จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

นิยาย กรรมลิขิต 20












..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจินตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาจากตัวผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใดๆ ขออภัยกับคำพูดที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของตัวละคร ผู้เขียนเพียงแค่ต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตในสังคมอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง เพื่อโยงให้เห็นการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงาม และสะท้อนให้เห็นถึงผลที่ได้รับในสิ่งที่ตัวละครเหล่านี้ได้กระทำลงไป ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ยังให้การติดตาม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้การจินตนาการแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ขอบคุณภาพสวยๆจากอินเตอร์เน็ตและขอบคุณบทความดีๆ ด้วยจิตคารวะ..

รุทธิ์ {อีเกียแดง แห่งรัตติกาล}


นิยาย กรรมลิขิต

ตอน เส้นทางกรรม




"บางทีการพูดความจริงให้น่าเชื่อ อาจยากกว่าการพูดให้คนเชื่อเรื่องโกหกเสียอีก โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้นกลับไม่ตรงกับความเชื่อของคนฟัง เรื่องไหนที่เป็นเรื่องจริงเราไม่จำเป็นจะต้องไปอธิบายเสียให้ยืดยาวสู้นิ่งเงียบเป็นดีที่สุด เพราะกาลเวลาจะเป็นเครื่องช่วยพิสูจน์ให้กับตัวเราเอง คำพูดมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนฟังเกิดความรู้สึกดีหรื่อไม่ดี ยิ่งเมื่อใดที่คำพูดนั้นได้ผ่านออกไปสู่หูคนฟังแล้วนั้นมันยากที่จะดึงกลับคืนมาได้ ถ้าเป็นคำพูดอันไพเราะเสนาะหูก็คงเป็นสิ่งน่าชวนฟัง แต่เมื่อใดที่เป็นคำพูดที่ประชดเสียดแทงความรู้สึกแล้วนั้นมันย่อมทำให้คนฟังเกิดความรู้สึกหดหู่เป็นแน่แท้ บุญที่ทำให้เป็นผู้มีเสียงกังวานชวนน่าฟังต้องมีใจเป็นสุขกับการพูดจาด้วยถ้อยคำที่เป็นจริงทั้งสุภาพไพเราะและประสานสัมพันธ์ฟังแล้วเกิดสติทั้งผู้พูดและผู้รับฟังให้เกิดความจรรโลงต่อสภาวะจิตใจ อันว่าชีวิตของคนเราไม่จำเป็นว่าจะต้องล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้ง แต่มันสำคัญที่ว่าเราจะใช้ความล้มเหลวให้เป็นประโยชน์ได้กี่หน ถ้าจะใช้ชีวิตให้คุ้มต้องทุ่มเทกับการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ใช้ชีวิตซ้ำๆอยู่ในหัวและไม่ใช่ "ใช้ชีวิตล่วงหน้าอยู่ในความฝัน" ออกเดินหนึ่งก้าวไม่ใช่แค่มาไกลขึ้นหนึ่งก้าวแต่ยังทำให้ใจคิดจะก้าวไม่ใช่เอาแต่ถอยหรือหยุดอยู่ ก้าวต่อไปไม่ต้องมองข้างหลังไม่ต้องหวังข้างหน้าเดี๋ยวก็ถึงที่หมายเอง มาถึงตรงนี้ในนามผู้เขียนเองก็คงต้องก้าวย่างเดินต่อไปดังปณิธานที่ตั้งมั่นไว้ นับแต่บัดนี้ไปเช่นกันครับ








เวลา 17.20 น.


รถเก๋ง BMWสีดำขับเคลื่อนออกจากประตูหมู่บ้านเทพอินทรา หมู่บ้านหรูใจกลางย่านรามอินทรา เสียงเพลงในรถคันหรูดังประสานกับเสียงคลอเบาๆอย่างอารมณ์ดีของชายหนุ่ม ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงมันทำให้อารมณ์ของเขาเป็นสุขยิ่งกับภาระกิจหลายๆอย่าง โชคดูจะเข้าข้างเขาเป็นอย่างยิ่งกับการบริหารจัดการเวลากับสิ่งต่างๆได้แบบลงตัวและเหมาะเหม็งยิ่งนัก วิศรุจใช้ลิ้นแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเล่นไปมา ใบหน้าอาบยิ้มปนไปด้วยความสุขภายใน ภาพของกนกกรที่นั่งฉอเลาะเขาก่อนหน้านี้ไม่นานผุดล่องลอยอยู่ในมโนภาพดั่งเช่นประกายความฝัน กนกกรคือหญิงสาวที่เขาทุ่มเทมอบความรักใส่ใจต่อเธออย่างดีเยี่ยมไม่ด้อยไปกว่าเดือนนภา แต่แล้วภาพของกนกกรพลันต้องหายวับไปทันควันเมื่อเสียงของโทรศัพท์คู่กายของเขาดังขึ้น วิศรุจใช้มือซ้ายเอื้อมจับมันขึ้นมาพร้อมกับกรอกเสียงถึงต้นเสียงอย่างเป็นกันเอง

"ว่าได๋จักร..มีปัญหาหยั๋งเบาะน้องหล่า..มันตุกติกหยั๋งบ่หล่ะ"

"อืมดีแล้วหล่ะ..เตรียมรับล็อตต่อไปกับตั้มได้เลย เดี๋ยวอ้ายโทรไปเคลียร์ให้"

"ได้ได้ มื้ออื่นเดี๋ยวอ้ายออกไปหาเองดอก..เก็บไว้ดีๆเดี๋ยวอ้ายเข้าไปเคลียร์"

"จั่งซั่นหล่ะเนาะ."

" อ้ายมาคนเดียวพี่เดือนเข้าบ่ได้มานำดอกน้องหล่า"

"อืม แค่นี้หล่ะ หวัดดีน้อง"


"เดือนนภา" ชื่อของเธอทำให้ชายหนุ่มพลันนึกถึงเธอโดยพลัน เย็นนี้วิศรุจรับปากกับเดือนนภาแฟนสาวว่าจะพาเธอออกไปทานมื้อเย็นด้วยกัน ชายหนุ่มกดวางโทรศัพท์พร้อมกับใช้เท้ากดคันเร่งให้หนักขึ้นเมื่อมองเห็นเวลาบนหน้าเก๋งคันหรู แล้วเจ้า BMW สีดำก็พุ่งทะยานมุ่งหน้าสู่ "สายอมรวสันต์ คอนโดมิเนียม" ในทันที











วันนี้การเดินทางอันยาวไกลบางครั้งมันมาไกลเกินที่จะย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดจากเมื่อวานที่ผ่านมาได้ แต่ว่า มันยังไม่สายที่จะปรับปรุงและแก้ไขถึงแนวโน้มของความผิดพลาดของวันพรุ่งนี้ได้ อดีตคือสิ่งที่สอนใจ อนาคตคือสิ่งที่เราควรเตรียมใจ แต่ปัจจุบันคือสิ่งที่เราต้องให้ความใส่ใจมากที่สุด สิ่งที่ไม่ดีควรปล่อยให้ผ่านแล้วตั้งใจทำบุญกุศลอยู่สม่ำเสมอแล้วผลแห่งการทำดีก็จะส่งผลดีให้เราสม่ำเสมอเช่นกัน การทำกรรมหรือการแก้กรรมนั้นคือเราต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานไม่ใช่ไปขุดเมื่อวานมาทำพิธีให้วันนี้สูญเปล่า การทำคุณงามความดีนั้นไม่ได้เห็นผลในทันตาแต่ว่าเห็นผลทันใจ นั่นก็คือ "ใจที่มันเป็นสุข"นั่นเอง


ข่าวที่เจ้าหน้าที่จับกุมยาเสพติดแล้วขยายผลไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนั้น ทำให้ณรงค์ฤทธิ์เสี่ยใหญ่ถึงต้องผวาอยู่ลึกๆ ลิ่วล้อเอเย่นต์รายย่อยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ปลอมเป็นสายล่อซื้อนำไปถึงการจับกุมจนต้องจำนนไปแล้วหลายราย แต่ส่วนลึกของเสี่ยณรงค์ฤทธิ์กลับยังมั่นใจได้ว่า อำนาจเงินตราและอำนาจบารมียังพอมีอยู่มาก การปิดบัญชีดำกับเอเย่นต์รายย่อยถูกสั่งการลับถึงลิ่วล้อผู้มีสีแต่จิตใจต่ำอยู่ใต้อำนาจที่มืดดำถูกกิเลศเข้าครอบงำจนไม่สามารถแยกออกว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนเลว ข่าวการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวไปฝากขังมีให้เห็นถี่ขึ้นตามหน้าทีวีและหนังสือพิมพ์ ทำให้ผู้กำกับสถานีต่างๆต้องกุมขมับกันเป็นแถวๆเพราะต้องคอยตอบคำถามของสื่อต่างๆที่พุ่งประเด็น เล็งให้เห็นถึงความล้มเหลวถึงการควบคุมป้องกันผู้ต้องหา เพราะการจบชีวิตของผู้ต้องหามันเป็นการตัดระบบในการโยงใยไปหาเอเย่นต์รายใหญ่ที่กุมบันเหียนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง งานนี้ทำให้ พ.ต.ต.ปรีชา สังควรรณาการชัย ผู้กำกับตงฉินประจำสถานีหัวหมากต้องสั่งเข้มวางกำลังประกบคุ้มกันตัวผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นอีกสองนาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เฉกเช่นสถานีต่างๆที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้






ไม่มีเส้นทางสู่จุดหมายใดที่เรียบง่ายและโล่ง ในทุกเส้นทางนั้นต่างมีอุปสรรคคอยขัดขวางอยู่เสมอ บางอุปสรรคเป็นก้อนหินใหญ่ให้อึดอัด บางครั้งอาจเป็นกำแพงสูงให้หนักใจ คงไม่มีใครที่ไม่พานพบอุปสรรคต่างแต่ว่าเมื่อเจออุปสรรคแล้วแต่ละคนหาทางออกอย่างไรกัน เจอโขดหินใหญ่ก็เดินอ้อม เจอกำแพงสูงก็ปีนป่ายหรือใช้ไม้ช่วยก็คงจะได้มั้งเนาะ (ว่ามั้ย) ทุกอุปสรรคมีวิธีผ่านสุดแต่ "ความคิดที่ไม่มีวันยอมแพ้" จะเปิดทางให้เราแค่ไหนเท่านั้นเองครับครับ








                               อาทิตย์ยามบ่ายยังเปล่งประกายแสงอันร้อนระอุให้กับผืนโลกถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันไกลแสนไกล และนับวันรังสีแห่งความเร่าร้อนนี้จะเพิ่มทวีคูณขึ้นมากมายหลายเท่าจนทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกใบกว้างต้องหาทางออกให้กับตัวเอง เครื่องปรับอากาศถูกนำมาใช้อยู่ทั่วทุกจุดในทุกมุมโลก เครื่องอำนวยความสะดวกนานัปการถูกผลิตขึ้นมารองรับความต้องการของมนุษยชาติ และบรรดาสิ่งเหล่านี้เองกลับเป็นเครื่องกระตุ้นเร่งเร้าเพิ่มความเร่าร้อนของโลกให้มากขึ้นเป็นเท่า
ตัว



              "โอยยย..ทำไมมันร้อนอย่างนี้ก็ไม่รู้นะนก ป่านจะละลายแล้วนะเนี่ย"  สายป่านเอ่ยกับเพื่อนรักพร้อมกับใช้พัดกระดาษโบกกลับไปกลับมาเพื่อให้แรงลมปะทะกับใบหน้าอันคมได้รูปของเธอ  ร่มเงาจากต้นจามจุรีช่วยปกป้องแสงแดดได้มากทีเดียว สังเกตุได้ว่าตอนนี้มีนักศึกษาเข้ามาอาศัยการอ่านหนังสือและทำกิจกรรมต่างๆอยู่หลายคน

              "เมืองไทยเราทุกวันนี้มันร้อนขึ้นมากเลยนะ นกเองยังรู้สึกสัมผัสได้เลย ยิ่งในกรุงเทพฯด้วยนะมันช่างแตกต่างกับทางอีสานบ้านของนกเสียจริงๆ"  ขวัญชนกสาวเมืองขอนแก่นพูดขึ้นบ้าง สายตาสำรวจหาแผ่นกระดาษในมือที่พอจะเป็นเครื่องทำความเย็นให้แก่เธอเฉกเช่นสายป่านเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ

             "เออนี่ป่าน..ที่นกเคยสัญญาไว้ว่าจะพาไปลิ้มรสอาหารอีสานอ่ะ ตกลงว่าเป็นเย็นนี้นะแก ..ว่าไงหล่ะแกว่างไหม?? "  ขวัญชนกเอ่ยเอ่ยกับเพื่อนสาว มือขวาใช้กระดาษแผ่นแข็งพัดวีไล่อากาศที่ดูร้อนผ่าวอยู่ทั่วใบหน้าของเธอ

            "ตอนหัวค่ำป่านว่างอยู่พอดีเลย แล้วนกจะพาป่านไปที่ไหนหล่ะ ขออย่างเดียวนะแกอย่าให้มันไกลที่พักนักก็แล้วกัน"  เธอบอกพร้อมกับขยับตัวเปลี่ยนอริยาบทท่านั่ง

            "เออน่าแก..ไม่ไกลหรอกน่า ที่สำคัญนะอาหารร้านนี้เขาว่าอร่อยมากนะและที่มากไปกว่านั้นมีเสียงเพลงช่วยผ่อนคลายให้ฟังด้วย ไม่แน่นะบางทีแกอาจจะแปลกใจด้วยซ้ำไป"  ขวัญชนกบอกยิ้มๆ

            "แปลกใจอะไรเหรอนก..มีอะไรให้ป่านแปลกใจนิ๊"  เธอเอ่ย สายตาจับจ้องมองใบหน้าของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

            "อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอก แค่นกจะพาป่านไปลิ้มลองรสชาดอาหารแปลกๆเท่านั้นเอง"

            "แล้วสรุปนกจะพาป่านไปที่ไหนเนี่ยะ" สายป่านถามเพื่อนรักสายตาคู่คมจับจ้องพร้อมรอคำตอบ

            "นกจะพาไปที่ร้าน สกาวเดือนจ้าป่าน"
 



โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น