาดังขึ้น วิศรุจใช้มือซ้ายเอื้อมจับมันขึ้นมาพร้อมกับกรอกเสียงถึงต้นเสียงอย่างเป็นกันเอง

"ว่าได๋จักร..มีปัญหาหยั๋งเบาะน้องหล่า..มันตุกติกหยั๋งบ่หล่ะ"

"อืมดีแล้วหล่ะ..เตรียมรับล็อตต่อไปกับตั้มได้เลย เดี๋ยวอ้ายโทรไปเคลียร์ให้"

"ได้ได้ มื้ออื่นเดี๋ยวอ้ายออกไปหาเองดอก..เก็บไว้ดีๆเดี๋ยวอ้ายเข้าไปเคลียร์"

"จั่งซั่นหล่ะเนาะ."

" อ้ายมาคนเดียวพี่เดือนเข้าบ่ได้มานำดอกน้องหล่า"

"อืม แค่นี้หล่ะ หวัดดีน้อง"


"เดือนนภา" ชื่อของเธอทำให้ชายหนุ่มพลันนึกถึงเธอโดยพลัน เย็นนี้วิศรุจรับปากกับเดือนนภาแฟนสาวว่าจะพาเธอออกไปทานมื้อเย็นด้วยกัน ชายหนุ่มกดวางโทรศัพท์พร้อมกับใช้เท้ากดคันเร่งให้หนักขึ้นเมื่อมองเห็นเวลาบนหน้าเก๋งคันหรู แล้วเจ้า BMW สีดำก็พุ่งทะยานมุ่งหน้าสู่ "สายอมรวสันต์ คอนโดมิเนียม" ในทันที











วันนี้การเดินทางอันยาวไกลบางครั้งมันมาไกลเกินที่จะย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดจากเมื่อวานที่ผ่านมาได้ แต่ว่า มันยังไม่สายที่จะปรับปรุงและแก้ไขถึงแนวโน้มของความผิดพลาดของวันพรุ่งนี้ได้ อดีตคือสิ่งที่สอนใจ อนาคตคือสิ่งที่เราควรเตรียมใจ แต่ปัจจุบันคือสิ่งที่เราต้องให้ความใส่ใจมากที่สุด สิ่งที่ไม่ดีควรปล่อยให้ผ่านแล้วตั้งใจทำบุญกุศลอยู่สม่ำเสมอแล้วผลแห่งการทำดีก็จะส่งผลดีให้เราสม่ำเสมอเช่นกัน การทำกรรมหรือการแก้กรรมนั้นคือเราต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานไม่ใช่ไปขุดเมื่อวานมาทำพิธีให้วันนี้สูญเปล่า การทำคุณงามความดีนั้นไม่ได้เห็นผลในทันตาแต่ว่าเห็นผลทันใจ นั่นก็คือ "ใจที่มันเป็นสุข"นั่นเอง


ข่าวที่เจ้าหน้าที่จับกุมยาเสพติดแล้วขยายผลไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนั้น ทำให้ณรงค์ฤทธิ์เสี่ยใหญ่ถึงต้องผวาอยู่ลึกๆ ลิ่วล้อเอเย่นต์รายย่อยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ปลอมเป็นสายล่อซื้อนำไปถึงการจับกุมจนต้องจำนนไปแล้วหลายราย แต่ส่วนลึกของเสี่ยณรงค์ฤทธิ์กลับยังมั่นใจได้ว่า อำนาจเงินตราและอำนาจบารมียังพอมีอยู่มาก การปิดบัญชีดำกับเอเย่นต์รายย่อยถูกสั่งการลับถึงลิ่วล้อผู้มีสีแต่จิตใจต่ำอยู่ใต้อำนาจที่มืดดำถูกกิเลศเข้าครอบงำจนไม่สามารถแยกออกว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนเลว ข่าวการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวไปฝากขังมีให้เห็นถี่ขึ้นตามหน้าทีวีและหนังสือพิมพ์ ทำให้ผู้กำกับสถานีต่างๆต้องกุมขมับกันเป็นแถวๆเพราะต้องคอยตอบคำถามของสื่อต่างๆที่พุ่งประเด็น เล็งให้เห็นถึงความล้มเหลวถึงการควบคุมป้องกันผู้ต้องหา เพราะการจบชีวิตของผู้ต้องหามันเป็นการตัดระบบในการโยงใยไปหาเอเย่นต์รายใหญ่ที่กุมบันเหียนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง งานนี้ทำให้ พ.ต.ต.ปรีชา สังควรรณาการชัย ผู้กำกับตงฉินประจำสถานีหัวหมากต้องสั่งเข้มวางกำลังประกบคุ้มกันตัวผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นอีกสองนาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เฉกเช่นสถานีต่างๆที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้






ไม่มีเส้นทางสู่จุดหมายใดที่เรียบง่ายและโล่ง ในทุกเส้นทางนั้นต่างมีอุปสรรคคอยขัดขวางอยู่เสมอ บางอุปสรรคเป็นก้อนหินใหญ่ให้อึดอัด บางครั้งอาจเป็นกำแพงสูงให้หนักใจ คงไม่มีใครที่ไม่พานพบอุปสรรคต่างแต่ว่าเมื่อเจออุปสรรคแล้วแต่ละคนหาทางออกอย่างไรกัน เจอโขดหินใหญ่ก็เดินอ้อม เจอกำแพงสูงก็ปีนป่ายหรือใช้ไม้ช่วยก็คงจะได้มั้งเนาะ (ว่ามั้ย) ทุกอุปสรรคมีวิธีผ่านสุดแต่ "ความคิดที่ไม่มีวันยอมแพ้" จะเปิดทางให้เราแค่ไหนเท่านั้นเองครับครับ








                               อาทิตย์ยามบ่ายยังเปล่งประกายแสงอันร้อนระอุให้กับผืนโลกถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันไกลแสนไกล และนับวันรังสีแห่งความเร่าร้อนนี้จะเพิ่มทวีคูณขึ้นมากมายหลายเท่าจนทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกใบกว้างต้องหาทางออกให้กับตัวเอง เครื่องปรับอากาศถูกนำมาใช้อยู่ทั่วทุกจุดในทุกมุมโลก เครื่องอำนวยความสะดวกนานัปการถูกผลิตขึ้นมารองรับความต้องการของมนุษยชาติ และบรรดาสิ่งเหล่านี้เองกลับเป็นเครื่องกระตุ้นเร่งเร้าเพิ่มความเร่าร้อนของโลกให้มากขึ้นเป็นเท่า
ตัว



              "โอยยย..ทำไมมันร้อนอย่างนี้ก็ไม่รู้นะนก ป่านจะละลายแล้วนะเนี่ย"  สายป่านเอ่ยกับเพื่อนรักพร้อมกับใช้พัดกระดาษโบกกลับไปกลับมาเพื่อให้แรงลมปะทะกับใบหน้าอันคมได้รูปของเธอ  ร่มเงาจากต้นจามจุรีช่วยปกป้องแสงแดดได้มากทีเดียว สังเกตุได้ว่าตอนนี้มีนักศึกษาเข้ามาอาศัยการอ่านหนังสือและทำกิจกรรมต่างๆอยู่หลายคน

              "เมืองไทยเราทุกวันนี้มันร้อนขึ้นมากเลยนะ นกเองยังรู้สึกสัมผัสได้เลย ยิ่งในกรุงเทพฯด้วยนะมันช่างแตกต่างกับทางอีสานบ้านของนกเสียจริงๆ"  ขวัญชนกสาวเมืองขอนแก่นพูดขึ้นบ้าง สายตาสำรวจหาแผ่นกระดาษในมือที่พอจะเป็นเครื่องทำความเย็นให้แก่เธอเฉกเช่นสายป่านเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ

             "เออนี่ป่าน..ที่นกเคยสัญญาไว้ว่าจะพาไปลิ้มรสอาหารอีสานอ่ะ ตกลงว่าเป็นเย็นนี้นะแก ..ว่าไงหล่ะแกว่างไหม?? "  ขวัญชนกเอ่ยเอ่ยกับเพื่อนสาว มือขวาใช้กระดาษแผ่นแข็งพัดวีไล่อากาศที่ดูร้อนผ่าวอยู่ทั่วใบหน้าของเธอ

            "ตอนหัวค่ำป่านว่างอยู่พอดีเลย แล้วนกจะพาป่านไปที่ไหนหล่ะ ขออย่างเดียวนะแกอย่าให้มันไกลที่พักนักก็แล้วกัน"  เธอบอกพร้อมกับขยับตัวเปลี่ยนอริยาบทท่านั่ง

            "เออน่าแก..ไม่ไกลหรอกน่า ที่สำคัญนะอาหารร้านนี้เขาว่าอร่อยมากนะและที่มากไปกว่านั้นมีเสียงเพลงช่วยผ่อนคลายให้ฟังด้วย ไม่แน่นะบางทีแกอาจจะแปลกใจด้วยซ้ำไป"  ขวัญชนกบอกยิ้มๆ

            "แปลกใจอะไรเหรอนก..มีอะไรให้ป่านแปลกใจนิ๊"  เธอเอ่ย สายตาจับจ้องมองใบหน้าของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

            "อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอก แค่นกจะพาป่านไปลิ้มลองรสชาดอาหารแปลกๆเท่านั้นเอง"

            "แล้วสรุปนกจะพาป่านไปที่ไหนเนี่ยะ" สายป่านถามเพื่อนรักสายตาคู่คมจับจ้องพร้อมรอคำตอบ

            "นกจะพาไปที่ร้าน สกาวเดือนจ้าป่าน"
 



โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล

น้ำตาลเรียกพี่

ตอน น้ำตาลเรียกพี่

บทโดย

อีเกียแดง แห่งรัตติกาล














ณ..อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เวลา 19.25 น.


แสงไฟสลัวๆออกสีขาวนวลปนฟ้าทำให้บรรยากาศภายในร้าน ริวแอนด์รุทธิ์ ดูจะมีเสน่ห์มนต์ขลังดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่ไม่ขาดระยะและส่วนมากมักจะเป็นคู่รักที่เข้ามาเป็นแขกประจำ คงอาจจะเป็นเพราะว่ารสชาดของอาหารที่ทางเจ้าของร้านหนุ่มไฟแรงได้คัดสรรเลือกกุ๊กสาวฝีมือเยี่ยม แถมพร้อมด้วยดีกรีแห่งความสวยในระดับเกรด A มาโชว์ฝีมือให้ลูกค้าได้ลิ้มลองและโชว์รอยยิ้มหวานๆให้กับทางเจ้าของร้านได้ชม ( เอ๊ะ!!! ยังไงเนี่ยะ!! )

ร้านแห่งนี้ถูกตกแต่งแบบคลาสสิคตามสไตล์เจ้าของร้านหนุ่มไฟแรงผู้มีนามแฝงว่า " อีเกียแดง แห่งรัตติกาล " ต้นไม้พุ่มเตี้ยและดอกไม้ถูกตั้งประดับประดาอยู่ตามจุดต่างๆ ส่วนโต๊ะอาหารนั้นถูกจัดตั้งไว้ระยะห่างกันพอสมควร คงเป็นเพราะเจ้าของร้านแห่งนี้เข้าใจซึ้งถึงการบริการว่าคู่รักทุกคู่ต้องการความเป็นส่วนตัว ความเงียบสงบ และความโรแมนติก การที่ได้พาคนที่เรารักออกมาทานอาหารข้างนอก และเมื่อเป็นร้านที่บรรยากาศสงบเงียบ คลาสสิคเช่นนี้ มันทำให้ชีวิตคู่ช่างดูสดใส มีชีวิตชีวา กระดี๊กระด๊าเหมือนปลากระเดิด โอ๊ะ ปลากระดี่ได้น้ำเป็นไหนๆ อย่างน้อยการที่โต๊ะอาหารตั้งอยู่ห่างกันและมีต้นไม้พุ่มเล็กๆปิดกั้นสายตาจากโต๊ะอื่น บวกกับไฟสลัวๆภายในร้านมันทำให้การ จก ง่ายขึ้น และไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะมองเห็นการจกของเรา ( จก ผ้าเช็ดปากมาเช็ดปากให้คนฮัก ผู้สาวผีบ้าอีหยั๋งกินเหี่ยปากเหี่ยคอกะด้อ หึย...)

" ตุ้ม!! พี่ว่าปีหน้าพี่จะให้ทางผู้ใหญ่ไปขอตุ้มกับทางคุณพ่อคุณแม่ของตุ้มนะ ตุ้มมีความเห็นว่าอย่างไร " เสียงของชายหนุ่มวัยกลางคน หน้าคมเข้มดูภูมิฐาน เอ่ยถามดรุณีนางที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ซึ่งขณะนี้เธอกำลังใช้มือทั้งสองข้างฉีกต่อนปลาร้าให้ขาดออกจากกัน ซึ่งตอนนี้บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่หลายรายการ รอยยิ้มที่ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อยพร้อมมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม



" เปลี่ยนเป็นกำนันมาขอไม่ได้เหรอพี่ ผู้ใหญ่ตุ้มว่ามันไม่จี๊ดค่ะ..คริ.คริ. " เธอหัวเราะออกมาเบาๆ เล่นเอาชายคนรักกลั้นหัวเราะกับอารมณ์ขันของเธอไม่ได้พลางนึกในใจ ( คนบ้าอะไรว๊ะ!!!ขันเก่งยิ่งกว่าไก่และนกเขาเสียอีก )



" เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเดี๋ยวพี่จะให้ทางพันเอกหัวหน้าสายงานโดยตรงของพี่เป็นธุระในการไปสู่ขอตุ้มเอง ดีไหมคนดี " ชายหนุ่มเอ่ยจริงจังพร้อมกับให้คำมั่นสัญญากับเธอ มันทำให้รอยยิ้มของเธอฉีกกว้างยิ่งกว่าฉีกต่อนปลาร้าเมื่อสักครู่นี้ เธอหยุดให้ความสนใจกับต่อนปลาร้าไปชั่วขณะกลับมาให้ความสนใจกับใบหน้าของชายคนรักแทน มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย น้ำตาคลอ ไม่นึกไม่ฝันว่าชายหนุ่มคนนี้คือลูกผู้ชายตัวจริง (ที่ทางกระทิงแดงเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ)

เขาคนนี้แหล่ะที่เธอเฝ้าตามหามานานแสนนาน มือเรียกเล็กปุ้มๆของเธอถูกยื่นเข้าไปสัมผัสกับใบหน้าคมเข้มมันทำให้ชายหนุ่มถึงกับผงะ!! ตาเบิกโพลงคงจะไม่นึกฝันว่าจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ดรุณีนางอันเป็นที่รักของเขาคงจะตื้นใจเป็นที่สุดจนไม่สามารถบังคับควบคุมตัวเองได้ นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ใบหน้าได้สัมผัสกับมือเรียวปุ้มๆของเธอ ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆเล็กน้อยเมื่อมือของเธอยังสัมผัสอยู่ที่ใบหน้าของเขา พลางนึกฉงนในใจว่า นี่มันคือกลิ่นความหอมจากนวลเนื้อของดรุณีนางหรือว่ากลิ่นของปลาร้ากันแน่!!












" ตุ้มรักพี่นะค๊ะ !! รักหมดไส้หมดพุงเลยค่ะ " เธอเอ่ยพร้อมกับยิ้มขณะที่มือยังสาละวนอยู่กับใบหน้าของเขา ชายหนุ่มนึกหัวเราะในใจ นี่เขาคงเลือกคนไม่ผิดจริงๆบนความหวานซึ้งเธอยังสร้างอารมณ์ขันให้เขาได้เสมอ จึงไม่แปลกใจเลยที่เวลาเขาอยู่กับเธอเขาจะผ่อนคลายหายเครียดเสมอ ความรักมันไม่จำเป็นต้องวิเศษหรือเลิศเลอเสมอไป แค่เรามีความสุขอยู่ในแต่ละช่วงแห่งการสัมผัสก็คงเพียงพอแล้ว



" พวงมาลัยครับ พวงละ10บาท..เอาบ่ แห่ะๆ!!.." เสียงจากอาคันตุกะร่างเล็กดังขึ้น ทำให้สาวเจ้าต้องดึงมือกลับมาในทันควัน แล้วหันไปให้ความสนใจกับเจ้าเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะซึ่งตอนนี้ในมือมีพวงมาลัยอยู่ประมาณ10พวงเห็นจะได้



" เอามา5พวงบักหล่า..เอื้อยสิซื้อไปไหว้พระ." เธอบอกพร้อมกับยื่นเงินใบละ50บาทให้กับเด็กน้อย และมันสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กน้อยผู้มีนามว่า " เจ้าริว " ในทันที พลางนึกในใจว่าวันนี้เจอคนใจดีเข้าให้แล้ว เด็กน้อยยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะเดินหนีหายออกไปจากจุดนั้น...



" ตุ้มยังเป็นคนที่จิตใจงดงามเสมอนะ พี่ตัดสินใจเลือกคนไม่ผิดจริงๆ พี่ขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองว่าพี่จะรักและเฝ้าทะนุถนอมตุ้มของพี่ไปตลอดชีวิต " ชายหนุ่มให้คำมั่นสัญญากับเธออีกครั้ง สาวเจ้าดรุณีนางจ้องหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง แววตาทอประกายเหมือนแสงไฟรถดีแม็คในระบบไฟซีนอน เธอยืนขึ้นพร้อมกับยื่นแขนเหนี่ยงรั้งตัวของชายหนุ่มให้เองเอียงเข้ามาหา ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าแดงซ่านอาบไปด้วยสายโลหิตรักสิเหน่หาภายใน พร้อมจะประทับรอยฝีปากแห่งความรักให้กับชายอันเป็นที่รักด้วยความดูดดื่ม...



" เอื้อย!! ซื้ออ้อยเลี้ยงซ้างบ่ครับ..ถุงละ10บาท แห่ะๆ " เสียงนี้มันทำให้ดรุณีนางและชายหนุ่มผละออกจากกันในทันทีทันใด และต่างก็หัวเราะร่าเมื่อมองเห็นว่าเจ้าของเสียงคือ " เจ้าริว " เด็กขายพวงมาลัยคนเมื่อกี๊นี่เอง



( โอ๊ยย..อ้อยกำลังสิเข้าปากซ้าง.บักริวน้อยสิมาขายอ้อยไปเลี้ยงซ้าง พะนะ งึดหลาย..)