tag:blogger.com,1999:blog-1207706495454124042024-03-14T01:14:25.236-07:00{อีเกียแดง แห่งรัตติกาล}รวมงานเขียนส่วนตัวของหนุ่มหน้ามนคนเมืองพุทฯรุทธิ์ อีเกียแดง
และผลงานที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวจากสมาชิก
เว็บไซต์ www.isanchula.com
{ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมครับ}อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.comBlogger32125tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-62971013078218338702015-02-26T14:27:00.003-08:002015-02-26T14:27:42.217-08:00ผญาบุญผะเหวด เดือนสี่ โดยอีเกียแดง แห่งรัตติกาล<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizadg8UHPxHrp_SapJfJUJhE7pcaIPEgL7zz9nk6Dw5NmyQARcPPz0m1rrf3GslpSN9RgNz0CAfbdJC67xvp7fVX3pSTWwmjxL3GQybbbwAemxs_ExqFZj4jehYYaFdoaEq7PuzlMm6xG9/s1600/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9C%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%94-2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizadg8UHPxHrp_SapJfJUJhE7pcaIPEgL7zz9nk6Dw5NmyQARcPPz0m1rrf3GslpSN9RgNz0CAfbdJC67xvp7fVX3pSTWwmjxL3GQybbbwAemxs_ExqFZj4jehYYaFdoaEq7PuzlMm6xG9/s1600/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9C%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%94-2.jpg" height="374" width="640" /></a></div>
<div style="font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 17.9200000762939px; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
<span style="background-color: white; color: blue; font-size: large;"><b><br /></b></span></div>
<div style="font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 17.9200000762939px; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
<span style="background-color: white; color: blue; font-size: large;"><b><br /></b></span></div>
<div style="font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 17.9200000762939px; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
<span style="background-color: white; color: blue; font-size: large;"><b><br /></b></span></div>
<div style="font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 17.9200000762939px; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
<span style="background-color: white; color: blue; font-size: large;"><b>พี่น้องเอ๋ย ขอยอยกถกเค้า วิถีเก่าแต่คราวหลัง<br />หลายคนยังหล่ะยึดถือ จื่อเห็นเป็นคำอ้าง<br />วิถีทางบ่ต่างเค้า ได้รวมเอาศรัทธาแกร่ง<br />ดั่งแสงธรรมได้นำแจ้ง แปงทางฮู้สู่ค่าค<span class="text_exposed_show" style="display: inline;">วร</span></b></span></div>
<div class="text_exposed_show" style="display: inline; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 17.9200000762939px;">
<span style="color: blue; font-size: large;"><b><div style="margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
<span style="background-color: white;">หญิงและชายต่างหมายล้วน ได้หวนก่อต่องานบุญ<br />เดือนสี่หมุนหล่ะอ่วยมา ศรัทธาใจต่างไหลน้อม<br />พะยอมหอมกลิ่นเค้า เจ้ามันปลากะว่ากรุ่น<br />ผะเหวดบุญคือทุนเอื้อ ได้เฟือส่าง(สร้าง)หย่างต่อฮอย</span></div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
พี่น้องเอ๊ย ประวัติดีมีบ่น้อย บ่อาจปล่อยให้ลอยสูญ<br />ขอจับจูนค่าคำ ให้นำเห็นหล่ะทางเค้า<br />ส่องเห็นเงาผู้เอาฤษก เบิกแนวทางให้ตางก่อ<br />เอาแค่พอให้ฮู้..ยกนามซูเอ่ยอ้าง ให้ทางเจ้าได้เลายิน</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
โอน้อ พระมาลัยผู้ไกลสิ้น กิเลสปิ่นหล่ะทางจร<br />นามกรขจรไกล อยู่ในพงศ์เซื้อ<br />ฤทธาเหลือจนเฟือล้น เหาะเดินวนจนคนส่า<br />สวรรค์ดาวอยู่ฮาวฟ้า เทวาพ้องกะส่องชม</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
จุฬามณีกะบ่ม้ม ได้ชมต่อน้อเมืองบน<br />ดั่งว่าผลค่าธรรม ได้ส่องนำจนเห็นแจ้ง<br />ประดุจแสงแยงซี้ ชุลีกรได้น้อมต่อ<br />ดั่งแสงธรรมให้นำพ้อ น้อแก้วค่างาม</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
พระศรีอารย์คือนามท่าน ผู้ผันถ่ายในภายกาล<br />สืบความงามทางใจ ให้ฮุ่งใสเทียมแก้ว<br />สิต่อแนวโคดมท่าน ขันใจรวมให้กวมแกร่ง<br />ไผอยากแยงฮ่วมแปงปั้น ให้หมั่นส่าง(สร้าง)ทางหย่างควร</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
สู่ความดีที่งามล้วน ในมวลแก่นทางใจ<br />หากว่าไผเฮ็ดนำ ผลกระทำย่อมเห็นแจ้ง<br />ยกแสดงไว้สามข่อ(ข้อ) ฝากต่อทางมาลัยท่าน<br />ให้จือจำหล่ะนำมั่น สิผันพ้อหล่ะต่อทาง ซั้นแหล๊ว</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
โอน้อ คุณมารดาว่าเลิศล้ำ บิดาส่ำเทียมเถิง<br />ให้เจ้าเทินค่าสูง ผดุงงามคือเว้า<br />อีกทั้งพุทธองค์เจ้า น้อมเอาคุณให้หนุนซ่อย<br />หล่ะอย่าสะคอยยุเย้า ให้สงฆ์เจ้าสิ้นเหล่าควร</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
ประพฤติธรรมนำซ้วน ให้ควรค่าว่าทางใจ<br />ผะเหวดในชาดก ถืกยกเอาหล่ะมาอ้าง<br />ให้เสริมทางให้สานคล้อง จ่องแนวทางอย่าตางเก่า<br />สิได้พบเมตไตรยเจ้า ในคราวหน่า(หน้า)บัดห่าลุน พุ้นแหล๊ว</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
พี่น้องเอ๋ย เป็นประวัติแต่ภายพุ้น ที่หนุนส่องจนมองเห็น<br />จนสืบเป็นค่าฮอย ที่คอยเพียรหล่ะเวียนน้อม<br />ดอกพะยอมหอมกลิ่นค้าง กะเถิงทางหว่างเดือนสี่<br />ผะเหวดบุญหล่ะคราวนี่ คนปรี่ร่วมว่าฮ่วมงาน ซั้นแหล๊วครับ</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
เตรียมสถานให้งามพร้อม พระซ้อมอ่านมาลัยแสน<br />ธรรมาสน์แขวนสายโยง ผูกธงทิวจนปลิวว่อน<br />ทั้งกัณฑ์หลอนกะเตรียมเอ้ สนุกเฮฮ้องหม่วน<br />ผะเหวดลายงามล้วน สมควรค่าหล่ะว่ายิล</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
สิบสามกัณฑ์ทั้งเหมิดสิ้น เสียงยินส่งยังคงดัง<br />แห่ตามหลังดั่งสู่เมือง ตามเรื่องราวแต่คราวกี้<br />นางมัทรีมีสมส่าง(สร้าง) ชูชกพราหมณ์กะตามต่อ<br />อีกกัณหาชาลีจ้อ ถืกพราหมณ์ล่อหล่ะสู่เมือง</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
โอน้อ สมมุติทำหล่ะนำเรื่อง ประเทืองค่าจนพาเห็น<br />ศีล-ทานเป็นเช่นผลควร ให้หวนตรองดั่งคองเค้า<br />ฟังธรรมเอาหล่ะใจตั้ง อีกศีล-ทานกะตางต่อ<br />อย่างละพันสรรหาพ้อ มายอไว่หล่ะใส่งาน</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
มาลางามดอกบานแย้ม กะแต้มต่อน้องานบุญ<br />ธูปเทียนหนุนเป็นบุญงาม กะเอาตามดั่งเคยเว้า<br />อีกทั้งเข่า(ข้าว)เหนียวปั้น กะขันเอาเล่าพันท่อ<br />มายกยอหล่ะห่อปั้น ขันร่วมให้ฮ่วมมี</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
พี่น้องเอ๊ย ขออ่วยลงหล่ะตรงนี่ วิถีเรื่องให้เนืองตรอง<br />ฮักษาคองแต่ก่อนกาล ให้สืบสานหล่ะคงไว้<br />อีสานไทยสืบสายร่วม สวมสัมพันธ์บ่หันปล่อย<br />ยังกรุ่นฮอยคอยเห็นเค้า..อีเกียแดงยังแจงเว้า..เอามาอ้างบ่ต่างเคย อยู่เด้ครับ</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
บทกลอนผญาโดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล@อนิรุทธิ์<br />๒๖/๒/๒๕๕๘</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
ปล ผิดพลาดหรือไม่สมควรประการใด ขออภัยท่านผู้รู้นำเด้อครับ<br />ด้วยจิตน้อมคารวะ</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
"บุญผะเหวด" เป็นสําเนียงชาวอีสานที่มาจากคําว่า "บุญพระเวส"หรือพระเวสสันดร เป็นประเพณีตามคติความเชื่อของชาวอีสานที่ว่า หากผู้ใดได้ฟัง เทศน์เรื่องพระเวสสันดรทั้ง 13 กัณฑ์จบภายในวันเดียว จะได้เกิดร่วมชาติภพกับพระศรีอริยเมตไตย บุญผะเหวดนี้จะทําติดต่อกันสามวัน วันแรกจัดเตรียมสถานที่ตกแต่ง ศาลาการเปรียญวันที่สองเป็นวันเฉลิมฉลองพระเวสสันดร ชาวบ้านร่วมทั้งพระภิกษุสงฆ์จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมา ร่วมพิธีมีทั้งการจัดขบวนแห่เครื่องไทยทานฟังเทศน์และแห่พระเวส โดยการแห่ผ้าผะเหวด (ผ้าผืนยาวเขียนภาพเล่าเรื่องพระเวสสันดร)</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
ซึ่งสมมติเป็น การแห่พระเวสสันดรเข้าสู่เมือง เมื่อถึงเวลาค่ำจะมีเทศน์เรื่องพระมาลัย ส่วนวันที่สามเป็นงานบุญพิธี ชาวบ้านจะร่วมกันตักบาตรข้าวพันก้อน พิธีจะมี ไปจนค่ำ ชาวบ้านจะแห่แหน ฟ้อนรําตั้งขบวนเรียงรายตั้งกัณฑ์มาถวายอานิสงฆ์อีกกัณฑ์หนึ่ง จึงเสร็จพิธมูลเหตุของพิธีกรรมพระสงฆ์จะเทศน์เรื่อง เวสสันดรชาดกจนจบและเทศน์ จากเรื่องในหนังสือมาไลยหมื่นมาไลยแสนกล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระมาลัยเถระได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุเกษแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และได้พบปะสนทนากับพระศรีอริยเมนไตย ผู้ที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตและพระศรีอริยเมตไตยได้สั่งความมากับ พระมาลัยว่า "ถ้ามนุษย์อยากจะพบและร่วมเกิดในศาสนาของพระองค์แล้วจะต้องปฏิบัติตนดังต่อไปนี้คือ"</div>
<div style="background-color: white; margin-bottom: 1em; margin-top: 1em;">
1. จงอย่าฆ่าพ่อตีแม่ สมณพราหมณ์<br />2. จงอย่าทําร้ายพระพุทธเจ้า และยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน<br />3. ให้ตั้งใจฟังเทศน์เรื่อง พระเวสสันดรให้จบในวันเดียวด้วยเหตุ ที่ชาวอีสานต้องการจะได้พบพระศรีอริยเมตไตยและเกิดร่วมศาสนาของพระองค์จึง มีการทําบุญผะเหวด ซึ่งเป็นประจําทุกปี</div>
</b></span></div>
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-77660913658445024762014-12-27T04:41:00.002-08:002014-12-27T04:41:32.591-08:00<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDhq4VQWVMvt6zITxs0ohmcuLA7vmS6HDbofLHwZHr0Dtjh0rsh2EcqY58TAuRA68bIbVV-Gvo0Z6tzTXL6WLgjiLLp99LjXojMHgGe_Ukl1sHUuF0lRZqeP5RFaN6_c7rEga49G3908Ze/s1600/10385496_892221750802176_8527743291842804176_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDhq4VQWVMvt6zITxs0ohmcuLA7vmS6HDbofLHwZHr0Dtjh0rsh2EcqY58TAuRA68bIbVV-Gvo0Z6tzTXL6WLgjiLLp99LjXojMHgGe_Ukl1sHUuF0lRZqeP5RFaN6_c7rEga49G3908Ze/s1600/10385496_892221750802176_8527743291842804176_n.jpg" height="480" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;">นิทานคำกลอนผญาสอนใจ สไตล์รุทธิ์ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล</span><br style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;" /><br style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;" /><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"> เรื่อง หมาน้อยผู้ลืมคุณ</span><br style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;" /><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><br /></span><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;"></span><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"> <span style="color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">นิทานกลอนคติธรรม ตอนจบครับ</span></span></span><br />
<span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;"><span style="font-size: large;"><br /></span></span></span>
<span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;"><span style="font-size: large;"><br /></span></span></span>
<span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;"><span style="font-size: large;"><br /></span></span></span>
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">พี่น้องเอ๋ย ราชสีห์คิดการณ์ล้ำ ความใฝ่ต่ำได้นำเจอ</span><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">เผลออุบายสิวายชนน์ ให้แก่คนที่เคยเลี้ยง</span><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">ปิดทางเสียงเพื่อเสี่ยงส่น เรื่องตนมีเซื้อเก่า</span><span class="text_exposed_show" style="background-color: white; color: #141823; display: inline; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;"><br />คันว่ามีอาจารย์เจ้า กะคงเว้าให้เลาเสีย แท้แหล่ว<br /><br />โอน้อ กรรมนำเฟียตั้งแต่เริ่ม เผดิมคิดจิตมัวหมอง<br />ราชสีห์มองบ่เห็น คงถึงเวรน้อเกินแล้ว<br />บ่เห็นแววสิคืนได้ หัวใจในแหม่นดำด๊าง พี่น้องเอ๊ย<br />โจนทะยานขานก้อง สิจองล้างค่าคุณ ฮึ่ม!! (เอาแล้วบัดนี่)<br /><br />ทางอาจารย์ผู้ใจมุ่ง ผดุงต่อน้อความดี<br />ประกายมีแสงทิพย์ จิตส่องเห็นหล่ะเวรฮ้าย<br />ขยับกายเที่ยงหมั่น หันสู่ธรรมที่ตั้งต่อ<br />หลับตารอต่อศิษย์เจ้า ผู้เนาอ้อนแต่ก่อนกาล สั่นแหล๊ว<br /><br />อวสานนิทานท้าย ขยายเรื่องให้เนืองตรอง<br />สิงห์ผยองถืกจองจับ กลับเป็นหมาในคราพุ้น<br />ย้อนลืมคุณอาจารย์เจ้า ตัณหาเมาจนเขลาโง่<br />สมพาโลน้อโตเจ้า ขี้เฮี้ยนเข้าหล่ะเหล่าคืน (จื่อบ่)<br /><br />พี่น้องเอ๋ย นิทานกลอนสอนบ่ตื้น ให้ตื่นต่อน้อคำจา<br />ภูมิปัญญาให้ตรองตรึก สำนึกคุณเป็นบุญแท้<br />ให้ลองแปลนิทานเค้า มาเหล่ามองตรองให้ถี่<br />ขอจบลงแหม่นตรงนี่..นิทานมี<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>หล่ะส่ำนี่..วาทีน้อมหล่ะต่<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>อคุณ เด้อครับ<br /><br />หากว่าไปในภายพุ้น บุญมีต่อกะพอเสริม<br />ปัญญาเติมทางใจ สว่างในได้เห็นแจ้ง<br />อีเกียแดงพร้องแจงแจก แนบสำนวนมาหวนต่อ<br />นิทานธรรมคงจำพ้อ ขอคืนเค้าได้เลายิน<br /><br />ผญากลอนบ่ฮ่อนสิ้น หากศิลป์ส่งยังคงดัง<br />ลูกหลานยังฮ่วมสาน คือดั่งกาลที่นานล่วง<br />พอปานดวงไฟแก้ว ยังเห็นแววประกายค่า<br />ศิวิไลในผืนหล้า..อีสานหล่า<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>ได้ส่ายิน..เสียงพิณอ้อน...<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>..<br /><br />น้อมจิตคารวะ<br />อีเกียแดง แห่งรัตติกาล<br />๑/๑๑/๒๕๕๗</span></span>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-61027418299953638502014-12-27T04:39:00.003-08:002014-12-27T04:39:49.548-08:00<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijsPFSwwbLsbi7M5u22w7wR5FP08Z624PHFTo9lnKBvIUZNLwKmGvKMXbAQeB7_EidEeXTTbPOtSv3awo1NarCB-0IPb4Lqiv3Jl9dsIkGyklGLMESU4hg5GQMGlkccBdvg9uXin6X3m4b/s1600/10410110_892221377468880_3802282983198533350_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijsPFSwwbLsbi7M5u22w7wR5FP08Z624PHFTo9lnKBvIUZNLwKmGvKMXbAQeB7_EidEeXTTbPOtSv3awo1NarCB-0IPb4Lqiv3Jl9dsIkGyklGLMESU4hg5GQMGlkccBdvg9uXin6X3m4b/s1600/10410110_892221377468880_3802282983198533350_n.jpg" height="640" width="560" /></a></div>
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;">นิทานคำกลอนผญาสอนใจ สไตล์รุทธิ์ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล</span><br style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;" /><br style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;" /><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"> เรื่อง หมาน้อยผู้ลืมคุณ</span><br style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;" /><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><br /></span><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 18.2000007629395px;"></span><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"> <span style="color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">นิทานกลอนคติธรรม ตอนที่สองครับ</span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">โอน้อ ทางหมาน้อยกะพลอยปลื้ม แหม่นยืนย่างกะพลางสุข</span><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">บ่ว่านอนหรือลุก กะสุขขีบ่มีฮ้อน</span><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">หมาน้อยนอนแนบไหว้ ถวายงานเอาการก่อ</span><span class="text_exposed_show" style="background-color: white; color: #141823; display: inline; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;"><br />สองปีขอนอบน้อม ยอมรับใซ้เพื่อไถ่คุณ สั่นแหล๊วครับ<br /><br />หล่วงสองปีบ่มีวุ่น ย้อนหนุนต่อน้อความดี<br />อาจารย์มีใจฮัก แหม่นหนักหนากะพาแก้<br />กุศลมีแหม่นดีแท้ บ่แหว่ทางจนตางหล่วง<br />ประพฤติควรได้หวนน้อม กะถึงพร้อมค่างาม<br /><br />จวบหลายกาลว่านานแล้ว ยังแน่วต่อน้อความดี<br />บ่มีหนีห่างทาง บ่ปล่อยวางจนการวุ่น<br />ความการุณหนุนน้อม ต้อมใส่ทางดั่งวาทว่า<br />อาจารย์หาพรล้ำ ได้นำมอบตอบต่อคืน (โอ้ หมาน้อยสิได้ขอพรบัดนี่หล่ะ<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>)<br /><br />พี่น้องเอ๋ย ทางหมาน้อยกะพลอยชื่น แหม่นยืนคิดในใจ<br />พร้อมขานไขในประสงค์ อาจารย์คงสิเห็นพร้อม<br />ว่าแล้วยอมือน้อม ประนมกรตั้งเที่ยง<br />เปล่งสำเนียงเสียงเว้า เปลี่ยนเอาร่างราชสีห์ ว่าซ้านครับ (โอ้เนาะ)<br /><br />------คือว่าซั้นน้อท้าว---<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>--<br /><br />อยากเที่ยวไปในโลกนี่ บ่มีสิ่งคาขวง<br />สัตว์ทั้งปวงให้เกรงขาม บัดยามกลายในภายพื้น<br />อาจารย์ยืนมืนตาจ้อง ท่องอาคมให้สมดั๊ง<br />-------โอมเพี้ยง------<br />หมาน้อยพลันกลายร่าง สู่ทางราชสีห์ สั่นแหล่วครับ<br /><br />โอน้อ สมใจหมายในภายนี่ กะรี่แล่นทางจร<br />ชมนครพฤกษา ผืนป่างามตามใจต้อง<br />ตะวันรอนหลบนอนถ่ำ(ถ้ำ) จนหลายวันได้ผันก่าย<br />ราชสีห์กะย่างย้าย หมายพ้อต่อคู่งาม (โอ้ เพินพ้อผู้สาวสั่นแหล่ว)<br /><br />พี่น้องเอ๋ย ใจประสงค์คงคาน้ำ ยังตามต่อน้อนำหา<br />ใจประสงค์กานดา กะว่านำจนตำพ้อ<br />ยกใจยอพอใจเจ้า ราชสีห์สาวผู้ล้ำค่า<br />เกี้ยวพาราพาใจมอบ...ตอบสาว<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>เจ้าว่าเหล่าปอง เด้อบัดนี่<br /><br />ราชสีห์สาวหล่ะทางน้อง กะเปิดป่องชายตา<br />รับวาจาของชาย หากหมายสมสิชมซ้อน<br />เปล่งเสียงวอนอ่อนวาท หากคารมนั่นสมว่า<br />ให้นำพาว่าแม่เจ้า..ให้นำเอ<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>าอี๊พ่อเจ้า มาวานเว้าต่อเผ่านาง เด้ออ้าย<br /><br />โอ้เนาะ ปานว่าราคีคล้ำ มาตำหน่วงทางใจ<br />สิบอกไปในความจริง กะย้านสิงห์นางเกรี้ยว<br />นางเอ๊ย ขอหลบเทียวคืนบ้าน ถิ่นภูฏานสถานที่ ก่อนเด้อ<br />สิบราตรีสิคืนโค้ง ดำรงไว้ต่อคำ เด้อหล่า<br /><br />อีเกียแดง แห่งรัตติกาล<br />๓๑/๑๐/๒๕๕๗</span></span>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-3019266086725430002014-12-27T04:35:00.002-08:002014-12-27T04:35:43.636-08:00<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEir6cVRIBnzPCN7oH-v4lC0YNCMg7VpScwWMfTZBjX5rbu1RSUtcMFka64CUVvTDAcV01TuWGdRTACYADCNkVw_s6ANCzvKOD97euAM4EoQdjmYA8c_ufHmQaRkFwOHecpZ4d7ZLmi-dxRF/s1600/1690021_892221007468917_1551360563352206448_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEir6cVRIBnzPCN7oH-v4lC0YNCMg7VpScwWMfTZBjX5rbu1RSUtcMFka64CUVvTDAcV01TuWGdRTACYADCNkVw_s6ANCzvKOD97euAM4EoQdjmYA8c_ufHmQaRkFwOHecpZ4d7ZLmi-dxRF/s1600/1690021_892221007468917_1551360563352206448_n.jpg" height="448" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<span style="font-size: large;">นิทานคำกลอนผญาสอนใจ สไตล์รุทธิ์ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เรื่อง หมาน้อยผู้ลืมคุณ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> <span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">นิทานกลอนคติธรรม ตอนที่หนึ่งครับ</span></span><br />
<span style="font-size: large;"><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">โอน้อ ขอลองจับขยับเรื่อง เยื้องย่างในทางกลอน</span><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">กับคำสอนในตอนหลัง ดั่งนิทานที่ขานแจ้ง</span><br style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;" /><span style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;">ยกแสดงมาแปลงเว้า ขัดเกลาคำให้จำจื่อ</span><span class="text_exposed_show" style="background-color: white; color: #141823; display: inline; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 18px;"><br />หากว่าคือกะถือไว้ เอาใจน้อมต้อมใส่นำ เด้อครับ<br /><br />สาธุเด้อ คุณพระพุทธเลิศล้ำ ให้ค้ำเกี่ยว..ทางจิต<br />ร้อยเรียงคำจงสำฤทธิ์ อย่าติดขวง..คาค้าง<br />ให้ส่องทางกระจ่างแจ้ง สิแปลงคำให้จำก่อ<br />ขอยกยอต่อเหนือเกล้า เอามาน้อมต้อมใส่ลง สาธุ<br /><br />ประนมกรน้อมโน้ม ก้มต่อน้ออาจารย์<br />ผู้ประสานคำสอน กลอนผญาได้พาแจ้ง<br />ให้เป็นแสงส่องชี้ ให้มีทางได้สานก่อ<br />ยามติดขัดให้พัดพ้อ กลอนไหลจ้อได้ต่อลง<br /><br />พี่น้องเอ๊ย กล่าวเถิงดงหล่ะพงไม้ ผืนใหญ่ในภูฏาน<br />ขนานนามตามหลัก จักซื่อหยั๋งบ่ทันฮู้ (ฮ่วยเนาะ)<br />มีท่านครูผู้ประเสริฐ เลิศทางคุณได้หนุนเกี่ยว<br />สัตว์ทั้งหลายต่างหมายเกี้ย<wbr></wbr><span class="word_break" style="display: inline-block;"></span>ว เหนี่ยวใจน้อมต้อมต่อคุณ<br /><br />ความการุณท่านสูงเอื้อ เกื้อกูลต่อน้อฝูงสัตว์<br />ทางมนตราคณานับ จับเสกหยั๋งกะฟัง-ฟื้น<br />แหม่นตายคืนกะยืนได้ สัตว์น้อมในวจีดั่ง<br />สื่อสารฟังคำได้ บ่ไกลเจ้าดอกเหล่าคน<br /><br />ยกบทบาทเบื้องต้น มาวนใส่ในทางกลอน<br />ยินเสียงหอนบ้างนอนคราง ใต้หล่างเถียงพระคุณท่าน<br />สุดสงสารน้อหมาน้อย ขี้เฮี้ยนหลอยกินทั่ว<br />ลามทั้งตัวพ่องหัวเจ้า มันนอนเส่า(เศร้า) เกาหยั่งคืน<br /><br />เป็นที่น่าสมพื้น ได้แต่ตื่นหล่ะมืนตา<br />นั่งผวาย้อนว่าคัน สิลุกหันกะพลันล้ม<br />ปวดระบมจนซมซ้อน อาจารย์มองตรองแล้วหน๊าย โอยเนาะ<br />เลยปัดคลายทุกข์ซ้อน จนนอนได้ในหว่างคืน ซั้นแหล๊วครับ<br /><br />อีเกียแดง แห่งรัตติกาล/<br />๓๐/๑๐/๒๕๕๗</span></span>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-71682096041772540952013-09-28T15:33:00.001-07:002013-09-28T15:33:11.473-07:00 <span style="font-family: Georgia,"Times New Roman",serif;"><span style="font-size: large;"> ..รวมบทผญา..ตามอารมณ์นำพา..</span></span><br />
<span style="font-family: Georgia,"Times New Roman",serif;"><span style="font-size: large;"> อีเกียแดง แห่งรัตติกาล </span></span><br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEAvPjJNkPjm5FmchDMHwCLjSeVsUqdqj3GBzJ02IBjeA1J7rrP7U73o5XLM0UDA9Rl7bkIvsUwTWIkINBrP-KVcqcOnUp8WV1J-ajnsGRvtr4aHH3WDB3zdM-56zYBXWgLP2C-vCQCeci/s1600/1236365_655871484422862_731547644_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="438" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEAvPjJNkPjm5FmchDMHwCLjSeVsUqdqj3GBzJ02IBjeA1J7rrP7U73o5XLM0UDA9Rl7bkIvsUwTWIkINBrP-KVcqcOnUp8WV1J-ajnsGRvtr4aHH3WDB3zdM-56zYBXWgLP2C-vCQCeci/s640/1236365_655871484422862_731547644_n.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><span style="color: blue;"><span><span class="b14">พี่น้องเอ๋ย..<br />
<br />
เถิงแหม่นสายทางขั่น สายสัมพันธ์หั่นคงอยู่<br />
เปรียบประตูยู้กายต้อน ซอนใจเข้าได้เลาฟัง<br />
ดุจคือดั่งอ้ายน้อง เกลียวสีทองฮักหมั่นแก่น<br />
เป็นสายแนนแขวนเกี่ยวไว้ บ่ไลร้างดอกห่างกัน..<br />
<br />
ขอให้ฮักเสมอหมั่น อย่าป๋ากันน้อถิ่มปล่อย<br />
ให้ซ่อยซูซ่อยซ้อน คองเค้าแต่เก่าเดิม<br />
เชิญมาเสริมเติมร่วม กระบวนความให้คงอยู่<br />
ไขประตูสู่ป่องเอี้ยม เคียมเค้า..แต่เก่าหลัง..นำกันครับ<br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาล<br />
<br />
<span style="font-size: small;">ขอบคุณรูปภาพจาก<br />
Surin Sky View (เจ้าของภาพ)<br />
Buriram City เขากระโดง - เมืองบุรีรัมย์<br />
</span></span></span></span></span><span style="font-size: large;"><span style="color: blue;"><span><span class="b14"><span style="font-size: small;">..ภาพมุมสูง พระสุภัทรบพิตร บนยอดเขากระโดง</span></span></span></span></span><span style="font-size: large;"><span style="color: blue;"><span><span class="b14"><span style="font-size: small;"> บุรีรัมย์..(ปากปล่องภูเขาไฟ)ครับ</span></span></span></span></span><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi93HTDYmlhOpSkDDwV__OHIIKg3IgF1VFEhdnyOrEJlMZMeKq9SPmMU9KaE_l2GCuepOWI_nZdBLjfykZvIK8q6RC-K0r8I3Kctjn5hh5eYZzs94sIkP84U5fC5ph6k59DtdZthjt7gDw8/s1600/1236133_185667494946279_1719015187_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi93HTDYmlhOpSkDDwV__OHIIKg3IgF1VFEhdnyOrEJlMZMeKq9SPmMU9KaE_l2GCuepOWI_nZdBLjfykZvIK8q6RC-K0r8I3Kctjn5hh5eYZzs94sIkP84U5fC5ph6k59DtdZthjt7gDw8/s640/1236133_185667494946279_1719015187_n.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><span><span class="b14">ดอกแคบานกลางท่งกว้าง.หัวใจป่วงคนิงเถิง<br />
อ้ายนั่งเทิงเถียงนา.สายตามองตรองเห็นกลุ้ม<br />
ปานไฟสุมมันรุมเข้า ใจบ่เซาคิดฮ้อนฮ่ำ <br />
ย้อนคึดนำนารทน้อง ผู้เคยอ้อน.นั่งเคียง..เด้น้อ<br />
<br />
หล่านางเอ๊ย..<br />
<br />
เหลือแค่เพียงฮอยเจ้า ที่เคยเหล่าเฮาเคยหา<br />
เจ้าบ่กลับคืนนา ป๋าหัวใจไว้แคต้น<br />
หัวใจชายมันดำหม่น ย้อนหน้ามนบ่ท่องเทียว<br />
ไปบ่เหลียวหลังจ้อย ปล่อยอ้าย..ป่ายน้ำตา..เเท้น้อ<br />
<br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาล/</span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span><span class="b14"> <span style="font-size: small;">ภาพจากญาอ้ายภูเพียงครับ</span></span></span></span><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbrybBC-u4SbpPpOSA2sTEdwO0jDOpqvSsrnc1zw11taS7QoDshunsYAq7sdkJSMJCMsKQzcaDCPR91amSNabIyw0YwdwcyYuUQaACtr9KtCZlq4fWZRQdfm-oKoo9EzKCSiW73_SvB5OA/s1600/558660_650184801688243_1211121724_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="428" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbrybBC-u4SbpPpOSA2sTEdwO0jDOpqvSsrnc1zw11taS7QoDshunsYAq7sdkJSMJCMsKQzcaDCPR91amSNabIyw0YwdwcyYuUQaACtr9KtCZlq4fWZRQdfm-oKoo9EzKCSiW73_SvB5OA/s640/558660_650184801688243_1211121724_n.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><span><span class="b14"> </span></span></span><span class="userContent"><span style="font-size: large;"><span>หล่านางเอ๊ย..<br /> <br /> ปลายฤดูฝนคล้อย ลมวอยวอยลอยมาเปลี่ยน<br /> ภาพหลอยเวียนเจียนใจอ้าย คือหมายย้ำให้ฮ่ำฮอน.<br /> วาทะกลอนเคยวอนเว้า โฉมเฉลาเจ้าบอกหน่าย<br /> ปล่อยจุดหมายหาซายซ้อน เหลือคอนไว้ให้ไก่แยง..บ่ฮึ๊..</span></span><span class="text_exposed_show"><span style="font-size: large;"><span><br /> ย่างตะแคงจั่งลืมส่น โอ๊ย.หน้ามลคนบ้านป่า<br /> ปานว่าหงห์ได้เหิรฟ้า ถลาขึ้นบ่หมื่นลง..แท้น้อ..<br /> <br /> อีเกียแดง แห่งรัตติกาล</span></span><br /> <br /> ขอบคุณภาพจาก PV rainbow.ครับ</span></span>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-Isx0I6CaOS3iDS0yQVT0DzJ_CrSO30RCsVbYAS80Vs_zcAvm0ch0ymp4M7unn4zfWBD2ztrSBfixZQbGc3NNDimN6pToNW0DGoB4QbyyXBovtrHl07672XrNthKektleg874O-AorK4S/s1600/20130920062446.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-Isx0I6CaOS3iDS0yQVT0DzJ_CrSO30RCsVbYAS80Vs_zcAvm0ch0ymp4M7unn4zfWBD2ztrSBfixZQbGc3NNDimN6pToNW0DGoB4QbyyXBovtrHl07672XrNthKektleg874O-AorK4S/s640/20130920062446.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<span class="b14"></span><span class="b14"><span style="font-size: medium;"><span style="font-size: large;">หล่านางเอ๊ย..<br />
<br />
ย้านหัวใจสิเพม้าง ย้อนหนทางเป็นโตเปลี่ยน<br />
ย้านควมเพียรของฮักเจ้า สิไลร้างดอกห่างหนี<br />
ย้านคนดีหนีไปหน้า ถิ่มหนุ่มนาให่นอนป่วง..เด้น้อ<br />
ย้านฮักลวงหลอกต้ม ขมแล้วกะแส่วกลาย<br />
<br />
ย้านควมหมายของฮักแท้ เหมิดทางแหว่แป๋ทางเดิน..<br />
ย้านว่ากายที่เคยเพลิน ถืกเจ้าเมินน้อป๋าไว้<br />
ย้านเจ็บในจนเป็นไข้ เหมิดทางไขใล่ตกป่อง<br />
ย้านว่าเคียดึงจ้องไว้ ทางใจเจ้ากะเหล่าลืม..สั่นแหล๊ว..<br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาล//</span><br />
<br />
{ภาพ..พระเจดีย์ใหญ่ชัยมงคล จังหวัดร้อยเอ็ดครับ..} </span> </span><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5B7rqZp5iB8pYBFT5if1G_NKc2rFqK1MCRgLGkePJvwFUzugZ2SmGNWHl4oGlA6Xtpq1qDJiqkgQLEIBpnBpz5Bwl58pqsudyE-NcUxNev_W3t8iQpI_O8UkpWuD9MC67PntXQbONQyZK/s1600/988273_646875228685867_2139221027_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5B7rqZp5iB8pYBFT5if1G_NKc2rFqK1MCRgLGkePJvwFUzugZ2SmGNWHl4oGlA6Xtpq1qDJiqkgQLEIBpnBpz5Bwl58pqsudyE-NcUxNev_W3t8iQpI_O8UkpWuD9MC67PntXQbONQyZK/s640/988273_646875228685867_2139221027_n.jpg" width="640" /></a></div>
<span class="b14"> </span>
<br />
<br />
<br />
<span style="font-size: medium;"><span style="font-size: large;"><span class="b14"> </span></span><span class="b14"><span style="font-size: large;">หล่านางเอ๊ย..<br />
<br />
คำเฮาสัญญาไว้ บ่ลืมไลน้อป๋าปล่อย<br />
ยังคงลอยมาออยเว้า เหลาใจให้ได้คึดนำ<br />
แหม่นถลำห่างไปหน้า ห่างกายาวาจาอยู่..อยู่เด้อ<br />
ป่องประตูบ่ฮู้แย้ม เก็บแซมซู้เข้าอู่ใจ<br />
<br />
อันว่าในโลกานี้ มีสาวอื่นอยู่หมื่นแสน..นางเอ๊ย<br />
ใจบ่คลอนแคลนฮัก สลักลงยังคงไว้<br />
อยู่ในใจเสมอหมั่น บ่เคยผันดอกเป็นอื่น<br />
เก็บวันซืนยืนหวนพ้อ รอมื้อให้ได้ไต่คืน..สั่นแหล๊ว..<br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาล</span><br />
<br />
เก็บภาพท่งนาเกาหลีมาฝากครับ</span></span><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiduRVRVq0HP5cBFzMKLhoVM2Yelm8h-8J8wnvCNgbrC5d3hloXMbhKZwyTsC8V2WdOwBQ0EDyHRhEeqYmMN717oWRp4bbSkTJjmM2Ldg2bwmbuDZPNcAvmmhHWf9QQ_YHk6LYV8x3UhXkB/s1600/1186038_666518490024828_1895355175_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiduRVRVq0HP5cBFzMKLhoVM2Yelm8h-8J8wnvCNgbrC5d3hloXMbhKZwyTsC8V2WdOwBQ0EDyHRhEeqYmMN717oWRp4bbSkTJjmM2Ldg2bwmbuDZPNcAvmmhHWf9QQ_YHk6LYV8x3UhXkB/s640/1186038_666518490024828_1895355175_n.jpg" width="480" /></a></div>
<span style="font-size: medium;"><span class="b14"> </span></span>
<br />
<span style="font-size: medium;"><span class="b14"></span><span class="b14"><span style="font-size: large;">หล่านางเอ๊ย..<br />
<br />
อันว่าฝนมันหลงฟ้า ชลธามันหลงฝั่ง<br />
ปลาหลงวังอั่งน้ำ บ่หวนหย่อต่อคืน<br />
กระต่ายยืนตื่นจันทร์เจ้า หลงแยงเอาจนว่าป่วง<br />
อ้ายหลงครวญฮ่วนหาเจ้า เทิงยืนเศร้า.เล่าคึดนำ..สั่นแหล๊ว..<br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาล/</span><br />
<br />
เก็บรูปพระจันทร์เต็มดวงจากทางประเทศเกาหลีมาฝากครับ..</span></span><br />
<br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-58233575426294849122013-06-08T03:34:00.000-07:002015-01-10T17:32:00.665-08:00สายใยไหม สายใยผ้า สายใยแห่งวิถี {โดย..อีเกียแดง แห่งรัตติกาล}<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=hpq8jsFl9eU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=hpq8jsFl9eU</a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://www.facebook.com/Ekiadeang">https://www.facebook.com/Ekiadeang</a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;">อีเกียแดง แห่งรัตติกาล</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8AfzCGezNJ28gZZ7mRAHRnzMu-Qd_XHJ-qhnfc6n0sRARGvmWOVQMWwjYZON0h6aIDBYAGFyMXt5vuSEkOrd7eoume4mHuW9dDC1bFVj7lKa5mAj8hwosqKDLs8LMgTUSuPmkAwCivm1m/s1600/20130213080103.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8AfzCGezNJ28gZZ7mRAHRnzMu-Qd_XHJ-qhnfc6n0sRARGvmWOVQMWwjYZON0h6aIDBYAGFyMXt5vuSEkOrd7eoume4mHuW9dDC1bFVj7lKa5mAj8hwosqKDLs8LMgTUSuPmkAwCivm1m/s640/20130213080103.jpg" height="388" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> วิถีการดำรงชีวิตของชาวอีสานบ้านเฮานั่น ผมต้องยอมรับว่าน่าภาคภูมิใจเหลือหลาย เถิงแม้ว่าแต่ละถิ่นสิดำเนินแนวทางที่แปลกแล้วกะแตกต่างกันออกไป แต่กะถือว่าสวยงามตามแบบฉบับของแต่ละถิ่นจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ เป็นวิถีอันทรงคุณค่า ควรแก่การเรียนรู้และอนุรักษ์พร้อมที่สิเก็บเกี่ยวสิ่งดีงามนำมาปฏิบัติแล้วกะบอกเล่าให้คนทั่วไปได้ฮู้กัน</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> ทุกมื้อนี่วิถีหลายๆอย่างเริ่มจาง(ย้อนว่าบ่มีคนสืบทอดนั่นเองบ่แม่นจางย้อนบ่ได้ใส่น้ำปลาเด้อขอรับ แห่ะๆ) มันเริ่มสิลางเลือนหายไปกับกาลเวลา การแข่งขันด้วยเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท กิเลสแห่งการโหยหาสนองความอยากของโตเฮาเองเฮ็ดให้ความสุขในชีวิตของเฮาลดลง ซึ่งผมเองกะยอมรับว่าผมกะยังมีความอยาก อยากได้อั่นนั่นอยากได้อั่นนี่ อยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่ อยากย่างเฮียงผู้นั่นอยากนั่งนำผู้นี่ นั่น!!..มันกะเลยเกิดเป็นความทุกข์บ่เซาย้อนความอยากนี่เอง {เซาดอก.เดี๋ยวผู้ลังคนสิว่ามาจ่มอีหยั๋งให้ฟังหล่ะท้าว} อั่นทีอ้ายต้องแล่งกับจารย์ใหญ่เลาอยากกินอ่อมเณรน้อยอยากกินก้อยรถมอเตอร์ไซด์เลาบ่เห็นปาก นั่งอยู่เค้าเม้าพอปานเสาธง ไคแนต๊ะอ้ายมังกรเดียวดายเอาดินทรายไปโพ๊ะใส่ค่อยสะเดิดสะเดอ..แห่ะๆ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> ผมเคยได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซื่อว่า "ยายอีสานเถิงหลานฝรั่ง" จากความอนุเคราะห์ของบ่าวลุ่มดอนไข่ มีบทหนึ่งที่เพินเขียนเถิงหลานน้อยหัวแดง อ่านแล้วกะเป็นต๊ะคึดเอาฮ้าย..เพินหล่ะว่า..</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ...ถ้าหลานกลับมาหายายอีกครั้ง หลานอาจจะพบความเป็นอีสานที่แตกต่างไปจากที่ยายเขียน นั่นเป็นเพราะว่าวันเวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..ทุ่งนาหลายแปลงเปลี่ยนเป็นสวนยางพาราและสวนยูคาลิปตัส</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..รถไถเหล็กนำมาใช้แทนวัวควาย การลงแขกดำนาและเกี่ยวข้าว เจ้าของนาจะต้องจ่ายเงินค่าแรงวันละหลายร้อยบาทต่อคน</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..หูกทอผ้าไหม ผ้าฝ้ายและเครื่องมือในการทอผ้า กลายเป็นแค่ของประดับตามบ้านหรือร้านอาหาร</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..เสื้อสายเดี่ยวเกาะอก กางเกงยีนส์รัดรูป นำมาสวมใส่แทนเสื้อผ้าไหม ผ้าฝ้าย ชุดผ้าไหมผ้าฝ้ายกลายเป็นอาภรณ์เฉพาะผู้สูงวัย</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..ครกกระเดื่องที่ใช้ตำข้าวแทบจะไม่มีให้เห็น บางแห่งยังมีอยู่ แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนนำเครื่องทุ่นแรงบางอย่างมาผสมผสาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานที่เร็วขึ้น</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..เด็กๆในหมู่บ้านได้รับการศึกษาตามภาคบังคับ และโรงเรียนขยายโอกาสมีทั่วถึง การศึกษาระดับสูงมาถึงบันไดบ้าน แต่ก็น่าแปลกตรงที่ว่าเมื่อเรียนจบแล้ว น้อยคนนักที่จะกลับมาอยู่บ้านเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตน ส่วนใหญ่ไปหากินในจังหวัดใหญ่ๆ</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..ประเพณีบุญตามฮีตสิบสองยังคงมี แต่หลายอย่างก็แปรเปลี่ยนไปตามสภาพของสังคมและการเมือง</span></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;">
<span style="color: red;"> ..วันนี้ต้นไม้ใหญ่ของคนอีสานไม่แข็งแรงดังเดิม เพราะรากเหง้าอ่อนแอ ยายเองก็ไม่ต่างไปจากต้นไม้ใหญ่ที่นับวันจะโรยราตามกาลเวลา</span></span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhlbQkVgge0xwVd6sKdqoi4FE3W15dZUXCAyk0Z4SiaDdbrKiUiHOaV264oFDfpWMWmqfK5UUfybA44-PadRX7BHT8GR_a7rfx1eYHfIh6nPyKVGSTlVcVPD0bKVXjf5mpRKonIQvTvPlPt/s1600/20130213094821.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhlbQkVgge0xwVd6sKdqoi4FE3W15dZUXCAyk0Z4SiaDdbrKiUiHOaV264oFDfpWMWmqfK5UUfybA44-PadRX7BHT8GR_a7rfx1eYHfIh6nPyKVGSTlVcVPD0bKVXjf5mpRKonIQvTvPlPt/s640/20130213094821.jpg" height="640" width="571" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> เอาซิ่นไหมป้าหน่อยมาโชว์เกิ่น</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> นั่นหล่ะครับ..อ่านแล้วกะแม่นควมเพินคัก เหลียวให้เห็นภาพนำคำเว้าพอปานเข้ากองถ่าน ฮีตอีสานบ่อนบั้นสิเป็นแท้หล่ะจั่งได๋น้อ เอ๊า..จักแม่นอีหยั๋งดอกผมหนิกะดาย ว่าสิออกมาสอยจั่งได๋คือออกมาแนวนี่หล่ะ แห่ะๆ..กะเทินได้ออกมาแล้วกะให้สอยสาเนาะ..</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> " อั่นสอย สอย แล้วกะสอย.ผู้สาวส่ำน้อยเพินบ่ฮู้จักบ่าวหน่อตั๊วะ พอแต่ถืกจับหย่อ..อุ๊ย))).อ้ายหน่อ เมืองพลาญ ขา)))))))).."</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> อั่นนี้กะว่าสอย บุ๊ย..งวกหลังไปเบิ่งเห็นแต่ป้าหน่อยกำลังสิวีค้อนมาใส่อยู่พุ้น.เซาดอก</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> เข้าเรื่องดีกว่าดอก เดี๋ยวหลายคนสิขิว เอาหนังสะติ๊กยิงอีเกียไปตำป่นแทนแมงดา มื้อนี่เป็นมื้อวันพุธกะเลยได้โอกาสเปิดกระทู้อีกจักอันก่อน (เกี่ยวกันหม่องได๋น้อ เพินว่า ..^_^.. ) พอดีว่าผมมานั่งเห็นของเก่าๆเกี่ยวกับวิถีอีสานหลายๆอย่างกะเลยอยากนำมาเว้าสู่ฟัง เถิงแม้ว่าสิมีควมฮู้บ่พอหางอึ่งแต่กะอยากเว้า (..คันมันอยากเว้ากะปล่อยมันเว้าโล้ดสู..ผู้ลังคนว่า ฮ่าๆๆ..) บ่แม่นหยั๋งดอกครับ เห็นแข่งม้อน(โรงเลี้ยงม้อน) เห็นอัก เห็นฟืม กะเลยไปถ่ายรูปมาให้เบิ่งสั่นเด้ครับ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> ผู้ลังคน : อั่นเว้าอยู่หนิสิเอารูปแข่งม้อนฮ้างมาให้เบิ่งสั่นติ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> อีเกียแดง: แม่นแล้วคับ นอกจากสิได้เบิ่งแข่งม้อนฮ้างแล้วกะยังมีกระจ่อฮ้างกับกระสวยให้เบิ่งเป็นของแถมนำเด้คับ แห่ะๆ ..เห็นว่ากะเบิ่งนำแนถ่อน บ่ได้เอาเงินจ้างเบิ่งคือเมียงูแบบอ้ายปิ่นลมเด้หล่ะ..</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> </span><br />
<span style="font-size: large;"> เอาหล่ะเนาะครับเข้าเรื่องอีหลีก่อนสิถืกบักกอกป้าหน่อย..ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับโตม้อนหรือการเลี้ยงม้อนไว้แต่กะยังบ่ทันได้มีรูปมาประกอบปานได๋ บัดนี่ไคแนมีรูปจักหน่อยกะเลยหลอยมาลงไว้ ลังเทือโดนไปอาจสิบ่มีให้เบิ่งเพราะว่ามันสิเสื่อมสลายไปกับกาลเวลา ของแต่ละชิ้นเป็นของอี๊แม่ครับ ซึ่งเพินเองกะยังเฮ็ดงานด้านนี้อยู่โดยตลอด เถิงแม้ว่าบรรดาอาๆป้าๆทั้งหลายสิเซาเฮ็ดกันแล้วกะตามที ผมขอเริ่มตั้งแต่การเลี้ยงม้อนใหม่ๆเลยเนาะครับ..ว่าแล้วกะนำมาสิพาไปจอบหลอยกินม้อนสุกสาก่อน แห่ะๆ</span><br />
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEju1mhnKRbIzhHXDfjixBou2ayAxbYuOsEsdwNrxp4ypqTr9rgHj9A94bL8x1xyaBpkSBVgLE4UfimLOeEXeBH0WNBdyrVNOHz47aPuMU5ahZV7UTdougL1XZFsKdWmO04oWL_aARIO-_lK/s1600/20120707073323.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEju1mhnKRbIzhHXDfjixBou2ayAxbYuOsEsdwNrxp4ypqTr9rgHj9A94bL8x1xyaBpkSBVgLE4UfimLOeEXeBH0WNBdyrVNOHz47aPuMU5ahZV7UTdougL1XZFsKdWmO04oWL_aARIO-_lK/s640/20120707073323.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ฝักสีเหลืองทองที่เห็นนี้ฮู้สึกว่าสิคุ้นตาสำหรับอีเกียแดงเป็นอย่างดี เพราะว่าคลุกคลี(แล่นเหล่นม้าก้านกล้วยมานำกันตั้งแต่ยังน้อย แป่ว..แฮ่..^_^..) ป่าวซ๊ะกะหน่อย เคยจับเล่นลูบๆคลำๆขยำๆเหนี่ยงเล่นมาโดยตลอดสั่นดอกครับ อั่นนี้ทางบ้านผมกะเอิ้นฝักหลอกเด้อครับ คันฝักหลอกที่โตบี้กัดออกมาแล้วกะสิเอิ้นว่าฝักหลอกหลีบ (หรือลีบกะบ่จักครับ..ตามแต่สิเอิ้น) เคยถามอี๊แม่ว่าไอ้ฝักหลอก(รังไหม)นี้ถ้าเฮาสิอยากจะขยายพันธุ์เลี้ยงเอาเส้นไหมไว้ต่ำผ้าซิ่นนั่นมันต้องใช้กระบวนการจั๊กมื้อค่อยสิแล้วเสร็จ งานนี้ก็เลยได้ข้อมูลมาแบบคร่าวๆปนตรงเป๊ะแน่จั๊กหน่อย(ฮู้สึกว่าแม่เพินสิฮู้ละเอียดยิบเสียด้วยสิขอรับ พอดีแหล่ะเผื่ออ้ายๆหมู่ๆน้องๆคนได๋อยากฮู้เถิงวัฐจักรการเจริญเติบโตของเจ้าฝักสีทองนี้ว่า มันเป็นมาจั่งได๋พออ่านแล้วกะสิได้ฮ้องว่า. อ๋อ ไปพร้อมๆกันด้วย คริ คริ (อั่นนี้ทฤษฎีอีแม่ผมเด้อครับ..บ่แม่นสูตรตายโตทั่วไปเนาะครับ แต่กะของคนอื่นกะอยู่ในเกณฑ์เดียวกันครับ) บทความนี้สิเป็นการอ้างอิงมาจากอี๊แม่ผมเด้อครับ หม่องอื่นกะอาจสิบ่คือกันครับ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ตามกระบวนการแล้วพอเฮามีฝักหลอก(รังไหม)สีทองแล้ว ต้องการสิเลี้ยงต่อไปกะต้องคัดเลือกฝักที่สมบูรณ์ งานนี้แม่บอกว่าต้องนั่งสั่น(บ่แม่นนั่งสั่นแบบเจ้าเข้าทรงเด้ครับ แห่ะๆ)แต่คือการจับสั่นเบาๆให้ฮู้เถิงน้ำหนักโตข้างในฝัก ถ้าหนักแม่บอกว่าเป็นโตเมีย ถ้าเบารับรองว่าเจ้านั่นมันเป็นผู้ชายชัวร์ เบ๊ยย..ช่างสังเกตุแท้หล่ะอี๊แม่นี่กะดาย งานนี้ก็ต้องเลือกคละกันทั้งเบาและหนักเพื่อสิเฟ้นหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ชั้นหัวกระทิ เอาแบบเคิ่งต่อเคิ่งเลย เมื่อเลือกแล้วกะปล่อยถิ่มไว้ประมาณ10มื้อ แล้วบักโตที่อยู่ข้างในกะสิออกมาจากฝักเองเป็นโตสีขาวหม่นมีปีกนำ ทางอีสานเรียกว่าบี้ (บ่แม่นบี้ เดอะสตาร์เด้) พอออกมาเฮากะต้องมาเลือกอีกเทือว่าโตผู้โตเมียมีส่ำกันบ่(เท่ากันไหม) เกิดมีโตเมียหลายแล้วโตผู้น้อย รับรองว่าไอ้ผู้ชายวินม่องแน่ๆ คริ คริ ฉะนั้นทุกอย่างต้องสมดุลกัน เสร็จแล้วกะถิ่มให้เขาเกี้ยวพาราสีกันตามใจสิเฮ็ดอีหยั๋งกันแบบได๋กะเฮ็ดโล้ด (บ่จอบเบิ่งดอกย้านตาต้อ) เมื่อเสพสมอารมณ์หมายแล้วประมาณ20ชั่วโมงเจ้าบี้โตเมียก็สิเริ่มไข่ หลังจากนั้นเฮาก็เก็บไข่ไว้ในที่มิดชิดผ้าปิดแต่ต้องให้อากาศถ่ายเทได้(บ่ฮ้อนจนเกินไป)</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPwCMXTi7IN-GKQzWzaKvqG4ejlx0x0upJWst3OtxCAM3qNMLug504NVV1hri8f1t6-p9hot2sZctBFNr_ZqbQuSXGPcyl4e7G7f7iXQSWmBZZ6C5TBOcoWjwhJjgMSqwNv6z1q7bjKtJw/s1600/20120707074909.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPwCMXTi7IN-GKQzWzaKvqG4ejlx0x0upJWst3OtxCAM3qNMLug504NVV1hri8f1t6-p9hot2sZctBFNr_ZqbQuSXGPcyl4e7G7f7iXQSWmBZZ6C5TBOcoWjwhJjgMSqwNv6z1q7bjKtJw/s640/20120707074909.jpg" height="435" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> (ฮูปโตบี้เนาะครับ ผสมพันธุ์กันก่อนที่สิไข่ออกมา แล้วกะสิกลายเป็นโตหนอนน้อย)</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;">ขอบคุณเจ้าของภาพเพินไปนำเด้อครับ ตามลิ้งค์ในฮูปนั่นหล่ะครับ</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhuRefGW4nMSvacxVbxYm22TdK-DlsnJK9LdH-56m3Nti6E04tMU49m59ooPzHIVZojIQj7tgHcAF-0Z1ETU46ZlwpJobYKWjUvyadFjaaqy3e-7QAmVE56eXCqD_4ZYvdjvCqO8x-oiTaL/s1600/20120820023424.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhuRefGW4nMSvacxVbxYm22TdK-DlsnJK9LdH-56m3Nti6E04tMU49m59ooPzHIVZojIQj7tgHcAF-0Z1ETU46ZlwpJobYKWjUvyadFjaaqy3e-7QAmVE56eXCqD_4ZYvdjvCqO8x-oiTaL/s640/20120820023424.jpg" height="387" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> หลังจากไข่ได้10มื้อกะฟักเป็นโตอ่อน แม่บอกว่าเริ่มให้อาหารเลยแม้ว่ามันสิน้อยอยู่กะตาม อาหารกะคือใบมอน ต้องซอยน้อยๆเพื่อให้โตอ่อนมันกินได้ การให้ใบมอนกะต้องเป็นสามเวลาเฉกเช่นกับคนเฮาคือกัน (กินเก่งเนาะม้อนนี่กะดาย) จากนั้นไปอีก5มื้อโตม้อนสิเซากินแล้วกะสิเริ่มนอนหลับทับสิทธิ์บ่สนใจอีหยั๋ง ตอนนี้แม่เลาเอิ้นว่าม้อนนอนขน คือโตม้อนมันนอนเป็นเทือแรกนั่นแหล่ะครับ การนอนของมันกะใช้เวลาประมาณ24ชั่วโมงคือกัน ยามมันตึ่นเฮากะเริ่มให้ใบมอนต่อ แล้วเฮากะต้องคอยสังเกตุการเจริญโตของโตม้อนและคอยคัดแยกออกไปยังกระด้งใหม่เพื่อบ่่ให้แออัด ใช้ผ้าคลุมมิดชิดเด้อครับ ถัดจากนั้นไปอีก3มื้อ ม้อนกะสิเริ่มนอนอีก ตอนนี้แม่เอิ้นว่า ม้อนนอน2 ลักษณะการนอนกะใช้ระยะท่อกัน คือ24ชั่วโมง (มันนอนกะสำบายแน เพราะเฮาบ่ต้องเกีย)</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPlKqnjjlBc1kHMAVlmHtplg6oujPGi5Zhi8gi5HclA2IZIgQiCdIQunJ2kNcV9dy43lNa75oKKSSDtdjueFYlaiJRKTgz1zaP76C7-FdjyKOT1BOukts2Vd1ZGCL12QHeoSt4DpVtwQSe/s1600/20120707075427.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPlKqnjjlBc1kHMAVlmHtplg6oujPGi5Zhi8gi5HclA2IZIgQiCdIQunJ2kNcV9dy43lNa75oKKSSDtdjueFYlaiJRKTgz1zaP76C7-FdjyKOT1BOukts2Vd1ZGCL12QHeoSt4DpVtwQSe/s640/20120707075427.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: green; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: large;"> หลังจากนั้นอีก3มื้อมันก็นอนอีก ฮ่าๆๆ แม่เอิ้นว่าม้อนนอน3 บัดนี้กะเริ่มกระบวนการต่อไปเนาะครับ ถัดกันไปหลังจากนั้นอีก5มื้อ ม้อนกะเริ่มนอนอีกแล้วสิ ตอนนี้แม่เอิ้นว่า ม้อนนอนใหญ่ ตอนนี้โตม้อนสิโตสีเขียวและใหญ่ขึ้นเป็นลำดับ การกินใบมอนก็หลายขึ้นตามลำดับ เฮาต้องคอยแยกออกใส่กระด้งเพื่อบ่ให้มันแหย่กัน (ช่วงนี้แหล่ะที่อี๊แม่เลาต้องแล่นหาเก็บใบมอนมาให้ม้อนกิน เช้ากลางเว็นแลง มืดส่ำได๋กะขลุกอยู่ในโรงเลี้ยงพุ้นหล่ะครับ หลังจากที่โตม้อนนอนใหญ่ไปได้7มื้อแล้วเฮากะสิเริ่มสังเกตุได้ว่ามันกินหน่อยลง</span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: green; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: green; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjohOw9fBcp4GHHkkcz78EfIFaVKAJKfuMhO7DT3yY-gS5ELwKvzQIx0-menOoJ_f_TQt1O5SAuq2OIkO1l74-a4KtS0PhTHheYnWOhwQEdAkVq3OwVTMj_v3cSps58ZtQcHIMpAe7jAthy/s1600/20120820021207.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjohOw9fBcp4GHHkkcz78EfIFaVKAJKfuMhO7DT3yY-gS5ELwKvzQIx0-menOoJ_f_TQt1O5SAuq2OIkO1l74-a4KtS0PhTHheYnWOhwQEdAkVq3OwVTMj_v3cSps58ZtQcHIMpAe7jAthy/s640/20120820021207.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: green; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: green; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: green; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: green; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> แล้วโตมันกะสิเริ่มออกสีเหลืองสุกใส อ่า!!!ม้อนสิสุกแล้วเด้หนิ (อ้ายมังกรเดียวดายเลาบอกว่าม้อนสุกกินได้บ่เป็นขี้กะตืกดอก พะนะ ) จากนั้นโตม้อนกะสิทะย๊อยทะยอยสุกกันจนเหมิด โตสุกเฮาต้องเก็บแยกออกมาใว้ในกระด้งใหญ่หรือทางอีสานเอิ้นว่ากระจ่อนั่นเองคับ </span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUYhMoZepDqD0DvHIMkDRQsImEVr4qGK07i6rD3Jam6qG6620jah4Ko1VAD8Cw75Vv8uu74kIAPAkOWKyp5tOrxGC25ywam4SPPWoCJ2QxgPd1iTRIcWllptbErBO2GU0TOKgGYmfOInB6/s1600/20120707080217.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUYhMoZepDqD0DvHIMkDRQsImEVr4qGK07i6rD3Jam6qG6620jah4Ko1VAD8Cw75Vv8uu74kIAPAkOWKyp5tOrxGC25ywam4SPPWoCJ2QxgPd1iTRIcWllptbErBO2GU0TOKgGYmfOInB6/s640/20120707080217.jpg" height="552" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ..สุกแล้วเก็บไว้ใส่จ่อ อย่าเอาไปใส่ปากคืออ้ายมังกรเพินเด้อหล่ะครับ..</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqIj7cvL3wYK1uNbNZiI3pgeyoKWQrmascz2CQ7s73zEehkLQzW6AxSK8xu-e4lY097LwLvs8dVxQZF8MR-xdtTIkf1ylxr2p0tJOoGTp0TsFKWC8Dz91JcKZVFP0lbOmNRq78Lj7ylHVC/s1600/20120707075551.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqIj7cvL3wYK1uNbNZiI3pgeyoKWQrmascz2CQ7s73zEehkLQzW6AxSK8xu-e4lY097LwLvs8dVxQZF8MR-xdtTIkf1ylxr2p0tJOoGTp0TsFKWC8Dz91JcKZVFP0lbOmNRq78Lj7ylHVC/s640/20120707075551.jpg" height="409" width="640" /></a></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;">กระจ่อครับ</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> โตม้อนที่สุกกะสิเริ่มทอเส้นใยสีทองจนเป็นฝักกลมหรือออกในลักษณะกลมหรือรี ถัดไปสามมื้อเฮากะดึงออก(อั่นนี้ทางบ้านผมเอิ้นถกฝักหลอก) มาลงหม้อน้ำฮ้อนเพื่อให้ได้เส้นไหมซั่นแหล่วครับ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> เส้นทางสู่การสาวหลอก (ไผ๋อยากลองแน.)</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ..ทุกมื้อนี่ต้องบอกได้เลยครับว่า อาชีพที่เป็นภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นเฮาเริ่มสิโรยรากันไปหลายเลย เนื่องจากเป็นงานที่ต้องเอาใจใส่หลาย ตื่นเช้ามาต้องขลุกอยู่กับมัน ยามได้ลงมือเลี้ยงต้องเต็มที่กับมัน แฮ่งยามม้อนเริ่มสิใหญ่การให้อาหารมันกะแฮ่งต๊ะขึ้น เช้าไปเก็บใบมอนเถิงตอนบ่าย(คันบ่มีใบมอนของโตเองเพียงพอกะต้องแล่นหาซื้อตาเป็นว้อหล่ะครับ) เก็บมาแล้วกะมานั่งเสียขี้ม้อนออกก่อนสิให้ใบมอน แม่เลาเลี้ยงรุ่นนึงกะแค่ยี่สิบกว่ากระด้ง ส่ำนี่กะเหล่นเอาเมื่อยแล้วครับ การสาวหลอกกะต้องนั่งอยู่กับความฮ้อนตลอด รุ่นนึงกะได้เส้นไหมอยู่ประมาณ1กิโลกรัม (ซึ่งตามท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละหนึ่งพันหกร้อยบาทแล้วเด้ตอนนี่) ผู้ได๋กะว่ามันบ่คุ้มค่าเมื่อย เลยเฮ็ดให้อาชีพแบบนี้ค่อยๆเหมิดไป คนส่วนใหญ่หันหลังให้ หันหน้ากับอาชีพอื่นที่มีรายได้หลายกว่ากว่า สำบายกว่า ส่วนคนที่เฮ็ดอยู่ กะเฮ็ดด้วยใจฮักและบ่มีทางเลือกนั่นเองครับ หมู่บ้านผมเองกะเว้าได้เลยครับว่ามีเฮ็ดอยู่บ่เถิงสองคน หนึ่งในนั้นก็คืออี๊แม่เพิน..</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> เถิงขั้นตอนนี้ที่เอิ้นว่า สาวหลอกแล้วเด้อ(เจ็บบ่..จื่อบ่..เจ็บหล่ะเนาะจื่อหล่ะเนาะน้ำฮ้อนฟ้งใส่บ่เจ็บจั่งได๋ ฮ่าๆๆ) นี่คือส่วนที่กำลังสิเห็นผล แต่ว่าผู้บ่าวคนได๋ได้(ถืก)สาวหลอก รับรองชีช้ำผักกาดดองไปโดนเลยหล่ะ แห่ะๆ การสาวหลอกเอาเส้นไหมนั้นต้องใช้ความฮ้อนในอุณหภูมิที่พอเหมาะและการดึงต้องเสมอต้นเสมอปลาย เพราะสิมีผลกับเส้นไหมที่เฮาสิได้ ไหมเส้นน้อยเวลาเอาไปต่ำผ้าไหมกะสิละเอียดงาม ส่วนเส้นใหญ่กะสิออกหนาแน (งานนี้ก็แล้วแต่ความมักของแต่ละคนเนาะครับ บางคนมักไหมเส้นน้อยบางคนมักไหมเส้นใหญ่กะว่ากันไป) </span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh6U9NHdzLNdae8sW2gKDmkw1wP4Y_SZHxj67e4cowBMGw99FTj3zlRymhsrOz8XKgr6oSwmYDTMC-TRXiN51sYC6dqhloX6-m6Chi-MtwRahByoD0c4GwmO5zbmLnC5muzzG9tddZq7kys/s1600/20120820021348.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh6U9NHdzLNdae8sW2gKDmkw1wP4Y_SZHxj67e4cowBMGw99FTj3zlRymhsrOz8XKgr6oSwmYDTMC-TRXiN51sYC6dqhloX6-m6Chi-MtwRahByoD0c4GwmO5zbmLnC5muzzG9tddZq7kys/s640/20120820021348.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> อี๊แม่นั่งสาวหลอกแต่เซ้าฮอดค่ำเลยครับ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGEGSvRQQiEph8sVjh2P-SulDJZfyTih-JAS-2UpVoODS7rjaQAiEWHsOF04zaTAPIox6YNpvKcoZQYFPGnzseAibX5lXS9CQihtoc-POvVYn6V-FDrU5BI9OWEQ1IlkMsYVa0YfzCrUFi/s1600/20120820021455.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGEGSvRQQiEph8sVjh2P-SulDJZfyTih-JAS-2UpVoODS7rjaQAiEWHsOF04zaTAPIox6YNpvKcoZQYFPGnzseAibX5lXS9CQihtoc-POvVYn6V-FDrU5BI9OWEQ1IlkMsYVa0YfzCrUFi/s640/20120820021455.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> ฝักหลอกหมู่นี้ถืกสาวไหมเปลือกนอกออกก่อนครับ แล้วกะสิค่อยทะยอยเอาลงสาวเอาเส้นไหมแบบละเอียด</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4N00lnCNb7qLfyYgQ7968JMmvtevEiG_gVsziUmfmFPw7H7Nxt98fSC_Gx1Z4KDCky-XF5ONhOipbJEflpJ1bsGH2ju5HWg_YetU8swGwyRm24otpkDnABByXNr3_9BTnM1jw-jhNk1z3/s1600/20120916054612.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4N00lnCNb7qLfyYgQ7968JMmvtevEiG_gVsziUmfmFPw7H7Nxt98fSC_Gx1Z4KDCky-XF5ONhOipbJEflpJ1bsGH2ju5HWg_YetU8swGwyRm24otpkDnABByXNr3_9BTnM1jw-jhNk1z3/s640/20120916054612.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-xBWMGpGBhhIOP8EDcTVq1bUvGwiru9GACS8417YKBD7bsThnZj5xkWprqRBeT-0XkmUWyFAC9VV7UckRpn9wrbYJmU15Iavi-STAST9MTySXQfCavvEMs0KOPzkAnHPt4WS_4GgiZfBr/s1600/20120916065448.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-xBWMGpGBhhIOP8EDcTVq1bUvGwiru9GACS8417YKBD7bsThnZj5xkWprqRBeT-0XkmUWyFAC9VV7UckRpn9wrbYJmU15Iavi-STAST9MTySXQfCavvEMs0KOPzkAnHPt4WS_4GgiZfBr/s640/20120916065448.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhGsm8OXmZhk52dpQZfvx9b6ybY3GoHR3K2IlAb2QlVop2lFp7GRwOzJc8nQjJBxrKee6qB8kzXwv-IYEVUZyYon-79Dbv55S2pEqNB_EG_n3hTyRc00J-HlD4yj0I5HINKpoi8G3xjgNc/s1600/20120820021551.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhGsm8OXmZhk52dpQZfvx9b6ybY3GoHR3K2IlAb2QlVop2lFp7GRwOzJc8nQjJBxrKee6qB8kzXwv-IYEVUZyYon-79Dbv55S2pEqNB_EG_n3hTyRc00J-HlD4yj0I5HINKpoi8G3xjgNc/s640/20120820021551.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCkhdEXZRQQiFOME7cdKzrghjWOkaV3bQPFgaMerfsfcup_y2CWBert3l45zBW-BaXLvB110vhdlLMWoDWZFm6ZcTtDAq2ulWtkWJGHFtd-JBpZzqIE7AM7In6kbLHazfdJ-ArIVBGC5qu/s1600/20130213082628.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCkhdEXZRQQiFOME7cdKzrghjWOkaV3bQPFgaMerfsfcup_y2CWBert3l45zBW-BaXLvB110vhdlLMWoDWZFm6ZcTtDAq2ulWtkWJGHFtd-JBpZzqIE7AM7In6kbLHazfdJ-ArIVBGC5qu/s640/20130213082628.jpg" height="484" width="640" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> ผลพวงอันแสนแซบถืกปากไผ๋หลายๆคนครับ ดักแด้นั่นเอง</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiD6e3IeMeNu1i2avnrJ3dKICDj0EEaTnvDA14WNbFkJwRuB4fD4XVvcxmV2kxv-iKWvzkajznaT-MfbXvrKlF1NLgXrlD1OZfBqlTVLZQv4swbHzihEuG_IAGMoqYWlKbTW1FzQUj3y9uY/s1600/20130213082740.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiD6e3IeMeNu1i2avnrJ3dKICDj0EEaTnvDA14WNbFkJwRuB4fD4XVvcxmV2kxv-iKWvzkajznaT-MfbXvrKlF1NLgXrlD1OZfBqlTVLZQv4swbHzihEuG_IAGMoqYWlKbTW1FzQUj3y9uY/s640/20130213082740.jpg" height="640" width="480" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> <span style="background-color: lime;">มาฮู้จักอุปกรณ์การสาวหลอกที่ผู้บ่าวควรมีประจำโตไว้ครับ แฮ่!! หม้อหลอกหน่วยดำคัก โตที่คีบอยู่เทิงปากหม้อเอิ้นไม้พวงสาว(สิมีฮูสำหรับสอดเส้นไหมพ้อม) แล้วกะไม้ด้ามสีฟ้านั่นเอิ้นไม้บักหืบครับ(สำหรับควบคุมฝักหลอกและเส้นไหม)</span></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi76-0kmvg_iYb2FWgK8CiFJR2R7lUEM6IQnqEsoQXcdiF2VfvmEWmP_VCh14CQWK0Olh-2D-Q4ggpXshgCXNn9LlrETrZgcX_eQ6a_VkDBt8u-uTnpwTf4SSeFgMKdZABlCngB7bOoO6cK/s1600/20130213083438.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi76-0kmvg_iYb2FWgK8CiFJR2R7lUEM6IQnqEsoQXcdiF2VfvmEWmP_VCh14CQWK0Olh-2D-Q4ggpXshgCXNn9LlrETrZgcX_eQ6a_VkDBt8u-uTnpwTf4SSeFgMKdZABlCngB7bOoO6cK/s640/20130213083438.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBOZLdwYtHJo8b4FLoTVELlfJck5kVQbrr9xeID82byc4mWOLLqcO4K6AnfiKhaMssq5IDU_ZGvTJnEATL2ozzsKDI8rTt27XSjDx9-c46NOPuRmBRLD8v5cLhZEPO0_QSwvqwnWd3vGay/s1600/20130213084727.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBOZLdwYtHJo8b4FLoTVELlfJck5kVQbrr9xeID82byc4mWOLLqcO4K6AnfiKhaMssq5IDU_ZGvTJnEATL2ozzsKDI8rTt27XSjDx9-c46NOPuRmBRLD8v5cLhZEPO0_QSwvqwnWd3vGay/s640/20130213084727.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> สาวเส้นไหมใส่กระต่าไว้แล้วกะเอามาเหล่งครับ..เครื่องนี้ทางบ้านผมเอิ้นเหล่ง ของเก่าสิเป็นไม้แต่ตอนนี้พัฒนามาเป็นเหล็ก แล้วงานกะไวขึ้นครับ หมุนติ้วๆคักกว่าอ้ายปิ่นอีก</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgt-kNGrXm5qa0Y4yng6pPLokEw66E-G-ya5fpjGJ2j4UnDtFPnK2cL61XjNhiMqAiRSVUwbRX8XqaqaVGyd6hUjYgOErA8grl1nnNI3aSeYoZshosOukz5yi2MyemggbMSTLQcbudiyWfg/s1600/20130213082511.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgt-kNGrXm5qa0Y4yng6pPLokEw66E-G-ya5fpjGJ2j4UnDtFPnK2cL61XjNhiMqAiRSVUwbRX8XqaqaVGyd6hUjYgOErA8grl1nnNI3aSeYoZshosOukz5yi2MyemggbMSTLQcbudiyWfg/s640/20130213082511.jpg" height="320" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> เลี้ยงหลายกะสิได้เส้นไหมหลายครับ มีไหมหลายแล้วกะอยากได้ผ้าซิ่นผ้าสโร่งงามๆเด้เนาะครับ ลองนำไปเบิ่งก่อนเนาะ อี๊แม่เลาเฮ็ดแบบได๋แน</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj413UQDlEX5Y0oBYgjWiAah9MIF0MOUBeBPgfOi4XxyydJe3qYC5nv4Pap3d8BRNEI2XnJnkz5bqpwBJhimixGjGoW35wiHoDoy536grQ7MEj1YXJOrdTGCJ7VSrnIhkEjqLDvzAj_Hefs/s1600/20130213083729.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj413UQDlEX5Y0oBYgjWiAah9MIF0MOUBeBPgfOi4XxyydJe3qYC5nv4Pap3d8BRNEI2XnJnkz5bqpwBJhimixGjGoW35wiHoDoy536grQ7MEj1YXJOrdTGCJ7VSrnIhkEjqLDvzAj_Hefs/s640/20130213083729.jpg" height="640" width="555" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> เอาเส้นไหมไปต้มฟอกกับน้ำยาก่อน ให้ไหมมันขาวแล้วกะอ่อนนิ่ม</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiT36p7jgNaOZSEWApHpd7mJqDPpDCF8RFXfu0edY8MUYO4xWjsUc6wYib-OpuS3-KQK9IBV4-T5MUp_sQP9UGP2OQyxNh-cj2BRWl9p-xCOC6HYy5F0cLiTQLmTbWpBAnG8Q-wG77hqe85/s1600/20130213100157.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiT36p7jgNaOZSEWApHpd7mJqDPpDCF8RFXfu0edY8MUYO4xWjsUc6wYib-OpuS3-KQK9IBV4-T5MUp_sQP9UGP2OQyxNh-cj2BRWl9p-xCOC6HYy5F0cLiTQLmTbWpBAnG8Q-wG77hqe85/s640/20130213100157.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;">หลังจากนั่นกะเอามากวักใส่กงครับ (อั่นนี้เอิ้นกง) ขอโทษอย่างสูงสุดที่บ่ได้ถ่ายกงเปล่ามาลง คันอยากเห็นถ่าให้หนูแห่นไหมหมู่คาอยู่ในกงนี่ก่อนเด้อ แห่ะๆ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDpwhJs_P7fKNpThcziQF6A8CqK8np3Igrp9maGwjS85qHkiKl10V7DqEwr_xztHGtdkblGRLgt3kO-glHYo5Wya2GdHgUblxXWQcddxtev3WavzByK2iRo9r13gRvmqvto2ATdYV0waer/s1600/20130213084504.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDpwhJs_P7fKNpThcziQF6A8CqK8np3Igrp9maGwjS85qHkiKl10V7DqEwr_xztHGtdkblGRLgt3kO-glHYo5Wya2GdHgUblxXWQcddxtev3WavzByK2iRo9r13gRvmqvto2ATdYV0waer/s640/20130213084504.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> จากกงกะมาลงสู่อัก อันนี้เอิ้นอักนะค๊ะ จากอักกะสิเอาไปปั่นใส่หลอด เคียไส้ตันคือหลอดชั้นดีสมัยนั้นครับ ทุกมื้อนี้กะปรับเปลี่ยนเป็นหลอดแนวใหม่ หลอดกะต้องใช้กันกับไน อีกอั่นนึงกะคือถ้วยอีแป้กับโบกไหม(บ้องไม้ไผ่)</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgclFlTboGXw5kfAjIdXtpiFlvlA4sTVDg_7SWD8DZ3VtWJfYZlFCbvRmEgWHJpIW-NNxncQUVm-ofeFGDnu6VxOL3majMZ83BkdFoMX8reD33ZLflxiGn7Pe0CYKVK6Q9X4JkH1jwLyWFu/s1600/20130213084833.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgclFlTboGXw5kfAjIdXtpiFlvlA4sTVDg_7SWD8DZ3VtWJfYZlFCbvRmEgWHJpIW-NNxncQUVm-ofeFGDnu6VxOL3majMZ83BkdFoMX8reD33ZLflxiGn7Pe0CYKVK6Q9X4JkH1jwLyWFu/s640/20130213084833.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> อันนี้เอิ้นไน</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAVg4wOxAhBkbf-tgDEriM2RF8L3FLknveTmsDUjWhVqVlY2DNYzySiIievkuouOMO3Uhn7kgFPZn01rwfwMFaoO058n2wZmKHzexTM0NNk6I2afZt0TZx78GEZceWII_E2pwK4WoZ7stO/s1600/20130213085242.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAVg4wOxAhBkbf-tgDEriM2RF8L3FLknveTmsDUjWhVqVlY2DNYzySiIievkuouOMO3Uhn7kgFPZn01rwfwMFaoO058n2wZmKHzexTM0NNk6I2afZt0TZx78GEZceWII_E2pwK4WoZ7stO/s640/20130213085242.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ถ้วยอีแป้ สิมีฮูสำหรับสอดเส้นไหมครับ</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvXydzXBxGTFIJ7HMvLFlV72x44eZEasyvkKeI6BIR_9KdwB9EZDjW8MytSdMFznf64HfW8SlBkuXdwqlxjeFabxHrTY6o6OY9NrvVbkYaoE_T6z2jkgYucUsoufWqvM9dzFqYpAZaZ8zj/s1600/20130213085721.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvXydzXBxGTFIJ7HMvLFlV72x44eZEasyvkKeI6BIR_9KdwB9EZDjW8MytSdMFznf64HfW8SlBkuXdwqlxjeFabxHrTY6o6OY9NrvVbkYaoE_T6z2jkgYucUsoufWqvM9dzFqYpAZaZ8zj/s640/20130213085721.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> โบกไหม</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWIDnELO0hQ8Fi3EcEXapUabIoqA_b_ZVmBpEXElKtcolEoSibmnjLMg5J7WJxWWb5BccPVFrYQ78XyZYov1Y76H8varFl7u-78loD3k_kVnry-w3ki48F9t4kCin3wtmg7VfgfYB5qM9d/s1600/20130213085900.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWIDnELO0hQ8Fi3EcEXapUabIoqA_b_ZVmBpEXElKtcolEoSibmnjLMg5J7WJxWWb5BccPVFrYQ78XyZYov1Y76H8varFl7u-78loD3k_kVnry-w3ki48F9t4kCin3wtmg7VfgfYB5qM9d/s640/20130213085900.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> โบกไหมรุ่นใหม่</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggxu8VPzYvoeUaA75sWPNUxxWW2gLlFCuIcP_-9H9E9KtRu8qKZNX_m5lnG6YgG7jvH7XkH45FMfGSLkV7QTbYVCBJGNFZhzXNVme8e2ed5ZUwDwNzDCTHO_T-goA7zG47k8N14TN0cUkJ/s1600/20130213085528.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggxu8VPzYvoeUaA75sWPNUxxWW2gLlFCuIcP_-9H9E9KtRu8qKZNX_m5lnG6YgG7jvH7XkH45FMfGSLkV7QTbYVCBJGNFZhzXNVme8e2ed5ZUwDwNzDCTHO_T-goA7zG47k8N14TN0cUkJ/s640/20130213085528.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> อุปกรณ์หมู่นี้ต้องประสานงานกันคับ คักหลายเนาะ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> หลังจากเฮาปั่นใส่โบกแล้ว เฮาเอากลับมาปั่นใส่เหล่งอีกเทือ(โอยปวดหมองนำเนาะกว่าสิได้ผ้าไหม) ต๊ะเลี้ยงม้อนกะว่าโดนคักแล้ว ปั่นใส่เหล่งแล้วบัดเทือนี่กะต้องเอาไหมไปย้อมสีหล่ะครับ(สิเอาไปมัดหมี่)ต้องย้อมเหลืองก่อนครับ ย้อมแล้วค่อยสิได้เอาไหมไปค้นหมี่ อั่นนั่นผมอธิบายคือสิยากอยู่ดอก แต่อี๊แม่เพินกะบอกเต็มที่ ผมได้แต่ยกมือสต๊อปพลีสสส..ไอปวดหมอง ฮ่าๆๆ เป็นอั่นว่ามาเบิ่งเครื่องมือและอุปกรณ์ดีกว่าครับ</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWvD1lQC8il0_Z-BuZLIjLhNIqsEJZ9Z1FcQ2bspPIyPVAczjZGIEWQoavqnuSxTiUQdCP7uTiUC9iF46Jj-NNNdwRtoytmKhpQGFpLAx3Q9Gj93WAOI8B8bZCTIXbXVDE4UCkT6OPGecu/s1600/20130213090541.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWvD1lQC8il0_Z-BuZLIjLhNIqsEJZ9Z1FcQ2bspPIyPVAczjZGIEWQoavqnuSxTiUQdCP7uTiUC9iF46Jj-NNNdwRtoytmKhpQGFpLAx3Q9Gj93WAOI8B8bZCTIXbXVDE4UCkT6OPGecu/s640/20130213090541.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> สีย้อมครับ มีหลายสีให้เลือก แต่ก่อนกะสิใช้สีจากธรรมชาติครับ ทุกมื้อนี่กะยังมีอยู่ครับ อันนี้ผมขอชื่นชมภูมิปัญญาอีหลี</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg8reIIlgZkNrRhoCp6gKO48v-ANdDcEiKmUySuXbQuO-bXEm7kwDVcPAoTCO3fslY4pT27s8uRA-DFgwCR9B1tIBZl8-jolhfV8qTrC6N4Xew2b4gbdI2mxxlB-4mNLd81VLn5Ec58JHeP/s1600/20130213095646.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg8reIIlgZkNrRhoCp6gKO48v-ANdDcEiKmUySuXbQuO-bXEm7kwDVcPAoTCO3fslY4pT27s8uRA-DFgwCR9B1tIBZl8-jolhfV8qTrC6N4Xew2b4gbdI2mxxlB-4mNLd81VLn5Ec58JHeP/s640/20130213095646.jpg" height="624" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> มีหลากหลายสีให้เลือกครับ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhi6rYJow76nR7vCxog1NuO9_Z9nsNJIzFWCebbpPDncKD5hnrpLpOjnZen7vO7dF8etDaBp_9LfxwisoyLtVW4vMHUWEu7w8KJNTviMNave-oO_GF3y6OCqjg1ho8t42Aq5dyEzZbahtVr/s1600/20130213090917.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhi6rYJow76nR7vCxog1NuO9_Z9nsNJIzFWCebbpPDncKD5hnrpLpOjnZen7vO7dF8etDaBp_9LfxwisoyLtVW4vMHUWEu7w8KJNTviMNave-oO_GF3y6OCqjg1ho8t42Aq5dyEzZbahtVr/s640/20130213090917.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> ขวดยาล้างไหมครับ ล้างให้ไหมเป็นสีขาว</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> เมื่อล้างแล้วเพินกะสิเอาไปค้นเนาะครับ นั่นคือค้นลำหมี่เพื่อสิได้มัดลายได้ ส่วนลายหมี่นั่นทุกมื้อนี้มีขายให้เลือกเอาแบบแซวซ๊ะ สำหรับเครื่องค้นขอติดไว้ก่อนเนาะครับ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjZg454vNgQy35alag67lXozrC7KuWFEh-3NvmRo1seeVK-0H7_3biw-Why9V1dqUS3JYvm-yerzaSQjUJRIQUDvlKUHLuMgBESMRyt-ImAx6OWC_g34SH5brJrfkK8j5hZVSbQZTUSEM5s/s1600/20130213091723.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjZg454vNgQy35alag67lXozrC7KuWFEh-3NvmRo1seeVK-0H7_3biw-Why9V1dqUS3JYvm-yerzaSQjUJRIQUDvlKUHLuMgBESMRyt-ImAx6OWC_g34SH5brJrfkK8j5hZVSbQZTUSEM5s/s640/20130213091723.jpg" height="444" width="640" /></a></span></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> แค่นี่กะนำลายได้ครับ</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"> หลังจากค้นแล้วกะสิมามัดหมี่สั่นแหล่ว เอามาใส่โฮงจัดลำให้ได้ระดับแล้วกะไล่มัดตามลายได้เลย ผมอธิบายยากเนาะครับขั้นตอนนี่</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYjM5aYTlBr_Sh7EdrqFXIdJQQe982o_pSMZK_7ICYC7IOULMJmjFU5BQtDxOr6GzUmyPsX_mdrgUnHU6f0Whc6lerak902txcYiBoiVAUYu4GZHGqmYRqjCmk_QWxLyHn9dnNAispmCvn/s1600/20130213091432.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYjM5aYTlBr_Sh7EdrqFXIdJQQe982o_pSMZK_7ICYC7IOULMJmjFU5BQtDxOr6GzUmyPsX_mdrgUnHU6f0Whc6lerak902txcYiBoiVAUYu4GZHGqmYRqjCmk_QWxLyHn9dnNAispmCvn/s640/20130213091432.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> โฮงหมี่ครับ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5HJ5ASuF3hJZ4I29EUtK-AaBWmx_21CedVrEU0ChV9_UUlaOynxp3R-7XLDriuXKBhKf5A-vuzpfyOO1ZelfKQKKJttlvElfJ5H6LQKoZl0JuqUoV9RavGtXNjRlq2uWU1QAJbLfKIQkH/s1600/20130213091608.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5HJ5ASuF3hJZ4I29EUtK-AaBWmx_21CedVrEU0ChV9_UUlaOynxp3R-7XLDriuXKBhKf5A-vuzpfyOO1ZelfKQKKJttlvElfJ5H6LQKoZl0JuqUoV9RavGtXNjRlq2uWU1QAJbLfKIQkH/s640/20130213091608.jpg" height="360" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> หมี่ลายดอกกุหลาบฝีมือพี่สาวอีเกียแดงครับ 85ลำ ย้อมหรือมัดได้แล้วกะเอาเข้ากี่เตรียมต่ำหูกครับ</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi395WMNFxhPzx0tkYa1-6NEgYd_KBSi0gez9DFJmxP8Gd7aMZGnShY7DugbpTxRx-G5qeDcaRJK4LaP7DnDerBpwI_B1IOCmwU1uj_ebBOa9yY97EIyLniWVSvuo5hi7zOy4L4v3sbXJHT/s1600/20130213091907.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi395WMNFxhPzx0tkYa1-6NEgYd_KBSi0gez9DFJmxP8Gd7aMZGnShY7DugbpTxRx-G5qeDcaRJK4LaP7DnDerBpwI_B1IOCmwU1uj_ebBOa9yY97EIyLniWVSvuo5hi7zOy4L4v3sbXJHT/s640/20130213091907.jpg" height="162" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> อั่นนี่กระสวยไว้สอด มีคุณสมบัตินอกเหนือจากนี่คือ ส่งคนเข้านอนได้พ้อม แห่ะๆ</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhr03QnvH8v626Gt2FHiaFmZQHzdrR-74UHO5-TNnvqXhy_6hmfP5jAjGzH9KKgO1SZsDA9vj_mOOmaUpb0wkksVU-aNLiqU-5Q8zNt454-uceQqRDxJ4HUsQn7AhndBUrl3ODSrK2pAGVQ/s1600/20130213092119.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhr03QnvH8v626Gt2FHiaFmZQHzdrR-74UHO5-TNnvqXhy_6hmfP5jAjGzH9KKgO1SZsDA9vj_mOOmaUpb0wkksVU-aNLiqU-5Q8zNt454-uceQqRDxJ4HUsQn7AhndBUrl3ODSrK2pAGVQ/s640/20130213092119.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ลายหมี่ทางต่ำครับ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBABcnC8hfaUAACRz5BBzdFcyy26pJ5aJXVfM9lE0OryWgkeCCPy5MJapDX6_k9L40u7lFjfD0o15ksdhgnVhiwg7i87kQ3OjQBN3Fywf3ObOxgFKsjqlwI1My2Qk7qPDT99VhUbJj0KF9/s1600/20130213092302.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBABcnC8hfaUAACRz5BBzdFcyy26pJ5aJXVfM9lE0OryWgkeCCPy5MJapDX6_k9L40u7lFjfD0o15ksdhgnVhiwg7i87kQ3OjQBN3Fywf3ObOxgFKsjqlwI1My2Qk7qPDT99VhUbJj0KF9/s640/20130213092302.jpg" height="616" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> อั่นนี้เอิ้น บักผัง ติดหัวไม้ทั้งสองข้างเกาะดันผ้าให้ตึงเวลาเฮาต่ำครับ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3_hDVMfKXuIM2xWqryaLc5sDm7ro7T-Y3IsoEHBo5x2uAQBoxdTwkjNaQv4OKILV_KN31-6nGeoz3nJgcUe_Tglo9Q86cnRVMfprVdWCshd-2NdFDmFY-gVRIJdUUumUmwzwR36SOdLQP/s1600/20130213092508.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3_hDVMfKXuIM2xWqryaLc5sDm7ro7T-Y3IsoEHBo5x2uAQBoxdTwkjNaQv4OKILV_KN31-6nGeoz3nJgcUe_Tglo9Q86cnRVMfprVdWCshd-2NdFDmFY-gVRIJdUUumUmwzwR36SOdLQP/s640/20130213092508.jpg" height="640" width="480" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ไม้ไคว่ครับ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi0n01FSEaAGacyN5W2z0SQUfQabaLfeeGlNjqlMtCMFreiFXkp7q2FgXi24MUVFgGIWGitTA9PrVyUvi0jvr9pppQPbyOZzVjtp9gGQXWAyiN6aKO4pHtPZS4de-nOVsGietEzYHM2PFJa/s1600/20130213092638.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi0n01FSEaAGacyN5W2z0SQUfQabaLfeeGlNjqlMtCMFreiFXkp7q2FgXi24MUVFgGIWGitTA9PrVyUvi0jvr9pppQPbyOZzVjtp9gGQXWAyiN6aKO4pHtPZS4de-nOVsGietEzYHM2PFJa/s640/20130213092638.jpg" height="273" width="640" /></a></span></div>
<div>
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เหล็กพันเคียหูกสั่นแหล่วครับ พันอยู่หนิแปดเมตรพุ้นแหล่ว ซิ่น4ต่ง</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgm4OKe6og3emwqHfWs8CD59RrA1MyvwLJOuzjCryjnXW_jF_t73ATEgFiyP4B0UXjPovyrcU-h1pQ_knv_JilM8OKFLIc0MVkY7-oX3srPpn_k09yymCkXaV0o1Qe46YXhH7akBYNUIuIW/s1600/20130213092836.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgm4OKe6og3emwqHfWs8CD59RrA1MyvwLJOuzjCryjnXW_jF_t73ATEgFiyP4B0UXjPovyrcU-h1pQ_knv_JilM8OKFLIc0MVkY7-oX3srPpn_k09yymCkXaV0o1Qe46YXhH7akBYNUIuIW/s640/20130213092836.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;">อุปกรณ์เสริมครับ ฮ่าๆๆ แนวหวีหูก (หวีให้ไหมมันเส้นกลม) เคล็ดลับคือใช้ครีมนวดผมผสมข้าวแช่น้ำ ส่วนปูนเอามาก่านไหมครับ</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSiDg_NXZ7sO8Sk9DCqsoQxv24cRJvgHpmb9q6QnmtXtkQeY9_3Xm0ocGegfq5cYYY1573BP4jP4iBiopQ0rziK9k7SdoAYynOkNgwQ2mYUVw5kP_kRXsG6AeoKBm6QZLeBtqJ69G3-dz2/s1600/20130213093151.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSiDg_NXZ7sO8Sk9DCqsoQxv24cRJvgHpmb9q6QnmtXtkQeY9_3Xm0ocGegfq5cYYY1573BP4jP4iBiopQ0rziK9k7SdoAYynOkNgwQ2mYUVw5kP_kRXsG6AeoKBm6QZLeBtqJ69G3-dz2/s640/20130213093151.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ช่วงล่างครับ หมาบักมิ๊กทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เอิ๊กกกๆๆ.. อี๊แม่ซ่างบ่เหยียบหัวเด้เนาะ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOeIsnooCNOCrwQLSPGu25VbzWL0q1ydQUTBwWZ-nM4AA9CMvL9WT1zFlzsgSvFQYY1gM830lppn6BUAosJCN_zZEgAtA6vvByxemv-I6viqyWGSLUW3s3nkhijscmNsibHYUayUaFIK3c/s1600/20130213093414.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOeIsnooCNOCrwQLSPGu25VbzWL0q1ydQUTBwWZ-nM4AA9CMvL9WT1zFlzsgSvFQYY1gM830lppn6BUAosJCN_zZEgAtA6vvByxemv-I6viqyWGSLUW3s3nkhijscmNsibHYUayUaFIK3c/s640/20130213093414.jpg" height="418" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjd50D7YIhDjtL4YoQNnbtob9SOm9K6HnhkJaaH6VxlGMmEqs7yQqjljkes4a3ydTSGfT8UsZ0P-cb5rI7mDfl4ugdsaD5TBTo5dT__eNdEvWPe3qLn10uBWB5XBPjT7B7gk96a5LT4WFXg/s1600/20120820021755.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjd50D7YIhDjtL4YoQNnbtob9SOm9K6HnhkJaaH6VxlGMmEqs7yQqjljkes4a3ydTSGfT8UsZ0P-cb5rI7mDfl4ugdsaD5TBTo5dT__eNdEvWPe3qLn10uBWB5XBPjT7B7gk96a5LT4WFXg/s640/20120820021755.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ว่าแล้วกะต่ำ สอดกระสวยไป-มา นั่น..เห็นลายงามแล้ว แฮ่..</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiU5CtxJfbaMSnK_Qnl2EJ_DdFSx7IiwglB3qh8CFajACiqUQdzqfKhVGPvqV6kMHHmhxUtWzdm-K4FEHRCeRewXeAlnyfzf8f7QbvWiBQvf2WNnKOz3pt5-6FRRsQPJphRt5i0wY7lsKlz/s1600/20120820022147.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiU5CtxJfbaMSnK_Qnl2EJ_DdFSx7IiwglB3qh8CFajACiqUQdzqfKhVGPvqV6kMHHmhxUtWzdm-K4FEHRCeRewXeAlnyfzf8f7QbvWiBQvf2WNnKOz3pt5-6FRRsQPJphRt5i0wY7lsKlz/s640/20120820022147.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;"> หรือจะนำไปทอเป็นผ้าซิ่นตีนแดง ผ้าไหมเอกลักษณ์ของชาวอำเภอพุทไธสง-อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็จะได้เห็นผ้าถุงแบบนี้ละลานตาไปหมด ไม่เว้นแต่เด็กๆที่ใส่แล้วดูจะงามตาไปอีกแบบครับ</span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiy6PRYGEt51eyAwvnFe3EwuQE1Qr_KJW3oKa7GxBpKqX_CJfTeFT6FzOWlLAHKvDFbaz8f8ByBO84VsyWsQS9430Cxz58xpwi9_3LYJT-2m_Nr_m9glTEO5umce-lCz-23SSDnoV8nD3Ct/s1600/20120820083438.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiy6PRYGEt51eyAwvnFe3EwuQE1Qr_KJW3oKa7GxBpKqX_CJfTeFT6FzOWlLAHKvDFbaz8f8ByBO84VsyWsQS9430Cxz58xpwi9_3LYJT-2m_Nr_m9glTEO5umce-lCz-23SSDnoV8nD3Ct/s640/20120820083438.jpg" height="426" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="font-size: large;">.. หรือรุ่นสาวๆ ใส่แล้วก็ดูสวยเก๋แบบฉบับเอกลักษณ์ของอำเภอไปเลย ผ้าซิ่นตีนแดงหยอดทอง..สวยมากเลยครับ อำเภอนาโพธิ์ บุรีรัมย์</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> <span style="color: #351c75;"> ( ภาพนี้ต้องขอบคุณพี่เป๊าะไปด้วยนะครับ)</span></span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-size: large;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtT1eBCS9rqHGPVi3Ya-ZiMGQTlDmL-leHr3k9gFjBrVoQkkTboXKU3oN3uXxJWkBMwobUc1gnmYlFeDk6syCxpwp797RFcl7H6B9x0HhoGMCTn1Gsb5mDG7O-KkjziOIDNMTFJu-mmUG3/s1600/20101211101911.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtT1eBCS9rqHGPVi3Ya-ZiMGQTlDmL-leHr3k9gFjBrVoQkkTboXKU3oN3uXxJWkBMwobUc1gnmYlFeDk6syCxpwp797RFcl7H6B9x0HhoGMCTn1Gsb5mDG7O-KkjziOIDNMTFJu-mmUG3/s640/20101211101911.jpg" height="480" width="640" /></a></span></div>
<div>
<span style="color: blue; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="color: blue; font-size: large;"> น้องยี่..หลานสาวคนโตยืนเป็นแบบให้ กับผ้าซิ่นตีนแดงพุทไธสง บุรีรัมย์ {หกเมตรที่สวมใส่เป็นงานฝีมือคุณแม่ของอีเกียแดง}</span></div>
<div>
<span style="color: blue; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="color: blue; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<div>
<span style="color: blue; font-size: large;">ออกมาเป็นผืนผ้าที่สวยงามและน่าภาคภูมิใจนำเนาะครับ จากสายไหมมาสู่ผ้าไหมสวยงาม นี่คืองานที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนโต น่าดีใจอยู่ว่าตอนนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์เพินประกาศให้คนบุรีรัมย์พากันใส่ผ้าไหมออกงานกัน แถมยกอำเภอทางพุทไธสง-นาโพธิ์เป็นผู้นำร่องผ้าไหมดีเด่น นั่นกะคือผ้าซิ่นตีนแดงนั่นเองครับ ไหม คือเส้นสายคือสายใยที่ถักทอเชื่อมโยงสายใยในครอบครัวให้ฮักหมั่นแก่น งดงามเฉกเช่นแสงสีทองของเส้นไหมนั่นเองครับ</span></div>
<div>
<span style="color: blue; font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="color: blue; font-size: large;"> </span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> </span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> </span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> ด้วยจิตคารวะ</span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"> <span style="color: lime;"><b>{อีเกียแดง แห่งรัตติกาล}</b></span></span></div>
</div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<span style="font-size: large;"><br /></span></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-79734071936274947002012-09-05T08:54:00.001-07:002012-09-05T08:54:47.562-07:00ค่ำคืนแห่งรัตติกาล<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikaSoARzyYcI3Appc_EYh_A_cPJzZRgCNiI9kZlgjreUHUQn9UGOw5aWEjENM63iuf70KCqkTXC8hNiTcGzNQ3bADlIy9i7QtXTPokyeWvccU9wJrd32kOw84nBPVSUH6aBvj_3eNb_61P/s1600/20120515061304.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikaSoARzyYcI3Appc_EYh_A_cPJzZRgCNiI9kZlgjreUHUQn9UGOw5aWEjENM63iuf70KCqkTXC8hNiTcGzNQ3bADlIy9i7QtXTPokyeWvccU9wJrd32kOw84nBPVSUH6aBvj_3eNb_61P/s400/20120515061304.jpg" /></a></div><br />
..สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาในช่วงตอนเย็นมันทำให้อากาศบริเวณโดยรอบลดอุณภูมิแห่งความเร่าร้อนดั่งเปลวเพลิง มลายหายสิ้นไปโดยปริยาย ควันสีขาวที่มาพร้อมกับไอระอุของผืนดินในยามที่โดนเม็ดฝนประพรมชะโลมเลียในช่วงหัวค่ำถูกแปรเปลี่ยนสภาพเป็นผืนดินที่เต็มไปด้วยความชุ่มชื่น เม็ดน้ำนับล้านที่หล่นมาจากฟากฟ้ายังช่วยทำให้ท้องทุ่งและผืนป่าเกิดการปรับสภาพขยายตัวเพื่อรองรับดูดซึมซับน้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์อย่างผู้หิวกระหายเสมือนมิเคยได้ลิ้มลองและสัมผัสกับรสชาดอันหวานชื่นมาเสียนาน<br />
<br />
ความเย็นถูกปกคลุมแผ่ซ่านไปทั่วอาณาบริเวณสลับกับเสียงร้องรำทำเพลงของเขียดตัวน้อยที่ออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด "นี่บรรพบุรุษของเจ้าเขียดตัวน้อยคงจะไม่ได้บอกกล่าวตักเตือนลูกหลานของตัวเองเป็นแน่แท้" เพราะเมื่อใดที่ฝนตกน้ำมา พวกที่ดีใจน่าจะเป็นพวกปลากระดี่ไม่ใช่พวกบรรดาเขียดซักกะหน่อย ..^_^.. ว่าม๊ะ..แห่ะๆ<br />
<br />
<br />
.....ค่ำคืนแห่งรัตติกาล ณ อิ่มเอมรีสอร์ท นครชัยภูมิ.....<br />
<br />
หลอดไฟยี่ห้อดังจากเจแปน ส่องประกายแบบมิเต็มใจ เพราะประเมิณด้วยสายตาแล้วมันดูขมุกขมัวยังไงชอบกล อาจจะเป็นเพราะว่าเสื่อมสภาพไปโดยที่เจ้าของรีสอร์ทไม่ได้สั่งการให้ผู้ดูแลทำการปรับเปลี่ยน หรือ อีกนัยหนึ่งสาเหตุน่าจะมาจากคนภายในห้องจงใจที่จะทำให้มันเกิดแสงออกมาในลักษณะนี้ ผ้าม่านภายในห้องถูกดึงปิดจนยากที่จะคาดเดา (ยกเว้นอีเกียแดงเท่านั้นที่รู้ดี) แม้แต่มดตัวน้อยจะแอบชะเง้อคออันกระจ้อยร่อยเข้าไปสอดแนมก็มิอาจเห็นได้ เสียงเครื่องปรับอากาศยังทำงานอย่างแผ่วเบาถึงแม้อุณภูมิภายนอกจะเย็นก็ตามที แสดงให้เห็นว่าบุคคลภายในมีรสนิยมติดยึดกับองศาต่างเป็นแน่แท้เชียว อ๊ะ อ๊ะ หรือว่าอุณภูมิภายในห้องมันไม่ได้เย็นดังเช่นอุณภูมิภายนอกหรืออย่างไร ????<br />
<br />
<br />
" เป็นไงบ้างคนดี ทนไหวมั้ยแม่คุณ " เสียงชายหนุ่มเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับใช้ริมฝีปากเข้าไปแนบข้างๆใบหูของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าคนรัก มันทำให้เธอต้องขยับตัวพร้อมกับกายสั่นไหวเล็กน้อย <br />
<br />
<br />
" บอกว่าอย่าขยับเข้ามาใกล้ เห็นมั้ยเล่นเอาเค๊าขนลุกหมดแล้วนี่ มันจะทนไม่ไหวอยู่แล้วน๊ะ " เสียงเธอต่อว่าต่อขานชายหนุ่มแผ่วเบาพร้อมทำสีหน้าเจื่อนๆ จนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ต่อหน้าต้องอมยิ้มพร้อมกับขยับกายเข้าประชิดกว่าเดิม มือขวาอันแข็งแกร่งโอบกอดร่างอันกลมกลึงโน้มเข้าหา สายตาอันคมกริบส่องประกายฉายแววประดุจเสมือนว่าอีเกียแดง แห่งรัตติกาล กำลังเจอบักสีดา (ฝรั่ง)อันโอชะเสียอย่างนั้น<br />
<br />
<br />
" น่าน๊ะ ไหนดูซิ ขอดูหน่อยแม่คุณ ไหวไม่ไหวเดี๋ยวก็รู้ " เสียงชายหนุ่มคะยั้นคะยอ พร้อมเอียงคอเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูของเธออีกครั้ง<br />
<br />
<br />
" ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ไหวแล้ววววววว....ซี๊ดดด.. " เสียงเธอบอกคนรักแผ่วเบาพร้อมกับแสดงอาการตัวเกร็งขนลุกอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาชายหนุ่มนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มออกอาการส่งสายตาชวนฝันในทันใดและไม่อาจที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ในบัดดล<br />
<br />
<br />
" ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ ไอ้ยัยนกบ้า..รีบออกมาจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะเค้าจะราดอยู่แร๊ววว.." เสียงเธอตะโกนลั่นห้องบอกเพื่อนสาวที่เข้าไปอาบน้ำอยู่เสียนาน เพราะขืนช้ากว่านี้สักสองนาทีมันคงทำให้ชายหนุ่มคนรักมีเรื่องให้ต้องจดจำไปถึงวันตายเป็นแน่ นี่คงเป็นเพราะพิษของมะม่วงเปรี้ยวในช่วงกลางวันเเน่ๆเลย<br />
<br />
<br />
" ชายหนุ่ม " ?????<br />
<br />
<br />
" อีเกียแดง" บุ๊ยยย แม่นหยั๋งหล่ะ<br />
<br />
<br />
<br />
โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-29972995065970839932012-09-05T08:48:00.000-07:002014-06-28T21:26:11.484-07:00นิยาย กรรมลิขิต 20<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWt2G4d3hPuCqcrPSpJKoVUS3184y1q2zoUm7TNp3jWY5w4DHmA9Rno_jqqmW9wDQ_gzUYGzS6Q0qLkUPVDCEaMPDJqThDmAoMJ2FJYlI7F9xI4AMN0HjPoUAMT08cTe5LUXzT-XV8GBev/s1600/253312_257903647552983_100000000485141_1144513_4084686_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWt2G4d3hPuCqcrPSpJKoVUS3184y1q2zoUm7TNp3jWY5w4DHmA9Rno_jqqmW9wDQ_gzUYGzS6Q0qLkUPVDCEaMPDJqThDmAoMJ2FJYlI7F9xI4AMN0HjPoUAMT08cTe5LUXzT-XV8GBev/s400/253312_257903647552983_100000000485141_1144513_4084686_n.jpg" height="400" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจินตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาจากตัวผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใดๆ ขออภัยกับคำพูดที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของตัวละคร ผู้เขียนเพียงแค่ต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตในสังคมอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง เพื่อโยงให้เห็นการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงาม และสะท้อนให้เห็นถึงผลที่ได้รับในสิ่งที่ตัวละครเหล่านี้ได้กระทำลงไป ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ยังให้การติดตาม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้การจินตนาการแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ขอบคุณภาพสวยๆจากอินเตอร์เน็ตและขอบคุณบทความดีๆ ด้วยจิตคารวะ.. <br />
<br />
รุทธิ์ {อีเกียแดง แห่งรัตติกาล} <br />
<br />
<br />
นิยาย กรรมลิขิต<br />
<br />
ตอน เส้นทางกรรม<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
"บางทีการพูดความจริงให้น่าเชื่อ อาจยากกว่าการพูดให้คนเชื่อเรื่องโกหกเสียอีก โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้นกลับไม่ตรงกับความเชื่อของคนฟัง เรื่องไหนที่เป็นเรื่องจริงเราไม่จำเป็นจะต้องไปอธิบายเสียให้ยืดยาวสู้นิ่งเงียบเป็นดีที่สุด เพราะกาลเวลาจะเป็นเครื่องช่วยพิสูจน์ให้กับตัวเราเอง คำพูดมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนฟังเกิดความรู้สึกดีหรื่อไม่ดี ยิ่งเมื่อใดที่คำพูดนั้นได้ผ่านออกไปสู่หูคนฟังแล้วนั้นมันยากที่จะดึงกลับคืนมาได้ ถ้าเป็นคำพูดอันไพเราะเสนาะหูก็คงเป็นสิ่งน่าชวนฟัง แต่เมื่อใดที่เป็นคำพูดที่ประชดเสียดแทงความรู้สึกแล้วนั้นมันย่อมทำให้คนฟังเกิดความรู้สึกหดหู่เป็นแน่แท้ บุญที่ทำให้เป็นผู้มีเสียงกังวานชวนน่าฟังต้องมีใจเป็นสุขกับการพูดจาด้วยถ้อยคำที่เป็นจริงทั้งสุภาพไพเราะและประสานสัมพันธ์ฟังแล้วเกิดสติทั้งผู้พูดและผู้รับฟังให้เกิดความจรรโลงต่อสภาวะจิตใจ อันว่าชีวิตของคนเราไม่จำเป็นว่าจะต้องล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้ง แต่มันสำคัญที่ว่าเราจะใช้ความล้มเหลวให้เป็นประโยชน์ได้กี่หน ถ้าจะใช้ชีวิตให้คุ้มต้องทุ่มเทกับการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ใช้ชีวิตซ้ำๆอยู่ในหัวและไม่ใช่ "ใช้ชีวิตล่วงหน้าอยู่ในความฝัน" ออกเดินหนึ่งก้าวไม่ใช่แค่มาไกลขึ้นหนึ่งก้าวแต่ยังทำให้ใจคิดจะก้าวไม่ใช่เอาแต่ถอยหรือหยุดอยู่ ก้าวต่อไปไม่ต้องมองข้างหลังไม่ต้องหวังข้างหน้าเดี๋ยวก็ถึงที่หมายเอง มาถึงตรงนี้ในนามผู้เขียนเองก็คงต้องก้าวย่างเดินต่อไปดังปณิธานที่ตั้งมั่นไว้ นับแต่บัดนี้ไปเช่นกันครับ<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMz94oX68qaanLp3hBT1HIdMdJkN3cfGZfLwxKaCE_9N9KRseGhRkZ1JKDYH0S9i9KacC-9mpKjHzdTEpcqYKsBrXRL1xsWUhssHt1MvlBCnVJ7wr-LcP7GVpvSw2aPZNzmpSa2OPBQaAS/s1600/405373_330245436985470_100000000485141_1403589_101324677_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMz94oX68qaanLp3hBT1HIdMdJkN3cfGZfLwxKaCE_9N9KRseGhRkZ1JKDYH0S9i9KacC-9mpKjHzdTEpcqYKsBrXRL1xsWUhssHt1MvlBCnVJ7wr-LcP7GVpvSw2aPZNzmpSa2OPBQaAS/s400/405373_330245436985470_100000000485141_1403589_101324677_n.jpg" height="180" width="300" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
เวลา 17.20 น.<br />
<br />
<br />
รถเก๋ง BMWสีดำขับเคลื่อนออกจากประตูหมู่บ้านเทพอินทรา หมู่บ้านหรูใจกลางย่านรามอินทรา เสียงเพลงในรถคันหรูดังประสานกับเสียงคลอเบาๆอย่างอารมณ์ดีของชายหนุ่ม ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงมันทำให้อารมณ์ของเขาเป็นสุขยิ่งกับภาระกิจหลายๆอย่าง โชคดูจะเข้าข้างเขาเป็นอย่างยิ่งกับการบริหารจัดการเวลากับสิ่งต่างๆได้แบบลงตัวและเหมาะเหม็งยิ่งนัก วิศรุจใช้ลิ้นแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเล่นไปมา ใบหน้าอาบยิ้มปนไปด้วยความสุขภายใน ภาพของกนกกรที่นั่งฉอเลาะเขาก่อนหน้านี้ไม่นานผุดล่องลอยอยู่ในมโนภาพดั่งเช่นประกายความฝัน กนกกรคือหญิงสาวที่เขาทุ่มเทมอบความรักใส่ใจต่อเธออย่างดีเยี่ยมไม่ด้อยไปกว่าเดือนนภา แต่แล้วภาพของกนกกรพลันต้องหายวับไปทันควันเมื่อเสียงของโทรศัพท์คู่กายของเขาดังขึ้น วิศรุจใช้มือซ้ายเอื้อมจับมันขึ้นมาพร้อมกับกรอกเสียงถึงต้นเสียงอย่างเป็นกันเอง<br />
<br />
"ว่าได๋จักร..มีปัญหาหยั๋งเบาะน้องหล่า..มันตุกติกหยั๋งบ่หล่ะ"<br />
<br />
"อืมดีแล้วหล่ะ..เตรียมรับล็อตต่อไปกับตั้มได้เลย เดี๋ยวอ้ายโทรไปเคลียร์ให้"<br />
<br />
"ได้ได้ มื้ออื่นเดี๋ยวอ้ายออกไปหาเองดอก..เก็บไว้ดีๆเดี๋ยวอ้ายเข้าไปเคลียร์"<br />
<br />
"จั่งซั่นหล่ะเนาะ."<br />
<br />
" อ้ายมาคนเดียวพี่เดือนเข้าบ่ได้มานำดอกน้องหล่า" <br />
<br />
"อืม แค่นี้หล่ะ หวัดดีน้อง"<br />
<br />
<br />
"เดือนนภา" ชื่อของเธอทำให้ชายหนุ่มพลันนึกถึงเธอโดยพลัน เย็นนี้วิศรุจรับปากกับเดือนนภาแฟนสาวว่าจะพาเธอออกไปทานมื้อเย็นด้วยกัน ชายหนุ่มกดวางโทรศัพท์พร้อมกับใช้เท้ากดคันเร่งให้หนักขึ้นเมื่อมองเห็นเวลาบนหน้าเก๋งคันหรู แล้วเจ้า BMW สีดำก็พุ่งทะยานมุ่งหน้าสู่ "สายอมรวสันต์ คอนโดมิเนียม" ในทันที<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7DvNKW2vpCL3_NjrsBunrEAS3lKBgQBWl-IRNHgALTGm6dqnP30mcxPtrE-HeCYKgIfzxJm-KaOeQonMLcHsdLxZzAWcTOuXqMoa6wXImDJ-1YBT-xgjioH5tvqNATrx86tyHcdFEEDyp/s1600/394153_330245203652160_100000000485141_1403588_1734397257_n.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7DvNKW2vpCL3_NjrsBunrEAS3lKBgQBWl-IRNHgALTGm6dqnP30mcxPtrE-HeCYKgIfzxJm-KaOeQonMLcHsdLxZzAWcTOuXqMoa6wXImDJ-1YBT-xgjioH5tvqNATrx86tyHcdFEEDyp/s400/394153_330245203652160_100000000485141_1403588_1734397257_n.jpg" height="240" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
วันนี้การเดินทางอันยาวไกลบางครั้งมันมาไกลเกินที่จะย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดจากเมื่อวานที่ผ่านมาได้ แต่ว่า มันยังไม่สายที่จะปรับปรุงและแก้ไขถึงแนวโน้มของความผิดพลาดของวันพรุ่งนี้ได้ อดีตคือสิ่งที่สอนใจ อนาคตคือสิ่งที่เราควรเตรียมใจ แต่ปัจจุบันคือสิ่งที่เราต้องให้ความใส่ใจมากที่สุด สิ่งที่ไม่ดีควรปล่อยให้ผ่านแล้วตั้งใจทำบุญกุศลอยู่สม่ำเสมอแล้วผลแห่งการทำดีก็จะส่งผลดีให้เราสม่ำเสมอเช่นกัน การทำกรรมหรือการแก้กรรมนั้นคือเราต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานไม่ใช่ไปขุดเมื่อวานมาทำพิธีให้วันนี้สูญเปล่า การทำคุณงามความดีนั้นไม่ได้เห็นผลในทันตาแต่ว่าเห็นผลทันใจ นั่นก็คือ "ใจที่มันเป็นสุข"นั่นเอง<br />
<br />
<br />
ข่าวที่เจ้าหน้าที่จับกุมยาเสพติดแล้วขยายผลไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนั้น ทำให้ณรงค์ฤทธิ์เสี่ยใหญ่ถึงต้องผวาอยู่ลึกๆ ลิ่วล้อเอเย่นต์รายย่อยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ปลอมเป็นสายล่อซื้อนำไปถึงการจับกุมจนต้องจำนนไปแล้วหลายราย แต่ส่วนลึกของเสี่ยณรงค์ฤทธิ์กลับยังมั่นใจได้ว่า อำนาจเงินตราและอำนาจบารมียังพอมีอยู่มาก การปิดบัญชีดำกับเอเย่นต์รายย่อยถูกสั่งการลับถึงลิ่วล้อผู้มีสีแต่จิตใจต่ำอยู่ใต้อำนาจที่มืดดำถูกกิเลศเข้าครอบงำจนไม่สามารถแยกออกว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนเลว ข่าวการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวไปฝากขังมีให้เห็นถี่ขึ้นตามหน้าทีวีและหนังสือพิมพ์ ทำให้ผู้กำกับสถานีต่างๆต้องกุมขมับกันเป็นแถวๆเพราะต้องคอยตอบคำถามของสื่อต่างๆที่พุ่งประเด็น เล็งให้เห็นถึงความล้มเหลวถึงการควบคุมป้องกันผู้ต้องหา เพราะการจบชีวิตของผู้ต้องหามันเป็นการตัดระบบในการโยงใยไปหาเอเย่นต์รายใหญ่ที่กุมบันเหียนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง งานนี้ทำให้ พ.ต.ต.ปรีชา สังควรรณาการชัย ผู้กำกับตงฉินประจำสถานีหัวหมากต้องสั่งเข้มวางกำลังประกบคุ้มกันตัวผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นอีกสองนาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เฉกเช่นสถานีต่างๆที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ไม่มีเส้นทางสู่จุดหมายใดที่เรียบง่ายและโล่ง ในทุกเส้นทางนั้นต่างมีอุปสรรคคอยขัดขวางอยู่เสมอ บางอุปสรรคเป็นก้อนหินใหญ่ให้อึดอัด บางครั้งอาจเป็นกำแพงสูงให้หนักใจ คงไม่มีใครที่ไม่พานพบอุปสรรคต่างแต่ว่าเมื่อเจออุปสรรคแล้วแต่ละคนหาทางออกอย่างไรกัน เจอโขดหินใหญ่ก็เดินอ้อม เจอกำแพงสูงก็ปีนป่ายหรือใช้ไม้ช่วยก็คงจะได้มั้งเนาะ (ว่ามั้ย) ทุกอุปสรรคมีวิธีผ่านสุดแต่ "ความคิดที่ไม่มีวันยอมแพ้" จะเปิดทางให้เราแค่ไหนเท่านั้นเองครับครับ<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1SoRU-4DOGTUsDu5jmsXgSF1-_VwLYSoriUOUUqifioANK-tzf8Dq5Ss3gCarC5JsbCuRXzil39QBs9evb3XISrriLs7rYtgUQCl7xoaK2E3DLnS_TF-O17Vbdt1xO91DeS3nMXrLvTJ7/s1600/392111_330245650318782_100000000485141_1403590_1464457547_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1SoRU-4DOGTUsDu5jmsXgSF1-_VwLYSoriUOUUqifioANK-tzf8Dq5Ss3gCarC5JsbCuRXzil39QBs9evb3XISrriLs7rYtgUQCl7xoaK2E3DLnS_TF-O17Vbdt1xO91DeS3nMXrLvTJ7/s400/392111_330245650318782_100000000485141_1403590_1464457547_n.jpg" height="270" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<span style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"><span class="b14"><br /> <span style="color: green;">อาทิตย์ยามบ่ายยังเปล่งประกายแสงอันร้อนระอุให้กับผืนโลกถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันไกลแสนไกล และนับวันรังสีแห่งความเร่าร้อนนี้จะเพิ่มทวีคูณขึ้นมากมายหลายเท่าจนทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกใบกว้างต้องหาทางออกให้กับตัวเอง เครื่องปรับอากาศถูกนำมาใช้อยู่ทั่วทุกจุดในทุกมุมโลก เครื่องอำนวยความสะดวกนานัปการถูกผลิตขึ้นมารองรับความต้องการของมนุษยชาติ และบรรดาสิ่งเหล่านี้เองกลับเป็นเครื่องกระตุ้นเร่งเร้าเพิ่มความเร่าร้อนของโลกให้มากขึ้นเป็นเท่า<br />ตัว</span><br /><br /><span style="color: black;"><br /> "โอยยย..ทำไมมันร้อนอย่างนี้ก็ไม่รู้นะนก ป่านจะละลายแล้วนะเนี่ย" สายป่านเอ่ยกับเพื่อนรักพร้อมกับใช้พัดกระดาษโบกกลับไปกลับมาเพื่อให้แรงลมปะทะกับใบหน้าอันคมได้รูปของเธอ ร่มเงาจากต้นจามจุรีช่วยปกป้องแสงแดดได้มากทีเดียว สังเกตุได้ว่าตอนนี้มีนักศึกษาเข้ามาอาศัยการอ่านหนังสือและทำกิจกรรมต่างๆอยู่หลายคน<br /><br /> "เมืองไทยเราทุกวันนี้มันร้อนขึ้นมากเลยนะ นกเองยังรู้สึกสัมผัสได้เลย ยิ่งในกรุงเทพฯด้วยนะมันช่างแตกต่างกับทางอีสานบ้านของนกเสียจริงๆ" ขวัญชนกสาวเมืองขอนแก่นพูดขึ้นบ้าง สายตาสำรวจหาแผ่นกระดาษในมือที่พอจะเป็นเครื่องทำความเย็นให้แก่เธอเฉกเช่นสายป่านเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ<br /><br /> "เออนี่ป่าน..ที่นกเคยสัญญาไว้ว่าจะพาไปลิ้มรสอาหารอีสานอ่ะ ตกลงว่าเป็นเย็นนี้นะแก ..ว่าไงหล่ะแกว่างไหม?? " ขวัญชนกเอ่ยเอ่ยกับเพื่อนสาว มือขวาใช้กระดาษแผ่นแข็งพัดวีไล่อากาศที่ดูร้อนผ่าวอยู่ทั่วใบหน้าของเธอ<br /><br /> "ตอนหัวค่ำป่านว่างอยู่พอดีเลย แล้วนกจะพาป่านไปที่ไหนหล่ะ ขออย่างเดียวนะแกอย่าให้มันไกลที่พักนักก็แล้วกัน" เธอบอกพร้อมกับขยับตัวเปลี่ยนอริยาบทท่านั่ง<br /><br /> "เออน่าแก..ไม่ไกลหรอกน่า ที่สำคัญนะอาหารร้านนี้เขาว่าอร่อยมากนะและที่มากไปกว่านั้นมีเสียงเพลงช่วยผ่อนคลายให้ฟังด้วย ไม่แน่นะบางทีแกอาจจะแปลกใจด้วยซ้ำไป" ขวัญชนกบอกยิ้มๆ<br /><br /> "แปลกใจอะไรเหรอนก..มีอะไรให้ป่านแปลกใจนิ๊" เธอเอ่ย สายตาจับจ้องมองใบหน้าของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ<br /><br /> "อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอก แค่นกจะพาป่านไปลิ้มลองรสชาดอาหารแปลกๆเท่านั้นเอง"<br /><br /> "แล้วสรุปนกจะพาป่านไปที่ไหนเนี่ยะ" สายป่านถามเพื่อนรักสายตาคู่คมจับจ้องพร้อมรอคำตอบ<br /><br /> "นกจะพาไปที่ร้าน สกาวเดือนจ้าป่าน"</span> <br /></span></span><br />
<br />
<br />
โดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาลอีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-64138506514993231692012-09-05T08:26:00.000-07:002012-09-05T08:56:02.307-07:00น้ำตาลเรียกพี่ตอน น้ำตาลเรียกพี่ <br />
<br />
บทโดย <br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาล<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglHkdO4j4rcxcKMZsDDMxJbmo1Xhe6a-XTiiL7M9UxAJQmxYVSCJx3UcbD0b3e3jCZCxDPPWr3OHUk_zfUfbP628hRa5RmybYwanhat8wgROkBps48S6_wctg8WFMYUnBo6yKGBVfxoLsI/s1600/247466_226408724035809_100000000485141_1016446_4326265_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="201" width="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglHkdO4j4rcxcKMZsDDMxJbmo1Xhe6a-XTiiL7M9UxAJQmxYVSCJx3UcbD0b3e3jCZCxDPPWr3OHUk_zfUfbP628hRa5RmybYwanhat8wgROkBps48S6_wctg8WFMYUnBo6yKGBVfxoLsI/s400/247466_226408724035809_100000000485141_1016446_4326265_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ณ..อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เวลา 19.25 น.<br />
<br />
<br />
แสงไฟสลัวๆออกสีขาวนวลปนฟ้าทำให้บรรยากาศภายในร้าน ริวแอนด์รุทธิ์ ดูจะมีเสน่ห์มนต์ขลังดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่ไม่ขาดระยะและส่วนมากมักจะเป็นคู่รักที่เข้ามาเป็นแขกประจำ คงอาจจะเป็นเพราะว่ารสชาดของอาหารที่ทางเจ้าของร้านหนุ่มไฟแรงได้คัดสรรเลือกกุ๊กสาวฝีมือเยี่ยม แถมพร้อมด้วยดีกรีแห่งความสวยในระดับเกรด A มาโชว์ฝีมือให้ลูกค้าได้ลิ้มลองและโชว์รอยยิ้มหวานๆให้กับทางเจ้าของร้านได้ชม ( เอ๊ะ!!! ยังไงเนี่ยะ!! )<br />
<br />
ร้านแห่งนี้ถูกตกแต่งแบบคลาสสิคตามสไตล์เจ้าของร้านหนุ่มไฟแรงผู้มีนามแฝงว่า " อีเกียแดง แห่งรัตติกาล " ต้นไม้พุ่มเตี้ยและดอกไม้ถูกตั้งประดับประดาอยู่ตามจุดต่างๆ ส่วนโต๊ะอาหารนั้นถูกจัดตั้งไว้ระยะห่างกันพอสมควร คงเป็นเพราะเจ้าของร้านแห่งนี้เข้าใจซึ้งถึงการบริการว่าคู่รักทุกคู่ต้องการความเป็นส่วนตัว ความเงียบสงบ และความโรแมนติก การที่ได้พาคนที่เรารักออกมาทานอาหารข้างนอก และเมื่อเป็นร้านที่บรรยากาศสงบเงียบ คลาสสิคเช่นนี้ มันทำให้ชีวิตคู่ช่างดูสดใส มีชีวิตชีวา กระดี๊กระด๊าเหมือนปลากระเดิด โอ๊ะ ปลากระดี่ได้น้ำเป็นไหนๆ อย่างน้อยการที่โต๊ะอาหารตั้งอยู่ห่างกันและมีต้นไม้พุ่มเล็กๆปิดกั้นสายตาจากโต๊ะอื่น บวกกับไฟสลัวๆภายในร้านมันทำให้การ จก ง่ายขึ้น และไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะมองเห็นการจกของเรา ( จก ผ้าเช็ดปากมาเช็ดปากให้คนฮัก ผู้สาวผีบ้าอีหยั๋งกินเหี่ยปากเหี่ยคอกะด้อ หึย...) <br />
<br />
" ตุ้ม!! พี่ว่าปีหน้าพี่จะให้ทางผู้ใหญ่ไปขอตุ้มกับทางคุณพ่อคุณแม่ของตุ้มนะ ตุ้มมีความเห็นว่าอย่างไร " เสียงของชายหนุ่มวัยกลางคน หน้าคมเข้มดูภูมิฐาน เอ่ยถามดรุณีนางที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ซึ่งขณะนี้เธอกำลังใช้มือทั้งสองข้างฉีกต่อนปลาร้าให้ขาดออกจากกัน ซึ่งตอนนี้บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่หลายรายการ รอยยิ้มที่ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อยพร้อมมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม<br />
<br />
<br />
<br />
" เปลี่ยนเป็นกำนันมาขอไม่ได้เหรอพี่ ผู้ใหญ่ตุ้มว่ามันไม่จี๊ดค่ะ..คริ.คริ. " เธอหัวเราะออกมาเบาๆ เล่นเอาชายคนรักกลั้นหัวเราะกับอารมณ์ขันของเธอไม่ได้พลางนึกในใจ ( คนบ้าอะไรว๊ะ!!!ขันเก่งยิ่งกว่าไก่และนกเขาเสียอีก )<br />
<br />
<br />
<br />
" เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเดี๋ยวพี่จะให้ทางพันเอกหัวหน้าสายงานโดยตรงของพี่เป็นธุระในการไปสู่ขอตุ้มเอง ดีไหมคนดี " ชายหนุ่มเอ่ยจริงจังพร้อมกับให้คำมั่นสัญญากับเธอ มันทำให้รอยยิ้มของเธอฉีกกว้างยิ่งกว่าฉีกต่อนปลาร้าเมื่อสักครู่นี้ เธอหยุดให้ความสนใจกับต่อนปลาร้าไปชั่วขณะกลับมาให้ความสนใจกับใบหน้าของชายคนรักแทน มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย น้ำตาคลอ ไม่นึกไม่ฝันว่าชายหนุ่มคนนี้คือลูกผู้ชายตัวจริง (ที่ทางกระทิงแดงเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ)<br />
<br />
เขาคนนี้แหล่ะที่เธอเฝ้าตามหามานานแสนนาน มือเรียกเล็กปุ้มๆของเธอถูกยื่นเข้าไปสัมผัสกับใบหน้าคมเข้มมันทำให้ชายหนุ่มถึงกับผงะ!! ตาเบิกโพลงคงจะไม่นึกฝันว่าจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ดรุณีนางอันเป็นที่รักของเขาคงจะตื้นใจเป็นที่สุดจนไม่สามารถบังคับควบคุมตัวเองได้ นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ใบหน้าได้สัมผัสกับมือเรียวปุ้มๆของเธอ ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆเล็กน้อยเมื่อมือของเธอยังสัมผัสอยู่ที่ใบหน้าของเขา พลางนึกฉงนในใจว่า นี่มันคือกลิ่นความหอมจากนวลเนื้อของดรุณีนางหรือว่ากลิ่นของปลาร้ากันแน่!! <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQcpI_-PvSkaY35GiAbf7KFDdgromzV_ZhyphenhyphenlvNlO5acO86bcUuL1scc-63HcH8S-Ft_sxzmjxvS_ntPcciEY50nzdK82KjajWQYbwUwAgQ-pgTgbsu3EdwYEaTGZQ2D2lUa80vr_4Omn-I/s1600/254956_226408610702487_100000000485141_1016445_6658467_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="233" width="350" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQcpI_-PvSkaY35GiAbf7KFDdgromzV_ZhyphenhyphenlvNlO5acO86bcUuL1scc-63HcH8S-Ft_sxzmjxvS_ntPcciEY50nzdK82KjajWQYbwUwAgQ-pgTgbsu3EdwYEaTGZQ2D2lUa80vr_4Omn-I/s400/254956_226408610702487_100000000485141_1016445_6658467_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
" ตุ้มรักพี่นะค๊ะ !! รักหมดไส้หมดพุงเลยค่ะ " เธอเอ่ยพร้อมกับยิ้มขณะที่มือยังสาละวนอยู่กับใบหน้าของเขา ชายหนุ่มนึกหัวเราะในใจ นี่เขาคงเลือกคนไม่ผิดจริงๆบนความหวานซึ้งเธอยังสร้างอารมณ์ขันให้เขาได้เสมอ จึงไม่แปลกใจเลยที่เวลาเขาอยู่กับเธอเขาจะผ่อนคลายหายเครียดเสมอ ความรักมันไม่จำเป็นต้องวิเศษหรือเลิศเลอเสมอไป แค่เรามีความสุขอยู่ในแต่ละช่วงแห่งการสัมผัสก็คงเพียงพอแล้ว<br />
<br />
<br />
<br />
" พวงมาลัยครับ พวงละ10บาท..เอาบ่ แห่ะๆ!!.." เสียงจากอาคันตุกะร่างเล็กดังขึ้น ทำให้สาวเจ้าต้องดึงมือกลับมาในทันควัน แล้วหันไปให้ความสนใจกับเจ้าเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะซึ่งตอนนี้ในมือมีพวงมาลัยอยู่ประมาณ10พวงเห็นจะได้<br />
<br />
<br />
<br />
" เอามา5พวงบักหล่า..เอื้อยสิซื้อไปไหว้พระ." เธอบอกพร้อมกับยื่นเงินใบละ50บาทให้กับเด็กน้อย และมันสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กน้อยผู้มีนามว่า " เจ้าริว " ในทันที พลางนึกในใจว่าวันนี้เจอคนใจดีเข้าให้แล้ว เด็กน้อยยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะเดินหนีหายออกไปจากจุดนั้น...<br />
<br />
<br />
<br />
" ตุ้มยังเป็นคนที่จิตใจงดงามเสมอนะ พี่ตัดสินใจเลือกคนไม่ผิดจริงๆ พี่ขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองว่าพี่จะรักและเฝ้าทะนุถนอมตุ้มของพี่ไปตลอดชีวิต " ชายหนุ่มให้คำมั่นสัญญากับเธออีกครั้ง สาวเจ้าดรุณีนางจ้องหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง แววตาทอประกายเหมือนแสงไฟรถดีแม็คในระบบไฟซีนอน เธอยืนขึ้นพร้อมกับยื่นแขนเหนี่ยงรั้งตัวของชายหนุ่มให้เองเอียงเข้ามาหา ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าแดงซ่านอาบไปด้วยสายโลหิตรักสิเหน่หาภายใน พร้อมจะประทับรอยฝีปากแห่งความรักให้กับชายอันเป็นที่รักด้วยความดูดดื่ม...<br />
<br />
<br />
<br />
" เอื้อย!! ซื้ออ้อยเลี้ยงซ้างบ่ครับ..ถุงละ10บาท แห่ะๆ " เสียงนี้มันทำให้ดรุณีนางและชายหนุ่มผละออกจากกันในทันทีทันใด และต่างก็หัวเราะร่าเมื่อมองเห็นว่าเจ้าของเสียงคือ " เจ้าริว " เด็กขายพวงมาลัยคนเมื่อกี๊นี่เอง <br />
<br />
<br />
<br />
( โอ๊ยย..อ้อยกำลังสิเข้าปากซ้าง.บักริวน้อยสิมาขายอ้อยไปเลี้ยงซ้าง พะนะ งึดหลาย..)<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-91786583710375758742011-10-08T20:55:00.000-07:002011-11-04T19:09:55.469-07:00<br />
<span style="font-size: large;">วิถีแห่งลุ่มน้ำโขงในอดีต ความประทับใจที่ไม่เคยลืม สัมผัสกลิ่นไอ วัฒนธรรมที่น่าชื่นชมที่ทุกวันนี้สัมผัสได้ยากเต็มที เที่ยวเมืองลาวในครั้งอดีต </span><br />
<span style="font-size: large;"> โดยอีเกียแดง แห่งรัตติกาล</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ภาษาที่ใช้เป็นถ้อยคำภาษาอีสานนะครับ</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> (ขอขอบคุณภาพสวยๆจากอินเตอร์เน็ตตามเว็บทั่วไปด้วยครับ)</span><br />
<br />
บทความนี้ขอ<span class="b14"><span style="color: green;">ทอดความฮู้สึกดีๆที่เฮาเคยได้ผ่านได้เห็นมาแต่ก่อนเนาะครับ บ่ว่าสิเป็นชีวิตตั้งแต่เด็กน้อย เรื่องราวที่ประทับใจของแต่ละคน วิถีชีวิตของทางอีสานบ้านเฮา การไปเที่ยวที่ประทับใจ เรื่องดีๆที่ประทับใจ เช่นการต่อสู้ชีวิต ไผ๋มีเรื่องหยั๋งอยากเว้าขอเอามาลงในกระทู้นี่เนาะครับ เป็นการแชร์ความรู้สึกสิ่งดีๆที่ประทับใจที่นึกไปพ้อยามใดอดที่สินั่งยิ้มบ่ได้ บางเทือกะอาจสิเป็นข้อคิดให้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตได้ครับ </span></span><br />
<span class="b14"></span><span style="color: green;"></span><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20091213031023.jpg" width="550" /></img></center><br />
<br />
<span class="b14"><span style="color: darkblue;">....... บ่าวรุทธิ์เคยไปเที่ยวทางประเทศลาว ประเทศลาวเป็นประเทศที่อยู่ในความทรงจำอันดีของผมมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย กะเลยนำความฮู้สึกตรงนั้นมาถ่ายทอดให่อ่านเหล่นๆกันเน๊าะครับ (ถึงสิผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้วกะตามที) ผมมีโอกาสได้ขึ้นไปสัมผัสกับวัฒนธรรมของเพิน วิถีชีวิต รวมไปถึงภาพบรรยากาศรอบข้าง เห็นแล้วสดชื่นสดใสไปนำ ไปแต่น้อยกะบ่แม่นย้อนหยั๋งดอกครับเรียนจบ ป.6 ออกมากะบ่มีโอกาสสิได้เรียนต่อคือหมู่เขา กะเลยคิดว่าอยากบวชเฮียนเขียนอ่านต่อจั๊กหน่อย เลยได้บวชเป็นเณรน้อย กะพอดีหลวงพ่อท่านพระครูเพินกะเลยขอผมไปเป็นเณรอุปฐากเพิน พอดีอีกเทือหนึ่งที่พ่อผมกับหลวงพ่อพระครูเป็นหมู่กันสมัยหนุ่มๆบวชพระพ้อมกัน เมื่อพ่อผมเสียผมกะเลยกลายเป็นลูกบุญธรรมหลวงพ่อพระครูไปโดยปริยาย ตอนนี้หลวงพ่อพระครูเพินกะน่าจะอยู่ที่47พรรษาแล้ว เพราะอายุเพินกะ67แล้วเนาะครับตอนนี้ ผมกะจำบ่ได้ว่าเพินไปมีหมู่อยู่กับหลวงพ่อทางฝั่งเมืองลาวได้จั่งได๋ เพินสิไปยามกันทางลาวผมกะเลยมีโอกาสได้ไปนำ (ไปไสหลวงพ่อพระครูเพินสิเอาผมไปนำตลอดเลย) ไปตอนนั้นกะสิไปจั๊ก20กว่าคนได้ เอารถไปสองคันหลวงพ่อพระครูเพินกะเลยถือโอกาสจัดผ้าป่าไปทอดทางวัดเมืองลาวนำเลย ครับกะเอารถไปจอดไว้ที่อำเภอธาตุพนม กว่าสิเข้าไปได้กะยากคือกันครับตอนนั้นบ่สะดวกหลายๆอย่าง ต้องให่ทางนายอำเภอเพินเซ็นต์ผ่านไห่ก่อน กว่าสิแล่นหานายอำเภอพ้อจนว่าเกือบบ่าย4โมง (ไปฮอดธาตุพนมตั้งแต่เที่ยง) <br /><br /> พอเอารถฝากไว้ฝั่งเมืองไทยแล้ว กะพากันมาลงเรือที่ท่าเรือหน้าพระธาตุเน๊าะครับ หลวงพ่อทางฝั่งลาวเพินเอาเรือมารอถ่าฮับตั้งแต่สี่โมงเช้าแล้ว เป็นเรือทางบ้านเพินสองลำใหญ่เลยครับ ขนของลงเสร็จแล้วกะออกเดินทาง ยอมรับตอนนั้นตื่นตาตื่นใจครับ ผมเป็นเณรน้อยกะบ่เคยเห็น เห็นแม่น้ำโขงสีขุ่น (เป็นตาย้านในความฮู้สึกตอนนั้น) เรือแล่นผ่านสิพ้นน้ำโขงกะสิเข้าลำเซทางฝั่งลาว เป็นภาพที่งามครับกลายเป็นว่าแม่น้ำสองสีไปโดยปริยาย ขุ่นฝั่งนึง ใสฝั่งนึง เรือแล่นเข้าปากเซเรียบร้อยแล้วกะมีต๊ะน้ำใสๆให่เบิ่ง ตื่นตากับธรรมชาติบ้านเพินครับ</span></span><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20091231053530.jpg" width="580" /></img></center><br />
<br />
<span class="b14"><span style="color: #ff3300;">....เหลียวเบิ่งสองฟากฝั่งของลำน้ำกะเต็มไปด้วยแปลงผัก ที่ชาวบ้านเพินได้พากันปลูกไว้ แนวมันเป็นช่วงยามแลงกะเลยเบิ่งเป็นตาคึกคักแน เทิงเด็กน้อย เทิงผู้สาว เทิงผู้เฒ่า พากันหาบกะคุ หาบบัว ตักน้ำฮดผัก เห็นเด็กน้อยบ้านเพินพากันแล่นกระโดดน้ำอยู่ต้ามๆ เอาโล้ด ผู้สาวกะใส่ซิ่นลงตุ้มเอิกลงอาบน้ำ ย้อนว่าเป็นเณรน้อยกะเลยมีแค่ความคิดไร้เดียงสา (ถ้าเป็นตอนนี้บ่แน่ครับ บ่าวรุทธิ์อีเกียแดงอาจสิกระโดดลงเรือลอยน้ำเข่าไปหา สิไปถามเพินจั๊กคำว่า "ผู้สาวน้ำเย็นดีบ่"5555) เห็นแล้วกะฮู้สึกว่าอิ่มในความฮู้สึกตรงนั่น เห็นวิถีชีวิตตรงนั้น เรือแล่นไปฮอดบ้านได๋กะสิได้ยินเสียงเอิ้นถามข่าวคราวมาเป็นระยะ จากฟากสองฝั่งลำเซ เพินคือมีความผูกพันธ์กันดีเด้น้อ นั่งเรือไปน้ำกะฟ้งใส่จีวรอยู่เรื่อยๆถึงแม้ว่าสิออกเดินทางออกมาตะเช้า จนปานนี้ผมกะบ่มีทีท่าว่าสิง่วงนอน ย้อนตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติสองฝั่งลำน้ำ เสียงคนในเรือกะฮู้สึกว่ามีเว้ากันดังขึ้นเรื่อยๆ มีฮ้องเพลงไปนำพ้อม เอ??????ย้อนหยั๋งน้อ พอแต่เริ่มสิสังเกตุดีๆ โอ๋มันย้อนอั่นนี่ตั๊วนี่ ไหเหล้าไหบักใหญ่เลยตั๊วนี่พี่น้องทางลาวเพินเอาติดเรือมานำมาไว้ถ่าต้อนฮับว่าซั่น เอาอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไปทางได๋กะบ่ม้มเหล้าน้อ ในความคิดตอนนั้นสั่นดอกว๊า (ตอนนี้อาจสิเปลี่ยนความคิดไปแนจั๊กหน่อย แหะๆๆๆ) เสียงเพลงดังขึ่นจนกลบเสียงเรือ การเบิ่งธรรมชาติสองฝั่งลำน้ำของผมกะเลยมีปัญหาไปนำย้อนบ่มีสมาธิในการเบิ่ง ต้องคอยแนมกลับมาเบิ่งมาฟังเพินฮ้องเพลงอยู่เรื่อยๆ ควันไฟสองฝั่งเริ่มสิมีให่เห็นเป็นจุดๆ เพินดังไฟนึ่งข้าวแลงแล้วตั๊วนี่ บ้านบางหลังกะสร้างหันหน้าออกมาทางลำน้ำ มีซานยื่นออกมาเหลี๋ยวไปกะเห็นยายเลากำลังดังไฟใช้แนวพัดอยู่วี๊หวี่ (ย้านมันบ่ติดสั่นแหล่ว ฮ่าๆๆๆๆ) บ้านสองฝั่งตามที่ผมสังเกตุเบิ่งสิเป็นบ้านไม้แทบทุกหลัง (บ้านชั้นเดียวยกสูง ข้างล่างปล่อยโล่งมีแต่เสา) แต่ตอนนี้คิดว่าเพินคือสิเปลี่ยนไปหลายแล้วน้อครับ ไฟฟ้ากะยังบ่ทันมีครับ เรือกะแล่นนำก้นกันไปเรื่อยๆ โตผมเองนั่งอยู่ลำทางหน้า เวลาตอนนี้กะสิ6โมงแล้ว สองฝั่งกะเริ่มสิมืดขึ่นเรื่อยๆ การเบิ่งธรรมชาติของผมกะฮุ้สึกว่าต้องพักไว้แค่นั้น หันมาให่ความสนใจของนักร้อง ที่ผลัดกันขึ้นผลัดกันลง เดี๋ยวกะพี่น้องทางไทยแน เปลี่ยนไปเป็นพี่น้องทางลาวนำ หลวงพ่อพระครูเพินกะอดสิหัวร่อนำบ่ได้ "จั่งแมนคั๊กเนาะ ฮิ๊วว" คือโดนฮอดแท้น้อ ในความคิดตอนนั้นนั่งเรือเข้ามาเป็นชั่วโมงแล้ว ฮู้สึกว่าไกลคั๊กแล้วหนา ความมืดกะเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุม เรือกะเลยจำเป็นต้องเปิดไฟแนจั๊กหน่อย<br />ไฟกะบ่แมนไฟหยั๋งเด๊ครับ เป็นไฟฉายกระบอกน้อยๆพอส่องเห็นทาง (โอ๊ยย งึดเพินหลายกะยั๊งหว่า 5555) มีปัญหาแน่นอนแท้งานนี่ ฉะนั้นความเร็วของเรือกะถูกลดลงแนจั๊กหน่อย เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ....จนเวลาเกือบ6โมง40เรือกะนำพามาฮอดจุดหมายปลายทาง ตอนนี้เหลี๋ยวหยั๋งกะแทบสิบ่เห็นหยั๋งแล้วมืดคั๊กแล้วครับ แต่กะดีอยู่น้อยนึงมีเรือจอดอยู่ท่าลำนึง ซึ่งมีหน้าที่คอยปั่นไฟพอได้ย่างขึ่นไปหาวัดได้แน เรือจอดเห็นแล้วกะฮู้สึกดีใจหลายครับ พี่น้องทางลาวเพินมายืนถ่าต้อนฮับว่าแมนเกือบร้อยคน หลวงพ่อทางลาวกะลงมาฮับหลวงพ่อพระครูเพิน <br /><br /> "จั๊วน้อย" ฮ่วยแมนอีหยั๋งน้อบาดนี่ แนมหาต้นเสียงอยู่ ทางเจ้าของต้นเสียงเพินยืนยิ้มอยู่พุ้น พี่เณรน้อยทางลาว เอิ้นผมพ้อมกับกวักมื้อเอิ้น<br /><br /> "มาทางพี้ๆ" ฮ่วยมาสิได้หมู่เร็วแท้น้อบาดเนียะ55555 </span></span> <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20091215051136.jpg" width="443" /></img></center><br />
<br />
<br />
<span class="b14"><span style="color: black;">ผมลงเรือได้กะย่างตรงไปหาเพิน ที่กำลังยืนยิ้มเห็นต๊ะแข่วขาวแพ๊กแว๊กอยู่ เณรน้อยบ้านเพินกะเป็นตาฮักดีเด๊หล่ะเนาะ ฮ่าๆๆๆ<br /><br /> "เมื่อยบ่ครับ" เสียงจากเพินถามขึ่นมา <br /><br /> "บ่เมื่อยดอกครับม่วนหลายกว่า" ผมตอบเพินกลับพ้อมกับออกอาการยิ้มปนหัวร่อ <br /><br /> "ป๊ะครับ เอายามไปเก็บไว้ในห้องผม คืนนี้นอนกับผม" ฮ่วยคือว่าจั่งซี้น้อบาดนี่5555 ผมกะย่างนำหลังเพินไป ทางชาวบ้านเพินกะพากันทยอยขนของขึ่นไปไว้เทิงศาลาใหญ่<br /><br /> "พี่เณรมื้อวานนี้หลวงตาอยู่นี่เพินตาย" (มรณภาพ) เสียงพี่เณรจากทางลาวบอกผม ฮ่วยงานเข้าผมอีกแล้วมาพ้อผีหลอกแถมเป็นผีหลอกหลวงตาอีก จังแท้น้อแฮงต๊ะเป็นคนย้านผีอยู่ ต๊ะว่าคืนนั้นกะบ่เป็นตาย้านป๋านได๋ครับ ย้อนว่ามีไฟแล้วทางวัดเพินกะเปิดเครื่องเสียงเต็มรูปแบบ ต้องยกผลประโยชน์ให่กับเรือ3ลำที่กำลังเฮ็ดหน้าที่ปั่นไฟอยู่ในลำเซ ตลอดทั้งคืน สรุปแล้วผมกะได้หมู่ไปโดยปริยาย พี่เณรน้อยองค์นั้นกะเป็นเณรอุปฐากหลวงพ่อทางลาวคือกัน หลวงพ่อพระครูผมกะเลยบอกว่าให่มันสองคนมาเป็นเสี่ยวกันพอดีหล่ะสั่นน่ะ <br /><br /> "เอาเป็นกะเป็นครับ" 5555 คืนนั้นกะเลยได้นอนกับพี่เณรเพิน ส่วนญาติโยมที่ไปนำพี่น้องทางลาวกะพากันดึงไปพักนำบ้านละ2-3คน ดีเด๊หล่ะเนาะ อิ่มใจแทนครับในเรื่องจิตใจ แทนที่สิได้นอนพักรวมกันเทิงศาลาใหญ่ผั่นบ่แม่น เพินพาไปพักอยู่ในบ้านพุ้นน่ะ หาข้าวหาปลาให่กินอย่างดีเลย คืนนั้นกะหลับดีขนาดครับ<br /><br /> ......มิ๊งงงงงงงง.......มิ๊งงงงง........<br /><br /> "เอ๊าพี่เณรแจ้งแหล่วบ่ครับ" ผมถามพี่เณรลาวหลังจากตื่นย้อนได้ยินเสียงระฆังดังตอนเซ้า<br /><br /> "ครับ ไปล้างหน้าเตรียมโตบิณฑบาตได้แล้วครับ" เพินตอบกลับ ผมกะเลยพากันลุกไปล้างหน้า ตอนนั้นกะฮู้สึกสีหนาวๆแนเพราะไปกันสิช่วงหน้าหนาวครับ เรียบร้อยแล้วกะเตรียมโตมายืนถ่าหลวงพ่อใหญ่ (แต่ทางพุ้นคล้ายเพินเอิ้นว่า เจ้าญาครู เจ้าหัวซา ผิดจั่งได๋ขออภัยครับ) พี่เณรทางลาวเพินกะเป็นผู้หาบาตรมาให่ผม วัดนี่มีพระเกือบ10องค์ เณรน้อยองค์นึง ไปบิณฑบาตกะต้องแยกไปสองสาย ฉะนั้นผมเลยต้องแยกกันกับพี่เณรคนละทาง <br /><br /> "ป๊ะจั่วน้อยไปได้แล้ว"เสียงหลวงพี่ทางลาวเอิ้นบอกผม จั่งได๋อีกน้อ หลวงพ่อพระครูกะไปคนละเส้นกับผม <br /><br /> "ไปหล่าไปกับหลวงพี่เพิน" เสียงหลวงพ่อพระครูบอกผม ผมอุ้มบาตรได้กะแล่นนำก้นหลวงพี่เพินไปต้อยๆ5555 </span></span> <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20091225100642.jpg" width="580" /></img></center> <br />
<br />
<span class="b14"><span style="color: green;"> ...... อากาศยามเซ้าเฮ็ดให่ผมมีความฮู้สึกสดชื่นหลาย อากาศกะหนาวๆแน แต่กะบ่มีปัญหาสำหรับผมในตอนนั้น ผ้าจีวรผืนเดียวสามารถกันความหนาวของภายนอกได้ดี ผมกะย่างไปนำก้นหลวงพี่ต้อยๆ แสงสว่างของดวงอาทิตย์กำลังเริ่มทอแสงออกมาให้เห็น (มื้อนี่เป็นเซ้าที่สดชื่นเด๊ ผมคิดในใจ) อิ่มตาไปกับสิ่งรอบข้างที่เริ่มเห็นเต็มตาภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า บ้านเพินตอนนั้นเป็นแบบรูปข้างบนเลยครับ ฝาข้างบ้านกะใช้ไม้ไผ่จักสานเป็นแผ่น แปลกตาดีแท้ <br /><br /> "ปุ๊ก ชะอุ๊ย" เสียงบาตรผมซนเข้ากับหลังหลวงพี่ เบรคกะบ่บอกผมน้อ ผมหล่ะคาตะเหลียวเบิ่งแนวอื่นอยู่ บ่สำรวมเลยผมนี่กะดาย ฮ่าๆๆๆ ข้าวก้อนแรกกำลังสิตกลงมาก้นบาตรผม โยมเพินออกมารอใส่บาตรอยู่สองสามคน แถมหม่องที่เพินนั่งถ่าอยู่กะมีกองไฟดังไว้ผิงแก้หนาวนำ มีผู้เฒ่ากับเด็กน้อยนั่งเฝ้ากองไฟ จี่ข้าวไปนำทาไข่เหลืองอุ่ยหุ่ยอยู่ ฮ่วย?? คิดฮอดบุญข้าวจี่บ้านผมเด้บาดนี่ เมื่อโยมใส่บาตรแล้วหลวงพี่เพินกะให่พร (เอ๊า เพินกะเทศน์ว่าความเดียวกันกับเฮาอยู่ตั๊วนี แต่สิแปร่งๆแนจั๊กหน่อย) เสร็จแล้วหลวงพี่กะพาย่างต่อ กะมีโยมออกมาใส่บาตรเป็นระยะๆ ใส่ข้าวเหนียวกะมีบางบ้านกะใส่ข้าวจ้าวในบาตรผมตอนนี้ว่าแมนข้าวหัวหงอก5555 <br /><br /><br /> .....อู๊ดๆๆๆๆ เหอะๆๆๆผมหล่ะเหลียวหาต้นเสียงอยู่ หมูกระโดนครับสามสี่โตกำลังย่างมาทางหลวงพี่กับผม เอ๊า??เพินคือปล่อยออกมาจั่งซี้ผมคิดในใจ หลวงพี่เพินว่าหมูเขาบ่ขัง ปล่อยเลี้ยงแบบซี้เลยบ่มีหนีบ่มีเสียปลอดภัยพะนะ (แมนแหล่วครับปลอดภัยหมูแต่บ่ปลอดภัยผม ย้านมันแล่นมาดุด มาตำแนวเจ้าของแฮ่งเหลืองเหมิดชุดอยู่) <br /><br /> "เร็วจั๊วน้อยเดี๋ยวหมูสิไล่เด๊" เสียงหลวงพี่บอก ไหย่โล้ดแหล่วผมหลวงพี่ถ่าผมแน555 ย้อนว่าเป็นหมู่บ้านใหญ่เติบพุ้นหล่ะครับบิณฑบาตเลยแบ่งเป็นสองสาย เพื่อให้ทั่วเถิงตามศรัทธาชาวบ้านเพิน ยอมรับครับเพินเฮ็ดบุญดีเด็กเล็กเด็กน้อยผู้แส่ผู้สาวมีให่เห็นตลอด คือสิถืกปลูกฝังมาแบบนี้เห็นแล้วชื่นใจแท้ และแล้วการบิณฑบาตของผมในเซ้านั่นกะจบลงด้วยการย่างเมือยหลายเติบ ฮ่าๆๆๆ เอาบาตรไปตั้งไว้เทิงศาลาผมมาฮอดก่อนหลวงพ่อพระครูเพิน สักพักกะค่อยเห็นเพินย่างเข้ามาผมตอนฟ้าวแล่นไปฮับบาตรเพินอีก <br /><br /> ....สวย(สาย)ออกมาจั๊กหน่อยโยมกะเริ่มหิ้วกะต่ากับข้าวมาวัดครับ "คือกันกับบ้านเฮาเด๊หล่ะเน๊าะ กะพอประมาณครับผมเป็นเณรน้อยฉันบ่หลายดอก สิมักแนต๊ะขนมนั่นหล่ะ555 จ่งไว้ให่ผมหลายๆแน อาหารการกินกะบ่ต่างกันกับบ้านเฮาปานใด๋ ให้ศีลให่พรกะบ่ต่างกัน นี่ตั๊วที่เพินว่าพี่ไทย น้องลาวเน๊าะ หนีกันบ่ไกลครับ แต่สิ่งที่ผมประทับใจหลายกะคือคำเว้าเพิน เพินคือเว้าม่วนแท้น้อ ..</span></span> <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20091231112958.jpg" width="580" /></img></center><br />
<br />
<span class="b14"><span style="color: #ff3300;"> .......หลังจากฉันภัตตาหารเซ้าแล้วๆ การฉันเพลกะตามมา ย่างเข้าช่วงเที่ยงฮู้สึกว่าตอนนี้สิเริ่มคึกคักแนเป็นพิเศษ เพราะโยมเพินพากันออกมาเตรียมงานซอยกันซึ่ง ในตอนนี้มีอยู่สองงานต้องให่ปวดสมอง งานหนึ่งกะคืองานศพหลวงตา(ซึ่งตอนนี้ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ศาลาพักศพไว้ฝั่งหนึ่ง)ซึ่งเพินสิฌาปนกิจมื้ออื่น (คำว่ามื้ออื่นเพินนั่นกะคือเที่ยงคืนหรือ6ทุ่มบ้านเฮานี่เอง เพินสิฌาปนกิจศพตอนคืนพะนะ ผมกะพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยกะว่าได้) ส่วนอีกงานหนึ่งกะคืองานทอดถวายผ้าป่า กะเป็นการจัดโฮมใส่กันเลยครับ คือฌาปนกิจกับเก็บกระดูกแล้วยามเช้า(ผมขอใช้คำพื้นบ้านเฮาเน๊าะครับ) กะสิเป็นการทำบุญตักบาตรทอดถวายผ้าป่านำเลย ผมกะบ่เข้าใจคือกันแต่เพินจัดจั่งซี้อีหลีกะยังงงๆอยู่ว่า งานเศร้ากับงานแบบซี้คือจัดฮวมกัน ฝ่ายโยมฝั่งหนึ่งกะขมักเขม้นพากันส่างเมรุจำลองที่สิใช้ฌาปนกิจศพหลวงตาคืนนี้ อีกฝ่ายหนึ่งอยู่เทิงศาลาใหญ่กะยุ่งอยู่กับการจัดต้นเงิน ไว้ให้ชาวบ้านมาร่วมเฮ็ดบุญนำ หลวงพ่อ หลวงพี่ เณรน้อยวัดไกล้ๆกันกะเริ่มทะยอยเดินทางมาฮ่วมงานในคืนนี้ทั้งจากบ้านนี่รวมไปฮอดบ้านไกล้ๆที่ได้ยินข่าวกะมา จนฮู้สึกว่าหนาตาหลายแล้วครับ <br /><br /> "จั๊วน้อยเจ้าย้านผีบ่" เสียงเณรน้อยฝั่งลาวถามผม ฮ่วยมาแนวใด๋อีกน้อถามแบบมีเลศนัยอีกแล้ว<br /><br /> "บ่ครับ" กัดแข่วเว้าย้านเสียฟอร์มฮ่าๆๆๆ <br /><br /> "อยู่บ้านขนาดเพินผูกคอตายอยู่ใต้ต้นบักม่วงผมยังบ่ย้านแล่นไปเบิ่งเสยเลย" นี่ผมคุยเกทับไปอีก <br /><br /> "ถ้าจั่งซั่นเฮาไปซอยเพินทางพุ้นป๊ะ" เณรน้อยทางลาวเว้าพ้อมกับซี้มือไปทางศาลาพักศพ (งึดหลายเด๊ ผมคิดในใจ) <br /><br /> "อยู่ซอยเพินจัดต้นเงินทางนี้ดีแล้วครับ ผมบ่เคยเห็นว่าเพินเฮ็ดจั่งใด๋แนอยากเห็นแบบซี้ ผีหลอกผมเห็นจนชินแล้ว พะนะ" 5555เกทับไปอีก รอดโตไปแล้วผมเกือบหาทางออกบ่พ้อ ดีที่พี่เณรทางลาวตามใจผมกะยังหว่าถ่าบ่จั่งซั่นเหมิดเลยฟอร์มผม </span></span><br />
<br />
<span class="b14"><span style="color: darkblue;"> <br /><br /> <span class="b14"><span style="color: green;">ค่ำมืดเข้ามาแฮงต๊ะคึกคักครับเมรุจำลองกะถืกส่างเป็นที่สำเร็จพร้อมสิทำการฌาปนกิจในเวลา6ทุ่มของคืนนี้ ด้านศาลาใหญ่แฮ่งต๊ะคึกคัก เครื่องขยายเสียงเปิดแข่งกัน มีของขายปานงานบ้านเฮาเอาโล้ด และจุดหลักที่สิเฮ็ดให่งานมีสีสันในคืนนี้กะคือ "หมอลำกลอนครับ" เป็นหมอลำที่หลวงพ่อพระครูจ้างมาจากทางบ้าน อำเภอนาเชือก มหาสารคามนี่เอง ซึ่งกะเดินทางมานำรถคันเดียวกันกับผม ประกอบไปด้วยหมอลำฝ่ายซาย ฝ่ายหญิง แล้วกะหมอแคน ซึ่งราคาจ้างตอนนั้นรวมแล้ว7,000บาทครับ (โทรไปถามหลวงพ่อพระครูมื้อก่อนเพินว่าเจ็ดพันว่าซั่นครับ) ถือว่าจ้างได้ถืก ซึ่งทางหมอลำกะฮู้จักกับหลวงพ่อพระครู เลยถือเป็นการซอยทำบุญและถือโอกาสไปเที่ยวนำเลย หมอลำเริ่มลำตอนทุ่มกว่าๆครับ งานครึกครื้นหลายเพินพากันแห่มาฟังลำ ผมกับพี่เณรฝั่งลาวกะบ่ต่างกันกับเพินไปยืนฟังลำนำ ยืนได้บ่พอคราวพี่เณรกะดึงไปทางต้นสอยดาว<br /><br /> "ลองเบิ่งครับผมให่เงินเอง" พี่เณรลาวบอก บุ๊ยซาบซึ้งเด๊บาดนี่ฮ่าๆๆๆๆ จกสอยดาวสั่นแหล่วบาดนี่ได้เบอร์หยั๋งกะจำบ่ได้โดนแล้วครับ <br /><br /> "เอาไปให่เพินตรวจเบิ่ง" พี่เณรลาวบอก ตรวจแล้วสรุปว่าได้เกิบคู่หนึ่งพี่เณรทางลาวดีใจเต้นอยู่ด๊องด่องอยู่ งึดหลายฮ่าๆๆๆผมกะเลยให่เพินไปซ้ำ ออกจากสอยดาวเพินกะลากผมใส่เซียมซี ทางลาวกะมีความเชื่อด้านจิตใจแบบซี้คือกัน งานนี่ผมกะบ่พลาดอีกแล้ว เสี่ยงเซียมซี ให่พี่เณรอ่านให่ฟังเพินหล่ะว่า<br /><br /> "ดีหลายจั๊วน้อย "แถมยกโป้ให่ผมอีก จั่งแม่นเพินคั๊กฮ่าๆๆๆ งึดอีกอย่างนึงเพินหล่ะพาผมซื้อไอติมฉันอยู่จนแน่นท้องเอาโล้ด <br /><br /> "เอ๊าถ้าไอติมบักถั่วดำเด๊ครับ" ผมแย้ง <br /><br /> "หย่ำโล้ดบ่มีไผ๋เห็นดอก" ฮ่าๆๆๆๆ <br /><br /> "ฉันได้เป็นน้ำบ่ผิดศีลดอกว่าซ้าน" 5555<br /><br /><br /> หมอลำหยุดลำตอนห้าทุ่มหน่อยๆกะเลิกครับ เพราะตอนเที่ยงคืนกะสิได้เวลาฌาปนกิจศพหลวงตา แต่กะยังบ่เงียบทีเดียวยังเปิดเพลงกันอยู่ เฮ็ดให่บรรยากาศบ่เงียบวังเวงปานได๋ <br /> .....ตุ้ม...ตุ้ม...ตุ้ม...ตุ้ม..ตุ้ม.ตุ้มเสียงรัวกลองดังส่งสัญญานขึ้นแล้วครับคือสิฮอดเวลาแล้ว<br /><br /> "ป๊ะจั๊วน้อยไปได้แล้ว" เสียงพี่เณรทางลาวบอกผมแล่นครับงานนี้.... </span></span></span></span><br />
<br />
<span class="b14"><span style="color: darkblue;"><span style="color: green;"> </span></span></span><br />
<br />
<center><span style="color: green;"><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20100102125727.jpg" width="580" /></img></span></center> <br />
......การเตรียมโตตอนนั้นกะฮู้สึกสิวุ่นวายอยู่ครับ(สำหรับผม)ห่มผ้าแล้วๆต้องแล่นไปหาหลวงพ่อพระครูอีก แล่นไปถือย่ามให่เพิน<br />
<br />
"พากันไปไสมาหล่าคือซ้าแท้หล่ะ คาต๊ะเหล่นหลายแหมะ" น้านถืกจ่มซ้ำฮ่าๆๆๆ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ทางฝั่งลาว หลวงพี่ พีเณร ต่างกะไปรวมกันอยู่ในศาลาพักศพ ซึ่งศพนี้เพินสิได้ฌาปนกิจเอาขึ้นเมรุที่ถืกส่างขึ้นในช่วงเที่ยง (เว้าง่ายๆกะคือเผาทั้งศพเผาทั้งเมรุเลยพะนะ แป่ว!!!!) ผมกะหัวต๊ะเคยเห็นอีกแล้ว (สมัยก่อนบ้านเฮาเวลาเผาศพสิเผาเทิงกองฟอน (กองไม้) เน๊าะครับ เพราะยังบ่มีเมรุ เวลาไผ๋เซาหายใจ (ตาย) สิเผาตอนบ่าย ตอนเซ้ากะสิมีคนเข็นรถเข็นน้ำเก็บฟืนนำทุกครัวเรือน ซึ่งชาวบ้านสิฮู้หน้าที่ดีพากันเอาออกมาวางไว้ให่คนละด้น ผู้มีหน้าที่เก็บกะรวบรวมเข็นไปวัด เฮ็ดพิธีโยนไข่ไก่เลือกสถานที่พอได้แล้วกะกองไว้แบบที่เวลาวางแล้วโลงบ่คว่ำปิ้นลงมา (ผมเป็นเณรน้อยกะมักไปยืนเบิ่งประจำแฮ่งงานศพพ่อผมผมไปยืนเบิ่งจนเลาไหม้ไปต่อหน้าต่อตาเลยครับ)<br />
<br />
....ณ ตอนนี้ชาวบ้าน โยมมากันเต็มศาลา ผู้อยู่นอกศาลากะหลายย้อนงานนี้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่แนเลยคนหลายครับ พิธีการต่างๆเริ่มดำเนิน อาราธนาศีล ให่ศีล มีสวดอภิธรรม มีสวดมาติกาบังสุกุล ทอดถวายผ้า เอ????พิธีกรรมต่างๆจั่งแม่นบ่ต่างกับทางเฮาหลายเน๊าะคล้ายๆกันครับ เทศน์กะคล้ายแต่กะบ่เถิงกับแม่นเหมิดมีแปร่งๆอยู่จั๊กหน่อย เมื่อเถิงเวลาครับกะเป็นการเชิญไปประจำเมรุครับ แบบบ้านเฮาคือกันครับมีพระเถระเพินจูงนำหน้าวนรอบเมรุคือกันแล้วโยมกะพากันยกไปไว้ข้างบนเมรุจำลอง เพื่อเตรียมพร้อมสิฌาปนกิจ การดำเนินงานผ่านไปด้วยดีครับตอนนี้ไฟกำลังลุกโชติช่วง ชาวบ้านทะยอยกันกลับบ้าน กะมีผู้เฝ้าคอยทำหน้าที่ประจำคอยดูแลให่ศพไหม้ให่เหมิด แล้วช่วงนั่นกะมีลมนำแนครับเลยต้องระวัง หลวงพ่อพระครูเพินกะไปจำวัด(นอน) ผมกับพี่เณรกะไปนอนคือกันหลับเร็วหลายกะยังหว่า<br />
<br />
"จั๊วน้อยตื่นๆๆๆ" พีเณรทางลาวปลุกผม<br />
<br />
"แจ้งแล้วบ่" ผมถามกลับ "<br />
<br />
"บ่ครับ ตี5แล้ว" เพินตอบ<br />
<br />
"เอ๊าคือตื่นเร็วแท้มันแฮ่งหนาวอยู่" ผมถามกลับไปอีก <br />
<br />
"ผมนอนบ่หลับลุกไปผิงไฟป๊ะจั๊วน้อย" พี่เณรทางลาวเว้าพ้อมกับดึงแขนผมให่ลุก <br />
<br />
"ไปผิงไสหล่ะครับ"ผมตอบพ้อมกับสีขี้ตา <br />
<br />
"ไปผิงหม่องเผาศพหลวงตานั่นเด๊" พีเณรลาวบอก<br />
<br />
"หม่องได๋เก๊าะ" ผมฮ้องถามขนาดอยู่ไกล้ๆ<br />
<br />
"บ่ต้องเว้าหลายมาเลย" เพินเว้าแล้วกะดึงแขนให่ผมลุกนำในทันทีเลย (มาซังคนเด๊ คิดในใจ) เณรน้อยผีบ้า ฮ่าๆๆๆ<br />
<br />
<br />
....ผมจำเป็นต้องได้ลุกนำเพินไปอย่างหลีกเลี่ยงบ่ได้ เมื่อไปฮอดกะมีหลวงพี่อยู่หั่นสององค์กับโยม4-5คน (ไคแน ผมคิดในใจ) ซึ่งตอนนี้บ่เหลือสภาพเมรุให่เห็นแล้ว มีแต่กองไฟกองน้อยๆที่ชาวบ้านกำลังเขี่ยต้อมให่ไหม้ให่เหมิด เหลียวเข้าไปเห็นแต่กระดูกเป็นชิ้นเป็นอัน "นี่หล่ะน้อครับชีวิตคนเฮาบ่มีอีหยั๋งหลาย เกิด แก่ เจ็บ ตาย หลีกเลี่ยงบ่พ้นจั๊กคน"มีแค่นี้อีหลี๋ครับ ผมถามหลวงพี่เพินบอกว่าสิเก็บดูกเกือบๆ7โมงเซ้า แล้วตักบาตร ทอดถวายผ้าป่าต่อเลย จากกองไฟเฮ็ดให่ความหนาวบ่บังเกิดขึ่นกับโตของผม งึดหลายผิงหม่องใด๋บ่ผิงมาผิงอยู่หม่องจั่งซี้ <br />
<br />
"เป็นใด๋หล่าหนาวบ่" เสียงหลวงพ่อพระครูเพินถามพ้อมกับย่างเข้ามาหามีหลวงพ่อทางลาวมาพ้อม <br />
<br />
"ไคแนอยู่ครับหลวงพ่อ ย้อนมีไฟผิง" ผมตอบฮ่าๆๆ<br />
<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20100102015004.jpg" width="580" /></img></center><br />
<br />
สวย (สาย) มาจั๊กน้อยทางหลวงพี่เพินตีกลองเอิ้นชาวบ้านออกมาวัดเพื่อสิเฮ็ดพิธีเก็บกระดูก(ผมขอใช้คำพื้นบ้านเน๊าะครับแล้วกะขออภัยท่านผู้ฮู้นำ) ชาวบ้านกะออกมาครับแล้วกะมีกะต่าข้าวแนวกินมาพ้อม สิตักบาตรตอนเช้านำ ซึ่งใซ้วิธีลัดคือไฟบ่มอดดีใช้น้ำดับเอาเลยว่าซ้าน การเก็บกระดูกผ่านไปซึ่งโยมชาวบ้านกะไปรวมกันอยู่เทิงศาลาใหญ่สิได้เฮ็ดพิธีทำบุญตักบาตรต่อไป เห็นแล้วปลื้มแทนครับศรัทธาทางเพินหลายคั๊ก เต็มศาลาเอาโล้ด มีการตักบาตรเงิน ข้าวสารอาหารแห้ง สุดท้ายกะค่อยเป็นข้าวครับ และการทอดผ้าป่าในตอนนั้นกะได้เงินไป สี่หมื่นกว่าบาท ในตอนนั้นกะถือว่าได้หลายอยู่ครับ(คิดเป็นเงินบ้านเพินกะบ่หน่อยเลยทีเดียว) การเฮ็ดบุญสองงานจบลงด้วยดีด้วยความร่วมมือร่วมใจ ด้วยความชื่นมื่น หลวงพ่อพระครูพาผมฉันเพลแล้วกะสิเดินทางกลับครับ ต่างกะพากันขนของลงเรือสองลำคือเก่า กล้วยเป็นเครือ บักพร้าวเป็นทะลาย ถืกขนลงเรือเป็นของฝากจากทางลาว หลวงพ่อพระครูบ่ให่เอาหลายรถสิขนไปบ่เหมิดพะนะ โยมทางไทยที่ไปนำได้เสี่ยวกะหลายคน เรือออกจากท่าหน้าวัดเวลาเที่ยงซึ่งพี่น้องทางลาวกะมาส่งอยู่ท่าแน่นขนัดเลยทีเดียว การเดินทางกะเริ่มขึ้นครับ เรือเริ่มออกจากท่าห่างออกเรื่อยๆๆๆๆจนเหลียวบ่เห็นผู้ทีมายืนส่ง <br />
<br />
"จั๊วน้อยเจ้าอย่าลืมคิดฮอดข่อยเด้อ" เสียงพี่เณรทางลาวดังขึ้นเพินมาส่งผม <br />
<br />
"ครับ ผมบ่ลืมดอกเดี๋ยวสิมายามอีก" ผมเว้าแต่ความเป็นจริงจั๊กสิมีโอกาสได้มาอีกบ่บุ๊ (ซึ่งกะเป็นจริงผมบ่มีโอกาสได้กลับไปอีกเพราะผมได้สิกขาลาเพศ ทางพุ้นหลวงพ่อพระครูเพินถามข่าวไปกะได้ควมว่าเพินกะสึกไปแล้วตอนนี้จั๊กไปเฮ็ดงานไส กะเหลือไว้เป็นความทรงจำดีๆครับ) มาฮอดธาตุพนมตอนบ่ายกว่าๆโยมต่างกะพากันขนของขึ้นมาจากเรือ และกะไปเอารถหม่องที่ฝากไว้พ้อมกับขนของขึ้นเทิงรถเป็นที่เรียบร้อยพ้อมที่สิออกเดินทางกลับพุทไธสงแล้ว หลวงพ่อฝั่งลาวเพินกะลากันกับหลวงพ่อพระครู พี่น้องทางลาวกะลาพี่น้องทางไทย สำหรับโตผมเองตอนนั้นเป็นความฮู้สึกประทับใจหลายพี่เณรทางลาวเพินเข้ามากอดผม <br />
<br />
"จั๊วน้อยอย่าลืมกลับมายามแนเด้อ" เป็นความฮู้สึกที่ฝังเข้ามาในสมองผมจนซูมื้อนี่ยังจำบ่ลืมครับ เถิงสิพ้อกันบ่พอคราวแต่ความฮู้สึกมันผูกพันธ์เหลือหลายเหลือเกิน <br />
<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/webboard/pic_files/20100102021654.jpg" width="580" /></img></center><br />
<br />
หลวงพ่อพระครูเพินพาไหว้พระธาตุพนมก่อนกลับอีกเทือครับ แล้วกะยังพาแวะเที่ยวตลาดอินโดจีน มุกดาหารนำอีกเป็นอันว่าการเดินทางผมกะจบลง เที่ยวเมืองลาวในรูปแบบผมบ่แม่นเที่ยวเบิ่งสิ่งนั่นสิ่งนี่ทั่วไป แต่เป็นการเที่ยวแบบวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ได้เห็นในสิ่งแบบพื้นบ้าน การใช้ชีวิต น้ำจิตน้ำใจคนทางพุ้น<span style="color: black;"> <br /><br /><br /> </span><span class="b14"><span style="color: #ff3300;">ท้ายสุดเน๊าะครับ สังคมเฮาซูมื้อนี่พัฒนาไปไกล ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ไผ๋นำบ่ทันกะหาว่าล้าหลัง บ่พัฒนา ในความฮู้สึกผมมันกะแม่นอยู่ครับสังคมซูมื้อมันเป็นสังคมแห่งการแข่งขันกัน แต่ผมอยากให่พากันหวนมาคิดแนว่าเทคโนโลยีมันพัฒนาแล้วอยากเห็นใจเฮาพัฒนานำ อยากเห็นความฮัก สามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่พัฒนาขึ้นมานำ (ลางคนอยู่กรุงเทพฯบ้านอยู่ติดกันเป็นปีแล้ว กะยังบ่ฮู้จั๊กกันกะมีอยู่ นี่คือเรื่องจริงที่ผมเคยเห็นเน๊าะครับ)โลกแฮ่งเจริญท่อใด๋ น้ำใจแฮ่งต๊ะหายไปเรื่อยๆ ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะอ่านกระทู้นี่เน๊าะครับ เป็นความฮู้สึกจากคนๆหนึ่งที่อยากเห็นสังคมเฮากลับมาแบบเก่า(ในเรื่องจิตใจ)ครับ</span></span><span style="color: black;"> </span><br />
<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-3106069421581559782011-10-07T05:43:00.000-07:002011-10-07T05:52:19.987-07:00<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNwi3Wy_xAjfs9CcGnEVrsZSDrqNtWAMSrBorLNClTvoLGRdQ1-7nmvm9RT1ORYRlPxZwe79V3Ok0GZgrHyn44X0-n_6q-aORomAMKdWlIpEkWoWe7M77vh9CbPOefcaStY9Xv2AWdFrgv/s1600/nkrsm-501-9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="206" kca="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNwi3Wy_xAjfs9CcGnEVrsZSDrqNtWAMSrBorLNClTvoLGRdQ1-7nmvm9RT1ORYRlPxZwe79V3Ok0GZgrHyn44X0-n_6q-aORomAMKdWlIpEkWoWe7M77vh9CbPOefcaStY9Xv2AWdFrgv/s320/nkrsm-501-9.jpg" width="320" /></a></div>
<br /><br />
{ รวมกลอนออนซอนคัก}<br />
แต่งโดย สมาชิกชมรมอีสานจุฬาฯ<br />
<a href="http://www.isanchula.com/">http://www.isanchula.com/</a><br />
{เรียบเรียงโดย อีเกียแดง แห่งรัตติกาล}<br />
<br />
อันไหนี้ มีค่า กว่าไหผี ( ปิ่นลม)<br />
คือไหคำ ชั้นดี มิสงสัย (บ่าวหน่อ)<br />
เป็นไหคำ ร้อยล้าน หรืออย่างไร(อีเกียแดง)<br />
หรือข้างใน มีเบ้าคำ อันสำคัญ (ต้องแล่ง) <br />
<br />
อันว่าไห มีไว้ใส่ สำมะปิ ( ปิ่นลม )<br />
ลองใช้ซิ ท่านจะได้ หายสงสัย (ลุ่มดอนไข่)<br />
ใช้ทุกวัน ต้องควักล้วง อยู่ร่ำไป (อีเกียแดง)<br />
เมื่อเลิกใช้ ล้างเสร็จ เช็ดให้ดี (ต้องแล่ง) <br />
<br />
ทุกวันนี้ ใครบางคน ชอบเฝ้าไห (อีเกียแดง)<br />
คงหมายถึง จารย์ใหญ่ ท่านฤาษี <br />
วรรคต่อไปให้ลงท้าย ด้วยสระ "อี" (ปิ่นลม)<br />
ด้วยกลอนนี้ ทนไม่ได้ ต้องโผล่มา (จารย์ใหญ่)<br />
<br />
เรื่องไหนี้ ตัวข้อย เชี่ยวชาญนัก (บ่าวหน่อ)<br />
ด้วยรู้จัก ใช้แต่เล็ก จนเติบใหญ่ (ลุ่มดอนไข่)<br />
ไม่มีไห ใร้ปลาร้า น่าเศร้าใจ (จารย์ใหญ่)<br />
เป็นเรื่องใหญ่ คนอีสาน บ้านของเฮา (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
เอามันไปเผา เอามันไปเผา เอามันไปเผา (ปิ่นลม) <br />
เอาลงเตา เผาปั้น เป็นไหหม้อ (ปิ่นลม) <br />
มีข้าวหวาน ยัดลงไป ให้เฝ้ารอ (จารย์ใหญ่)<br />
ไม่นานก็ ได้ปั้นน้ำ สำราญกัน (สาวส่าฯ ขอแจมนำแน่)<br />
<br />
อดีตกาล ไหนี้ เป็นไหผี (บ่าวหน่อ)<br />
คนมั่งมี ใส่ทรัพย์สิน ฝังดินไว้ (ลุ่มดอนไข่) <br />
วันนี้เปลี่ยน ข้าวหวานใส ใส่ลงไป (จารย์ใหญ่) <br />
ปิดปากไว้ ซ่อนให้ดี ที่ลับตา (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
อนิจจา ข้าวหวานข้า ออกรสเปรี๊ยว (ต้องแล่ง)<br />
อีกนิดเดียว คงบูดเน่า ไม่เข้าท่า (จารย์ใหญ่)<br />
เพราะมีคน หลอย "ปั้นขี้" ก่อนเวลา <br />
ยังไม่ผ่าน้ำเลย ย่องมาซิม (ปิ่นลม) <br />
<br />
ยกไหริน สายตาจ้อง พ้องสงสัย (อีเกียแดง)<br />
มีอะไร ปนออกมา น่าฉงน (ลุ่มดอนไข่)<br />
บวกกับกลิ่น ที่คละคลุ้ง แสนพิกล (อีเกียแดง) <br />
ผมอีกคน คงไม่กิน มันเน่าเอย (จารย์ใหญ่)<br />
<br />
ขอเอื้อนเอ่ย เผยกลอนเล่า เรื่องข้าวหวาน (จารย์ใหญ่ - ต้องแล่ง- ..)<br />
เป็นตำนาน พันผูก ช่างสุขสม <br />
ฝีมือของ ท่านปีโป้ บ่าวปิ่นลม<br />
คนชื่นชม คือจารย์ใหญ่ เทียวไปชิม ....... (จารย์ใหญ่ - ต้องแล่ง- ..)<br />
<br />
จารย์ท่านมา ปรึกษา เรื่องฤาษี (ปิ่นลม)<br />
ไม่ได้มีเจตนา เรื่องข้าวหวาน (ปิ่นลม)<br />
แวะมาคุย ประสาคนศีลทาน (ปิ่นลม)<br />
อันข้าวหวาน ส่วนประกอบ โดยชอบกัน ( ปิ่นลม )<br />
<br />
ทั้งไหนั้น ไหนี้ มีที่มา (จารย์ใหญ่)<br />
ใส่ปลาร้า หมักสาโท โอ้สวรรค์ (จารย์ใหญ่) <br />
เก็บหน่อไม้ ใส่น้ำปลา สารพัน (ลุ่มดอนไข่) <br />
เป็นฉันใด ก็ฉันนั้น หรือฉันเพล (ต้องแล่ง)<br />
<br />
ท่านฤาษี จารย์ใหญ่ ไม่ฉันเช้า (บ่าวหน่อ)<br />
แต่ฉันข้าว ที่กรองกลั่น จนน้ำใส (อีเกียแดง)<br />
ฉันทุกวัน ฉันทุกมื้อ อยู่ร่ำไป (อีเกียแดง) <br />
สุขหรือไร ใครไม่รู้ คู่น้ำเมา (จารย์น้อย)<br />
<br />
ไหที่เก่า มีคุณค่า น่าจำจด (อีเกียแดง) <br />
ลายงามงด มีคุณค่า น่าสะสม (ลุ่มดอนไข่) <br />
ของดีดี ใครได้เห็น ต้องชื่นชม (อีเกียแดง) <br />
ซุกไหล้ม ไยไม่แตก แปลกจริงจริง (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
หรืออาจเป็น ไหหิน เช่นถิ่นลาว (ต้องแล่ง)<br />
มีผู้สาว นอนกอดไห ก่อไฟผิง (บ่าวหน่อ)<br />
เหลือบยุงกัด ทากบืนไต่ ไม่ติงคีง (มังกรเดียวดาย)<br />
แม้โสติง เดินผ่าน ไม่ย้านเลย (มังกรเดียวดาย)<br />
<br />
เคยได้ยิน คำกล่าว เขาเล่าไว้ (จารย์น้อย)<br />
ว่ามีไห สัญจร เดินร่อนเร่ (จารย์น้อย)<br />
หลวงพระบาง ผ่านเวียงจันทน์ ยันปากเซ (แต้งล่อง)<br />
อย่าไขว้เขว คิดว่าถิ่น แดนภูเวียง (อีเกียแดง)<br />
<br />
ได้ยินเสียง เจรจา ช่างน่ารัก (อีเกียแดง)<br />
โอ้งามนัก สาวฝั่งเวียง อยากเคียงขวัญ (อีเกียดำ) <br />
เธออุ้มไห ปลาแดก แบกทั้งวัน (มังกาย)<br />
เดินเฉิดฉัน ส่งสายตา หาอีเกีย (มังกาย)<br />
<br />
เคยเห็นไห ลายมังกือ ถือลูกแก้ว (แต้งล่อง) <br />
นั่งกินแห้ว หย่ำก๊วดก๊วด นวดหัวเสือ (บ่าวหน่อ)<br />
ขนตางอน หงอนสีฟ้า ตาสีเนื้อ (ลุ่มดอนไข่) <br />
ก่อนจะเชื่อ โปรดใช้จิต คิดไตร่ตรอง (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
ไหมังกรฯ เคยได้ยิน จากถิ่นเหนือ (อีเกียแดง)<br />
ว่ามีเชื้อ เปล่งแสงได้ คล้ายถ่านหิน (อีเกียแดง) <br />
แถวก้นบ่อ เมืองอุบล เห็นจนซิน (หนุ่มมหาน้อย)<br />
ใส่ทรัพย์สิน ในไห ไว้บูชา (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
อยากรู้ว่า ไหทางใต้ ใช้ทำไหร๊ (อีเกียแดง) <br />
หากท่านใด ที่รับรู้ อย่าอยู่เฉย (ลุ่มดอนไข่)<br />
ไหทางใต้ เอาไว้ใส่ กุ้งเคย ( ปิ่นลม)<br />
กลิ่นไม่เหย ออกจากไห ได้อารมณ์ (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
เขาต้องบ่ม ไว้กี่วัน จึงฉันได้ (อีเกียแดง) <br />
อันนี้ไม่ รู้แจ้ง แถลงไข ( ปิ่นลม) <br />
แล้วมีใคร รู้บ้าง ขอบอกไป(ลุ่มดอนไข่)<br />
ออกนอกไห ถามจีกหลีก จอกหลอกจัง (ปิ่นลม) <br />
<br />
ชมรมเรา มีเซียนกลอน มากมายนัก (บ่าวหน่อ)<br />
มีเพื่อนรัก มีพี่น้อง ลองเข้าหา (จารย์น้อย)<br />
ภาษาอีสาน บ้านเกิดเรา ร่วมสนทนา(ลุ่มดอนไข่) <br />
ตายหละหวา นี่มันกลอน อะไรกัน (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
มีทั้งคน มักเมา และมักมันส์ (ปิ่นลม)<br />
อยู่นำกัน เบ็ดเสร็จ ผสมผสาน (อีเกียแดง)<br />
เบิ่งมุ่นเอ้เล้ บ่อจั๊กนั่ง ฮึจั๊กคลาน (ป้าหน่อย) <br />
บ่าวขี้คร้าน ชอบนอนเว็น ก็ยังมี ( อีเกียแดง) <br />
<br />
วันนี้คิด ว่าจะไป หาแม่ค้า (บ่าวหน่อ)<br />
ฝากด้วยหนา ฝากความรัก ให้ยาหยี ( อีเกียแดง) <br />
จะไปซื้อ เหล้าขาวซัก ซาวดีกรี (บ่่าวหน่อ)<br />
ถ้าหากมีลาบงัว ฝากเอามา(ปิ่นลม)<br />
<br />
เปิดคอมมา จักแม่นสิ เล่นอีหยัง (บ่าวหน่อ)<br />
ฟังทางนี้ มีเท็กซัส จัดให้เล่น (บ่าวน้อย)<br />
มีกติกา ว่าอย่างไร แจงชัดเจน(ลุ่มดอนไข่) <br />
ไม่เคยเห็น เหมียนกัน ฉันกะดาย (ต้องแล่ง) <br />
<br />
เชิญอ้ายซาย นามต้องแล่ง แยงเฟคบุ๊ค (บ่าวส่ำน้อย)<br />
สาวสวยสุด อยู่ทางนั้น ช่างมากหลาย (บ่าวส่ำน้อยคอยรัก)<br />
เทิงย่างหนี เทิงย่างเลาะ เทิงย่างกลาย (อีเกียแดง) <br />
ฮ่วยตาลาย ขอยาดม ให้ผมแหน่ (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
ขอยาดม เอาไป ไว้เฮ็ดหยัง [บ่าวหน่อ]<br />
ไว้ยัดดัง ยามวิงเวียน อาเจียนไหล [ต้องแล่ง]<br />
ยามปวดหัว ตัวร้อน หรืออ่อนใจ [อีเกียแดง]<br />
ติดตัวไว้ ได้พึ่งพา ยาสามัญ (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
พูดเรื่องไห จนปวดหัว ทั้งตัวร้อน (ผู้มาใหม่) <br />
ฟันผุกร่อน ขนคิ้วร่วง ขนตาหาย (อีเกียแดง) <br />
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ตับไตวาย (ลุ่มดอนไข่)<br />
อุ๊ย.ต๊ายตาย ตายแน่แน่ แย่จริงจริง (อีเกียแดง)<br />
<br />
ชะเอยอิง....เลียดดัง..ถั่งออกมา ( ปิ่นลม )<br />
เหมือนกับว่า น้ำพุร้อน ทะลักไหล (อีเกียแดง) <br />
มีคนงาม ตามห้ามเลือด คือสิไค (ลุ่มดอนไข่)<br />
แม่นสิไหล เหมิดโต กะซางมัน (อีเกียแดง)<br />
<br />
อันพวกท่าน เขียนกลอน ออนซอนหลาย (บ่าวน้อย)<br />
ผู้คนกลาย เข้ามา ได้หาอ่าน (ลุ่มดอนไข่) <br />
สุขอุรา บานตะไท ใจเบิกบาน (อีเกียแดง) <br />
ไม่กลัวคน รำคาญ ก็ตามใจ (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
จะลำคลาน หรือคลานลำ สำราญจิต (ต้องแล่ง)<br />
ไม่ได้คิด ขอแค่มี บักน้ำใส (อีเกียแดง) <br />
เชิญทุกท่าน สนุกสนาน สำราญใจ (ลุ่มดอนไข่) <br />
เอ๊ะจารย์ใหญ่ หายไปใส คือบ่มา(บ่าวหน่อ) <br />
<br />
ได้ข่าวว่า กำลังวุ่น ครุ่นคิดหนัก (อีเกียแดง)<br />
กำลังพัก ฟื้นหัวใจ ให้กล้าแกร่ง (ลุ่มดอนไข่)<br />
กลับไปบ้าน เป๊กสองซาว ทุกเซ้าแลง (บ่าวหน่อ)<br />
กำลังแข่งไล่แย้ คันแทนา ( ปิ่นลม ) <br />
<br />
หาผักเม็ก เก็บผักติ้ว หิ้วผักหวาน [ลุ่มดอนไข่]<br />
ไม่สำราญ เหมือนอยู่กรุง ดั่งเคยฝัน (อีเกียแดง) <br />
ไพ่เทกซัส จั่วกันได้ ทุกวี่วัน [บ่าวหน่อ]<br />
ทิปไม่อั้น ให้ผู้สาว คราวหลายพัน {อีเกียแดง} <br />
<br />
อยู่ดอนตาล บ้านเฮา ดีกว่าเยอะ [บ่าวหน่อ]<br />
กลับมาเถอะ อยู่บ้านนา พาสุขสันต์ [ลุ่มดอนไข่]<br />
คั่วกุดจี่ ไต้แมงเม้า กินหมกมัน [บ่าวหน่อ]<br />
ดูแสงจันทร์ แสงหิ่งห้อย จิตปล่อยวาง [ลุ่มดอนไข่]<br />
<br />
กลับมาสร้าง ก่อความฝัน ที่บ้านเกิด {อีเกียแดง}<br />
กลับมาเถิด ช่วยพัฒนา อย่าหนีห่าง {ลุ่มดอนไข่}<br />
กลับมาร่วม กันสรรสร้าง อย่าปล่อยวาง {อีเกียแดง} <br />
ร่วมเดินทาง ไปด้วยกัน สู่ฝันเรา {ลุ่มดอนไข่} <br />
<br />
ฝันเหงาเหงา ฝันอีกครั้ง ต้องพึ่งเธอ { อีเกียแดง}<br />
อย่าให้เพ้อ อยู่คนเดียว แบบหงอยหงอย { อีเกียแดง} <br />
มาเด้อหล่า มาเด้อ อ้ายยังคอย [บ่าวหน่อ]<br />
นอนคนเดียว ใจดวงน้อย คอยแต่เธอ [บ่าวหน่อ]<br />
<br />
ถึงยามกิน พี่ถวิล หานวลน้อง (ลุ่มดอนไข่) <br />
สุดหม่นหมอง นองน้ำตา มาเสมอ (ลุ่มดอนไข่)<br />
โอ้เธอจ๋า เธอจ๋า จ๋าจ๋าเธอ [บ่าวหน่อ]<br />
ทำไมเหรอ สุดที่รัก เรียกทำไม (ค๊ะ) {อีเกียแดง} <br />
<br />
ย้อนคึดฮอด จั่งอ้อนออด รำพันถึง (ลุ่มดอนไข่)<br />
ย้อนฮักจึง ส่งหัวใจ มาชิดใกล้ (ลุ่มดอนไข่) <br />
ย้อนอยากแอบ แนบสนิท ชิดดวงใจ (อีเกียแดง)<br />
ย้อนบ่ไหว ซอยยายแหน่ ยายเจ็บแอว (บักหล่า) [บ่าวหน่อ]<br />
<br />
แหม่นผู่ได๋ มาเฮ็ดให้ แอวยายเจ็บ (ลุ่มดอนไข่) <br />
ไผเอาเล็บ หยุมเนื้อยาย หยายเป็นแถว (ลุ่มดอนไข่) <br />
บ่ได้หยุม เป็นย้อนยาย ผิดมันแกว (ต้องแล่ง)<br />
งงเป็นแถว ผิดแบบไหน ไขความดู (อีเกียแดง)<br />
<br />
ไหปลาร้า ไหหมักปลา ไหปลาแดก (ไผกะซ่าง)<br />
ลายแปลกแปลก มีให้เลือก หลากสีสัน (อีเกียแดง) <br />
ไปฮอดไส ยังวกมา หาไหกัน (ลุ่มดอนไข่) <br />
คันจั่งซั้น หนีจากไห ไปไสดี.. (อีเกียแดง)<br />
<br />
หนีจากไห ซวนกันไป หาขัวหอย (ลุ่มดอนไข่<br />
คงอร่อย แสนเข้าท่า น่าสุขสม {อีเกียแดง}<br />
หอยอีหยัง หม่นอ๊อกรอก เกียกขี้ตม (บ่าวหน่อ)<br />
เอ่อ..หอยขม หรือหอยจูบ นั่นไงเอย.. {อีเกียแดง}<br />
<br />
หนีจากหอย ออกจากป่า ไปหากบ (บ่าวหน่อ) <br />
ร้องอ๊บอ๊บ เสียงดังลั่น นั่งอยู่ไหน. (อีเกียแดง) <br />
แหมบฮิมห้วย ฮ่วย...ฮั่นกบ โตบักใหญ่ (ลุ่มดอนไข่) <br />
โดดเข้าใส่ ที่ไหนได้ ม่ายช่ายเล๊ยย.. (อีเกียแดง) <br />
<br />
เสียงเยาะเย้ย หัวเราะลั่น ดังจากกบ {อีเกียแดง}<br />
ที่นั่งหลบ อยู่กอหญ้า ข้างหน้าฉัน {อีเกียแดง}<br />
บักผีบ้า ตาบ่มืน ฮึได๋กั๋น.. {อีเกียแดง}<br />
ในมือนั้น มันคืองู ชูให้ดู (บ่าวน้อย)<br />
<br />
จะเป็นกบ หรือว่างู กะซางเถาะ (บ่าวหน่อ)<br />
คือสิเหมาะ ขั่นงูนั้น เป็นงูสิง (ลุ่มดอนไข่)<br />
อ๊ะ.แขนสั่น ขาก็สั่น ใจประวิง (อีเกียแดง)<br />
เจอของจริง สิงดง เป็นลมเลย (ป้าหน่อย)<br />
<br />
โอ้ละเหย ลอยมา กาคาบหนี.. (อีเกียแดง) <br />
เพราะอย่างนี้ จึงไม่มี ที่ประจำ (จารย์ใหญ่)<br />
งึดคนเด้ แต่งมาได้ สระอำ (บ่าวหน่อ)<br />
สุดชอกช้ำ คนเฮา เอาไงดี (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
หนีเข้าป่า มาอยู่ดง คงหายซ้ำ (จารย์ใหญ่)<br />
ถึงผิวคล้ำ แต่ขาวด้วย จิตผ่องศรี (บ่าวหน่อ)<br />
วรรคต่อไป โปรดลงท้าย ด้วยสระอี (บ่าวหน่อ)<br />
ยากเต็มที คนจะต่อ รอคอยดู (ผู้ข้าเอง)<br />
<br />
สระอี หลายอีหลี สมัยนี้ (โต่งโล่ง)<br />
มาทั้งที คนผีบ้า เล่นเอางง (ป้าหน่อย) <br />
แม่นสิหลาย ชายที่แก่ ได้แต่ปลง (ต่องอ่อง)<br />
ลอยโอ่งลง เป็นตางึด ฟึดจริงเชียว (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
กลอนต่อไป ให้ลงท้าย ด้วยสระอำ (บ่าวหน่อ)<br />
กินปิ้งหม่ำ ตำหมากหุ่ง กับข้าวเหนียว (ลุ่มดอนไข่) <br />
จกหมกหม่ำ คำข้าวจ้ำ นำคำเดียว (บ่าวหน่อ)<br />
ยกเพียวเพียว ไฮ่ลงท้อง ก่อนแล้วกัน (อีเกียแดง)<br />
<br />
โอ้สวรรค์ แห่งบ้านนา ช่างผาสุข (อีเกียแดง) <br />
แสนสนุก สุขสบาย ไม่วายวุ่น (ลุ่มดอนไข่) <br />
ประเพณี สิบสองเดือน ล้วนงานบุญ (ลุ่มดอนไข่) <br />
คือต้นทุน เสริมสร้าง คุณความดี..(อีเกียแดง) <br />
<br />
ทุกถิ่นที่ วัฒนธรรม น่าจำจด (อีเกียแดง) <br />
ล้วนงามงด ประเพณี ไม่มีหมอง (ป้าหน่อย) <br />
ช่วยสืบสาน รักษาไว้ ตามครรลอง (อีเกียแดง) <br />
คนแซ่ซ้อง ดูเพลิดเพลิน จำเริญใจ (ลุ่มดอนไข่) <br />
<br />
บุญบั้งไฟ ถิ่นอีสาน แสนสนุก.. {อีเกียแดง} <br />
สืบสานต่อ ปู่พ่อลูก หลานเหลนโหลน (บ่าวหน่อ) <br />
จุดบั้งไฟ ไม่ขึ้นฟ้า ปาด้วยโคลน (ลุ่มดอนไข่)<br />
ฤกษ์เริ่มต้น ก่อนทำนา พี่น้องเฮา (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
บุญบั้งไฟ สำเร็จ เสร็จลุล่วง (ลุ่มดอนไข่) <br />
อีสานกว้าง ประเพณี ไม่มีเหงา (บ่าวหน่อ)<br />
ฮอดเดืิอนเจ็ด บุญซำฮะ เด้อพวกเฮา (บ่าวหน่อ)<br />
พรรษาเข้า เพ็ญเดือนแปด บุญต่อไป (จารย์ใหญ่) <br />
<br />
ถึงเดือนแปด เข้าพรรษา พี่ลาบวช (ลุ่มดอนไข่)<br />
ถือศีลสวด บวชไม่นาน นะจ๊ะน้อง (จารย์ใหญ่)<br />
เพียงสามเดือน เท่านั้นเอง นะเนื้อทอง..{อีเกียแดง} <br />
อย่าหม่นหมอง โปรดรักษา สัญญาเรา (ลุ่มดอนไข่) <br />
<br />
ฮอดเดือนเก้า อ้ายยังบวช สึกบ่ได้..[บ่าวหน่อ] <br />
สึกจั่งได๋ กลางพรรษา อย่าหาเว้า [ลุ่มดอนไข่] <br />
เคยมีคน ทำแบบนี้ เป็นบ้าเอา [บ่าวหน่อ] <br />
คงร้อนเร่า ตัดไม่ขาด อนาถใจ..(เฮ้อ.) {อีเกียแดง}<br />
<br />
เดือนสิบเอ็ด ออกพรรษา ลาพระเจ้า {อีเกียแดง} <br />
คือบอกผ่าน เดือนเก้า ไปจั่งใด๋ [บ่าวหน่อ] <br />
พวกสิบนำ เพิ่นสิบอก ว่าน้อยใจ [บ่าวหน่อ] <br />
บอกกะได๋ บุญเดือนเก้า เว้าสู่ฟัง (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
ฮอดเดือนเก้า เป็นบุญข้าว ประดับดิน (ลุ่มดอนไข่)<br />
โฉมยุพิน เตรียมสำรับ จัดคาว-หวาน (อีเกียแดง) <br />
ตื่นแต่เช้า ทำจิต ให้เบิกบาน (อีเกียแดง)<br />
มอบเป็นทาน คนไร้ญาติ ได้อยู่กิน (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
เถิงเดือนสิบ ประเพณี บุญข้าวสาก (อีเกียแดง)<br />
เฮ็ดสลาก ประเพณี ประจำถิ่น (ลุ่มดอนไข่)<br />
ทุจริต คนสาปแช่ง แย่งเปรตกิน (แต้งล่อง)<br />
คนหนอคน ไม่หมดสิ้น กินกันตาย (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
เดือนสิบเอ็ด ออกพรรษา หน้ากฐิน (ลุ่มดอนไข่)<br />
ขอยุพิน รอสิกขา อย่าหนีหาย (ลุ่มดอนไข่) <br />
อีกเจ็ดวัน พี่จะสึก ไปอย่างไว (บ่าวหน่อ) <br />
โปรดเตรียมใจ ให้คงหมั้น วันวิวาห์ (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
เดือนสิบสอง ล่วงเข้า ใกล้หน้าหนาว (จารย์ใหญ่)<br />
ทั้งหนุ่มสาวต่างคลอเคลีย กระทงไหล ( บ่าวแก่นนคร + ปิ่นลม )<br />
ส่วนทางสงฆ์ จัดงานวัด กฐินใหญ่ (บ่าวแก่นนคร + ปิ่นลม )<br />
โอ้หัวใจ มาคิดฮฮด น้องนวลปราง ( ปิ่นลม )<br />
<br />
ไหนบอกว่า น้องจะมา ออกพรรษา (ปิ่นลม)<br />
ล่วงเลยมา ฮอดกฐิน ถวิลร่ำ (ปิ่นลม)<br />
อ้ายนั่งหงอย เพราะเจ้านั้น มา"ปี้นคำ" (ปิ่นลม)<br />
ฮ้องไห้นำ เลาะฮั้ววัด ดวงจำปา ( ปิ่นลม)<br />
<br />
คำสัญญา เหมือนยาพิษ คิดทำหนอ {อีเกียแดง} <br />
เงินค่าดอง ยังไม่พอ มาขอหนา (บ่าวหน่อ)<br />
ต้องเก็บเงิน คายเทศน์ หลายเพลา (บ่าวหน่อ)<br />
ก็กะว่า อีกสิบงาน คงพอดี (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
ถึงเดือนอ้าย สงโฆย้าย ไปเข้ากรรม [ลุ่มดอนไข่] <br />
แม่งามขำ ยังคงรอ แต่หลวงพี่ (บ่าวหน่อ)<br />
ชาติที่แล้ว หรือน้องเกิดเป็น "ลีลาวดี" [บ่าวหน่อ] <br />
เกิดชาตินี้ จงคอยรอ อย่าท้อใจ [ลุ่มดอนไข่]<br />
<br />
ฮอดเดือนยี่ บุญคูณลาน สู่ขวัญข้าว (อีเกียแดง) <br />
เคยพาเจ้า ญ่างคันแท ไปแลหนัง (ปิ่นลม)<br />
หมื่นคันนา หัวสัก น้ำตาพัง (ปิ่นลม)<br />
พี่ก็ยัง ช่วยงัดเกิบ จากเขิบดิน (ป่มลิน)<br />
<br />
สิ้นเดือนยี่ บุญข้าวจี่ ยังรอถ้า (แก่นนคร) <br />
พี่มหา ยังไม่สึก จากพระสิ้น [บ่าวหน่อ] <br />
แม่งามขำ นั่งหน้าง้ำ น้ำตาริน {อีเกียแดง} <br />
ชาตินี้คง จะไม่สิ้น ดิ้นบนคาน[บ่าวหน่อ] <br />
<br />
ฮอดเดือนสี่ บ้านเฮามี บุญผเวส [ลุ่มดอนไข่]<br />
ฟังพระเทศน์ มหาชาติ กัณต์สิบสาม [บ่าวหน่อ] <br />
แห่กันหลอน เดินเคียงคู่ ผู่สาวงาม [ลุ่มดอนไข่]<br />
อดีตรัก สังฆทาน เผิ่นพาว่า [แก่นนคร] <br />
<br />
กลางเดือนห้า บุญสงกรานต์ ทุกทั่วถิ่น {อีเกียแดง}<br />
แม่ยุพิณ เล่นสาดน้ำ บ่าวบ้านใต้ [บ่าวหน่อ]<br />
เมือบ้านท่ง สรงน้ำพระ ก่อกองทราย [ลุ่มดอนไข่]<br />
ทั้งหญิงชาย ร่วมกุศล ผลนำพา {(อีเกียแดง}<br />
<br />
นี่ก็ผ่าน มาหลายเดือน แล้วหลวงพี่ {บ่าวหน่อ}<br />
ฮ่วย!! ..เป็นแบบซี้ ผู้สาวหนี แท้หล่ะหนา {อีเกียแดง} <br />
ไม้ต้องรอ หลวงพี่แล้ว นะแก้วตา{ลุ่มดอนไข่} <br />
เข้ามาเว๊บ "อีสานจุฬาฯ" หาเอาเลย [บ่าวหน่อ] <br />
<br />
อีสานนี้ มีของดี อีกหลายอย่าง (ลุ่มดอนไข่)<br />
หากท่านว่าง เชิญแวะมา อย่าเมินเฉย [ลุ่มดอนไข่]<br />
ผ่านกลางดง ลำตะคอง อย่าละเลย {อีเกียแดง} <br />
อยากเป็นเขย ชาวอีสาน เชิญท่านมา [ลุ่มดอนไข่] <br />
<br />
สู่ขอนแก่น เสียงแคนเพราะ เสนาะหู (อีเกียแดง) <br />
เชิญมาดู วัฒนธรรม อันล้ำค่า (ลุ่มดอนไข่) <br />
ดูผูกเสี่ยว เที่ยวงานไหม ให้เต็มตา (ลุ่มดอนไข่) <br />
เขาลือว่า นางไหสวย เสียด้วยเชียว (อีเกียแดง) <br />
<br />
ขับเลาะเลี้ยว มุ่งตรงสู่ กาฬสินธุ์ (อีเกียแดง)<br />
สวรรค์ของ ชาวดิน ถิ่นสีเขียว (บ่าวหน่อ) <br />
แดนโปงลาง ไหมแพรวา เชิญมาเที่ยว (ลุ่มดอนไข่) <br />
หิ้วประเป๋า ใบเดียว เชิญเข้ามา (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
เลาะมาหา สารคาม จังหวัดใหญ่ (อีเกียแดง)<br />
มีสาวสาว มหาลัย งามหนักหนา (บ่าวหน่อ) <br />
บ่าวหน่อมัก ไปเฝ้าจอบ ถึงชายคา (ป้าหน่อย) <br />
เอ้า!!!! คนเหล่านั้น มีปัญญา มันน่ามอง .....เด้หล่ะ(บ่าวหน่อ) <br />
<br />
มองแบบไหน ทำไมแอบ อยู่ในรถ (อีเกียแดง)<br />
คงแอบตด อยู่คนเดียว กลัวใครเห็น (ปิ่นลม) <br />
ย้อนว่ายืง ถั่วต้ม โอ๊ย...ซางเป็น (บ่าวหน่อ) <br />
โถลำเค็ญ หลูโตนดัง จังพ่อคุณ (อีเกียแดง)<br />
<br />
สู่ร้อยเอ็ด พลาญชัย บึงใหญ่กว้าง (อีเกียแดง)<br />
ต้องลาร้าง ห่างไกล ใจอาวรณ์ (จารย์ใหญ่)<br />
ทุ่งกุลา กว้างใหญ่ ไกลขจร (บ่าวหน่อ) <br />
น่าออนซอน ข้าวรวง เขียวขจี (จารย์ใหญ่)<br />
<br />
กลับมาที่ อีสานใต้ ถิ่นกำเนิด (อีเกียแดง)<br />
อย่าเตลิด ปราสาทหิน ถิ่นผ้าไหม (อีเกียแดง)<br />
บุรีรัมย์ เมืองรื่นรมณ์ สุขสมใจ (อีเกียแดง) <br />
เชิญแวะได้ ต้อนรับมิตร จิตชื่นบาน (อีเกียแดง) <br />
<br />
สู่เส้นทาง เมืองสุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ (อีเกียแดง) <br />
ถิ่นผ้าไหม เนียงละออ บองเจิ๊ดเจิ๊ด (บ่าวหน่อ) <br />
ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม พร้อมชูเชิด (อีเกียแดง)<br />
ยินดีเปิด ต้อนรับท่าน เข้ามาเยือน (อีเกียแดง) <br />
<br />
ทั้งลือเลื่อง วัฒนธรรม อันมากหลาย (อีเกียแดง) <br />
คนผู้ฮ้าย หาไม่ได้ ณ ที่นี่ (บ่าวหน่อ) <br />
ถิ่นปราสาท เก่าก่อน สังขระบุรี (บ่าวหน่อ) <br />
ทั้งมากมี ประคำสวย เสียด้วยเชียว (อีเกียแดง) <br />
<br />
ขับเลาะเลี้ยว สู่นคร ศรีลำดวน (อีเกียแดง)<br />
นั่งรถด่วน ติดแอร์ หาชมเที่ยว (บ่าวน้อย)<br />
หลบกระสุน ปืนเขมร ว่าแล้วเชียว (บ่าวหน่อ) <br />
ก่อนจะเลี้ยว ล้อรถ ไปอุบล (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
สำรวจค้น ล้วงกระเป๋า ดูตังค์ก่อน (บ่าวน้อย) <br />
อยากจะกิน ไก่ร้อนร้อน กับข้าวเหนียว (บ่าวหน่อ)<br />
ร้านไก่ย่าง ข้างทาง เเซบจริงเชียว (บ่าวน้อย).....ลงนี้ละยากหลาย หิว<br />
สักประเดี๋ยว จะเลาะเที่ยว เมืองอุบลฯ (อีเกียแดง)<br />
<br />
ถิ่นของคน มากนักปราชญ์ ฉกาจเหลือ (อีเกียแดง)<br />
ล้วนเหลือเฟือ ของดีๆ มีให้ชม (ป้าหน่อย) <br />
ใครได้ไป บอกด้วย ให้ชวนผม (หนุ่มน้อย กาฬสินธุ์)<br />
เดชอุดม พิบูลมังสาหาร บ้าน(ป้า)หน่อยเอง....อิอิ (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
ไม่ต้องเกรง ใจกัน คนโคราช (อ๊อดโนนสูง)<br />
เมืองหญิงกล้า เก่งกาจ เมืองแม่ย่า (บ่าวหน่อ) <br />
ลำตะคอง แวะริมท่า มีย่างปลา (บ่าวน้อย)<br />
ยามพลบค่ำ สนธยา ฟ้ามืดลง (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
เลาะเลียบทุ่ง ไปกินลวก ดอกกระเจียว (บ่าวหน่อ)<br />
ป่าภูเขียว ภูแลนคา อย่าเดินหลง (ลุ่มดอนไข่)<br />
มอหินขาว ทุ่งหินงาม ลืมไม่ลง (ลุ่มดอนไข่) <br />
ช่างสุขสม ชมป่าใหญ่ ดอกไม้งาม (อีเกียแดง) <br />
<br />
ชัยภูมิ เมืองคนกล้า น่าเกรงขาม (อีเกียแดง)<br />
ผู่สาวงาม ทอผ้าขิต โนนเสลา (ลุ่มดอนไข่)<br />
แหล่งผ้าไหม ที่เลื่องลือ ชื่อบ้านเขว้า (ลุ่มดอนไข่)<br />
กระติบข้าว กระเป๋าถือ เลื่องลือนาม (อีเกียแดง)<br />
<br />
อีกไก่ย่าง และแหนมห่อ รสสะเด็ด (อีเกียแดง)<br />
ทั้งแกงเห็ด ปิ้งปลา หาผักหวาน (บ่าวหน่อ)<br />
ชัยภูมิ มีรถยนต์ วิ่งมานาน (บ่าวต้น)<br />
เล่นน้ำตก สงกรานต์ ที่ตาดโตน (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
สู่สวรรค์ ของชาวดิน เมืองถิ่นขอน (อีเกียแดง) <br />
แล้วจะย้อนไปขอนแก่น ทำไมนี่ (บ่าวหน่อ)<br />
หรือว่าเรา กำลังจะไป อุดรธานี (บ่าวหน่อ)<br />
ช่วยบอกกล่าว อีกที เดี๋ยวโชเฟอร์ลืม (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
ว่าสิคืน เข้าขอนแก่น เริ่มต้นใหม่ (อีเกียแดง)<br />
แล้วมุ่งไป ที่เมืองเลย อย่าเฉยไฉ (อีเกียแดง)<br />
กลับหนองบัว เข้าอุดร เป็นขั้นไป (อีเกียแดง)<br />
สู่หนองคาย จังหวัดใหม่ ในบึงกาฬ (สั่นดอกว๊าครับ) (อีเกียแดง) <br />
ผมว่าสิไล่ไปแบบซี้แหม๋ครับ..หมู่สิว่าจั่งได๋น้อ<br />
<br />
เอายังไง โปรดว่าไป ตามใจมุ่ง (ลุ่มดอนไข่)<br />
เที่ยวทั่วทุ่ง เลาะทั่วไพร ในอีสาน (ลุ่มดอนไข่)<br />
ไปทุกถิ่น พร้อมหมู่มิตร จิตชื่นบาน (ลุ่มดอนไข่)<br />
สุขสำราญ เมื่อได้ยล มนต์ตรึงตรา (ลุ่มดอนไข่) <br />
<br />
เป็นอันว่า กลับมาสู่ เมืองขอนแก่น (อีเกียแดง)<br />
แดนเสียงแคน ดอกคูณสวย รวยผ้าไหม (อีเกียแดง) <br />
ยินเสียงแคน ดังกล้อง มาแต่ไกล (บ่าวหน่อ)<br />
แม่นจารย์ใหญ่ ไปทำอะไร ที่นั่นรือ (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
ไปผูกเสี่ยว เที่ยวงานไหม กับใครนั่น (ลุ่มดอนไข่)<br />
ดูสารภัณญ์ นั่งฟังลำ กับใครหรือ (ลุ่มดอนไข่)<br />
ไปไหว้พระ วัดหนองเเวง ประณมมือ (จารย์ใหญ่)<br />
ที่ยึดถือ น้อมนำ ประจำใจ (จารย์ใหญ่)<br />
<br />
ถึงภูเวียง ถิ่นลือเลื่อง ไดโนเสาร์ (ลุ่มดอนไข่)<br />
ผานกเค้า ภูผาม่าน เคยผ่านใกล้ (ลุ่มดอนไข่)<br />
หอมไก่ย่าง เขาสวนกวาง มาแต่ไกล(บ่าวหน่อ)<br />
คิดฮอดสาว บ้านไผ่ อำเภอพล (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
แล้วดั้นด้น สู่เมืองเลย แดนดอกฝ้าย (อีเกียแดง)<br />
จุดมุ่งหมาย ที่ใฝ่ฝัน รำพันถึง (อีเกียแดง) <br />
ประเพณี ผีตาโขน ยังตราตรึง (บ่าวหน่อ)<br />
หวนคิดถึง สาวด่านซ้าย ที่อ้ายปอง (บ่าวหน่อ)<br />
<br />
ภูกระดึง พึ่งไปมา ผาหล่มสัก (ลุ่มดอนไข่)<br />
ศรีสองรัก แก่งคุดคู้ คู่เคียงน้อง (ลุ่มดอนไข่)<br />
ขึ้นเขาสูง เดินกอดเกี่ยว ดังใจปอง (อีเกียแดง)<br />
ยืนซบน้อง มองไอหมอก บนภูเรือ (อีเกียแดง)<br />
<br />
คิดถึงวัน เมื่อคราว ไปร้อยเอ็ด (จารย์ใหญ่)<br />
กินลาบเป็ด อ่อมหอยจูบ ซุบมะเขือ (มังกรเดียวดาย)<br />
ในวันนี้ ยืนซบน้อง บนภูเรือ (มังกรเดียวดาย)<br />
น่าเหลือเชื่อ ต้องจรจาก พรากกันไกล (จารย์ใหญ่)<br />
<br />
สาวเมืองเลย พี่ขอเอ่ย ว่าลาก่อน (ลุ่มดอนไข่) <br />
จำจากจร โอกาสหน้า จะมาใหม่ (ลุ่มดอนไข่) <br />
ต้องลากพราก จากกันลา ไม่ไปไกล (บ่าวหน่อ)<br />
สู่เมืองใหม่ ไม่ไกลใกล้ แถวนี้เอง (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
ความรักเคว้ง จากเมืองเลย ใจหดหู่ {อีเกียแดง} <br />
สู่หนองบัว ลำภู ดีกว่าหนา {อีเกียแดง} <br />
แผ่นดินธรรม หลวงปู่ขาว น้อมนำพา {อีเกียแดง}<br />
สุขอุรา พระธรรมเลิศ ประเสริฐใจ { อีเกียแดง}<br />
<br />
อุทยาน ภูเก้า ภูพานคำ {อีเกียแดง}<br />
ที่เหลื่อมล้ำ แบ่งเขตแดน เมืองแก่นขอน {อีเกียแดง} <br />
ตั้งตระหง่าน ขวางกั้น กับอุดร { อีเกียแดง} <br />
น่าสะออน ธรรมชาติ อันงามตา { อีเกียแดง} <br />
<br />
ศาลสมเด็จ นเรศวร ชวนมาไหว้ (ลุ่มดอนไข่)<br />
งามจับใจ แหล่งโบราณ ภูผายา (ลุ่มดอนไข่)<br />
เลาะชมเที่ยว พิพิธภัณฑ์ แสนตื่นตา { อีเกียแดง}<br />
ที่เขาว่า หอยเป็นหิน ถิ่นล้านปี {อีเกียแดง}<br />
<br />
สู่อุดี ธานอน ออนซอนหลาย {อีเกียแดง} <br />
กินข้าวงาย กุมภวาปี มีแฮงท้อง (ปิ่นลม)<br />
แวะบ้านเชียง บรรพบุรุษ มุดลำคลอง (บ่าวหน่อ)<br />
ลองไปมอง และแยง ไหพันปี ( ป่มลิน )<br />
<br />
อีกกี่โล ถึงหนองคาย เยี่ยมป้าหน่อย (จารย์ใหญ่)<br />
ข่อย บ่มีซิง ( ตราชั่ง) มาด้วยเด้อ (ปิ่นลม )<br />
หากเดินไป หน้าก็คงเหลือง เอ้อเห้อ (ปิ่นลม)<br />
หน้าอำเภอ ศรีธาตุ นั่งคอยนาง ( ป่มลิน)<br />
<br />
เพื่อไม่ให้ กลอนตัน มันต้องต่อ (จารย์ใหญ่)<br />
ใกล้ละหนอ เลี้ยวซ้าย บ้านในซอย (จารย์ใหญ่)<br />
ใช่ป้าหน่อย อยู่ริมรั้ว มายืนคอย (จารย์ใหญ่)<br />
ไม่ใช่ซะหน่อย ให้ไปรับ ก็ว่ามา (ป้าหน่อย) <br />
<br />
ดูเวลา นาฬิกา ตีสองแล้ว (บักริวฝากมา)<br />
ฤาษีแถว มุกดาหาร ไปอยู่ไส (ริวน้อย)<br />
แม่นหลงทาง แม่นเลาะเหล่น หรืออย่างไร (ริวน้อย)<br />
ป้าหน่อยไหย่ แล่นนำหา จนว่าป่วง.. อึหึ๊.. (บักริวฝากมา..) <br />
<br />
คงไปควง แม่ฮ้างน้อย เจ้าเสน่ห์ {อีเกียแดง}<br />
หรือไปเท่ห์ ยืนแอ็คชั่น ริมฝั่งโขง {อีเกียแดง}<br />
ชมสะพาน มิตรภาพ กับโฉมยงค์ {อีเกียแดง}<br />
แล้วก็ตรง เข้าไปสู่ อินโดจีน {อีเกียแดง} <br />
<br />
ไหว้ขอพร พ่อพระใส ให้มีโชค (ลุ่มดอนไข่) <br />
จะทุกข์โศก โรคภัย ให้สร่างหาย (ป้าหน่อย) <br />
กุศลนำ กรรมไม่ต้อง ผ่องใจกาย {อีเกียแดง} <br />
อีกที่หมาย ศาลาแก้วกู่ อยู่ไม่ไกล (ลุ่มดอนไข่) <br />
<br />
ชมบั้งไฟ พญานาค ริมฝั่งโขง {อีเกียแดง} <br />
หลายชั่วโมง นั่งเคียงคู่ ดูชิดใกล้ (ลุ่มดอนไข่) <br />
หาวหวอดหวอด เอ๊ะนั่น มันลูกไฟ (บ่าวหน่อ) <br />
ต๊กกะใจ ไทฝั่งลาว ปล่อยโคมลอย (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
ด้วยเวลา อันมีน้อย ที่มาเยี่ยม (บ่าวน้อย)<br />
สุดเเสนเปี่ยม เต็มไป มิตรไมตรี (บ่าวน้อย) <br />
ถึงเวลา จำเอ่ยว่า ขอลาที (บ่าวน้อย)<br />
จงสุขี สุขสันต์ ทุกวันคืน (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
ความชื่นมื่น แห่งรอยยิ้ม อิ่มเปรมนัก {อีเกียแดง}<br />
ได้หยุดพัก บ้านป้าหน่อย ไม่ผิดหวัง {อีเกียแดง}<br />
มิตรภาพ อันอบอุ่น ก่อพลัง {อีเกียแดง}<br />
จุดที่ฝัน เดินทางต่อ ก็บึงกาฬ {อีเกียแดง}<br />
<br />
"แก่งอาฮง" เล่นน้ำโขง ตรงโขดหิน (ลุ่มดอนไข่)<br />
แม่ยุพิน เกาะแขนเกี่ยว เสียวลื่นไหล.. {อีเกียแดง} <br />
มองเรือน้อย ลอยตามน้ำ ช่างสุขใจ (ลุ่มดอนไข่) <br />
โอบชิดใกล้ บรรจงกอด พรอดรำพัน {อีเกียแดง}<br />
<br />
"บึงโขงหลง" เรานั่งลง ตรงริมฝั่ง (ลุ่มดอนไข่)<br />
ใจไหลหลั่ง ดั่งสายน้ำ ที่ลอยไหล (บ่าวต้น)<br />
โอ้สายน้ำ เปรียบดั่งเช่น สองหัวใจ {อีเกียแดง}<br />
มารวมไหล เป็นหนึ่งเดียว เกลียวสัมพันธ์ {อีเกียแดง}<br />
<br />
โอ้"ภูทอก" บอกให้รู้ ดูงามงด (ลุ่มดอนไข่)<br />
สวยหมดจด ธรรมชาติ ช่างเสกสรรค์ (ลุ่มดอนไข่)<br />
ใครได้เห็น ต่างชมชื่น รื่นรำพัน {อีเกียแดง}<br />
ดั่งสวรรค์ ปั้นแต่ง แห่งจินตนา {อีเกียแดง} <br />
<br />
ถึง “ภูวัว” อย่านึกกลัว เลยน้องเจ้า (ลุ่มดอนไข่)<br />
มาปืนเขา ชมนกไม้ ไต่หน้าผา (ลุ่มดอนไข่)<br />
เหนื่อยแค่ไหน ก็ยิ้มได้ นะกานดา { อีเกียแดง}<br />
บนหน้าผา ยื่นเกาะเกี่ยว เลาะเที่ยวชม {อีเกียแดง}<br />
<br />
จากบึงกาฬ เลาะเลียบโขง ลงทางใต้ (ลุ่มดอนไข่)<br />
สู่ที่ใด ใช่สกลฯ หรือเปล่าหนา {อีเกียแดง} <br />
แวะไปไหว้ "ธาตุพนม" ชมพารา (ลุ่มดอนไข่)<br />
แล้วค่อยวก ลงมา เมืองสกลฯ...(เนาะ) (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
ฝ่าสายฝน ขับรถตรง เข้าพระธาตุ {อีเกียแดง}<br />
ได้ก้มกราบ มงคลเลิศ ประเสริฐศรี {อีเกียแดง} <br />
ด้วยศรัทธา ลูกจึงมา พึ่งบารมี (ลุ่มดอนไข่)<br />
คุณความดี โปรดคุ้มครอง ป้องกันภัย (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
ชมงานไหล เรือไฟ สวยงามยิ่ง {อีเกียแดง}<br />
แนบซบอิง สาวผู้ไท ริมฝั่งโขง {อีเกียแดง} <br />
ด้วยสายใย ผูกใจรัก ถักเชื่อมโยง (ลุ่มดอนไข่)<br />
บุญหนุนส่ง ให้พบเจ้า สาวเรณู (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
โฉมพธู โสภานัก สลักจิต {อีเกียแดง}<br />
ได้ใกล้ชิด ดูดไหอุ คู่จอมขวัญ {อีเกียแดง} <br />
นั่งมองหน้า ก้มดูดอุ หัวชนกัน (บ่าวหน่อ)<br />
แสนสุขสันต์ วันเดินเที่ยว "ภูลังกา" (ลุ่มดอนไข่) <br />
<br />
วกกลับมา จังหวัดใหญ่ อันลือเลื่อง {อีเกียแดง} <br />
พระธาตุเนือง ได้กราบไหว้ ใจสุขสม {อีเกียแดง} <br />
“ธาตุเชิงชุม” อยู่คู่บ้าน มานานนม (ลุ่มดอนไข่)<br />
พับเพียบก้ม บรรจงกราบ ซาบซึ้งคุณ (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
พระตำหนัก ภูพาน งามสง่า (ลุ่มดอนไข่)<br />
ตระการตา ปราสาทผึ้ง พึ่งเคยเห็น (ลุ่มดอนไข่)<br />
ชมหนองหาน กับผู้สาว ในยามเย็น {อีเกียเเดง}<br />
เลาะเดินเล่น เกาะแขนเกี่ยว เที่ยวชมเมือง {อีเกียแดง} <br />
<br />
หรือว่าชาติที่แล้ว อ้ายเกิดเป็น ท้าวผาแดง (บ่าวหน่อ) <br />
จึงเป็นแรง โน้มน้าวใจ ให้คิดถึง (ลุ่มดอนไข่)<br />
สาวภูไท เมืองสกล สวยสุดซึ้ง (ลุ่มดอนไข่)<br />
เฝ้าคำนึง ถึงน้องนาง มิวางวาย (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
สู่ที่หมาย บ้านท่าแร่ แวะไปเยี่ยม {อีเกียแดง} <br />
ชมภาพเขียน ประวัติศาสตร์ ผาผักหวาน {อีเกียแดง}<br />
ภูผาเหล็ก ภูผายล เขาภูพาน (ลุ่มดอนไข่)<br />
แวะหมู่บ้าน แหล่งขุนโค โพนยางคำ (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
แหล่งน้ำดำ กาฬสินธุ์ ยินคำลือ (..ป้าหน่อย )<br />
งามขึ้นชื่อ ไหมแพรวา หลากสีสัน {อีเกียแดง}<br />
เขื่อนลำปาว นั่งตกปลา กับใครกัน {อีเกียแดง}<br />
อ๋อ..จอมขวัญ เจ้าคนดี ของพี่ไง {อีเกียแดง}<br />
<br />
เสียงแว่วใส ใช่โปงลาง หรือเปล่านะ {อีเกียแดง} <br />
ใช่แล้วจ้า น้องคนนี้ นั่งดีดไห (บ่าวหน่อ) <br />
ดีดไหโน้น ดีดไหนี้ ดีดไหใคร (..บ่าวหน่อ)<br />
ถามทำไม ดีดต่อไป ท่าสวยดี (บ่าวน้อย)<br />
<br />
ที่บ้านน้อง ก็มีนะ ไดโนเสาร์ (บ่าวหน่อ) <br />
ภูกุ้มข้าว สหัสขันธ์ ไปกันไหมพี่ (..บ่าวหน่อ)<br />
แวะภูค่าว เข้าภูสิงห์ ด้วยก็ดี (ลุ่มดอนไข่)<br />
ไหว้เจดีย์ ธาตุยาคู ที่คู่เมือง (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
จากกาฬสินธุ์ ไปเยือนถิ่น “มุกดาหาร” (ลุ่มดอนไข่)<br />
ต้นตำนาน “ลำผญา” ส่าลือเลื่อง (ลุ่มดอนไข่)<br />
คือมรดก วัฒนธรรม อันแน่นเนือง {อีเกียแดง}<br />
ช่วยประเทือง สร้างความรู้ คู่ชุมชน {อีเกียแดง} <br />
<br />
เมืองนักมวย มุกดาหาร มารดาฮุก (บ่าวหน่อ) <br />
แสนสนุก เยือน“หอแก้ว” แล้วคลายหม่น (ลุ่มดอนไข่)<br />
เข้าไปป่า หาไล่แย้ กับหน้ามล (บ่าวหน่อ) <br />
นั่งงอยโพน หลบแดดฮ้อน นอนกลางเว็น (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่สอง อยู่ที่นี่ (บ่าวหน่อ)<br />
เป็นสิ่งที่ ประทับใจ ได้มาเห็น (ลุ่มดอนไข่)<br />
ดูอาทิตย์ ลาลับฟ้า เวลาเย็น {อีเกียแดง}<br />
คืนเดือนเพ็ญ นั่งฮิมของ* มองแสงจันทร์ (ลุ่มดอนไข่) *ฮิมของ=ริมแม่น้ำโขง*<br />
<br />
แสนตื้นตัน ได้มาพบ ประสบเห็น {อีเกียแดง} <br />
น้ำในแก้ว ใสเย็น ดุจสวรรค์ (บ่าวหน่อ) <br />
มาเมืองมุกฯ แสนสนุก ลืมทุกข์พลัน (ลุ่มดอนไข่) <br />
สิ่งละอัน พันละน้อย ได้พลอยชม {อีเกียแดง} <br />
<br />
แวะตลาด อินโดจีน อันเลื่องชื่อ (บ่าวหน่อ) <br />
เดินจูงมือ พูดออดอ้อน ป้อนขนม (ลุ่มดอนไข่)<br />
สายสัมพันธ์ ไทยลาวยวน น่าดูชม (บ่าวหน่อ) <br />
รักเกลียวกลม สามัคคี มีน้ำใจ (ลุ่มดอนไข่)<br />
<br />
แวะเข้าไป ที่ดอนตาล บ้านจารย์ใหญ่ {อีเกียแดง} <br />
กินต้มไก่ ใส่ใบมอญ น้ำลายไหล (บ่าวหน่อ) <br />
น้ำข้าวหวาน เอามาแผ่ง แบ่งเร็วไว (ลุ่มดอนไข่) <br />
หมดแปดไห เรียกจารย์ใหญ่ เอามาเติม (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
จารย์ร้องบอก เหลือแต่ขี้ ไม่มีน้ำ (ลุ่มดอนไข่) <br />
บุ๊ย..ย่างไปตาม เอาไหใหม่ ใกล้อาศรม ..พุ้นหน่ะ {อีเกียแดง} <br />
หมดได้ไง จารยใหญ่ เพิ่งติดลม ..(ป้าหน่อย) <br />
เอ๊ะ!! หลังบ้าน ทิดปิ่นลม มีมากมาย (บ่าวหน่อ) <br />
<br />
สู่ที่หมาย เมืองยโส เสียก่อนท่าน {อีเกียแดง}<br />
มาร่วมงาน "บั้งไฟโก้" แตงโมหวาน (ลุ่มดอนไข่) <br />
หมอนผ้าขิต ก็ขึ้นชื่อ ระบือนาม {อีเกียแดง}<br />
ล้วนสวยงาม สาวยโส โก้น่ายล (ลุ่มดอนไข่) <br />
<br />
ที่น่าสน นั้นคือข้าว มะลิหอม (ปิ้นกลับ แห่ะๆ) อีเกียแดง <br />
ตั้งจิตน้อม กราบ“ถ้ำพระ” ละความหม่น (ลุ่มดอนไข่)<br />
สวนสาธารณะ พระญาแถน ก็น่าชม {อีเกียแดง} <br />
อาจเกียกตม เพราะบั้งไฟ ไม่ขึ้นเอย (ต้องแล่ง)<br />
<br />
อย่าไปเลย เดี๋ยวขี้ตม สิติดเอา (สั่นหน่ะ) {อีเกียแดง}<br />
ขับรถเข้า บ้านสิงห์ท่า ดีกว่าหนา {อีเกียแดง} <br />
เมืองโบราณ ประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมา (อีเกียแดง)<br />
เดินเลาะหา เที่ยวดูชม สุขสมใจ (อีเกียดำ)<br />
<br />
แล้วก็ไป ที่สุดท้าย เสียให้ครบ (ริวน้อย)<br />
จุดนับพบ ที่อำนาจฯ นั่นแหล่ะหนา (ริวน้อย)<br />
ชมเกาะแก่ง เขาแสนสวย ตระการตา (อีเกียแดง)<br />
สุขอุรา ก้มกราบพระ ประจำเมือง (อีเกียแดง)<br />
<br />
แหล่งรุ่งเรือง เจ็ดลุ่มน้ำ ที่งามงด (อีเกียแดง)<br />
เลอค่าสด สีผ้าไหม ที่สวยสม (อีเกียดำ)<br />
ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ สุดตระการ ต้องแวะชม (ริวน้อย)<br />
แสนสุขสม ได้เลาะเที่ยว อีสานเรา (ริวน้อย)<br />
<br />
ขอขอบคุณเหล่าสมาชิกที่ร่วมกันแต่งกลอนในครั้งนี้ด้วยนะครับ<br />
ด้วยจิตคารวะ<br />
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลอีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-12623927100964984172011-09-18T04:07:00.000-07:002014-06-28T21:23:25.681-07:00นิยาย กรรมลิขิต 19<strong><img alt="" class="photo_img img" src="http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/s720x720/294180_282158615127486_100000000485141_1237614_268863325_n.jpg" /><span class="caption"></span></strong><br />
<br />
กรรมลิขิต<br />
<br />
<br />
ตอน เส้นทางเดิน 7<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
แสงอรุณยามเช้าทอประกายสีทองปลุกเร้าให้สรรพสิ่งรอบกายขยับตื่นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง กรุงเทพมหานครรวมไปถึงเขตรอบนอกในยามเช้าดูหนาแน่นไปด้วยรถที่เบียดเสียดแย่งกันทำความเร็วเพื่อให้ทันต่อภาระกิจหน้าที่การงานของแต่ละคน พ่อแม่บางคนต้องขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนในตอนเช้าก่อนที่จะเลยไปที่ทำงานของตัวเอง บ้างก็อาศัยแท็กซี่ รถเมล์หรือแม้แต่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง การแข่งขันในสังคมเมืองหลวงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้อยู่ในขั้นที่รุนแรง การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นก็แทบจะมีให้เห็นได้น้อยมาก ความเห็นแก่ตัวดูจะมีมากขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะนี้คือการเอาตัวรอดเพื่อให้ตัวเองได้ยืนอยู่บนสังคมยุคไอทีที่นับวันจะเดินหน้าไปไกลสุดกู่จนทำให้ละเลยและลืมนึกถึงด้านจริยธรรมสิ่งที่ดีงามไป สังคมทุกวันนี้เป็นสังคมที่น่าตกใจพอสมควร ความเจริญในด้านวัตถุเปลี่ยนไป ทำให้ความเจริญในด้านจิตใจของคนเราขยับเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งถือว่ามันเป็นสิ่งที่ควรหันมาตระหนักและให้ความสนใจกันมากขึ้นก็คงจะดี การเปรียบเทียบสังคมที่ดูจะแตกต่างกันอยู่บ้างนะครับ เมื่อหันกลับมามองดูแล้วผมในนามผู้เขียนต้องขอเลือกสังคมชนบทดีกว่าครับเพราะดูแล้วมันสามารถเข้าถึงความสงบสุขได้มากกว่ากันเป็นไหนๆ..<br />
<br />
<br />
<strong> </strong><strong>ค่านิยมสังคมเมือง</strong><br />
1. ชอบหรูหรา ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย<br />
2. นิยมสินค้า Brand name จากต่างประเทศ<br />
3. ยกย่องผู้มีอำนาจเงินทอง<br />
4. นิยมในเรื่องวัตถุ<br />
5. เห็นแก่ตัว มีการแข่งขันกันมาก<br />
6. เชื่อในเรื่องหลักการเหตุผล<br />
7. ชอบเสี่ยงโชค<br />
8. ร่วมงานหรือพิธีกรรมทางศาสนาน้อย<br />
9. ชีวิตอยู่กับเวลา แข่งขันกับเวลา<br />
10. ขาดความมีระเบียบวินัย<br />
11. ไม่ชอบเห็นใครเหนือกว่า เห็นแก่ตัว <br />
<br />
<strong> </strong><strong>ค่านิยมสังคมชนบท</strong><br />
1. ประหยัด อดออม เศรษฐกิจพอเพียง<br />
2. นิยมภูมิปัญญาไทย สิ้นค้าไทย<br />
3. ยกย่องคนดี ความมีน้ำใจ<br />
4. นิยมเรื่องคุณงามความดี มีจริยธรรม<br />
5. เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นแก่ส่วนรวม<br />
6. เชื่อโชคลาง ไสยศาสตร์<br />
7. ชอบเล่นการพนัน<br />
8. ชอบทำบุญ ร่วมพิธีกรรมทางศาสนามาก<br />
9. ชีวิตขึ้นอยู่กับธรรมชาติ อาศัยธรรมชาติ<br />
10. พึ่งพาอาศัยกันและกัน<br />
11. มีความสันโดษ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<strong><img alt="" class="photo_img img" src="http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/312502_282159031794111_100000000485141_1237615_31492074_n.jpg" /><span class="caption"></span></strong><br />
<br />
อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม..<br />
<br />
<br />
<br />
เกียรติศักดิ์นักเรียน โรงเรียนนายร้อยตำรวจนั้นยิ่งใหญ่<br />
เราเทอดเหนือดวงใจเรานี่ <br />
สู่เกียรติศักดิ์สมัครมาเพื่อรักษาหน้าที่ น้อมนำดวงจิตสถิตย์ความดี<br />
ความยุติธรรมเรามี เราพร้อมที่จะพลีชีวา <br />
<br />
เมื่อทรชนใจบาปหยาบช้ามาประจัญ<br />
ทุกคนจะสู้ไม่รู้ไหวหวั่น เพื่อสุขสันต์ประชา <br />
เราอุทิศชีวา เพื่อสถาพรชัย<br />
สิ้นชีพสูญไป ให้โลกเชิดชู <br />
<br />
พวกเราทุกคนมีจิตเป็นมิตรประชา<br />
ผองชนเป็นสุข เราทุกข์ไม่ว่า จะรักษาให้คงอยู่ <br />
เกียรติของเราเทียบเท่าชีวิต เราต้องคิด กอบกิจเชิดชู<br />
ทุกคราวเราจะสู้ เพื่อผองชน <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
เสียงเพลงเงียบลงพร้อมกับการแยกย้ายขบวนแถวที่มองดูด้วยสายตาแล้วยังเป็นภาพที่น่าชมยิ่ง ความเป็นระเบียบวินัยของกลุ่มนักเรียนนายร้อยตำรวจนั้นถูกปลูกฝังลงรากลึกด้วยครูผู้ฝึกที่มากด้วยประสบการณ์ ความรู้คู่คุณธรรมคือสิ่งสำคัญยิ่งที่จะสามารถเป็นผู้นำได้<br />
<br />
“ ขวัญชัย “ นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่2 เขาได้เลือกเส้นทางที่ตัวเองชอบและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ตลอดระยะเวลาของการก้าวย่างเข้ามาสัมผัสตรงจุดนี้เขาได้รับการฝึกสอนในหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง การทดสอบและเพิ่มทักษะความพร้อมในด้านร่างกายควบคู่ไปกับการอบรมในด้านสภาวะจิตใจเพื่อให้เป็นบุคคลที่มีประสิทธิภาพ ปีแรกของการก้าวเข้ามา ณ.โรงเรียนแห่งนี้ ขวัญชัยและกลุ่มเพื่อนๆต้องถูกฝึกให้รู้จักถึงความอดทนอดกลั้นและความวิริยะอุตสาหะเป็นพิเศษ เพื่อให้รู้จักการฟันฝ่าอุปสรรคให้ตลอดรอดฝั่ง แต่สำหรับในปีนี้สิ่งที่เขาและบรรดาเพื่อนๆร่วมชั้นเดียวกันต้องเรียนรู้นั่นก็คือการเรียนรู้ การวินิจฉัยพิจารณาสิ่งต่างๆ รู้จักการวางตนต่อผู้บังคับบังชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ขวัญชัยและบรรดาเพื่อนๆต่างก็น้อมนำพร้อมที่จะเรียนรู้ให้ถึงรากลึกแก่นแท้เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในชีวิตจริงและมันคงจะช่วยพัฒนาสังคมให้น่าอยู่เป็นยิ่งนัก<br />
<br />
การที่ต้องอยู่ห่างบ้านคือสิ่งที่เขาต้องสัมผัสมาโดยตลอด มีหลายๆครั้งที่เขาต้องนั่งอยู่เงียบเหงาโดยปล่อยความคิดให้ล่องลอย ภาพวิถีแห่งความเป็นอยู่ที่เขาสัมผัสมาตั้งแต่เด็กมันยังตราตรึงและสร้างความสุขให้ทุกครั้งเมื่อยามที่คิดถึงมัน การเข้าบรรพชาสามเณรทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆฝึกความแกร่งภายนอกแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนอยู่ภายใน มาวันนี้เขาสามารถที่จะเผชิญกับโลกภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิตรภาพและความจริงใจคือสิ่งที่เขาได้รับจากบรรดาผองเพื่อนและครูผู้ฝึกสอนและนี่คงเป็นเพราะความอ่อนน้อมถ่อมตนที่เขามีให้กับบรรดาเพื่อนๆก่อนนั่นเอง..<br />
<br />
“ ขวัญ..เข้าห้องเรียนได้แล้ว มัวนั่งคิดอะไรอยู่ว๊ะ..” พิทักษ์..เพื่อนร่วมชั้นร้องเตือนเมื่อมองเห็นว่าขวัญชัยกำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เสียงร้องเตือนมันทำให้ชายหนุ่มต้องเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับขยับกายลุกขึ้น สายตาจ้องมองเพื่อนรักต่างถิ่นพลางนึกขอบคุณกับความเอื้ออาทรที่เพื่อนคนนี้มีให้เขาโดยตลอด<br />
<br />
“ ไม่มีอะไรมากหรอกพิทักษ์แค่เรารู้สึกว่าคิดถึงบ้านนิดหน่อยเพื่อน ..ป๊ะ..ไปกันได้แล้วหว่ะ “ ตอบเพื่อนไปพร้อมกับเดินตามหลังเพื่อนรักขึ้นไปข้างบนในทันที<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<strong><img alt="" class="photo_img img" src="http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/307534_282159221794092_100000000485141_1237616_406854560_n.jpg" /><span class="caption"></span></strong><br />
<br />
บ่ายคล้อยในย่านรามคำแหงพลุกพล่านไปด้วยรถยนต์และผู้คนสัญจร ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าน้อยใหญ่ถูกสร้างเรียงรายอยู่ฟากสองฝั่งถนนเพื่อรองรับเม็ดเงินจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนในย่านนั้นหรือในย่านใกล้เคียง มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐเป็นมหาวิทยาลัย “ตลาดวิชา” ซึ่งรับบุคคลเข้าศึกษาโดยไม่ต้องสอบการคัดเลือกและไม่จำกัดจำนวน ทำการเรียนการสอนแบบตลาดวิชาคือ มีการเรียนการสอนในชั้นเรียนเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยปกติทั่วไปแต่ไม่ได้บังคับเข้าชั้นเรียน จึงทำให้เป็นที่นิยมของผู้คนทั่วไปไม่ว่าจะเป็นวัยที่อยู่ในช่วงการศึกษาจริงๆ รวมไปถึงวัยที่พร้อมทำงานแล้วก็ยังสามารถมาลงศึกษาต่อได้ ในย่านรามคำแหงนั้นนักศึกษาเกินครึ่งจะมาจากแดนสะตอปักษ์ใต้ จึงทำให้ร้านค้าและร้านอาหารของภาคใต้แถบนั้นดูจะมีมากเป็นพิเศษเพื่อรองรับกับบรรดานักศึกษาแดนสะตอได้เข้าถึงกลิ่นไอของความเป็นใต้บ้านเกิดของเขาได้มากยิ่งขึ้น<br />
<br />
<br />
<b> <span style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"> </span><span style="color: red; font-family: tahoma, arial, sans-serif;">ณ ร้านอาหารเสบียงเล</span><span style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"> </span></b><br />
<b><span class="b14" style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"><br /><br /><br /><span style="color: blue;">“ แหม..เจ้าป่าน..นกพึ่งจะรู้ว่ารสชาติอาหารจากใต้มันเป็นอย่างไรก็วันนี้แหล่ะ..เผ็ดเล่นเอานกหน้ามืดหูชาเลยนะเเก..อูยย..แสบร้อนไปหมดแล้วอ่ะ “ เสียงขวัญชนกสาวสวยจากเมืองหมอแคนเอ่ยกับสายป่านเพื่อนรัก หน้าตาของเธอเหยเกเล็กน้อยเมื่อโดนอานุภาพความเผ็ดร้อนจากอาหารที่ขึ้นชื่อของปักษ์ใต้ “ คั่วกลิ้งและน้ำพริกกุ้งเสียบ “ สองรายการนี้คงสร้างความตราตรึงให้เธอจดจำไปนานแสนนานทีเดียวเพราะนอกจากมันจะอร่อยแล้วยังมีความสามารถทำให้หูของเธออื้อชาได้อีกด้วย<br /><br /><br /><br />“ คริ..คริ.. แหมก็นกเป็นคนบอกเราเองไม่ใช่เหรอ อยากจะทานอะไรที่มันจัดจ้านหูตาจะได้สว่างเสียที..แล้วเป็นไงหล่ะทีนี้สว่างขึ้นบ้างยัง “ สายป่านพูดเย้าเพื่อนรักพร้อมกับอดขำท่าทางของขวัญชนกไม่ได้<br /><br /><br /><br />“ ก็นกพูดเปรียบเปรยเล่นเฉยๆไม่นึกว่าป่านจะสั่งเผ็ดแบบนี้มาให้..รู้งี้ไม่สั่งก็ดี “ เธอบอกแล้วยื่นมือไปยกแก้วน้ำขึ้นมากระดกลงคอเพื่อให้คลายความเผ็ดร้อนลงไปบ้าง<br /><br /><br /><br />“ ก็ไม่หรอกจ้านก สองเมนูนี้เขาจะเผ็ดอยู่แล้วไง แม่ค้าเขารู้ว่าป่านเป็นคนใต้ก็เลยจัดมาให้แบบสูตรใต้เป๊ะเลย วันนี้ป่านพานกมาชิมอาหารทางใต้แล้วนะ คราวหน้านกต้องพาป่านไปชิมอาหารอีสานบ้างหล่ะ “ รอยยิ้มอาบใบหน้าบวกคิ้วหนาตาโตจ้องมองเพื่อนรักต่างถิ่นด้วยความสงสาร</span><br /><br /><span style="color: black;">“ จ้า..เดี๋ยวนกจะพาไปกินลาบกะปอมก้อยไข่มดแดงแล้วก็คั่วแม่เป้งก็แล้วกัน คริ..คริ..” เสียงหัวเราะใสๆดังขึ้นมาบ้างหลังจากที่นั่งซี๊ด..ปากอยู่นาน คำพูดของเธอมันทำให้สาวจากเมืองตรังทำสีหน้าเอ๋อเล็กน้อย สมองกำลังนึกภาพตามอยู่ว่าเจ้าสามรายการที่ว่านี้มันมีหน้าตาแบบไหนกัน<br /><br /><br /><br />“ กลับกันเถอะป่าน บ่ายคล้อยแล้วเดี๋ยวต้องกลับไปทำรายงานอีก ช่วงนี้นกชอบจะปวดหัวบ่อยๆด้วยสิ สงสัยพักผ่อนไม่เพียงพอมั้ง “ ขวัญชนกเอ่ยชวนเพื่อนรักซึ่งทำให้สายป่านผุดลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปจ่ายค่าอาหารในมื้อนี้พร้อมกับเดินตามหลังเพื่อนออกมาจากร้านในทันควัน</span><br /><br /><span style="color: red;">“ ปุ๊ก..อุ๊บบ..โอ๊ยย..” </span>เสียงดังเกิดขึ้นห่างกันไม่ถึงเสี้ยววินาที มันเกิดจากการเดินชนประทะกันเข้าเต็มๆเนื่องจากการเร่งรีบไม่ทันได้ระวังทำให้ร่างของสายป่านต้องผงะหงายเสียหลักล้มเซแบบหมดท่า หนังสือในมือของเธอหล่นกระจาย แต่มือของชายหนุ่มผู้ถูกชนประสานเมื่อครู่ดูจะว่องไวน่าให้คะแนนความสามารถนักเชียว เมื่อเขาช้อนเอาร่างที่สวยสมส่วนไว้ได้ทันก่อนที่ตัวเธอจะสัมผัสลงกับพื้น และมันกลับสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มบนความไม่ระวังให้กับชายหนุ่มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อน้ำหนักตัวเธอดึงกระชากให้เขาล้มตามลงไปอยู่ที่พื้นด้วยในสภาพที่โดนโอบกอด ดีที่ว่าท่อนแขนอันแข็งแกร่งของเขากันศรีษะของเธอให้พ้นจากรัศมีของแรงกระแทกไว้ได้ทัน<br /><br /><br /><br />“ เอ่อ..ผมขอโทษครับคุณ..เป็นไงบ้างครับเจ็บมากไหม “ ไผ่ศธรเอ่ยตะกุกตะกักสีหน้าเจื่อนเล็กน้อย เขาใช้ท่อนแขนโอบพยุงเธอให้ลุกขึ้นนั่ง ซึ่งตอนนี้มีสายตาเกือบสิบคู่กำลังจ้องมองมารวมไปถึงสายตาของขวัญชนกเพื่อนรักที่กำลังมองดูแบบงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเพื่อนของเธอถึงลงไปนอนอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนนั้นได้<br /><br /><br /><br /><span style="color: #0099ff;">“ เอ่อ..ป่านไม่เป็นไรค่ะ..ขอบคุณค่ะ “ เสียงเธอกล่าวขอบคุณเขาแต่ภายในใจพาลนึกว่า ” คนบ้าอะไรก็ไม่รู้เดินไม่รู้จักมอง..แถมยังถือวิสาสะมากอดเฉยเลย ” เธอพยุงตัวลุกขึ้นยืนโดยที่ชายหนุ่มเป็นผู้เก็บหนังสือที่วางกระจัดกระจายยื่นส่งให้<br /><br /><br /><br />“ นี่ครับ..หนังสือของคุณ..ผมต้องขอโทษอีกครั้งที่เดินไม่ระวังเองเลยทำให้คุณต้องเจ็บตัวฟรี “ ไผ่ศธรกล่าวขอโทษเธออีกครั้งพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มอันสดใสถูกตอบสนองคืนมาเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เมื่อครู่นี้เธอคงจะไม่เจ็บมากมายนัก<br /><br /><br /><br />“ ไผ่..ไผ่ตินั่น..แม่นอีหลี..” เสียงร้องทักจากขวัญชนกพร้อมแสดงอาการดีใจเมื่อมองดูแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้คือเพื่อนที่เคยเรียนอยู่ในวัยเด็กด้วยกัน<br /><br /><br /><br />“ อ้าว..เพินนก..นึกว่าแม่นผู้ได๋.โอ๊ย..ดีใจแท้..นกมาเรียนอยู่นี่ติ “ ไผ่ศธรเป็นฝ่ายแปลกใจบ้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร เขาไม่ได้เจอกับเธอมานานมากทีเดียว จำได้ว่าเคยเจอเธอเมื่อครั้งล่าสุดเมื่อ6ปีที่แล้วซึ่งตอนนั้นเขายังบวชเป็นสามเณรอยู่<br /><br /><br /><br />“ จ้าไผ่..แม่นแล้ว..นกมาเรียนอยู่รามฯนี่หล่ะ พอดีว่าเอื้อยของนกเพินมาเฮ็ดงานอยู่บางกะปินกกะเลยมาพักอยู่นำเพิน ..ไผ่เด้..อยู่ไสหนิ..”<br /><br /><br /><br />“ ไผ่เฮ็ดงานอยู่แถวบางกะปิคือกัน..พอดีว่ามื้อนี้มาหาย่างเบิ่งของหน้ารามฯ ต้องถือว่าเป็นเรื่องดีคักที่ได้มาพ้อนก “ ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ<br /><br /><br /><br />“ จ้า..นกกะดีใจคือกัน ต่อไปกะสิได้พ้อกันเรื่อยๆอยู่เนาะ เอ้อ..นี่ป่าน..หมู่นกเอง “ ขวัญชนกชี้มือไปที่เพื่อนรักซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มต้องเผลอยิ้มขึ้นมา พลางนึกในใจว่าโลกกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาหรือเปล่าเมื่อสาวสวยที่เขาเดินชนเมื่อครู่นี้คือเพื่อนรักของขวัญชนกเพื่อนของเขาในวัยเด็ก<br /><br /><br /><br />“ ครับ..ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับคุณป่าน..” ชายหนุ่มทักทายพร้อมส่งประกายยิ้มให้กับเธอ..</span> </span><span style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"></span></b><div>
<span class="b14" style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif; font-size: 14px;"><br /></span></div>
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-26832612298883435382011-09-14T02:56:00.000-07:002011-09-14T02:57:44.796-07:00นิยาย กรรมลิขิต 18 <strong>กรรมลิขิต </strong><br />
<br />
<br />
ตอน เส้นทางเดิน 6<br />
<br />
<strong><img alt="" class="photo_img img" src="http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/s720x720/293175_275923602417654_100000000485141_1214363_2252415_n.jpg" /><span class="caption"></span></strong><br />
<br />
ความฝันและความหวัง คนเราทุกคนมักจะมีความฝันและความหวังควบคู่กันอยู่เสมอ การมีความฝันนั้นไม่ได้แปลว่าเราต้องอยู่ในโลกแห่งความฝันเสมอไป เราสามารถใช้ประโยชน์จากความฝันเพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง.. คนเราทุกคนต่างก็ต้องต่อสู้เพื่อการมีชีวิตรอดตามสัญชาตญาณ.ยกเว้นนอกเสียจากผู้ที่หมดสิ้นแล้วซึ่งความฝันและความหวัง.. ความสุขภายในที่บังเกิดขึ้นมาคือการที่เราได้พยายามทำเพื่อความฝัน เมื่อได้ทำแล้วก็เหมือนได้ทำเพื่อตนเองถึงแม้ว่าบางครั้งจะล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าแต่ก็มีความสุขที่ได้พยายามแล้ว ไม่มีอะไรเสียเปล่าถ้าได้ลงมือกระทำ ความสุขอยู่ที่ใจ ทำเท่าที่เราทำได้ ชีวิตคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้...<br />
ความเป็นจริงกับความฝันบางความฝัน ยังมีปัจจัยที่ห่างกันเยอะ ถึงแม้ปัจจัยในตัวของเราจะมีโอกาสเป็นไปได้สูง แต่ปัจจัยสิ่งแวดล้อมอาจจะไม่ส่งผลให้ความเป็นไปได้นั้นเกิดขึ้นมา สิ่งที่ต้องทบทวนอยู่รอบแล้วรอบเล่าคือ เมื่อเราต้องรับภาพจินตนาการแห่งความฝันนั้นออกมา การประเมิณค่าจากประสบการณ์ที่ด้อยกว่าอาจจะทำให้เราทำได้แค่ เกาะฝัน เป็นฝันที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นจินตนาการโดยที่มองไม่เห็นแสงสว่างเอาเสียเลย การที่ไม่มีฝันก็เหมือนชีวิตมันสิ้นหวัง แต่ฝันบางฝันก็เป็นได้แค่อยู่ในจินตนาการเพียงเท่านั้น..ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกความฝันให้เป็นไปในทิศทางไหน <br />
<br />
..เกมส์ชีวิต.. มิใช่เกมส์ชีวิตในสวน (เกมส์ที่กำลังนิยมในเฟคบุ๊ค) การเล่นเกมส์ทั่วไปต้องเดินตามแนวทางที่ระบบได้ถูกสร้างไว้ เกมส์ชีวิตในสวนก็เช่นกันต้องทำการเร่งปลูกพืชทำแต้มขยับเรเวลเพื่อไล่กวดตามหลังกลุ่มเพื่อนๆให้ทัน ดูเป็นการแข่งขันที่ดูเร้าใจน่าหวาดเสียวตื่นเต้นเล็กน้อยถึงปานกลาง เมื่อซื้ออะไรเข้ามาไม่ชอบใจก็จัดการโล๊ะทิ้งไปแบบไม่เสียดาย แล้วก็เริ่มสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และคงจะเดินหน้าทำแต้มไปเรื่อยๆจนกว่าจะสิ้นสุดที่ระบบได้ตั้งไว้ นี่คือเกมส์ชีวิตในสวนทั่วๆไป <br />
<br />
แต่เกมส์ชีวิตจริงมิได้เป็นเช่นนี้ ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ระบบการควบคุมจากสภาวะจิตของเราโดยตรง การก้าวไปข้างหน้าจึงต้องแตกต่างกับเกมส์ชีวิตในสวนอย่างสิ้นเชิง การที่จะไปวิ่งตามใครๆเช่นนั้นมันคงจะไม่เข้าทีนัก การเดินเกมส์ต้องเป็นไปด้วยความแน่วแน่และมั่นคง เพราะเมื่อใดที่เราเดินพลาดขึ้นมามันจะกระทบกับตัวเราเข้าเต็มๆ ทุกข์จริง สุขจริง มีร้องไห้จริง หัวเราะจริง เพราะมันคือเกมส์ชีวิตแห่งความเป็นจริง สุขทุกข์อยู่ที่ใจเป็นตัวกำหนด การเดินเกมส์ชีวิตที่ใช้สภาวะของจิตนำทางดูจะเป็นเรื่องที่ดีมากที่เดียว จิตที่สะอาดบวกด้วยความเชื่อมั่นที่จะก้าวเดินคือหลักประกันให้เราได้มีชัยไปเกินกว่าครึ่ง ความฝันและความหวัง ที่ตั้งไว้คงจะดูไม่ไกลสำหรับความเป็นจริงแน่นอน..{ เป็นกำลังใจให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคน..ให้ประสบผลสำเร็จกับความฝันและความหวังที่ตั้งไว้นะครับ... <br />
<br />
{จากใจ..รุทธิ์ อีเกียแดง} <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<strong><img alt="" class="photo_img img" src="http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/317370_275923872417627_100000000485141_1214366_7810394_n.jpg" /><span class="caption"></span></strong><br />
<br />
<br />
สายลมโชยพัดโบกกิ่งไม้ให้ไหวเอนไปตามแรง ก้อนเมฆที่ดูสีดำทะมึนจนน่ากลัวถูกสายลมพัดพาเข้ามาให้จับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน มองดูแล้วคล้ายกับว่าเป็นรูปภาพของเหล่าภูตปีศาจอสูรกายกำลังแยกเขี้ยวจ้องมองลงมายังเบื้องล่างแบบเขม็งเกลียวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อมนุษย์ผู้ที่ไม่สามารถละจากบ่วงพันธะให้หลุดพ้นได้ <br />
<br />
" ครืนน..ครืนนน…ฮึ่มม.. " เสียงร้องดังโหยหวนอยู่เป็นระยะๆเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างสำเหนียกถึงความเกรงกลัวตามพวกมัน..และเตรียมความพร้อมกับการรับสายน้ำตาหลากหลายล้านเม็ดของพวกมันที่กำลังจะกลั่นออกมา ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังสำนึกตัวถึงสิ่งที่พวกมันได้ก่อขึ้นมาโดยที่แก้ไขอะไรตอนนี้ไม่ได้เลย ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือคราบน้ำตาแห่งความเสียใจเพียงเท่านั้น ..ผงธุลีทรายเบื้องล่างถูกอำนาจของกระแสลมโอบอุ้มขึ้นจนฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ เสียงลมพัดกิ่งไม้ไหวเอนไปตามแรงจนเกิดเสียงดัง “ วิ๊ววว..วิ๊ววว..” เล่นเอากลุ่มคนที่อยู่เบื้องล่างต้องร้องตะโกนโหวกเหวกส่งสัญญาณรับมือในทันควัน <br />
<br />
วัวควายอยู่กลางทุ่งนาถูกไล่ต้อนเข้ายังหมู่บ้านก่อนเวลากำหนด คนแก่ที่อยู่ลานหน้าบ้านก็ใช้ไม้เท้ายันพื้นขยับตัวเข้าสู่ภายในบ้านซึ่งถือเป็นที่คุ้มภัยได้ดีที่สุด เสียงลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้อยู่เป็นจุดๆสลับกับเสียงร้องอันโหยหวนของเหล่าปีศาจที่อยู่ข้างบน ซึ่งอีกไม่นานนักเหล่าปีศาจพวกนี้คงสุดที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่และคงจะปล่อยลงสู่เบื้องล่างให้ผู้คนได้สัมผัสถึงกลิ่นไอที่มาพร้อมกับอุณหภูมิที่ดูจะแตกต่างก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง.. <br />
<br />
" แม่ว่าแล้ว..มันฮ้อนผิดสังเกตุมาสองมื้อแล้ว คิดอยู่ว่าจั่งได๋มันกะต้องตกมื้อนี้แท้ๆเลย " เสียงป้าไหมเอ่ยกับสายใยผู้เป็นลูกสาวขณะที่ตัวแกกำลังสาละวนเร่งกระจายใบหม่อนให้ทั่วกระด้งโดยที่มีตัวหนอนน้อยกำลังนอนรออาหารของมันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ <br />
<br />
" โอ้…ปีนี้ฟ้ามันคือห่าวแท้น้อ ลมกะแฮ๊งแฮงเว๊ย..ใยเอ๊ยใย..ออกไปฮับบักนันแนเด้อ..มันสั่งความมานำลุง " เสียงลุงจวนร้องตะโกนฝ่าสายลมที่พัดโหมกระหน่ำ ควาย3ตัวถูกแกไล่ต้อนอย่างเร่งรีบเพื่อให้ถึงบ้านก่อนที่ฝนจะเทลงมา <br />
<br />
“ จ้าลุงจวน เดี๋ยวใยสิออกไปเดี๋ยวนี้หล่ะจ้า… “ เธอตอบลุงจวนกลับไป <br />
<br />
“ แม่เบิ่งหลานนำแนเด้อ..ใยออกไปฮับอ้ายนันเพินจักคราวก่อน “ สายใยบอกแม่พร้อมกับวางงานที่ทำอยู่ก่อนจะรีบแจ้นออกไปยังทุ่งนาที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าใดนัก <br />
<br />
สายฝนกระหน่ำเทลงมาหลังจากที่นันและสายใยต้อนควายกลับเข้ามาถึงบ้านไม่ถึง10นาที เสียงเม็ดฝนห่าใหญ่ที่ปนมาพร้อมกับลูกเห็บกระทบเข้ากับสังกะสีหลังคาบ้านจนเกิดเสียงดังอึงมี่ เสียงเด็กน้อยร้องตะโกนแข่งกับเสียงลมและฝนแสดงอาการดีใจตื่นตากับก้อนน้ำแข็งใสๆขนาดเล็กที่ตกมาจากฟากฟ้าโดยที่ไม่นึกกลัวเอาเสียเลยจนผู้เป็นแม่ต้องออกมาดึงแขนให้กลับเข้าไปข้างในบ้าน “ ครืนนน..ครืนนน..ฮึ่มมม..” เสียงฟ้าร้องอยู่เป็นระยะพร้อมกับกระแสลมที่ยังคงโหมอยู่ไม่ขาดระยะ สายฝนกระหน่ำเทลงมาพราวพร่างจนทำให้มองไม่เห็นวิสัยทัศน์แม้จะอยู่ในระยะห่างไม่กี่เมตรก็ตามที ผืนดินแห่งความแห้งแล้งตอนนี้กำลังถูกอาบชะโลมด้วยคราบน้ำตาของกลุ่มเมฆาที่ชาวบ้านมองว่าเป็นน้ำทิพย์จากเบื้องบนประทานมาให้ อีกไม่นานเกินรอพวกเขาก็จะได้เริ่มวิถีทางอาชีพที่พวกเขาใช้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตมาตั้งแต่รุ่นอดีตกาลนานนม..รอยยิ้มแห่งความเปรมปรีย์เริ่มจะบังเกิดขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้มาเสียนานเลย… <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<strong><img alt="" class="photo_img img" src="http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/s720x720/302426_275924142417600_100000000485141_1214368_375902_n.jpg" /><span class="caption"></span></strong><br />
<br />
เสียงข่าวยามเช้าจากบ้านของกำนันชมยังทำหน้าที่เป็นข่าวสารให้แก่ลูกบ้านของแกด้วยดีตลอดมา ในระยะเวลาที่แกเข้ามารับตำแหน่งกำนันประจำตำบลหนองนางามที่ผ่านมานั้น ถือว่าแกทำหน้าที่เป็นผู้นำชุมชนในการพัฒนาหมู่บ้านได้ดีเยี่ยม โครงการหลากหลายโครงการเห็นเป็นรูปธรรมขึ้นมาด้วยฝีมือที่มุ่งมั่นและทุ่มเท ทำให้แกกลายเป็นที่รักของลูกบ้านไปโดยปริยาย และลูกบ้านทั้งหลายก็คงยินยอมพร้อมใจมอบความเชื่อมั่นให้แกเป็นผู้นำของหมู่บ้านต่อไปจนจะครบวาระแห่งการเกษียณอายุราชการของแกแน่นอน… <br />
<br />
แสงอาทิตย์ทอประกายสีทองผ่องอำไพ สาดส่องท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา น้ำฝนที่ตกมาเมื่อคืนทำให้ท้องทุ่งดูจะมีความชุ่มชื่นขึ้นมาในทันควันซึ่งดูจะแตกต่างก่อนหน้านี้มากมายนัก เสียงนกน้อยร้องขับขานกระโดดโลดเต้นจับกิ่งไม้เล่นกิ่งแล้วกิ่งเล่าอย่างอารมณ์ดี นกเอี้ยงสองตัวยืนคุยกันเล่นอยู่บนหลังเจ้าทุยอย่างออกรส โดยที่เจ้าทุยไม่นึกรำคาญเอาเสียเลย มันยังคงก้มหน้าเลาะเล็มหญ้าพร้อมกับสูดดมเอากลิ่นความหอมสดชื่นจากผืนดินที่ถูกอาบไปด้วยน้ำฝนก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง <br />
<br />
“ ใยเอ๊ย..บักไผ่มันติดต่อส่งข่าวมาแนบ่นางเอ๊ย..เห็นบักขวัญบอกว่าช่วงนี้มันบ่ค่อยได้ติดต่อกันปานได๋กะเลยบ่ค่อยฮู้ว่ามันอยู่กินจั่งได๋ “ เสียงของลุงจวนนั่นเองแกพึ่งกลับมาจากนำควายไปล่ามให้เลาะเล็มหญ้าอยู่ชายทุ่ง ร่างสูงผอมที่มีผ้าขาวม้าพาดที่บ่าด้านซ้ายอยู่ตลอดจนมองเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของแกไปเสียแล้ว มีบ่อยครั้งที่แกจะโดนสายใยแซวว่าแกคงจะอยากเหมือนนักร้องคนดัง ไมค์ ภิรมย์พร ที่มีอัลบั้มชุดผ้าขาวบนบ่าซ้ายจนดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองไทย ซึ่งทำให้ลุงจวนถึงกับต้องหัวเราะออกมาชอบใจ <br />
<br />
“ น้องมันกะติดต่อมาตลอดนั่นหล่ะลุง ยังส่งเงินกลับบ้านอยู่บ่ขาด เห็นว่าอีกบ่โดนกะสิไปสมัครเรียนรามฯนำหมู่เขาอยู่ว่าซั้น “ สายใยบอกยิ้มๆพลางนึกถึงใบหน้าของน้องชายอันเป็นที่รักของเธอ <br />
<br />
“ เอ้อ..ดีแล้วๆ จั่งได๋กะอย่าให้มันคือบักจักรเด้อ ..ลุงได้ยินอาวเลิศกับอาอ้อยจ่มอยู่ตลอดว่าลูกซายเลาบ่ได้ส่งเงินกลับมาบ้านเลย แถมข่าวคราวกะเงียบบ่ยอมติดต่อมาให้ฮู้ “ <br />
<br />
“ จ้าลุง ใยกะได้ยินอยู่ว่าบักจักรตอนนี้ติดหมู่คักหลาย บอกกะบ่ค่อยฟังปานได๋ว่าซั้นน้องมันว่า แนวหมู่เคยอยู่นำกันมาแต่น้อยเนาะกะเลยต้องบอกเตือนกันแต่บอกแล้วมันกะบ่ค่อยฟังกันกะจักสิว่าจั่งได๋ บ่คือบักขวัญน้อลุง อีกจักหน่อยกะสิได้เป็นเจ้าคนนายคนมีกระบี่ห้อยข้างติดดาวโก้เลย ลูกซายลุงจั่งแม่นเก่งคักเนาะ “ สายใยเอ่ยชื่นชมถึงขวัญชัยลูกชายสุดที่รักของลุงจวน ซึ่งทำให้แกต้องยืนภูมิใจกับความสามารถของลูกชาย <br />
<br />
“ เป็นวาสนาของมันหล่ะนางเอ๊ย “ ลุงจวนบอกสายใยพร้อมกับส่งประกายยิ้มออกมา <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<strong><img alt="" class="photo_img img" src="http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/307373_275924442417570_100000000485141_1214369_8138099_n.jpg" /><span class="caption"></span></strong><br />
<br />
<br />
แสงไฟภายในร้านอาหารอีสาน “ สกาวเดือน “ ตอนนี้ดูอึมครึมสลัวๆ นี่เป็นการสร้างบรรยากาศให้กับลูกค้าที่มานั่งลิ้มรสความแซบกับหลากหลายเมนูที่ขึ้นชื่อของทางอีสาน ความสว่างที่มากเกินไปบางครั้งก็อาจทำให้สิ่งรอบข้างดูจะไม่งามตานักทีเดียว เสียงเพลงดังอยู่เป็นระยะๆสลับเปลี่ยนหมุนเวียน นักร้องชาย-หญิงของทางร้านสกาวเดือนมีอยู่แค่ห้าคน เพลงลูกทุ่งดูจะเน้นมากเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของความเป็นอีสานซึ่งลูกค้าส่วนมากก็เป็นคนอีสาน หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับภาระกิจการงานในช่วงกลางวันแล้ว ก็แวะมาเติมแรงทางกายด้วยรสชาดอาหารที่อร่อยพร้อมกับเติมความสุขทางใจกับเสียงเพลงไปด้วย <br />
<br />
ค่ำคืนนี้ไผ่ศธรทำหน้าที่ของเขาด้วยความราบรื่นอีกครั้ง มีบ่อยครั้งที่เขาต้องเจอกับสภาวะทางอารมณ์ของลูกค้าหลากหลายคนแตกต่างกันไป ความเมาของลูกค้าดูจะเป็นอันดับต้นๆที่มักจะเกิดขึ้นกับเขาในด้านหน้าเวที ไม่เว้นแต่วริศราหรือเอิญ นักร้องสาวดาวเด่นประจำร้านที่มักจะโดนลูกค้าที่เมาควบคุมตัวเองไม่ได้ลวนลามอยู่ด้านหน้าเวทีเป็นประจำ แต่เขาและเธอต่างก็ต้องยอมรับแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้และเข้าใจดีว่านี้คืออาชีพที่พวกเขาเลือกเอง สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการยิ้มสู้และคอยให้กำลังซึ่งกันและกันหลังจากที่การแสดงของพวกเขาผ่านพ้นไปแล้วนั่นเอง.. <br />
<br />อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-47021788104429809382011-08-11T14:17:00.000-07:002014-06-28T21:18:05.470-07:00นิยาย กรรมลิขิต 17<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<b> {นิยายกรรมลิขิต}<br />
<br />
ตอน เส้นทางเดิน 6 <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
</b><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<b><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHaGi2qs7WVyhicbpKf6p-k6cwVGAFnVrCO3xGTwT-puOG4WHM0dp9mTgwzXQqwp4Mls-QHOyzwV3zImVxP8JWdFXiFcTXVU4MwBBa26rZWHdr8Jh4ACESVl8kCdQp1ISl9thxjVYvFcsp/s1600/1258051529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHaGi2qs7WVyhicbpKf6p-k6cwVGAFnVrCO3xGTwT-puOG4WHM0dp9mTgwzXQqwp4Mls-QHOyzwV3zImVxP8JWdFXiFcTXVU4MwBBa26rZWHdr8Jh4ACESVl8kCdQp1ISl9thxjVYvFcsp/s400/1258051529.jpg" height="263" width="400" /></a></b></div>
<b><br />
<br />
<br />
<br />
การเดินทางของชีวิต<br />
<br />
<br />
"เวลาไม่ใช่เงินฝากที่ใครๆจะสามารถถอนออกมาใช้ได้ตามอำเภอใจ" ท่านที่กำลังนั่งอ่านบทความอยู่ในตอนนี้มีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างเอ่ย...ถ้าเวลามันสามารถนำไปฝากไว้ได้เหมือนกับเงินทั่วๆไปก็คงจะดีเป็นแน่แท้เลยนะครับ เพราะเมื่อใดที่เราไม่อยากจะนำเวลาที่เรามีอยู่ไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย อยากหยุดพักไว้ เราก็สามารถนำเข้าไปฝากไว้ที่ธนาคาร โดยมีสาวสวยนั่งยิ้มแป้นรอรับอยู่หน้าเคาน์เตอร์ พร้อมกับมีสมุดบัญชีเล่มสวยให้ โดยพิมพ์เป็นตัวหนังสืออยู่ด้านหน้าว่า (สมุดฝากเวลาของชีวิต..ประเภทออมชีวิต.) สิ้นปีมามีดอกเบี้ยของเวลาให้เรานำไปใช้ต่อได้และดอกเบี้ยเหล่านี้มันคงจะสามารถยืดชีวิตของการเดินทางของเราให้ยาวออกไปได้อีกเยอะเลย คิดภาพตามแล้วมันคงจะมีอะไรให้ทำมากมายขึ้นเยอะแยะเลยนะครับ คิดอยากพักตอนไหนก็พักได้เพราะเวลาของเรามันยังมีเหลือเฟือ <br />
<br />
บางท่านอาจจะมีแย้งมาว่า..ยืดออกไปทำไม..เบื่อแล้ว..อยู่นานก็ทุกข์นาน ก็ใช่ครับแต่ก็ต้องมองโลกในแง่ดีสิเอ้อ..ฮ่าๆ ..{คิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วน้อ} ..เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้นี่เองผมถึงต้องเก็บมาคิดอยู่บ้าง ชีวิตของคนเราเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีความจีรังยั่งยืน จึงทำให้นึกว่าเราควรจะใช้เวลาของเราให้ให้คุ้มค่าและควรใช้ชีวิตแห่งการเดินทางด้วยความไม่ประมาทจะดีกว่า " การเดินทางของชีวิต " อาจช่วยให้เราพบเจอสิ่งต่างๆในชีวิตมากมายขึ้น แม้ว่าบางครั้งต้องสัมผัสกับเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทั้งสุขและทุกข์หลากหลายอารมณ์ต่างกัน ตัวผมเองให้มุมมองกับสิ่งเหล่านี้ว่า " สีสันของชีวิต " คือเจอหลากหลายสี ทั้งสีขาว{ด้านดี}ทั้งสีดำ{ด้านมืด}และอีกมากมายหลากหลายสี ต้องก้าวฟันฝ่าสัน{สันเขา}หรือสันอะไรก็แล้วแต่ ล้มลุกคลุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดการเดินทางของชีวิตอยู่เนืองๆ การเดินทางนั้นต้องฝ่ามรสุมของชีวิตลูกแล้วลูกเล่ามันช่างเป็นประสบการณ์อันหวานหอมและหวานอมขมกลืนในบางครั้งใช่หรือเปล่าครับ แต่สิ่งเหล่านี้มันทำให้เกิดความแกร่งขึ้นมากมาย จงเก็บร้อยเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตเป็นความทรงจำน้อมนำสิ่งที่ดีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในช่วงชีวิตของการเดินทางที่เหลืออยู่เสียดีกว่าเนาะ ผมเชื่อว่าชีวิตของคนเราส่วนมากคงมีความฝันเหมือนกันทุกๆคน ถ้าใครไม่มีความฝันก็คงแปลกน่าดู {หรือเปล่า}<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3-b7efNKy95JJflY8LEAc7hZGKXF2oiCJYwfko-GNK57eahc2Fvq5WtwwYvBPYtPgaYppIInyE8qauk1_7_CVVAMgSnt6pjnP-oqjaPBt6yQcEbhvkCNd6MxjZ7XDTCgEaqQF4RKg6vh4/s1600/kapook_dookdik_10657_89136.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3-b7efNKy95JJflY8LEAc7hZGKXF2oiCJYwfko-GNK57eahc2Fvq5WtwwYvBPYtPgaYppIInyE8qauk1_7_CVVAMgSnt6pjnP-oqjaPBt6yQcEbhvkCNd6MxjZ7XDTCgEaqQF4RKg6vh4/s400/kapook_dookdik_10657_89136.jpg" height="300" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
" ความฝันและจุดหมายปลายทาง " คือจุดยืนที่ตัวผมเองก็ชอบตั้งไว้เช่นกันครับ แต่การฝันและจุดหมายปลายทางนั้นอย่าได้ไปตั้งไว้แบบยิ่งใหญ่หรือไกลเกินกำลังที่เราจะเดินไปถึงได้ แค่ฝันเล็กๆมันก็สร้างความสุขให้เกิดขึ้นมาในจิตของเราได้เช่นกันนะผมว่า ขอให้มีความฝันเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเองชีวิตก็มีสีสันขึ้นแล้ว เต็มที่กับฝันของเราดีกว่านะครับ เดินไปตามฝันบนเส้นทางของจุดหมายที่เราตั้งไว้ด้วยความมุ่งมั่น ดีกว่าปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรมเพราะมันจะทำให้จิตใจของเราหดหู่อยู่ตลอด ท้อแท้อยู่เรื่อยๆจนเกิดความเคยชินจนฝังรากลึก มาสร้างสีสันให้กับชีวิตกันดีกว่าไหมเอ่ย ชีวิตจะได้กระชุ่มกระชวยขึ้น ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มเสียแต่ตอนนี้เลยดีกว่าครับ ไปพร้อมๆกันเล๊ย..<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfM9Z5xKqU-SSeOyI4Qa1Ma5kmv5kWCM8E0u0yeAJU17vxrh6uLniclPR0zg5yH-MEzBVuFzBGJ9Yi0gGPBnvMB2AgIF5UP35TQWzUy415EACyZTTFBEc0FYyFQYpHst8yu-nzRZdIWPiA/s1600/kaopoo.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfM9Z5xKqU-SSeOyI4Qa1Ma5kmv5kWCM8E0u0yeAJU17vxrh6uLniclPR0zg5yH-MEzBVuFzBGJ9Yi0gGPBnvMB2AgIF5UP35TQWzUy415EACyZTTFBEc0FYyFQYpHst8yu-nzRZdIWPiA/s400/kaopoo.jpg" height="258" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
….สองปีต่อมา….<br />
<br />
แสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันเปล่งประกายเจิดจ้าแผ่รังสีความเร่าร้อนให้กับสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องล่างกระทบกับผืนป่าใหญ่ที่สำคัญของทางฝั่งภาคใต้ของประเทศไทย “ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด “ ผืนป่าใหญ่ที่มีเนื้อที่เกือบแปดแสนไร่มีพื้นครอบคลุม4จังหวัดของภาคใต้คือ พัทลุง ตรัง สตูล และสงขลา ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องด้วยเป็นแนวเขาที่มีความสลับซับซ้อนบวกกับผืนป่าที่หนาแน่นเลยทำให้มีสัตว์ป่าและนกนาๆชนิดเข้ามาอาศัยในผืนป่าแห่งนี้อยู่เป็นจำนวนมาก และสิ่งเหล่านี้มันก็คือวัฐจักรที่สร้างความสมดุลให้กับผืนป่า ทำให้เพิ่มเสน่ห์แห่งความตราตึงเพิ่มมนต์ขลังดึงดูดให้ผู้คนที่ห่างไกลจากธรรมชาติต้องลุ่มหลง เฝ้าฝันที่จะได้มาเยี่ยมชมสัมผัสกับกลิ่นไอของความร่มรื่นที่ธรรมชาติเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมา และเมื่อได้มาสัมผัสแล้วก็ทำให้ต้องมนต์เสน่ห์จากธรรมชาติของผืนป่าแห่งนี้จนต้องแวะเวียนกลับมาสำผัสอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEipbB2vDqf9YJA5Wx4PJpPEX0ovsOWbsJRItocY_-uYXiKdzwi2N8r_3Bb0PQzOFk1Hq-oMk1A18avI1jjNy8TOwPNRjoKT4SIKIuRUP8ByPge0pr_vke2qSL1SWZWxUVnV0gS2BrmVGwm-/s1600/mt360.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEipbB2vDqf9YJA5Wx4PJpPEX0ovsOWbsJRItocY_-uYXiKdzwi2N8r_3Bb0PQzOFk1Hq-oMk1A18avI1jjNy8TOwPNRjoKT4SIKIuRUP8ByPge0pr_vke2qSL1SWZWxUVnV0gS2BrmVGwm-/s400/mt360.jpg" height="266" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
</b><b style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"><span class="b14"><span style="color: black;"> เสียงสายน้ำไหลเซ็นกระเซาะเข้ากระทบกับกลุ่มหินน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาอยู่เป็นจุดๆจนทำให้เกิดเป็นคลื่นเกลียวเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา-วกวนไปมา เมื่อไหลผ่านจนสุดแนวหินแล้วก็ไหลตกลงไปกระทบกับแอ่งเบื้องล่างเสียงดังสนั่นก้องไปทั่วผืนป่า ละอองแห่งความชื่นฉ่ำถูกสาดกระทบจนเกิดเป็นฟองคลื่น เมื่อต้องสำผัสกับแสงทองที่สาดส่องลงมาทำให้เกิดประกายแห่งสายรุ้งงาม เป็นสิ่งที่น่ายลน่าพิสมัยดึงดูดสายตาเหล่านักท่องเที่ยวที่เข้าไปดื่มด่ำความเย็นชุ่มฉ่ำของ “น้ำตกสายรุ้ง” อยู่ตลอด น้ำตกสายรุ้งเป็นน้ำตกที่สวยงามและขึ้นชื่อของจังหวัดตรัง ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อำเภอย่านตาขาว แม้ชื่อเสียงของน้ำตกสายรุ้งจะไม่โด่งดังเท่าน้ำตกอื่นๆ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัดเหมือนเช่น น้ำตกโตนเต๊ะและน้ำตกโตนตก แต่ความสวยงามในช่วงสายรุ้งพาดผ่านตัวน้ำตกและบรรยากาศเย็นสบายเงียบสงบไม่แพ้กันนั้น ล้วนเป็นเสน่ห์ที่มากพอจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง เทือกเขาบรรทัด มียอดเขาหลักเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด และยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่ไหลมารวมกันสู่ทะเลสาบสงขลาหล่อเลี้ยงประชากรในพื้นที่ 4 จังหวัด น้ำตกสายรุ้ง มีทั้งหมด 4 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกัน แต่จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือ ยามบ่ายหากอากาศดี ละอองน้ำจากน้ำตกทำมุมกับแสงแดดปรากฏเป็นประกายรุ้งงดงามจึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกสายรุ้งนั่นเอง </span></span></b><b><br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLofpWKo4zr3EqL4AuyAAw843oN8549TFDNyoUFnDW7_wlNGCRgtQt0B0vEYnjUwZj9306bIFnuyFXaRBCxbcwlsL8B35IDYWHGi32X66wlUEG8GLjHR82bAbuQDKcQydVmEU2CNI2RReS/s1600/1261996548.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><br /></a></div>
</b><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgohilVLD6gkRoITA7SXA9yrJSj913nihQEmHL3zUVelprv0-dvKyKSKs6qlxDYEoopYB2SWb2zHK6qk3pSTyt0H93rQ63hhFmwC9a_ZGB1oEyPxs-a9jgJK6xvTemKrpYymwniB1Uk4Fq0/s1600/Film+%25289%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgohilVLD6gkRoITA7SXA9yrJSj913nihQEmHL3zUVelprv0-dvKyKSKs6qlxDYEoopYB2SWb2zHK6qk3pSTyt0H93rQ63hhFmwC9a_ZGB1oEyPxs-a9jgJK6xvTemKrpYymwniB1Uk4Fq0/s1600/Film+%25289%2529.jpg" height="640" width="464" /></a><b><br />
<br />
<br /> </b><div>
<span style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"><span class="b14"><b> <span style="color: blue;">ก้อนหินน้อยใหญ่ผุดแซมต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ยืนต้นเป็นแถวยาวขนานไปกับสายน้ำตก ซึ่งมันก็ให้ร่มเงากับบรรดานักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติได้ดีนัก นักท่องเที่ยวส่วนมากจะนิยมออกมาเที่ยวน้ำตกช่วงสายๆพร้อมกับนำสำภาระ อาหารการกินมาทำกินกันอยู่ริมสายน้ำตกเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ป้าอรที่กำลังขะมักเขม้นจัดเตรียมอาหารอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ เพื่อรองรับกับสมาชิกในครอบครัวและกลุ่มญาติๆที่ตอนนี้กำลังเล่นน้ำตกกันอยู่อย่างสนุกสนาน</span><br /><br /> “ ป่าน..เจ้าป่านเอ๊ย..พากันขึ้นมากินข้าวได้แล้วมั้ง จวนจะบ่ายโมงแล้ว ไม่ใช่เล่นกันจนตัวเขียวแล้วเหรอ “ เสียงป้าอรร้องเรียกลูกสาวคนสวยให้ขึ้นมาจากน้ำหลังจากที่เธอลงไปนั่งแช่ ดำผุด ดำว่าย เล่นอยู่เป็นเวลานานกับบรรดาน้องสาวและญาติๆของเธอ เสียงคุยกันอย่างออกรสตามมาด้วยเสียงหัวเราะอยู่เป็นระยะจากกลุ่มของเธอทำให้ป้าอรถึงกลับต้องแอบยิ้มอยู่ลึกๆพร้อมกับนึกภูมิใจกับความสวย ฉลาดเก่งของลูกสาวคนนี้และแกก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าต่อไปในวันข้างหน้าจะได้เห็นเธอประสบความสำเร็จในถนนสายชีวิต</b> </span></span></div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b><br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU1vdgIeIoNAstAFr4h6I7Eoo6jlHKmVWtPyJIpS_5I8YfiRrfcODDz07Yo4erIyOFZ8Zlp7qjVAiz39UN85cJFxyJexk-7BA262KUbYHLaZ1ZlJcvGBM7-BCKDAK6qiSQ_x0f8g05hxTX/s1600/1261996984.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU1vdgIeIoNAstAFr4h6I7Eoo6jlHKmVWtPyJIpS_5I8YfiRrfcODDz07Yo4erIyOFZ8Zlp7qjVAiz39UN85cJFxyJexk-7BA262KUbYHLaZ1ZlJcvGBM7-BCKDAK6qiSQ_x0f8g05hxTX/s400/1261996984.jpg" height="300" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
</b><b style="background-color: white; color: #000066; font-family: tahoma, arial, sans-serif;"><span class="b14"><span style="color: green;">“ จ้าแม่ เดี๋ยวป่านจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ “ เสียงใสของเธอร้องตะโกนตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอิ่มเต็มใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว เธอหันไปเอ่ยชวนกลุ่มเพื่อนและน้าๆของเธอให้ขึ้นจากน้ำ เมื่อมองขึ้นไปเห็นผู้เป็นแม่กวักมือเรียกซ้ำอีกที ใบหน้าและรูปร่างที่สวยอยู่แล้วเมื่อมาอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดมันดูจะเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเธอมากขึ้นอีก สังเกตุได้ว่าบรรดาชายหนุ่มหรือสาวๆในจุดนั้นต้องแอบมองมายังกลุ่มของเธออยู่ตลอด</span> <br /><br /> <span style="color: black;">ความสวยและความมั่นใจคือจุดเด่นที่เธอมีอยู่เต็มเปี่ยม ป่านหรือสายป่านเป็นสาวใต้จากอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ว่าที่บัณทิตคณะศึกษาศาสตร์จากรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง {กรุงเทพมหานคร} สาวสวยผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนภายใน จิตใจเอื้ออารีและเป็นคนที่จริงใจดีเยี่ยมกับเพื่อนๆ</span><br /><br /> “ คริ คริ “ เสียงหัวเราะเบาๆจากเธอดังขึ้นหลังจากเดินลุยน้ำผ่านหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเล่นน้ำอยู่ เพราะชายหนุ่มคนนั้นเผลอมองตามเธอเล่นเอาสาวเจ้าที่นั่งอยู่ข้างๆกดเล็บเข้าไปที่ต้นแขนจนชายหนุ่มต้องร้องออกมา<br /><br /> “ โห..แม่น่าหรอยจัง “ เสียงใสๆออกสำเนียงทองแดงเล็กน้อยดังขึ้นเมื่อเธอมองเห็นสิ่งที่ผู้เป็นแม่เตรียมไว้รอ<br /><br /> <span style="color: black;">“ ปลาทูทอดก็มี หมูทอดก็มี ไก่ย่างก็มี น้ำพริกก็มี แถมมีข้าวเหนียวเตรียมไว้ให้พร้อมเลยนิ “ เสียงใสยังพูดไม่หยุดทำให้ป้าอรต้องยิ้มพร้อมกับใช้มือลูบหัวเธอเล่นด้วยความรักและเอ็นดู อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างรอยยิ้มให้กับเธอนั่นก็คือส้มตำ ที่ผู้เป็นแม่ยกอุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องปรุงทุกอย่างมาบรรเลงอยู่ตรงนี้เลย เป็นเวลานานพอสมควรที่เธอไม่ได้ลิ้มลองรสชาติฝีมือของผู้เป็นแม่ หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยปิดเทอมจึงเป็นโอกาสเหมาะเจาะได้กลับลงมาเยี่ยมบ้าน ความรักความห่วงหาเอื้ออาทรสิ่งดีๆที่ทุกๆคนเคยมีให้กับเธอนั้นก็ยังมีให้เธอได้สัมผัสได้เช่นเดิมและก็ไม่เคยลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด สายป่านพยายามเก็บเกี่ยวสิ่งที่เธอขาดหายไปให้กลับเข้ามาในความรู้สึกให้ได้มากที่สุด เพื่อนำสิ่งเหล่านี้เติมเต็มเติมแรงฝันในยามที่เธอเกิดอาการท้อแท้ อ่อนล้า ความรักความห่วงใยเอื้ออาทรและกำลังใจจากผู้ที่อยู่ข้างหลังคือสิ่งที่สำคัญเพราะเมื่อใดที่เธอเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมา..เธอสามารถมีแรงสู้ต่อและผ่านมันไปได้ทุกทีเมื่อนึกถึงภาพของบุคคลอันเป็นที่รักเหล่านี้..</span></span></b><b>
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiwYtqG22Ac7jx48VY-lmTV2fz3IFoZCBd6Cb2xJw0ymIOMusQ6vqnG56pNVxQETQaH-YNoeOttU-wCreQSgK9r6b6CBKXMn5bvmMnkJVO2oGcxfYirZ5FV5gsToYGFyhk2XRcolGsTmSL4/s1600/284557_258022264207788_100000000485141_1145117_7222429_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiwYtqG22Ac7jx48VY-lmTV2fz3IFoZCBd6Cb2xJw0ymIOMusQ6vqnG56pNVxQETQaH-YNoeOttU-wCreQSgK9r6b6CBKXMn5bvmMnkJVO2oGcxfYirZ5FV5gsToYGFyhk2XRcolGsTmSL4/s400/284557_258022264207788_100000000485141_1145117_7222429_n.jpg" height="268" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
แสงตะวันยามบ่ายคล้อยสาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มต้องขยับร่างลุกขึ้นเพื่อให้พ้นจากไอของความร้อน แสงสว่างที่เจิดจ้าทำให้ชายหนุ่มถึงต้องปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพื่อให้สายตาได้ปรับตัวให้เข้าที่กับแสง อาการง่วงนอนนั้นดูเหมือนว่าจะยังคงมีอยู่ สังเกตุได้จากที่เขานั่งตัวโอนเอนไปมา แล้วก็ล้มแผละลงกลับไปนอนอีกครั้ง..ไม่นานนักก็ผุดลุกขึ้นกลับมานั่ง แม้ว่าเปลือกตาเขาจะยังปิดอยู่แต่ในสมองของเขาตอนนี้กำลังก่อเกิดเป็นมโนภาพเมื่อครั้นตอนที่เป็นสามเณร มันเหมือนกับหนังม้วนเดิมๆที่กำลังฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียแต่ว่าต่างวาระและต่างสถานที่เท่านั้น <br />
<br />
ไผ่ศธรค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพยุงตัวให้ลุกขึ้นจากเสื่อผืนเล็กๆ ..ใช่แล้ว.. นี่คือจุดที่เขาใช้ซุกหัวนอน ห้องเช่าสี่เหลี่ยมเล็กๆที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอยู่ไม่กี่อย่างมันคงจะดูไม่เข้าทีนักในสายตาคนระดับชั้นกลางๆทั่วไป แต่ในความรู้สึกของเขามันยังคอยย้ำเตือนให้อดทนสู้อยู่เสมอ ถึงแม้ว่ามันจะไม่สุข อิ่มเอิบเหมือนที่บ้านนักก็ตามแต่ อย่างน้อยการอดทนของเขาคนเดียวมันก็ทำให้หลายๆชีวิตอิ่มเต็มมากขึ้นและเขายังมีรายได้จากส่วนนี้ไปขยับวุฒิบัตรด้านการศึกษาได้ด้วย ไผ่ศธรลงสมัครเรียนเทียบเท่าในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ทก) ที่เปิดการเรียนการสอนเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้วด้วย เขาใช้ระยะเวลาเรียนไม่นานนักเพราะเขาใช้วุฒิการศึกษาด้านที่ผ่านมาเมื่อครั้งเป็นสามเณรมาเทียบโอนเพิ่มหน่วยกิต จึงทำให้ย่นระยะเวลาลงได้มากโข <br />
<br />
การเลือกเส้นทางเดินของไผ่ศธรมันไม่ได้สวยงามไปอย่างที่ฝันเท่าใดนัก เขาต้องอดตาหลับขับตานอนแทบทุกคืน ต้องทำหน้าที่ภายในร้านแทบทุกอย่างตั้งแต่หน้าที่เสริฟรวมไปถึงการขึ้นจับไมค์ร้องเพลงบนเวที ถึงแม้ว่าบางคืนมันแสนจะเหนื่อยล้าเต็มทีแต่ก็สร้างรอยยิ้มให้เขาได้ในบางหนกับผลตอบแทน ทิปพิเศษจากการร้องเพลงด้านหน้าเวทีทำให้รายได้ของเขาเพิ่มขึ้นมาบ้าง เส้นทางเดินของเขานั้นมันช่างแตกต่างกับขวัญชัยมากมายเหลือเกิน ขวัญชัยเพื่อนรักอีกคนดูเหมือนว่ากำลังแห่งผลบุญและวาสนากำลังหนุนส่งในทุกๆด้าน หลังจากลาสิกขาบทเมื่อปลายปีเขาก็ได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ไผ่ศธรแอบยิ้มกับความก้าวหน้าของเพื่อนคนนี้อยู่ลึกๆ คำว่าเพื่อนยังติดตราตรึงอยู่ในใจเสมอ ในเมื่อเพื่อนไปได้ดีเขาก็ต้องยินดีด้วยเป็นธรรมดา <br />
<br />
“ เฮ้อ..“ ไผ่ศธรต้องลอบถอนหายใจออกมาเมื่อคิดถึงเพื่อนรักอีกคน วีรจักรเส้นทางเดินของเขานั้นดูจะย่ำแย่กว่าเขาด้วยซ้ำ งานโรงงานเล็กๆมันไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่เขาดีขึ้นมากมายเท่าใดนัก แต่มันกลับย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อวีรจักรทำตัวเองให้ตกต่ำลงไปยิ่งกว่าเดิม การคบเพื่อนคือสิ่งสำคัญอันดับแรกในมงคล38ประการ การใช้ชีวิตที่ผิดคบเพื่อนที่ไม่ดีทำให้เขาต้องเจอปัญหาอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าไผ่ศธรจะกล่าวเตือนเพื่อนรักด้วยความห่วงใยและหวังดีแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าอกุศลกรรมในอดีตชาติกำลังขับเคลื่อนให้เขาเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งวิบาก ที่กำลังนับวันจะก่อตัวขึ้นเพื่อนำตัวเขาไปสู่ยังอบายภูมิต่อไป…..<br />
</b></div>
อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-88350353577929504932011-08-01T03:30:00.000-07:002011-08-01T03:30:13.984-07:00นิยาย กรรมลิขิต 16<b><br />
<br />
..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา.. <br />
<br />
<br />
{กรรมลิขิต}<br />
<br />
{ตอนเส้นทางเดิน4}<br />
<br />
{ขอบพระคุณไปยังเจ้าของรูปภาพด้วยนะครับ}<br />
<br />
<br />
ชีวิตของการเดินทาง คือบทเรียนของการทดสอบที่ช่วยวัดเกณฑ์ประเมิณผลทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับเราได้อย่างดีเยี่ยมว่า เรานั้นจะสามารถก้าวย่างฟันฝ่าอุปสรรคสิ่งที่รุมเร้าถาโถมเข้ามาได้ดีแค่ไหนกัน การเดินทางของชีวิตบางครั้งเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แสนเปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เงียบเหงาและเดียวดาย นี่คือบททดสอบของจิตใจอีกขั้นหนึ่งที่เราต้องเผชิญอยู่เนืองๆ { แม้แต่คนเขียนเอง ที่ถูกสิ่งเหล่านี้เข้ามาสัมผัสกลืนกินความรู้สึกอยู่บ่อยครั้ง }<br />
<br />
เส้นทางการเดินทางที่บางครั้งเราไม่อาจจะสามารถมองเห็นไปยังข้างหน้าได้ จะด้วยวิสัยทัศน์อะไรก็ตามแต่ สายหมอก แสงแดดไอร้อนที่แผดเผา พายุ คลื่นลม ฝน รัตติกาลอันมืดมิด สิ่งเหล่านี้คืออุปสรรคที่ขวางกั้นชีวิตของการเดินทางทั้งนั้น แต่พึงสำนึกได้ว่า " อุปสรรคเป็นอุปกรณ์หลอมคนให้เก่งขึ้น ปัญหาคือเครื่องมือสร้างคนให้สมบูรณ์แบบ " ดังมีคำกล่าวไว้ว่า {..ทะเลยังมีคลื่น..ชีวิตจะราบรื่นต้องมีอุปสรรคให้ฝ่าฟัน..} <br />
<br />
หากทะเลที่ราบเรียบไร้ซึ่งคลื่นลมและมรสุม ไฉนเลยจะมีนักเดินเรือที่ช่ำชองได้ เปรียบดังเช่นชีวิตคนเราถ้าสามารถทนรับกับคลื่นลมมรสุมของชีวิตและฟันฝ่าไปได้ มันจะทำให้ชีวิตเรามีคุณค่าและสมภาคภูมิเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าตามองยังไม่เห็นฝั่งขาหยั่งไม่ถึงพื้น ก็จงฟันฝ่าว่ายไปด้วยเรี่ยวแรงที่พึงมี " ถึงแม้จะต้องตาย " ก็ตายด้วยความภาคภูมิโดยที่ไม่มีใครครหานินทาหรือติเตียนได้ เพราะเราได้ทำเต็มที่กับชีวิตของเราแล้วผลลัพธ์ออกมาแบบไหนจบลงตรงไหนก็คงไม่สำคัญ อย่างน้อยเราก็ได้เต็มที่กับมันแล้ว { แม้กระทั่งกับความรัก } เอ๊ะ!!...ยังไงเนี่ยะ..^_^.. ถึงอย่างไรก็ตามในนามคนเขียนบทนิยายกรรมลิขิต ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยความตั้งมั่นและเต็มที่กับชีวิตในทุกๆช่วง จงก้าวย่างไปพร้อมๆกับคนเขียนกันดีกว่าครับ ..^_^..<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgyJdqq9lexbNUqqqRLDqN6GKotnx-gghi0QmdYg3aH-8xMbn4jHwSOcEEjh2OPQ4eRud7qPX5WawNWPUC6cS42e2vvpvfBoYwLmfFI0L2hROfWjhPfXzPdnwOYnRUgErzSX5xZFfCUiG04/s1600/pai07.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="273" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgyJdqq9lexbNUqqqRLDqN6GKotnx-gghi0QmdYg3aH-8xMbn4jHwSOcEEjh2OPQ4eRud7qPX5WawNWPUC6cS42e2vvpvfBoYwLmfFI0L2hROfWjhPfXzPdnwOYnRUgErzSX5xZFfCUiG04/s400/pai07.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สายฝนโปรยปรายตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้ายังความชุ่มชื้นให้กับสรรพสิ่งรอบข้าง ต้นไม้ใบหญ้าหรือแม้กระทั่ง ท้องทุ่งนาข้าวถูกอาบชะโลมไปด้วยน้ำทิพย์แห่งสรวงสวรรค์ ที่ประทานลงมาด้วยจิตอันเป็นประดิพัทธ์แฝงด้วยความเมตตากรุณาปราณีให้กับผืนดินที่อยู่เบื้องล่าง ยังความอิ่มเอมเกษมเปรมปรีบังเกิดรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับเหล่าฝูงปลากบเขียดที่อยู่ในท้องทุ่ง หรือกระทั่งชาวนาผู้ที่เฝ้ารอความหวังกับผลผลิตบนผืนนาและมันคงจะทำให้พวกเขาได้มีความหวังมากขึ้นและก็เฝ้ารอเวลาได้เก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แสงอาทิตย์ยามเช้าเปล่งประกายสีทองอาบโลมเลียสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องล่างหรือแม้แต่ต้นข้าวเขียวที่ยืนต้นทรงตัวตรงโบกใบพริ้วไหวออกท่าทางแบบจินตลีลาอยู่บนผืนนาอันใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วคล้ายดั่งสาวงามผู้มีศิริโฉมเลอเลิศได้รับน้ำทิพย์ชะโลมลูบหัวใจบวกด้วยรสรักแห่งความสิเน่หาที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างเปี่ยมล้น จนต้องแสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทางเพราะยากที่จะควบคุมอาการแห่งความปีติยินดีเอาไว้ได้ <br />
<br />
เม็ดน้ำใสๆจับตัวเป็นก้อนกลมเล็กๆเกาะติดอยู่ตามใบข้าวเรียว บ้างก็หยดลงกระทบผืนน้ำเบื้องล่างจนเกิดเป็นคลื่นวงเล็กๆ บ้างก็วิ่งกลับกลอกกลิ้งไปกลิ้งมาในยามที่ใบข้าวเกิดอาการไหวติงเมื่อถูกสายลมอันแผ่วเบาโชยพัดผ่านกระทบอยู่เป็นระยะๆ ช่างเป็นภาพสวยงามที่ธรรมชาติเสกสรรปั้นแต่งมาให้ชมโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าเดินทางไปสัมผัสในที่แดนไกล เพราะสิ่งที่สวยงามมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือเก็บเกี่ยวภาพเหล่านี้เข้ามาสู่ห้วงแห่งมโนภาพได้มากน้อยเพียงไรกัน..<br />
<br />
สายตาที่เศร้าสร้อยและดูจะเหม่อลอยในบางครั้ง ถูกทอดมองผ่านไปยังผืนนาข้าวที่เขียวขจี ความคิดถูกปลดปล่อยให้ล่องลอยจนเกิดเป็นมโนภาพขึ้นมาในสมอง ป่านนี้ลูกชายสุดที่รักจะต้องอยู่อย่างไรมิอาจที่จะรู้ได้ ไผ่ศธรเดินทางเข้าไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นเวลาอาทิตย์กว่าๆแล้ว แม้จะรู้ดีว่าลูกชายตอนนี้ได้ทำงานอะไรแต่ความรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี เป็นครั้งแรกกับการเดินทางไกลของเขาโดยมีความมุ่งมั่นเป็นตัวเบิกทางให้สู่ความฝันของตัวเอง<br />
<br />
“ เฮ้อ “ เสียงทอดถอนลมหายใจออกมาแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนลึกภายในก็ยังคงแอบหวังว่าลูกชายจะผ่านงานที่ทำอยู่ตอนนี้ไปด้วยความราบรื่น และเจ้านายเพื่อนร่วมงานคงจะรักและเอ็นดูเขาเหมือนอย่างที่แกมีให้กับลูกชายของแก “ ป้าไหมนึกปลอบใจตัวเอง “ <br />
มือที่ดูเหมือนว่าผ่านการตรากตรำลุยงานหนักมานักต่อนักกำเคียวมั่น แกนั่งย่อตัวลงบนคันนาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าอันเขียวขจีอยู่สองฟากฝั่ง สายฝนเมื่อคืนช่วยอาบไล้ต้นหญ้าจนเปียกชุ่มเมื่อยื่นมือเข้าไปสัมผัสก็ทำให้มือเปียกชุ่มตามไปด้วยเลยทีเดียว มือซ้ายถูกหน่วงน้าวต้นหญ้าเข้ามารวมกันเป็นกระจุกพร้อมกับใช้มือขวาตวัดเคียวลงบนโคนต้นหญ้าดัง “ ฉับ ฉับ “ อย่างผู้ชำนาญการ มันเป็นภาพที่หาดูได้ไม่ยากนักตามท้องทุ่งนาทั่วไปในช่วงนี้ ฤดูที่ต้นข้าวกำลังยืนต้นวัวควายจะถูกผูกล่ามไว้อยู่ในคอกเป็นส่วนมาก สิ่งเดียวที่เจ้าของพึงจะทำได้ก็คือการเก็บเกี่ยวอาหารพวกนี้ส่งป้อนให้ถึงที่กันเลยทีเดียว เพราะถึงอย่างไรบรรดาวัวควายเหล่านี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อมนุษย์เรามากมายแล้วนับประสาอะไรที่เราจะตอบแทนเค๊าคืนในระยะไม่กี่เดือนจะทำไม่ได้เลยเชียวหรือ….<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBIjqsIaWIeIzbZ90gG_JFnaPO9sdLmz87dtV9C0XJfoCPA0XRmkH_TeeoeR6esLRj-QIjAZ5HHm3VhX5IHCRg1WdOrMxscTQOtAiQcBLUkSZt2axxEqgqwRHpbUKnP1axLpFskELlKEJA/s1600/1_displaywer.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="268" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBIjqsIaWIeIzbZ90gG_JFnaPO9sdLmz87dtV9C0XJfoCPA0XRmkH_TeeoeR6esLRj-QIjAZ5HHm3VhX5IHCRg1WdOrMxscTQOtAiQcBLUkSZt2axxEqgqwRHpbUKnP1axLpFskELlKEJA/s400/1_displaywer.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
<br />
สภาพปัญหาการจราจรดูจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปตามลำดับ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากมีรถยนต์ไว้ในครอบครอง เนื่องจากสถานะการเงินและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนี่เอง เพราะเมื่อประชาชนทั่วไปมีรายได้ดีจึงนิยมใช้รถยนต์กันมาก ปัญหาการจราจรคือสาเหตุสำคัญที่ได้บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต มลพิษจากท่อไอเสียส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและยังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นความสูญเปล่าทางด้านเชื้อเพลิงและการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ความแออัดคับคั่งจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้า { ต้องคอยพกยาหม่องติดตัวอยู่เป็นประจำมั้งเนี่ยะ } ฉะนั้นแล้วปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครจึงถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ว่าใครเข้ามามีหน้าที่ควบคุม กำกับดูแล ต่างก็กุมขมับไปตามๆกันสิเอ๊า..<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyG381U-M1SxCsMmf0gCM16bUfYG0cZdjh-4TFZH32Q9l1yra3smlyuE8D4u2o8GT8-XWJiw1UnCS_yDjlCfN3TmBklPvDHIoKU36F_ZJ18JPFPt2k1re5mpVvNtR4_dIJ86lfU5uTM4aM/s1600/11_1231738510_jpg_504.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="268" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyG381U-M1SxCsMmf0gCM16bUfYG0cZdjh-4TFZH32Q9l1yra3smlyuE8D4u2o8GT8-XWJiw1UnCS_yDjlCfN3TmBklPvDHIoKU36F_ZJ18JPFPt2k1re5mpVvNtR4_dIJ86lfU5uTM4aM/s400/11_1231738510_jpg_504.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
วัดสระเกศ <br />
สองสหายเพื่อนรักก้มลงกราบลาสามเณรหนุ่มผู้มีใบหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตาธรรม รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากสามเณรหนุ่มเล็กน้อย ความปีติยินดียังมีอยู่ลึกๆภายใน เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาทั้งสามไม่ได้เจอกัน ภาพแห่งความหลังที่ผ่านมาเกือบห้าปียังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของพวกเขาได้ดี มิตรภาพ ความรัก ความห่วงหาเอื้ออาทรยังมีให้กันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะต่างสถานะกันแล้วก็ตาม คำว่าเพื่อนมันยังมีให้กันอยู่เสมอ เส้นทางของชีวิตแม้ว่าจะเป็นไปคนละจุดมุ่งหมายและไม่รู้ว่าปลายทางของชีวิตจะจบลงอย่างไร คงต้องอยู่ที่การเลือกตัดสินใจโดยมีหรหมลิขิตหรือกรรมลิขิตเป็นสิ่งคอยเสริมหรือคอยฉุดไม่อาจทราบได้ แต่พวกเขาก็สัญญาว่าจะยังคงไว้ซึ่งมิตรภาพอันเหนียวแน่นให้คงอยู่ตลอดไปตราบสิ้นลมหายใจ <br />
<br />
<br />
“ ผมสองคนลาเด้อครับ พอดีตอนแลงนี่เพินไผ่ยังเฮ็ดงานอยู่ พึ่งสิเข้างานใหม่เลยหยุดบ่ทันได้ครับ “ วีรจักรบอกลาสามเณรขวัญชัยเพื่อนรัก พร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น<br />
<br />
“ ได้ๆ..มื้อได๋หยุดงานกะเข้ามาเหล่นนำเรื่อยๆแนเด้อ ยังคิดฮอดคิดเถิงหมู่คือเก่า ดีใจหลายที่อยู่บ่ไกลกันแล้ว พอสิไปมาหาสู่กันได้ตลอดแนเนาะเพิน “ สามเณรหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ ความนิ่งและอ่อนโยนภายในดูจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เส้นทางของชีวิตเขาจะก้าวเดินมาได้ไกลกว่าเพื่อน และสิ่งหนึ่งที่สามเณรหนุ่มดูจะมีมากกว่าเพื่อนรักทั้งสองคนนั่นก็คือ “ วาสนา “ ที่เกิดจากผลบุญกุศลที่ทำมาตั้งแต่ในครั้งอดีตกาล <br />
<br />
“ ครับ..พวกผมลาหล่ะครับ “ สองสหายพนมมือไหว้ก่อนที่จะเดินออกมาจากกุฏิคณะ5 ซึ่งเป็นสถานที่สามเณรขวัญชัยได้พำนักอยู่ รอยยิ้มและภาพเมื่อครู่นี้ยังตราตรึงสร้างความอิ่มเอิบอยู่ลึกๆภายในใจของพวกเขาทั้งสองคน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzjlp0XkEl2FhDICL2qmD8901VlILpAwKUceWPzBV00mHSHYQT-Hhz5C6XcNg28SqUb4iBAxVLMm8MmQGSlBJYL8Cg-xugciEtPQ7oWSvi5ezjV8M2IwiSG_e4p3KbtTYQ8e-Q8ed1QPcK/s1600/1_displayasd.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="330" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzjlp0XkEl2FhDICL2qmD8901VlILpAwKUceWPzBV00mHSHYQT-Hhz5C6XcNg28SqUb4iBAxVLMm8MmQGSlBJYL8Cg-xugciEtPQ7oWSvi5ezjV8M2IwiSG_e4p3KbtTYQ8e-Q8ed1QPcK/s400/1_displayasd.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ร้านอาหารอีสาน สกาวเดือน เขตบางกะปิ {เวลา 20.25น.}<br />
<br />
<br />
<br />
"ช่วยเดินผ่านใกล้ ทักทายสักคำนำพา เทคแคร์อ้ายด้วยหางตา <br />
แค่วันละหน่อยได้ไหม ส่งยิ้มมาบ้าง คงไม่เปลืองเวลาเกินไป พอได้ตั๋วหัวใจ มีแฮงฮึดลุยสร้างฝัน <br />
บ่ฮักบ่ว่าเจ้าดอกคำแพง เว้านำพออ้ายมีแฮงเดินแข่งปัญหารายวัน <br />
บ่หวังได้ครองขอแค่มองให้มีใจมั่น ขอยืมหน้ามาเข้าฝันแค่นั้นก็เป็นบุญใจ" <br />
<br />
<br />
เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือตามมา ไผ่ศธรเด็กหนุ่มจากเมืองหมอแคนก้มโค้งคำนับขอบคุณกับแขกภายในร้าน รอยยิ้มแห่งความปีติผุดวาบขึ้นมาเล็กน้อย แขกภายในร้านดูจะชื่นชมกับน้ำเสียงของเขาที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ดึงดูดสะกดให้ผู้ฟังต้องหยุดนิ่งเมื่อยามเขาขับกล่อมบรรเลง ถึงแม้เขาจะพึ่งเข้ามาทำหน้าที่อยู่จุดนี้ได้ไม่นานแต่มันก็สามารถทำให้ลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารอีสานของร้านสกาวเดือนรู้จักเขาในนาม ไผ่2 ได้ดีทีเดียว ไผ่ศธรมีน้ำเสียงคล้ายคลึงนิดๆกับนักร้องชื่อดังที่เป็นที่ชื่นชอบของคนฟังเพลงลูกทุ่งอยู่ในขณะนี้.. <br />
<br />
เด็กหนุ่มได้รับโอกาสอันดีจากวิศรุจชายหนุ่มจอมอหังการจากเมืองพนมรุ้ง เป็นผู้เอ่ยฝากกับทางเสี่ยณรงค์ฤทธิ์ {และนี่ก็คือสถานที่ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเสี่ยหนุ่มอีกที่นึงนอกจากไนต์คลับในย่านคลองตัน} และไม่ใช่ปัญหาเมื่อเสี่ยหนุ่มตกลงรับคำแล้วก็ให้ดุ่ย แดนผาขาว เข้ามาจัดการเคลียร์กับทีมงานผู้ดูแลควบคุม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้กับวีรจักรเพื่อนรัก ที่เป็นผู้ประเดิมเปิดทางตีสนิทกับวิศรุจจนนำมาสู่เส้นทางแห่งการเริ่มก้าวเดินตรงจุดนี้ และต้องคอยลุ้นว่าทางเดินของเขาจะเป็นไปในรูปแบบใดรวมถึงเพื่อนรักของเขาทั้งสองด้วย … <br />
<br />
<br />
{ โปรดติดตามตอนต่อไป }<br />
<br />
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติตาม<br />
<br />
ด้วยจิตคารวะ<br />
<br />
{ รุทธิ์ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล }<br />
<br />
<br />
<br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-55968356898271827422011-07-23T05:10:00.000-07:002013-04-17T18:19:20.132-07:00นิยาย กรรมลิขิต 15<b> <a href="http://www.isan.clubs.chula.ac.th/para_norkhai/?transaction=post_view.php&cat_main=2&id_main=363&star=0">http://www.isan.clubs.chula.ac.th/para_norkhai/?transaction=post_view.php&cat_main=2&id_main=363&star=0</a></b><br />
<b><br /></b>
<b>{ลิ้งค์..สายใยไหม..สายใยผ้า..สายใยแห่งวิถี..วิถีอีสานกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม..งานด้านหัตถกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานครับ}<br />
<br />
..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา.. <br />
<br />
<br />
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ตอน เส้นทางเดิน 3<br />
<br />
<br />
<br />
</b><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<b><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg5gNxV1GMGJCzHZMqTr5v5SQpd2FIzzVwEmKbxEF1Q-AsMMgqnyHFbM5ZgHgTbR40yvGSnAIyc_iA6cd8MpcK1Sqam3_88luELY0mTmMnzffyuVtiX-fs0bR2rRx3-RT5hc2YgY-tNASdv/s1600/247331_229047680438580_100000000485141_1038060_393983_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="274" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg5gNxV1GMGJCzHZMqTr5v5SQpd2FIzzVwEmKbxEF1Q-AsMMgqnyHFbM5ZgHgTbR40yvGSnAIyc_iA6cd8MpcK1Sqam3_88luELY0mTmMnzffyuVtiX-fs0bR2rRx3-RT5hc2YgY-tNASdv/s400/247331_229047680438580_100000000485141_1038060_393983_n.jpg" width="400" /></a></b></div>
<b><br />
<br />
<br />
<br />
"บุคคลใดคิดว่าตนกำลังทำความดี แต่จิตเร่าร้อน หาความสงบไม่ได้ พึงเข้าใจเสียให้ถูกต้องว่า ตนมิได้กำลังทำความดี อาจเพียงกำลังคิดแข่งดี ความแข่งดีมีหลายระดับ ถ้าคิดแข่งดีกับผู้ระดับไม่แตกต่างจากตนมากนัก ความเร่าร้อนนั้นก็ไม่มากมาย ไม่ผลักดันให้พูดให้ทำรุนแรงเลวร้ายมากมาย แต่ถ้าคิดแข่งดีกับผู้มีระดับแตกต่างจากตนมากเพียงไร ความเร่าร้อนก็จะรุน...แรงมากเพียงนั้น ผลัดดันให้พูดชั่วทำชั่ว วางแผนชั่ว เพื่อให้ตนดำเนินไปสู่ความสำเร็จ<br />
<br />
การเพิ่มพูนความดีให้มากทวี เป็นความสุขเยือกเย็นสว่างไสวในจิต แต่การแข่งดี ยิ่งวันยิ่งทวีความเร่าร้อนมืดมิด เป็นอุปกิเลสที่จะปิดกั้นความประภัสสรแห่งจิต (ผุดผ่อง ผ่องใส บริสุทธิ์) <br />
<br />
( บทความดีๆของพระอาจารย์สุโข กตปุญโญ )<br />
<br />
<br />
<br />
“ ตร. สน.หัวหมากเปิดแถลงข่าวหลังจากที่โชว์ศักยภาพรวบขบวนการขนยาบ้า 4หมื่นเม็ดกลางกรุงได้เป็นผลสำเร็จ จากที่ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวมาโดยตลอด..” <br />
<br />
ข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ชื่อดังของเช้าวันใหม่มันได้สร้างใบหน้าแห่งความวิตกกังวลให้กับณรงค์ฤทธิ์เสี่ยหนุ่มเจ้าของไนท์คลับชื่อดังย่านคลองตันเป็นอย่างมาก เขาโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ..สายตามองดูภาพที่อยู่หน้าหนังสือพิมพ์แบบไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก <br />
<br />
“ เฮ้อ..มันไปเฮ็ดอีท่าได๋ว๊ะ..ให่เขานำกลิ่นจนพ้อ..โง่หลายเนาะมึง “ เสี่ยหนุ่มสบถออกมา ( คาดเดาได้ว่าคนที่ถูกรวบตัวพร้อมของกลางนี้คงจะเป็นเครือข่ายที่รับของจากเสี่ยหนุ่มเป็นแน่ ) งานนี้เสี่ยหนุ่มคงต้องสั่งการต่อสายตรงแบบด่วนจี๋เข้าหาลูกล้อผู้ที่ยอมสยบต่ออำนาจของเงินตราจัดการเช็คบิลตัดตอนก่อนที่ผู้ต้องหาจะซัดทอดโยงใยมาถึงตัวเอง หรือไม่อย่างนั้นคงต้องได้ใช้วิศรุจหนุ่มจอมอหังการจากแดนพนมรุ้งเข้าเป็นตัวประสานอีกครั้งนึง แต่งานนี้ดูจะไม่ง่ายเลย เพราะเป้าหมายอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหนเสี่ยหนุ่มก็เลือกที่จะทำเพื่อปัดตัวเองให้พ้นจากวิบากที่กำลังจะเผชิญอยู่ในขณะนี้…<br />
<br />
<br />
/////////////////////////////////////////////////////////////////////<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjteRp-R-XrqSDRHjG8M1zVynCs-v_AJGG62c2nAuasIKI6wWV2puyElWjKIhm7rLAQbhf9N_-bLOh1XFRQAFGfsEG3YzjaKOo5na6XKsnNGTptMa5t7omE5Dkdu8o_qNodzNJ9Uu9gQ01o/s1600/IMG-0328-Resize.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjteRp-R-XrqSDRHjG8M1zVynCs-v_AJGG62c2nAuasIKI6wWV2puyElWjKIhm7rLAQbhf9N_-bLOh1XFRQAFGfsEG3YzjaKOo5na6XKsnNGTptMa5t7omE5Dkdu8o_qNodzNJ9Uu9gQ01o/s400/IMG-0328-Resize.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สายลมอันสงบเงียบพัดโชยผ่านท้องทุ่งนาอันใหญ่กว้าง มองเห็นใบข้าวเขียวที่กำลังยืนต้นไหวเอนไปตามแรงมองดูแล้วช่างเหมือนกับบรรดาสาวสวยทั้งหลายกำลังร่ายรำโยกยายส่ายตัวพริ้วไหวไปตามจังหวะเสียงเพลงทำนองลาติน เสียงเจ้าปลาช่อนตัวใหญ่สะบัดหางอันแข็งแกร่งกระทบผืนน้ำอยู่กลางทุ่งนา เพื่อส่งร่างของมันให้พุ่งขึ้นสู่เหนือผิวน้ำเพื่องับเจ้าเขียดจะนาหนุ่มตัวนึงที่กำลังนั่งร้องเพลง " เป็นเพื่อนไม่ได้หัวใจอยากเป็นแฟน " จีบเขียดจะนาสาวน้อยที่อยู่กอข้าวถัดกันไปแบบสบายอารมณ์โดยที่ไม่รู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง ส่งผลให้ผืนน้ำบริเวณนั้นเกิดการกระเพื่อมเป็นวงกว้างจนเจ้าปูนาขาเกตัวใหญ่ที่กำลังใช้ก้ามอันทรงพลังหนีบกอข้าวเล่นอยู่ไม่ไกลรับรู้ถึงแรงสั่นไหวได้ ต้องหยุดกิจกรรมอันไม่สมควรที่ทำอยู่ในขณะนี้ไปโดยปริยาย และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องรีรอให้ทางการประกาศเตือนออกมา พร้อมกับถอยร่นแทรกตัวเข้าในกอข้าวเป็นที่กำบังหลบภัยให้ตัวของมันในเร็วพลัน...<br />
<br />
วิถีชีวิตของคนอีสานเป็นตำนานสืบสานต่อมาตั้งแต่รุ่นบรรพชน ความเชื่อที่ถูกฝังแน่นจนซึมซับเข้าไปอยู่ในสายเลือด ขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนน่าภาคภูมิใจ ความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศจนก่อเกิดเป็นตำนานที่ใครหลายๆคนต้องขนานนามให้ว่า " สายเลือดนักสู้แห่งที่ราบสูง " <br />
<br />
ท้องทุ่งนาข้าวที่เขียวขจีมองสุดลูกหูลูกตายาวไปถึงภูเม็ง ภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านขวางกั้นแบ่งเขตแดนระหว่างจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดชัยภูมิ ดูแล้วช่างเป็นภาพที่ดูงามตา นี่คือธรรมชาติที่มีมนต์เสน่ห์ในตัวโดยมิได้เพิ่มเสริมเติมแต่งแต่อย่างใดแต่ก็สามารถสร้างรอยยิ้ม และยังความอิ่มเอมจิตอยู่ภายในลึกๆเมื่อได้มายืนสัมผัสกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ณ ตอนนี้ สยามประเทศคืออู่ข้าวอู่น้ำที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างอิจฉา เนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยและมีพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์กว้างใหญ่ไพศาล อาชีพเกษตรกรรมจึงเป็นอาชีพหลักในการดำเนินชีวิตและช่วยหล่อเลี้ยงประชากรภายในประเทศ ดังมีคำกล่าวว่า สยามประเทศคือแผ่นดินขวานทองที่บริบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารในน้ำก็มีปลาในนาก็มีข้าว “ เป็นคำกล่าวอ้างที่ดูจะเป็นจริงทีเดียว “<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAMP3VAxoYIIzIgmDCoCXGSrWyZelRY9SX9zzExevTtOATuPmX57H9cm2ryS-FALVrqGVV-ZRvkCRZ6I4HqsGZUn96ex_2r0ipzQkT0GHWOP0mB82MlbpJIJip_htK-mGPhmvSFngLRc0s/s1600/20100909082048.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAMP3VAxoYIIzIgmDCoCXGSrWyZelRY9SX9zzExevTtOATuPmX57H9cm2ryS-FALVrqGVV-ZRvkCRZ6I4HqsGZUn96ex_2r0ipzQkT0GHWOP0mB82MlbpJIJip_htK-mGPhmvSFngLRc0s/s400/20100909082048.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
สายลมหอบพัดพาอากาศอันเย็นสดชื่นเข้าปะทะกับใบหน้าคมได้รูปของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาต้องลุกขึ้นยืนสูดรับเอาความเย็นบริสุทธิ์ที่ธรรมชาติเสกสรรจรรโลงแต่งแต้มเข้าเสียเต็มปอด ร่มเงาจากต้นหว้าขนาดใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมพื้นที่กว้างพอประมาณช่างเป็นเกราะกำบังแสงแดดได้อย่างดีเยี่ยม จนบางครั้งทำให้เด็กหนุ่มต้องเผลออ้าปากหาวหวอดอยู่เป็นระยะ..เด็กหนุ่มกลับลงนั่งยังจุดเดิมอีกครั้ง สายตาเพ่งดูกับวัตถุสีขาวขนาดเล็กๆที่ลอยอยู่เหนือน้ำพร้อมกับคอยลุ้นอยู่อย่างใจจดใจจ่อว่าวัตถุสิขาวนี้จะขยับเมื่อใด และแล้วมันก็สร้างรอยยิ้มให้กับเขาเมื่อเจ้าวัตถุนั้นโดนกระตุกดึงให้จมลงข้างล่างแล้วก็กลับขึ้นมาลอยอยู่เหนือผิวน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อดูแล้วเห็นว่าการดึงในลักษณะนี้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างล่างคงจะไม่สามารถหลุดรอดจากการเกี่ยวติดของเบ็ดไปได้แน่แท้ เขาจึงยกไม้ลำปอขนาดยาวที่ถูกวางไว้แนบบนคันนาขึ้นมา “ ใช่แล้วมันคือไม้คันเบ็ดของเขานั่นเอง “ <br />
<br />
ไผ่ศธรเลือกใช้ไม้ลำปอของแม่มาใช้ทำคันเบ็ด เนื่องจากว่าหาง่ายไม่ต้องเดินไปหาตัดกิ่งไผ่ให้ยุ่งยากแค่เดินไปที่ข้างเล้าก็มีให้เลือกเยอะแยะ เด็กหนุ่มยกสายเบ็ดขึ้นพร้อมกับมีปลาหมอตัวขนาดเขื่องติดขึ้นมาด้วย การนั่งตกเบ็ดตามทุ่งนาข้าวเป็นภาพที่หาดูได้ไม่ยากนักมีให้เห็นอยู่เป็นจุดๆ ไผ่ศธรเลือกทำเลที่ถือว่าเข้าทีนัก ต้นหว้าใหญ่ช่วยแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาความเย็นได้มากโข อากาศร้อนๆฝูงปลามักจะเข้ามาอาศัยหลบพักพิงสัมผัสความร่มรื่น จึงเป็นจุดที่เหมาะและลงตัวที่สุดสำหรับความคิดของเด็กหนุ่ม <br />
<br />
“ ได้จั่งซี้อีกจั๊กสามโตกะคือสิพอแล้วหล่ะ..โตใหญ่เป็นต๊ะปิ้งแซบคัก “ <br />
<br />
เด็กหนุ่มนึกในใจขณะที่ปลดเจ้าปลาหมอชะตาขาดให้หลุดจากการเกี่ยวติดของตะขอเบ็ด หลังจากปลดเป็นที่เรียบร้อยแล้วปลาหมอตัวเขื่องก็ถูกนำไปใส่ไว้ในข้องใบเล็กที่ถูกวางแช่น้ำไว้ซึ่งตอนนี้มีปลาหมออยู่ข้างในเกือบ20ตัวแล้ว ไผ่ศธรเดินกลับมายังจุดเดิมอีกครั้ง เด็กหนุ่มใช้มือปั้นเหยื่อที่อยู่ในถ้วยให้เป็นก้อนกลมๆขนาดไม่ใหญ่นัก เขาใช้หัวแม่มือดันเบ็ดให้เข้าไปฝังตัวในก้อนกลมๆพร้อมกับเหวี่ยงลงไปในจุดที่ว่างระหว่างกอข้าวแล้วก็นั่งรอลุ้นอย่างใจเย็น เหยื่อที่เด็กหนุ่มใช้ก็คือ “ มดแดงที่มีไข่เล็กๆปนติดมาด้วย หรือที่ภาษาอีสานเรียกว่า ..ไข่ผาก.. และการที่จะทำให้การปั้นหล่อจับตัวกันไม่เปื่อยยุ่ยหลังจากที่โดนน้ำนั่นก็คือ ..ยางของต้นไทร.. และดูจะเหมือนว่าปลาจะชอบลิ้มลองดีนักเชียว สังเกตุได้ว่าเด็กหนุ่มใช้เวลาไม่นานเท่าไรนักเขาก็ได้ยกสายเบ็ดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า..เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับยืนยิ้มไม่หุบกับผลงานของตัวเอง…<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUatDsi8o1t6wyqYzX3PckUgY5b9_mVWMLr75epWPTIt3yzFj9XSndM2eR-ws2thT_VZormg4GpPV5BOe5d0P_euJRTNxLWtBCJGa2fuuEjWFfXbDol6DWI5tiIL4gIDU0cEWzaBhHDFkp/s1600/182998_186394134730015_100000782902751_379628_4723672_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="235" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUatDsi8o1t6wyqYzX3PckUgY5b9_mVWMLr75epWPTIt3yzFj9XSndM2eR-ws2thT_VZormg4GpPV5BOe5d0P_euJRTNxLWtBCJGa2fuuEjWFfXbDol6DWI5tiIL4gIDU0cEWzaBhHDFkp/s400/182998_186394134730015_100000782902751_379628_4723672_n.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
" บ่ฮักบ่ว่าเจ้าดอกคำแพง เว้านำพออ้ายมีแฮง เดินแข่งปัญหารายวัน <br />
บ่หวังได้ครอง ขอแค่มองให้มีใจมั่น ขอยืมหน้ามาเข้าฝัน แค่นั้นก็เป็นบุญใจ "<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
เสียงเพลงดังแว่วมาจากวิทยุเครื่องโปรดของสายใยที่ตั้งอยู่ข้างๆกี่หน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เธอกำลังขะมักเขม้นใช้มือจับกระสวยให้พุ่งลอดผ่านเส้นใยของไหมที่ถูกย้อมสีสันเรียงรายขึงเป็นแนวอยู่นับพันเส้น เท้าของเธอดูจะทำหน้าที่ปฏิสัมพันธ์กับมือได้อย่างยอดเยี่ยม เท้าทำหน้าที่วางน้ำหนักลงบนไม้ที่ถูกวางคู่ขนานอยู่เบื้องล่างเพื่อใช้สำหรับเปิดช่องให้สลับกันดูจะลงตัวกับมือที่กำลังสาละวนอยู่ด้านบน เสียงเธอคลอเพลงไปตามนักร้องชื่อดังในวิทยุแบบสบายอารมณ์ สายลมที่พัดเข้ามาแผ่วเบาทำให้เพิ่มความสุนทรีย์แห่งความรู้สึกได้ดีเยี่ยม ทำให้งานของเธอตอนนี้ดูจะลงตัวได้ดีทีเดียว ผ้าซิ่นไหมลายงามถูกแสงแดงส่องลอดผ่านเข้ามากระทบในบางจุดมองดูแล้วช่างแวววาวงามตาเหลือเกิน ผลงานฝีมือของป้าไหมและสายใยเคยถูกส่งเข้าประกวดในงานวิถีอีสานอยู่หลายๆครั้งและก็มักจะมีของรางวัลติดไม้ติดมือมาให้ชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง สายใยถือเป็นช่างฝีมือในด้านนี้ที่ชาวบ้านหนองนางามให้การยอมรับ แม้ว่าเธอจะอายุยังอยู่ในวัยสาวแต่การที่มีแม่เป็นช่างทอผ้าไหมฝีมือเยี่ยม จึงได้รับการฝึกปรือถ่ายทอดความรู้ให้แบบไม่มีกั๊กจากป้าไหมผู้ขยัน และสายใยเองก็เป็นคนที่สอนง่ายและเรียนรู้ได้เร็วจนป้าไหมเองต้องเอ่ยปากชมลูกสาวแสนสวยอยู่ไม่ขาดปาก “ เอ๊า..กะใยเป็นลูกสาวอี๊แม่เนาะ บ่เคยได้ยินเขาว่าติ ลูกไม้ย่อมหล่นบ่ไกลต้น “ นี่คือประโยคที่เธอพูดกับผู้เป็นแม่อยู่บ่อยๆ<br />
<br />
“ โอ๊ย..เนาะ ..จ๊ะแม่นเพินอารมณ์ดีคักเนาะ เอาเพลงนักร้องคนโปรดผมไปฮ้องเสยแม๊ะ พี่อ้ายกับน้องพิมไปไสหล่ะเอื้อยใย “ เสียงไผ่ศธรแซวพี่สาวของเขาและถามหาพี่เขยกับหลานสาวคนเก่งขณะเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับจัดการนำคันเบ็ดเข้าไปเก็บใว้ที่ข้างยุ้งข้าว<br />
<br />
“ พี่อ้ายกับหลานคือสิอยู่บ้านปู่พุ้นหล่ะ…เป็นได๋หล่า..หมานบ่หล่ะ “ เธอหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่และเอ่ยถามน้องชายคืน<br />
<br />
“ บ่บอก..เบิ่งเอาเองโล้ด ฮ่าๆๆ..บ่อยากสิคุยเล๊ยย.. “ ไผ่ศธรลากเสียงสูงทำหน้าล้อเลียนพี่สาวคนสวยของเขาพร้อมกับยื่นข้องใบเล็กๆส่งให้เธอ เล่นเอาสายใยต้องนั่งอมยิ้มในความขี้เล่นของน้องชาย <br />
<br />
“ อืม..ได้หลายเติบอยู่ตั๊วะหนิ เดี๋ยวจั๊กหน่อยเอื้อยสิปิ้งดอก บักหล่าไปต่อยบักหุ่งข้างเฮือนลงมาไว้ให่เอื้อยนำแน..เอ้อ..สิลงกรุงเทพอยู่มื้ออื่นมื้อฮือนี่หาซักผ้าเตรียมไว้ยังหล่ะ “ เธอเอ่ยถามน้องชาย <br />
<br />
“ ยังเอื้อย..เดี๋ยวผมสิไปจัดการดอก เว้ามาแล้วกะใจหายอยู่เลิ๊กๆ สิได้หนีไกลจากเอื้อยจากอี๊แม่..ผมคือสิคิดฮอดบ้านคักแท้ๆ ดีแต่ว่ามีเพินจักรถ่าอยู่พุ้นกะสิบ่เหงาปานได๋ เว้ามากะตื่นเต้นจั๊กหน่อยอยู่เอื้อยใย..ได้ยินเพินจักรว่ามีงานที่ผมมักที่สุดถ่าอยู่..เพินจักรบอกว่าฮู้จักอ้ายคนนึง เพินสิเป็นผู้ฝากงานให่ผมเองว่าซั่น “ <br />
<br />
ไผ่ศธรบอกพี่สาวสายตาทอประกายแห่งความหวังอยู่ลึกๆกับสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิดมันคงทำให้การเริ่มต้นของเส้นทางชีวิตดูจะเป็นไปในทางที่ดี..แต่..ทุกสิ่งอย่างไม่มีอะไรที่สมบูรณ์พร้อมเสมอไปอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากที่คาดหวังเต็มร้อยกับสิ่งที่จะต้องเผชิญและรอเขาอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้…. <br />
<br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-72934622510375045692011-07-20T05:40:00.000-07:002011-07-20T05:40:24.940-07:00นิยาย กรรมลิขิต 14<b> <br />
กรรมลิขิต<br />
<br />
ตอน เส้นทางเดิน 2<br />
<br />
<br />
คนที่เชื่อในเรื่องกรรม ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เชื่อ คนที่เชื่อเรื่องกรรมย่อมสามารถอดทนรับความทุกข์ยากลำบาก ความผิดหวัง ความขมขื่น และเคราะห์ร้ายที่เกิดแก่ตนได้ เพราะถือว่าเป็นกรรมที่ทำมาแต่อดีต ไม่ตีโพยตีพายว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำดีแล้วไม่ได้ดี คนที่เชื่อในเรื่องกรรมจะยึดมั่นอยู่ในการทำความดีต่อไป จะเป็นผู้สามารถให้อภัยแก่ผู้อื่น และจะเป็นผู้มีหิริโอตตัปปะ<br />
<br />
คนที่ประกอบกรรมทำชั่วทั้งกาย วาจา และใจ ส่วนใหญ่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่อเรื่องบุญและบาป ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด คนพวกนี้เกิดมาจึงมุ่งแสวงหาทรัพย์สมบัติและความสุขสบายให้แก่ตัว โดยไม่คำนึงว่าทรัพย์สมบัติหรือความสนุกสนานที่ตนได้มาถูกหรือผิด และทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนหรือไม่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน กรรมนั้นย่อมเป็นของเราโดยเฉพาะ และเราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น จะโอนให้ผู้อื่นไม่ได้ เช่น เราทำกรรมชั่วอย่างหนึ่ง เราจะต้องรับผลของกรรมชั่วนั้น จะลบล้างหรอโอนไปให้ผู้อื่นไม่ได้ แม้ผู้นั้นจะยินดีรับโอนกรรมชั่วของเราก็ตาม กรรมดีก็เช่นเดียวกัน ผู้ใดทำกรรมดี กรรมดีย่อมเป็นของผู้ทำโดยเฉพาะ จะจ้างหรือวานให้ทำแทนกันหาได้ไม่ เช่นเราจะเอาเงินจ้างผู้อื่นให้ประกอบกรรมดี แล้วขอให้โอนกรรมดีที่ผู้นั้นทำมาให้แก่เราย่อมไม่ได้ หากเราต้องการกรรมดีเป็นของเรา เราก็ต้องประกอบกรรมดีเอง เหมือนกับการรับประทานอาหาร ผู้ใดรับประทานผู้นั้นก็เป็นผู้อิ่ม (บทความดีๆจาก..มหาโชค ดอทคอมครับ )<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
21.05 น. ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ <br />
<br />
ดุ่ย แดนผาขาวเดินยิ้มมาแต่ไกลหลังจากมองเห็น BMW สีดำเลี้ยวเข้ามาจอดสงบนิ่งยังบริเวณลานจอดของสถานบันเทิงที่ตัวเองรับหน้าที่ดูแลให้กับเสี่ยหนุ่มของเขา <br />
<br />
" หวัดดีครับอ้ายรุจ..หวัดดีครับอ้ายแก่น " เสียงเอ่ยทักทายแบบสนิทสนมดังขึ้นเมื่อวิศรุจและปฐมพงษ์ก้าวลงมาจากรถเก๋งคันหรู <br />
<br />
" หวัดดีน้อง..เป็นได๋สำบายดีบ่น้องหล่า.กิจการของเสี่ยคือสิไปในทิศทางสวยหรูคือเก่าเนาะ " ชายหนุ่มเอ่ยทักและตบไหล่หนุ่มจากเมืองเลยเบาๆ แม้การพบเจอกันของพวกเขาจะมีไม่บ่อยนักแต่วิศรุจกับหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ดูจะมีความสัมพันธ์ให้กันเป็นอย่างดีเนื่องด้วยบุคลิกอันแกร่งที่แฝงด้วยความอ่อนโยนของวิศรุจที่มีอยู่ในตัวตนกับความอ่อนน้อมของดุ่ย แดนผาขาว เลยทำให้สัมพันธภาพจึงเป็นไปด้วยดี <br />
<br />
" เสี่ยเพินคือสิเข้ามาประมาณ4ทุ่มอ้าย..อ้ายรุจกับอ้ายแก่นเข้าไปนั่งจิบเบียร์อยู่ในห้องถ่าก่อน..เดี๋ยวผมบอกตั้มจัดน้องคนงามๆไปให่อ้ายเอง " เด็กหนุ่มบอกอย่างเอาใจ <br />
<br />
" ขอบใจน้องหล่า..บ่ต้องกะได้ดอกหามาให่แก่นกะพอแล้ว..ให่น้องเขาเฮ็ดหน้าที่ของเขาสา " ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินตามหลังของดุ่ย แดนผาขาวเข้าไปข้างยังข้างใน รอยยิ้มเปิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านกับกลุ่มสาวๆที่นั่งอยู่ทางเข้า ซึ่งพวกเธอเหล่านี้มีหน้าที่คอยเรียกลูกค้าเข้ามาดื่ม-กินนั่นเอง<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhE690fqOhhAZqw6auzjvRg-4oSHeVIxEFKTkXHx9NynWRkTq9qB0ZH3npCdMMSlK_jHS-171rnlErEOGwUZCgVTKCw4dttDPYYy4xFYkUGEuFDwsW_aW1Vb77zAn-KxE9ynq5wQY8EaFDR/s1600/267493_243800135630001_100000000485141_1085555_2062447_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhE690fqOhhAZqw6auzjvRg-4oSHeVIxEFKTkXHx9NynWRkTq9qB0ZH3npCdMMSlK_jHS-171rnlErEOGwUZCgVTKCw4dttDPYYy4xFYkUGEuFDwsW_aW1Vb77zAn-KxE9ynq5wQY8EaFDR/s400/267493_243800135630001_100000000485141_1085555_2062447_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
ไฟจากข้างในดูสลัวๆอึมครึมนิดๆเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของการดื่มกิน..มีเสียงเพลงเล่นคลอเคล้าเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับนักท่องเที่ยวในยามราตรีได้เป็นอย่างดีทีเดียว แต่ละโต๊ะก็จะมีสาวสวยคอยนั่งเทคแคร์ดูแลลูกค้าอยู่อย่างใกล้ชิดมองดูเหมือนว่าแนบชิดสนิทเลยทีเดียว สายตาอันคมกริบของชายหนุ่มสะดุดเข้ากับนักดื่มกินโต๊ะนึงที่มีอยู่ประมาณ5คน ประเมิณด้วยสายตาแล้วน่าจะเป็นเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึง18ปีด้วยซ้ำ ซึ่งตามหลักแห่งความเป็นจริงสถานบริการในรูปแบบนี้ เปิดให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า18ปีเท่านั้น คงเป็นเพราะอำนาจของผลประโยชน์ที่ทางเสี่ยณรงค์ฤทธิ์หยิบยื่นให้บุคคลบางกลุ่ม จึงทำให้สถานบันเทิงแห่งนี้เปิดรับได้แบบสบายใจแฮ...<br />
<br />
<br />
เสียงอันดังและสนุกจนเกินเหตุของเด็กกลุ่มนี้ทำให้โต๊ะข้างๆถึงกับจ้องมองด้วยสายตาอันขุ่นเคือง คงจะเป็นเพราะความคึกคะนองในวัยบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปวิ่งอยู่ในสายเลือดมากเกินไป จนมิอาจที่จะควบคุมสติของตัวเองให้คงที่ได้จึงถูกปลดปล่อยออกมาในรูปแบบนี้ <br />
<br />
" แก่น..เบิ่งเด็กน้อยกลุ่มนั้นแนหล่ะ..เฮาว่าบ่โดนดอกคันเป็นจั่งซี้.มีสิทธิ์ได้คลานออกไปข้างนอกแท้ๆ.." วิศรุจบอกพร้อมกับสะกิดเพื่อนรักให้หยุดมอง <br />
<br />
" เดี๋ยวผมจัดการเองอ้าย..มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดูแล " ดุ่ย แดนผาขาวบอกและเดินตรงเข้าไปยังเด็กกลุ่มนั้นโดยมีวิศรุจและปฐมพงษ์เดินตามเข้าไปด้วย <br />
<br />
" เบาเสียงลงหน่อยนะครับ..มันรบกวนโต๊ะข้างๆครับ " เสียงบอกด้วยความนุ่มนวลของเด็กหนุ่มจากเมืองเลย มันทำให้เกิดความเงียบจากเด็กกลุ่มนั้นในทันที สายตาทุกคู่จ้องมายังกลุ่มของวิศรุจที่ยืนอยู่ประชิดโต๊ะกลุ่มของพวกเด็กวัยรุ่น <br />
<br />
" เฮ๊ยย..มรึงเป็นใครว๊ะ!!ถึงกล้าเดินเข้ามาบอกกรู.." เสียงดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นเสมือนหัวโจกแสดงความก้าวร้าวออกมาอย่างเห็นได้ชัด <br />
<br />
" อ้าวไอ้น้อง..ทำไมพูดกวนส้นตรีน.แบบนี้ว๊ะ " ปฐมพงษ์ตบะแตกในทันใดเมื่อการบอกกล่าวดีๆไม่เป็นผล <br />
<br />
" ตั๊บบ. " เสียงกำปั้นดังหนักแน่น กลุ่มของวิศรุจต้องพลาดไปก่อนแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อกำปั้นวัยรุ่นเลือดร้อนตรงดิ่งเข้าที่ปากของปฐมพงษ์อย่างเหมาะเหม็ง เล่นเอาไอ้หนุ่มจากแดนหมอแคนถึงกับหน้าผงะหงาย ฤทธิ์ของหมัดมันไม่ได้มีน้ำหนักมากมายนักสำหรับปฐมพงษ์แต่มันเป็นการเสียหลักแบบที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียมากกว่า.. กลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนต่างลุกทะยานเข้าหาทันทีหลังจากที่หัวโจกประเดิมชัยเบิกทางให้แล้วในหมัดแรก กลุ่มโต๊ะที่อยู่ข้างๆถึงกับลุกฮือถอยออกจากที่บริเวณนั้นทันที <br />
<br />
" งานนี้ได้ม่วนกับอ้ายแท้ๆ..บักหล่า " วิศรุจคำรามออกมาพร้อมกับตั้งรับในทันที<br />
<br />
" วื๊ดด." เสียงหมัดเฉียดใบหน้าเขาไปเพียงนิดเดียว สายตายังใช้ได้ดีอยู่(ชายหนุ่มนึกในใจ) และก็ให้บทเรียนกับน้องๆที่น่ารักเข้าให้แล้ว <br />
<br />
" ตั๊บ " เสียงกำปั้นอันหนักหน่วงกระทบเข้าที่ใบหน้าของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง มันทำให้ร่างนั้นต้องผงะหงายลงไปนอนดิ้นอยู่ตรงนั้นได้เลย <br />
<br />
" ตั๊บ..ตั๊บ.." เสียงลำแข้งเข้ากระทบเข้าที่ต้นขาจนเกิดเสียงดัง มันทำให้ใบหน้าของวิศรุจเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย เขาโดนเข้าอีกฝั่งโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั่นเอง ตอนนี้ปฐมพงษ์และดุ่ยแดนผาขาวดูเหมือนจะยืนแลกและก็กำลังให้บทเรียนกับกลุ่มวัยรุ่นจอมอหังการเหล่านี้ลงไปนอนดิ้นได้เช่นเดียวกัน <br />
<br />
" วื๊ดด..ตั๊บบบ. " เสียงความต่างที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกันเมื่อหมัดของวัยรุ่นเลือดร้อนพลาดเป้าแล้วก็โดนหมัดสวนของวิศรุจจนต้องเซถลาไปติดกับโต๊ะ ผลงานช่างยอดเยี่ยมนักเมื่อสามารถเรียกเลือดให้ไหลออกจากปากได้ในฉับพลัน ..เมื่อมองเห็นเลือดเท่านั้นเองความบ้าระห่ำก็เกิดขึ้นกับวัยรุ่นเลือดร้อนคนนี้ในทันที <br />
<br />
" กูเอามึงตายแน่..ไอ้เชี่ยย. " เสียงตะโกนออกมาพร้อมกับคว้าขวดเบียร์ที่ตั้งอยุ่บนโต๊ะพุ่งทะยานเข้าหาวิศรุจโดยที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว <br />
<br />
" ฮ๊ะ..เฮ๊ยย..อ้ายรุจระวัง.." ดุ่ย แดนผาขาวร้องบอก เมื่อมองเห็นขวดในมือของวัยรุ่นเลือดร้อนฟาดเข้ายังร่างของชายหนุ่ม<br />
<br />
" ปั๊วะ..กรี๊ดดด..กรี๊ดดด.. " เสียงขวดเบียร์กระทบเข้ากับท่อนแขนจนแตกกระจายพร้อมกับเสียงกรีดร้องของบรรดาสาวๆที่อยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มต้องสะบัดแขนเร่าไล่ความเหน็บชาแต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้ใบหน้าเหยเกได้ ความเร็วของสายตาและปฏิกิริยาของวิศรุจดูจะยังใช้การได้ดีอยู่ ถ้าขืนช้ากว่านี้มีหวังบริเวณใบหน้าและส่วนหัวของเขาคงจะรับไปเต็มๆแน่นอน และแล้วการตอบสนองเอาคืนดูจะยอดเยี่ยมเสียด้วยสิ <br />
<br />
“ พลั๊วะ!!..ตั๊บบ.. “ เสียงรองเท้าคู่งามปะทะเข้ากับยอดอกของวัยรุ่นเลือดร้อนตามด้วยสันหมัดที่เข้าปะทะปากครึ่งจมูกครึ่งแบบจังๆ ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มจอมเฮี๊ยว.ลงไปนอนกองกับพื้นแบบหมดสภาพส่งเสียงร้องครวญครางโอดโอย งานนี้คงไม่มีการซ้ำอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นแค่การสั่งสอนให้รู้จักความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นเอง.. <br />
<br />
“ โทษหลายๆอ้าย..ผมออกมาซ้าไปหน่อยนึง..ยากนำสั่งงานข้างในอยู่..อ้ายเป็นได๋เจ็บแฮงอยู่เบาะ “ ตั้ม เมืองศรี เด็กหนุ่มมือขวาของเสี่ยณรงค์ฤทธิ์เอ่ยถามกระหืดกระหอบเพราะพึ่งวิ่งออกมาจากส่วนของห้องครัวหลังจากที่พนักงานเข้าไปรายงานให้ทราบถึงเหตุการณ์ <br />
<br />
“ บ่เป็นหยั๋งดอกน้อง..บอกเด็กน้อยมาเคลียร์สถานที่หม่องหนี่แนหล่ะ..เคลียร์กับซุมหมู่แขกเพินนำ..เด็กน้อยซุมนี้ให่มันออกไปซ๊ะ..มันบ่สมควรที่สิอยู่ในสถานที่แบบซี้ “ ชายหนุ่มบอกพร้อมกับกราดสายตามองเหล่าวัยรุ่นสี่ถึงห้าคนที่นอนกองอยู่กับพื้นแบบหมดสภาพ เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเพราะฤทธิ์ของหมัดและเท้าที่กลุ่มของพวกเขายัดเยียดให้ <br />
<br />
“ กระดูกมันคนละเบอร์ไอ้น้อง..ลุกขึ้นแล้วไสหัวออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย..พวกมึงจะลุกออกไปเองหรือจะให้กูจับโยนออกไป..” ปฐมพงษ์ร้องสั่ง.อารมณ์เดือดดาลยังพลุ่งพล่านอยู่ภายใน <br />
<br />
กลุ่มของเด็กวัยรุ่นจำต้องรีบพยุงตัวเองออกไปอย่างทุลักทุเล วิศรุจและปฐมพงษ์เดินตามหลังกลุ่มของเด็กวัยรุ่นออกมายังข้างนอก เสียงคุยกันของพวกเขา ชายหนุ่มพอจะจับสำเนียงได้ว่าในกลุ่มนี้มีเด็กจากถิ่นที่ราบสูงอยู่สองคน ชายหนุ่มจึงเรียกให้หยุดก่อนพร้อมกับเอ่ยถามเป็นสำเนียงของตัวเอง <br />
<br />
“ เฮ๊ย..พวกโตสองคนมาแต่ไสว๊ะ..เบิ่งหน้าแล้วอายุบ่น่าสิฮอด18..บ่ฮู้เบาะว่าสถานที่แบบนี้เขาห้ามเข้า “ ชายหนุ่มถามสายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของหนุ่มหน้าตาละอ่อนคนหนึ่ง สำเนียงจากถิ่นเดียวกันมันสร้างรอยยิ้มให้กับหนุ่มน้อยทันทีถึงแม้ว่าพึ่งจะรับหมัดและเท้าของผู้ชายคนนี้ไปหยกๆแต่กลับทำให้จิตใจตอนนี้รู้สึกเป็นมิตรขึ้นมาทันใด <br />
<br />
“ ผมอายุตอนนี้18พอดี..ผมมาเฮ็ดงานอยู่แถวลำสาลีครับอ้าย พอดีหมู่เขาซวนออกมาเที่ยวกะเลยมานำเขาซือๆดอก พึ่งสิมาเป็นเทือที่สอง บ่คิดเลยว่าสิมาพ้อแบบซี้..เจ็บคิงขนาดเลย “ เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบคลำที่ใบหน้าตัวเอง เล่นเอาเขาต้องสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตอนนี้พลังของหมัดมันกำลังแผลงฤทธิ์ออกอาการย้อนหลังเสียแล้ว ส่งผลให้ใบหน้าต้องบวมปูดขึ้นมาในบัดดล<br />
<br />
“ นั่นหล่ะ..ทีหลังอ้ายสิบอกอีหยั๋งให่ เฮาเป็นเด็กน้อยกว่า ผู้ใหญ่ผู้ได๋บอกกะตามซางต้องหัดฟังแล้วกะคิดนำ บ่แม่นสิพากันแสดงนิสัยแบบซี้ออกมา เขาหวังดีเขาเห็นผิดตานั่นหล่ะเขาค่อยบอกค่อยเตือน เอ้อ..โตเป็นคนทางได๋ว๊ะ “ ชายหนุ่มถาม <br />
<br />
“ ผมอยู่มัญจาคีรี ทางขอนแก่นครับอ้าย แล้วอ้ายเด๋ “ เด็กหนุ่มบอกและถามกลับใบหน้าฝืนยิ้มเล็กน้อยเนื่องจากรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองตอนนี้มันใหญ่ขึ้นแบบกะทันหัน <br />
<br />
“ เอิ้นอ้ายรุจกะได้น้อง บ้านอ้ายอยู่ทางบุรีรัมย์พุ้นหล่ะ นี่หมู่อ้ายซือว่าแก่น เป็นคนศรีบุญเรือง ขอนแก่นคือกันกับโตนั่นหล่ะ “ ชายหนุ่มบอกยิ้มๆจ้องมองดูเด็กหนุ่มพลางนึกในใจว่า เด็กคนนี้เวลาได้คุยก็ดูเหมือนจะมีความเคารพอยู่ในที เหมือนกับว่าเคยผ่านการอบรมบ่มนิสัยมาบ้าง เมื่อสักครู่นี้คงเป็นเพราะความคึกคะนองตามเพื่อนๆเท่านั้นเองและดูเหมือนว่าเด็กที่มาด้วยกันจะเป็นเด็กในถิ่นแถบนี้เสียด้วยสิ " นี่หล่ะนะที่เขาว่าการคบมิตรที่ไม่ดีจะทำให้เราต้องพลอยไม่ดีไปเสียด้วย " ชายหนุ่มนึกและรีบสลัดความคิดทิ้งเสีย จะไปบอกกล่าวมากมายก็ดูกระไรอยู่ เพราะตัวเขาเองเมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มคนนี้อกุศลกรรมการกระทำมันยังห่างกันลิบลับหลายเท่าตัว<br />
<br />
“ ครับอ้าย..ผมซือจักรเด้อครับ..จั่งได๋ผมกะขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกะขอโทษแทนหมู่นำแนเด้ออ้าย “ เด็กหนุ่มดูเหมือนจะเริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ดูเหมือนจะเบาบางลงไปด้วย <br />
<br />
“ บ่เป็นหยั๋งดอกน้องหล่า ไป๋..พากันกลับได้แล้ว “ วิศรุจบอกพร้อมกับเดินหันหลังกลับจะเข้าข้างใน <br />
<br />
“ เดี๋ยวอ้ายรุจ..อย่าพึ่งไปครับ ผมขอเบอร์โทรอ้ายได้บ่ครับ..ผมฮู้สึกว่าผมถืกโฉลกกับอ้ายแฮง..ผมอยากพ้ออ้ายอีก “ เด็กหนุ่มร้องเรียกและบอกจุดประสงค์มันทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาอีกครังพร้อมกับเอ่ยบอกเพื่อนรักเบาๆ <br />
<br />
“ แก่น..เอาเบอร์โทรโตให้น้องมันแน “ <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRnOY6AcaZ_A-8AjLTPJOk-rRH-WeJAfqfE6hq5yb_dAXY2PqCjZ5KUAYp2XkF4moNjxTJghAt94ealPEm68mUZb7kKmJ6FYqNyc2JbL8JefmY3lNNF3_rxi8jTWE3Ku8mxksLeX1NU3BI/s1600/270283_250213354988679_100000000485141_1110088_7941126_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="309" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRnOY6AcaZ_A-8AjLTPJOk-rRH-WeJAfqfE6hq5yb_dAXY2PqCjZ5KUAYp2XkF4moNjxTJghAt94ealPEm68mUZb7kKmJ6FYqNyc2JbL8JefmY3lNNF3_rxi8jTWE3Ku8mxksLeX1NU3BI/s400/270283_250213354988679_100000000485141_1110088_7941126_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สายฝนยามเดือนหกโปรยปรายอาบพื้นพสุธาเป็นระยะเวลาสามวันติดต่อกันจนน้ำเจิ่งนอง ยังความชุ่มชื้นความอิ่มเอมให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่โดยรอบเป็นภาพที่ชวนให้น่ามองน่าพิศมัยยิ่งนัก เปรียบดังเช่นสายน้ำตาแห่งความปลื้มปีติยินดีของดรุณีนางผู้ที่ตื้นตันกับความรักอันสมหวังที่ชายหนุ่มมอบให้แบบหมดตัวและหัวใจจนยากที่เธอจะควบคุมความยินดีไว้ได้..จำต้องปลดปล่อยออกมาในรูปแบบสายน้ำแห่งความอิ่มเอมชื่นมื่นปรีดา…เสียงสกุณาวิหคตัวน้อยเปล่งเสียงร้องให้ได้ยินเป็นระยะๆพร้อมกับกระโดดบินถลาไปยังกิ่งไม้ที่อยู่ถัดไปกิ่งแล้วกิ่งเล่า มองดูแล้วเหมือนกับนักกายกรรมเหรียญทองโอลิมปิคชื่อดังของเมืองจีนกำลังแสดงโชว์ลวดลายความสามารถ อวดสายตาต่อคณะกรรมการที่กำลังนั่งเพ่งพิศคอยจับผิดหาข้อบกพร่องอยู่แบบไม่คลาดสายตา <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjzefvo-waotdrCqxE_5_CH8uGe2yY-Y4EzB42uqmjHwa3IJ2pR1QN94-F2KZhljDsbADhnYSCM4pG0XzoESsavXOHHs4_JJYamXyHBecFIsv1hE8uNeI7dtiE29EvtN0ixtjpUi7f6TNL2/s1600/281643_250212864988728_100000000485141_1110085_7205879_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjzefvo-waotdrCqxE_5_CH8uGe2yY-Y4EzB42uqmjHwa3IJ2pR1QN94-F2KZhljDsbADhnYSCM4pG0XzoESsavXOHHs4_JJYamXyHBecFIsv1hE8uNeI7dtiE29EvtN0ixtjpUi7f6TNL2/s400/281643_250212864988728_100000000485141_1110085_7205879_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
“ สิกขังปัจจักขามิ..คิหีติมัง ธาเรถะ “<br />
<br />
<br />
เสียงดังแว่วมาจากกุฏิหลังใหญ่ของวัดอุดมคีรีเขต ตอนนี้ปรากฏภาพของหนุ่มวัยรุ่นหัวเกรียนกำลังก้มลงกราบหลวงพ่อพระครูฯผู้มีอภิญญาแบบนอบน้อม การได้สัมผัสกับรสของพระธรรมตลอดระยะเวลาสี่ปีมันช่วยสร้างความอ่อนโยน ความรู้สึกนึกคิดอันดีภายในจิตได้อย่างดีเยี่ยม และสิ่งเหล่านี้หนุ่มน้อยคนนี้ก็พร้อมจะรักษาให้อยู่กับตัวเองให้ตราบนานเท่านานและก็สัญญากับตัวเองว่าจะนำสิ่งดีๆที่ได้รับมาไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่นให้มากที่สุด <br />
<br />
<br />
“ ต่อไปนี่กะถือว่าเป็นคฤหัสถ์สมบูรณ์แบบแล้วเด้อ..กะพยายามนำสิ่งดีๆที่ได้รับและได้สัมผัสจากจุดนี้ไปใช้ในชีวิตเจ้าของ เว้ามาแล้วกูกะเสียดายคักอยู่ดอก..กำลังสิไปได้ดีกะต้องมาหยุดชะงักลง..ว่าสิส่งไปเรียนต่อวัดสระเกศนำเณรขวัญอยู่..แต่กะเอาเถาะวาสนาคนเฮาแต่ละคนมันบ่ท่อกัน..วิถีชีวิตแต่ละคนมันขึ้นอยู่กับกรรมการกระทำมาในอดีต กรรมเป็นโตลิขิตขึ้นอยู่ว่าผู้ได๋ได้เฮ็ดมาจั่งได๋ ทางนี้มึงคือสิได้แค่นี้กะบ่จักอาจสิมีทางให่ย่างพ้อถ่ามึงอยู่อีกหลายเส้น..แต่กูอยากบอกไว้ว่าจั่งได๋กะขอให้ตั้งมั่นในความดีให่หลายๆมันสิได้ซอยค้ำซอยซูชีวิตมึงให้ดีขึ้นไปในภายภาคหน้าเด้อ “ <br />
<br />
หลวงพ่อพระครูฯเอ่ยบอกด้วยความเมตตาอยู่ลึกๆภายใน ความรักความเอ็นดูที่ท่านมีต่อลูกศิษย์คนนี้ยังมีอยู่เปี่ยมล้น ไผ่ศธรเคยทำหน้าที่อุปฐากรับใช้ท่านอยู่ถึงสองปีเลยทีเดียว ความฝันของเขาไม่สามารถจะไปถึงยังฝั่งฝันได้ เขาทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ แต่เขาก็แอบสุขใจอยู่ลึกๆกับการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินชีวิตในครั้งนี้ ต่อไปสิ่งที่เขาต้องก้าวย่างต่อไปก็คือการเดินทางไปหาเพื่อนรักที่เฝ้ารออยู่ ณ กรุงไกล และสิ่งที่เขาหวังไว้มากกว่านั้นก็คือ การหารายได้เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่และการดิ้นรนหาโอกาสทางการศึกษาให้กับตัวเองควบคู่ไปด้วย.. <br />
<br />
( ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม)<br />
<br />
รุทธิ์ อีเกียแดง<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-9775981654558514502011-07-20T05:31:00.000-07:002011-07-20T05:31:40.007-07:00นิยาย กรรมลิขิต 13<b><br />
...บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา.. <br />
<br />
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ <br />
<br />
( อีเกียแดง ) <br />
<br />
กรรมลิขิต<br />
<br />
ตอน เส้นทางเดิน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
...ณ โรงเรียนมัธยมป่าติ้ววิทยาคาร… <br />
<br />
<br />
“ เหว๋ย…เหว๋ย… เร็วๆแนสองคนนั่น คาแต่ย่างคุยกันอ้อยอิ่งอยู่หั่นหล่ะ เร็วๆมันสิกลับเข้าโรงเรียนบ่ทัน…” เสียงนักเรียนกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าร้องดังขึ้น บอกให้เพื่อนชายหญิงอีกสองคนที่เดินตามหลังมารีบเดินให้ทันกลุ่มของตน ทำให้ดรุณีร่างเล็กวัย15ต้องหยุดชะงัก ใบหน้าอาบด้วยรอยยิ้มที่เอียงอายเล็กน้อย มองเห็นฟันมีเขี้ยวเล็กๆที่แซมอยู่ผุดประกายขึ้นมา พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันกลุ่มเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า….. <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGlzr8z8akxkM8u990SUemfo90AQZ74ww0eXhYJdtgKGAnb7e8UlXvrCamm2LOpj_c7egXBb2ZLE8_I05r1apaEc4p9ZlyOZd8WJ2pANHpBUXI3y6-Hh0_UlVWZv52zn-4bv0XqmZcf6yR/s1600/254019_231908726819142_100000000485141_1058213_867458_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="267" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGlzr8z8akxkM8u990SUemfo90AQZ74ww0eXhYJdtgKGAnb7e8UlXvrCamm2LOpj_c7egXBb2ZLE8_I05r1apaEc4p9ZlyOZd8WJ2pANHpBUXI3y6-Hh0_UlVWZv52zn-4bv0XqmZcf6yR/s400/254019_231908726819142_100000000485141_1058213_867458_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
..เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานดังมาจากนักเรียนกลุ่มใหญ่ที่ตอนนี้กำลังดื่มด่ำกับความเย็นสดชื่นของสายน้ำจาก <br />
" ห้วยวังหิน " สายน้ำที่อยู่ห่างออกไปจากโรงเรียนไม่ไกลเท่าใดนัก สภาพของห้วยวังหินนั้นเป็นเหมือนเนินหินและมีหาดทรายอยู่เป็นบริเวณที่ใม่กว้างเท่าไรนัก มีโขดหินขนาดใหญ่กระจายกันอยู่ประปรายทั่วบริเวณ ต้นไม้ป่าสีเขียวปิดล้อมไว้ทุกๆด้านซึ่งถือว่าเป็นที่ปิดบังสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดีทีเดียว อีกฟากฝั่งนึงของห้วยวังหินนั้น มีร่องธารน้ำขนาดเล็กกว้างสักสองถึงสามเมตรมีน้ำไหลเลาะออกมาจากแนวป่า สายน้ำใสที่มีความเย็นเป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ผู้มาเยือนต้องลุ่มหลงจนต้องกลับมาสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า <br />
<br />
เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวดูจะเป็นสาเหตุหลักให้คนเราต้องหาทางออกให้กับตัวเองบ้าง ยิ่งเป็นแถบทางภาคอีสานในเขตทุ่งกุลาร้องไห้แล้วด้วย คงไม่ต้องเอ่ยถึง อณูแห่งความเร่าร้อนมันแผดเผาไหม้ลามเลียต้นไม้ใบหญ้าให้แห้งกรอบและไหม้เกรียม ขึ้นชื่อว่าความเร่าร้อนคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาเท่าใดนัก เปรียบได้ดั่งจิตใจของคนเราที่ร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลา ย่อมเป็นบ่อเกิดให้เกิดความแห้งและหมองคล้ำ เมื่อจิตร้อนรุ่มอยู่ตลอดย่อมมีผลส่งมากระทบโดยตรงกับใบหน้าและร่างกายเป็นแน่นอน ซึ่งมันทำให้ขาดความสดใสและสดชื่นไร้ซึ่งความสุข และกลายเป็นคนหมดสง่าราศีไปในที่สุด <br />
<br />
“ เร็วๆแนเด้อ!!! ฟ้าวเหล่นฟ้าวแล้วเดี๋ยวมันสิกลับไปบ่ทันเวลา แล้วอย่าพากันเว้าเสียงดังหลายสู “ ศิริกัญญานุชสาวน้อยวัย15นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ร้องบอกเพื่อนๆที่ตอนนี้กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่ากลุ่มพวกเขาจะเตรียมการมาอย่างดีกับชุดที่ผลัดเปลี่ยนลงเล่นน้ำ แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เป็นการหนีออกมาเล่นน้ำเป็นครั้งแรกแน่นอน <br />
<br />
วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมเปลี่ยนไปตามเวลา สิ่งสำคัญของชีวิตนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการเลือกของเราเอง เลือกที่ตัดสินใจในการเลือกเส้นทางของชีวิต มีหลากหลายชีวิตที่ตัดสินใจเลือกในแบบฉบับของตัวเองโดยคิดว่าสิ่งที่ตัวเราเลือกลงไปนั้นดีและถูกต้องที่สุด แต่ไม่ใช่ เมื่อสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่เป็นตามที่เราตั้งใจและเลือกไว้เลยและสิ่งที่ทุกคนต้องเอ่ยถึงและคาดโทษเมื่อเราไม่สมหวังในสิ่งที่ปรารถนานั่นก็คือ เป็นเพราะกรรมนั่นเอง “ กรรมลิขิต “ กรรมนั้นคือตัวกำหนดในสิ่งที่เรากระทำและส่งผลมาถึงตัวเราเองอย่างแน่นอน สิ่งที่เราได้รับในปัจจุบันย่อมเป็นผลกรรมตั้งแต่ในอดีตชาติไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรมก็ตามที และย่อมส่งผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ต่อเมื่อมันถึงเวลาอันควร การเลือกกระทำในสิ่งที่ดีมีอุดมมงคลนั้นย่อมส่งผลให้ชีวิตต้องพานพบเจอแต่สิ่งที่เป็นมงคลของชีวิตแน่นอน <br />
<br />
เส้นทางของ ศิริกัญญานุช สาวน้อยเลือดนักสู้จากจังหวัดยโสธรคนนี้ ดูกำลังจะเป็นไปได้สวย เธอกำลังเดินสู่เส้นทางที่ดีในสิ่งที่เธอเองได้ตัดสินใจเลือกโดยมีครอบครัวเป็นผู้ส่งเสริมผลักดันให้เธอก้าวย่างด้วยความมั่นคง ความสามารถที่เรียกว่าพรสวรรค์นั้นมันมีอยู่ในตัวของสาวน้อยผู้นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วและพรแสวงที่เธอพยายามค้นหาและฝึกปรือมาตลอดนั้นมันคือกำไรที่เธอได้รับแบบสมบูรณ์จนยากที่เพื่อนๆในวัยเดียวกันจะพึงมีได้เฉกเช่นเธอ ..ความมั่นใจ กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก และกล้าที่จะตัดสินใจเลือกมันทำให้เป็นจุดเด่นให้เธอถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการแข่งขันการพูดและการแสดงวิสัยทัศน์ความสามารถในเวทีใหญ่ในตัวจังหวัด และเธอก็ไม่ทำให้ใครๆผิดหวังเมื่อเธอคว้ารางวัลในหลายๆรายการมาสู่โรงรียนมัธยมป่าติ้ววิทยคาร ซึ่งมันสร้างความภาคภูมิใจให้กับทางสถาบันและตัวเธอเองเป็นอย่างยิ่ง และเธอเองก็หวังว่าเธอจะใช้จุดเด่นที่ตัวเองมีอยู่นี้เป็นบันไดเพื่อปีนป่ายขึ้นไปเรียนรู้ในสังคมโลกกว้าง จะต้องต่อสู้ยืนหยัดจนประสบความสำเร็จในชีวิตให้จงได้ และพร้อมที่จะนำความรู้ที่มีอยู่นำกลับไปพัฒนาถิ่นกำเนิดที่เธอจากมา เพราะนั่นมันคือ “ ไอดินถิ่นรัก “ ที่เธอตั้งมั่นเอาไว้ในใจเสมอมา..<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhe5Q363pU7m2ajJUdvGBP_ABxd85oAyDJMeRZf4IT9HC67WhO7j0EGw1e5-yer-23T9cr632qMoSPicitiD7AyJ38O5EU_wW8YvYT-C9dx0AkpsiW0FolQUgW7VX3sXDu-pLjCNog2j9yl/s1600/264003_231691110174237_100000000485141_1056198_1741044_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="270" width="268" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhe5Q363pU7m2ajJUdvGBP_ABxd85oAyDJMeRZf4IT9HC67WhO7j0EGw1e5-yer-23T9cr632qMoSPicitiD7AyJ38O5EU_wW8YvYT-C9dx0AkpsiW0FolQUgW7VX3sXDu-pLjCNog2j9yl/s400/264003_231691110174237_100000000485141_1056198_1741044_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
บนโลกกลมๆที่ปนไปด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิงนั้น มีทางเดินอยู่มากมากให้เราเลือกตัดสินใจในการก้าวเดิน จงเลือกตัดสินใจกับเส้นทางเดินที่ดีที่สุด ชีวิตมีทางเลือกเสมอ ไม่มีใครห้ามหากเราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต และขอให้เราภูมิใจในสิ่งที่เราได้เลือกขอให้เต็มที่กับมัน ความสุขและความสำเร็จของชีวิตไม่ได้อยู่ที่ความร่ำรวยแต่ผู้เขียนกลับมองว่ามันอยู่ที่ความสงบและเพียงพอ จงเปิดรับในสิ่งที่ดีและใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด จงทำให้ตัวเองมีความสุขในทุกๆขั้นตอนของชีวิต เวลายังคงเดินหน้าต่อไปไม่เคยหยุดนิ่ง สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในอดีต สิ่งไหนที่ดีควรเก็บเอาไว้ในความทรงจำและก็พร้อมที่จะลบสิ่งที่ไม่ดีทิ้งไปเสีย เก็บและรวบรวมประมวลข้อผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์แก้ไขตัวเองเสียดีกว่า..<br />
<br />
<br />
กรุงเทพมหานคร เขต..รามอินทรา เวลา ..20.45 นาที <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicbm-V70bUVYdNBAr-ehDpK4ThTy-vin6BC745bJmuY2r7ViRFiMXnuDIhfKjs34l2rZvweEfVPFXjmGbnNBXhSdo1d6PenTokIbPGepB8HcroSRFBmbR5BPKblycpVileUIg2JF12uyvN/s1600/262194_231908910152457_100000000485141_1058215_3060272_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="400" width="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicbm-V70bUVYdNBAr-ehDpK4ThTy-vin6BC745bJmuY2r7ViRFiMXnuDIhfKjs34l2rZvweEfVPFXjmGbnNBXhSdo1d6PenTokIbPGepB8HcroSRFBmbR5BPKblycpVileUIg2JF12uyvN/s400/262194_231908910152457_100000000485141_1058215_3060272_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
BMW สีดำขับเลี้ยวเข้าไปตามซอยแคบๆที่รถสองคันพอวิ่งสวนกันได้เท่านั้น ถัดไปไม่ถึงห้านาทีเจ้าบีเอ็มคันหรูก็ชะลอความเร็วลง “ หมู่บ้านเทพอินทรา “ ป้ายขนาดใหญ่ที่ถูกติดไว้ก่อนทางเข้าโครงการของหมู่บ้านมองเห็นได้ชัดเจน <br />
<br />
“ หวัดดีครับหัวหน้า..บ่เห็นหน้าเกือบอาทิตย์นึงเนาะครับ “ เสียงชายวัยจะ40 รูปร่างผอมสูงซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ประจำป้อมยามหรูหน้าทางเข้าหมู่บ้านเอ่ยทักพร้อมกับก้มหัวเป็นการแสดงการให้เกียรติเล็กน้อย <br />
<br />
“ ครับน้าสิทธิ์..ช่วงนี้งานหลายแนเลยบ่ค่อยได้แวะมาปานได๋..จั่งได๋ซ่อยเป็นหูเป็นตาให่นำแนหล่ะครับ..มีผู้ได๋มาเกาะแกะกับเด็กผมบ่ “ เสียงษุรุษหนุ่มภายในรถเก๋งคันหรูบอกเหมือนจะสนิทกับชายวัยกลางคนได้เป็นอย่างดี <br />
<br />
“ บ่มีปัญหาครับ..ผมสิเป็นหูเป็นตาให่อย่างดี..ว่าแต่คุณแอนคือจั่งหลับมาแบบซั้นหล่ะครับหัวหน้า “ ชายวัยกลางคนเอ่ยถามเมื่อสายตามองผ่านเข้าไปในรถเห็นร่างของสาวสวยนอนคอพับอยู่เบาะข้างๆเขา <br />
<br />
“ หึหึ.เมาหน่ะครับ.อัดเข้าไปหลายแก้วโพ้ด “ ชายหนุ่มตอบยิ้มๆสายตาชำเลืองดูร่างสวยที่ได้สัดส่วนนอนหลับใหลแบบไม่รู้สติ <br />
<br />
“ เชิญครับเชิญ..เดี๋ยวจั่งได๋ผมสิเบิ่งให่ดอกครับ..คันไผ๋มาเกาะแกะคุณแอนผมสิฟ้าวรายงานหัวหน้าทันทีเลย “ <br />
<br />
“ ครับน้าสิทธิ์..เอาแนวแก้ง่วงไปเม็ดนึง “ ชายหนุ่มยื่นบางสิ่งให้กับชายวัยกลางคน ซึ่งมันทำให้ผู้ทำหน้าที่ดูแลทางเข้าของหมู่บ้านเปิดยิ้มออกมาพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่ม..ไม่น่าเชื่อว่าอำนาจแห่งเงินตราและสิ่งอันยั่วยุที่ก่อกิเลสมันทำให้คนที่มีวัยวุฒิสูงกว่ายอมกระทำในสิ่งที่ไม่บังควรยิ่งนัก ชายหนุ่มขับรถเขามาจอดในบ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างจากป้อมยามทางเข้าไม่ถึงสามร้อยเมตร บ้านหลังนี้เขาเป็นคนซื้อให้กับกนกกร หรือแอน สาวสวยจากจังหวัดระยอง เธอคือเพื่อนของเดือนนภานั่นเอง วิศรุจมีโอกาสเจอเธอหลายครั้งเมื่อตอนที่เธอไปหาเดือนนภาที่ห้อง ด้วยคารมและอำนาจของเงินตราที่วิศรุจแอบหยิบยื่นให้เธอหรือแม้แต่บ้านหลังงามแห่งนี้ มันทำให้กนกกรสาวสวยผู้นี้ยอมตกลงและยอมเป็นของเขาแบบไม่มีข้อบิดพลิ้ว กนกกรยอมทรยศหักหลังกับเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าสนิทที่สุดซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับวิศรุจในตอนนี้ที่ยอมแอบนอกใจเดือนนภาเช่นกัน <br />
<br />
“ แอน..แอน..ตื่นได้แล้วคนดี..ถึงบ้านแล้วครับ “ ชายหนุ่มเรียกเธอให้ตื่นจากความหลับใหลพร้อมกับจับหัวไหล่ของเธอเขย่าเบาๆ สาวสวยเปิดเปลือกตาขึ้นมองมองกับยิ้มตาปรือจนทำให้ชายหนุ่มแอบนึกขำไม่ได้ <br />
<br />
“ ถึงบ้านแล้วเหรอพี่รุจ..น้องแอนง่วงจังเลยย..ขอนอนต่ออีกได้ไหมอ่ะ..น๊า..” เธอพูดเสียงอ่อยและปิดเปลือกตาลงอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้ม ความสวยของเธอมันไม่ได้เป็นรองเดือนนภาเอาเสียเลย กรกนกทำให้เขาต้องหลงหัวปักหัวปำเลยทีเดียว วิศรุจก้มลงบรรจงหอมที่แก้มด้านขวาของเธอ กลิ่นหอมจากผิวกายเธอดูจะเป็นเชื้อปลุกเร้าอารมณ์ของกิเลสตัณหาราคะของเขาได้เป็นอย่างดี เล่นเอาไฟในตัวถึงกับเดือดปุดๆใบหน้าร้อนผ่าวออกมาเลยทีเดียว เกือบอาทิตย์นึงแล้วที่เขาไม่ได้แวะมาหาเธอ เนื่องจากเดือนนภาคอยติดแจอยู่ข้างกายนั่นเอง วันนี้เป็นโอกาสเหมาะเพราะเดือนนภาเดินทางกลับอุบลฯ เขาจึงมีโอกาสได้มาหาเธอและพรุ่งนี้อีกทั้งวันที่เขาก็มีโอกาสได้อยู่กับเธอตลอดทั้งวัน <br />
<br />
“ ขึ้นไปนอนที่เตียงนุ่มๆดีกว่าแม่คุณ…เดินไหวไหม.. “ ชายหนุ่มกระซิบแนบที่ข้างหูเธอแผ่วเบา <br />
<br />
“ น้องแอนเดินม่ายยหวายย..เอิ๊กก. พี่รุจช่วยยย..น้องแอนที “ @@@@@<br />
<br />
“ ได้สิแม่คุณ..ยังไงพี่ก็ต้องช่วยแอนอยู่แล้วหล่ะ..” ชายหนุ่มบอกเสียงพร่าสั่นเล็กน้อยสายตาจ้องมองรูปร่างที่ได้สัดส่วนจนทำให้หัวใจหวิวๆอยู่ข้างใน กางเกงยีนส์ที่กระชับรัดรูปและเสื้อยืดที่รัดตึงแน่นมันทำให้ชายหนุ่มต้องคอแห้งผากเอาแบบดื้อๆ กนกกรช่างทำให้เขาตื่นเต้นได้ทุกเมื่อ เธอไม่เคยด้อยกว่าเดือนนภาเอาเสียเลย ชายหนุ่มยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับผลักประตูรถออกเดินอ้อมไปยังฝั่งเธอพร้อมกับใช้มือและท่อนแขนที่แข็งแรงอุ้มเอาร่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เข้าไปยังบ้านหลังงามซึ่งมันคือแดนสวรรค์ของเขาและเธอในค่ำคืนนี้..<br />
<br />
<br />
<br />
เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากเครื่องของกนกกรที่วางไว้บนหัวเตียงนอน มันทำให้ชายหนุ่มต้องเปิดเปลือกตาพร้อมกับใช้มือควานหากับเจ้าของเสียง ส่วนเจ้าของโทรศัพท์ดูเหมือนว่าเธอยังนอนหันหลังหลับปุ๋ยอย่างมีความสุขโดยหนุนที่ต้นแขนด้านซ้ายของเขาอยู่ ผ้าห่มถูกดึงปกปิดในส่วนด้านล่างของเธอไว้ ทำให้ตอนนี้มองเห็นแผ่นหลังที่ขาวเนียนสวยของวัยสาว ชายหนุ่มต้องขยับแขนนิดหน่อยเพื่อคลายการกดทับของน้ำหนักจากส่วนหัวของเธอ นี่เธอคงจะหนุนต้นแขนเขามานานพอดูเพราะเล่นเอาอวัยวะส่วนนี้ของเขาถึงกับเป็นเหน็บชาเลยทีเดียว <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjF09VKPRCte6nPXzOf-67JWbMJMpgPD2DPbK28ZhiUdHtROFxAaim01t0cgnl5C-BbZ75Hruud6aQh-jNmBhaQaCasrlnqsts1xLmAR5v2KQ2i4bVvEN5EBvWf7VPgqEUsv1Xn1O9BopY4/s1600/267435_243812482295433_100000000485141_1085665_5142702_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="314" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjF09VKPRCte6nPXzOf-67JWbMJMpgPD2DPbK28ZhiUdHtROFxAaim01t0cgnl5C-BbZ75Hruud6aQh-jNmBhaQaCasrlnqsts1xLmAR5v2KQ2i4bVvEN5EBvWf7VPgqEUsv1Xn1O9BopY4/s400/267435_243812482295433_100000000485141_1085665_5142702_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
" แอน..แอน..เสียงโทรศัพท์ดังหน่ะแม่คุณ..พี่เอื้อมไม่ถึงอ่ะ " ชายหนุ่มจำต้องปลุกเธอ เพราะมองดูแล้วเห็นว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นวางอยู่สุดหัวเตียงด้านฝั่งที่เธอนอน กนกกรเป็นฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นมาบ้าง พร้อมกับหันมามองหน้าของชายหนุ่มแบบเอื้อนออด..ความง่วงและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ของเมื่อคืนมันทำให้ใบหน้าของเธอดูเหมือนจะออกแนวยุ่งๆจนชายหนุ่มต้องเผลอยิ้มออกมา <br />
<br />
" พี่รุจรับให้น้องแอนเลย..น้องแอนปวดหัวจาแย่อยู่แล้วอ่ะ.. " เธอบอกเสียงยุ่งพร้อมกับทำหน้าให้ยุ่งเข้าไปอีก ทำให้ชายหนุ่มต้องนึกขำและใช้มือจับเย้าที่หัวของเธอเล่นเบาๆ เขาขยับท่อนแขนซ้ายนิดหน่อยเพื่อการเอื้อมตัวให้ไปถึงยังสุดหัวเตียง ชายหนุ่มนึกแปลกใจอีกครั้งเมื่อมองเห็นรายชื่อที่ขึ้นมาโชว์อยู่หน้าจอ เพราะดูเหมือนว่าจะคุ้นตาเขาเหลือเกิน <br />
<br />
" อื้อ..ว่าได๋แก่นคือได้โทรเข้ามาเครื่องของแอน " <br />
<br />
" อ้าวแม่นติ..สงสัยแบตเหมิดมั้ง..มื้อคืนกะลืมชาร์ตแม๊ะ.มีเรื่องหยั๋งด่วนบ่หนิ " <br />
<br />
" อืม..ได้ๆ.เดี๋ยวโตกะมาถ่าเฮาอยู่คอนโดนั้นหล่ะจั๊กสองทุ่มค่อยไปกะได้ดอก..จั่งได๋เฮาสิโทรเข้าไปหาเสี่ยเพินเองดอกเว๊ยย." <br />
<br />
" ได้แก่นได้..บ่มีปัญหา2ทุ่มพ้อกัน " <br />
<br />
ชายหนุ่มกดวางพร้อมกับล้มตัวกลับลงมานอนยังจุดเดิมอีกครั้ง อีกไม่กี่วันข้างหน้าคงมีงานใหญ่ให้เขาได้สัมผัสอีกเป็นแน่ " เฮ้ออ " ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาแบบแผ่วเบาพลางฉุกคิดว่านี่มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วหนอที่เขาต้องกระทำและเดินอยู่บนเส้นทางแห่งตราบาปนี้ และต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรกันเขาถึงจะสามารถเดินออกจากเส้นทางของนักฆ่าซึ่งเป็นถนนของอกุศลกรรมหนักที่ไม่มีใครปรารถนา หลายชีวิตต้องมาจบสิ้นด้วยน้ำมือของเขากับการแลกด้วยสิ่งบรรณาการที่ใครๆต่างก็หวังปรารถนา " นั่นก็คือเงิน " อำนาจของเงินตรามันช่างมีอานุภาพมากมายมหาศาลเหลือเกินเพราะมันสามารถแลกได้แม้กระทั่งกับชีวิตของมนุษย์ผู้ยึดติดกับบ่วงกิเลศได้อย่างง่ายดายแบบไม่มีข้อยกเว้นเอาเสียเลย<br />
<br />
วิศรุจรู้ตัวเองดีว่าสิ่งที่เขากำลังเดินอยู่นี้มันจะเป็นไปในรูปแบบไหน แต่การได้ก้าวถลำลึกเข้ามาแล้วนั้นมักยากนักที่จะถอนตัว สิ่งที่เขาต้องทำได้ในตอนนี้ก็คือยอมรับชะตากรรมกับสิ่งที่เขาเป็นคนเลือกและก็ตักตวงกับผลประโยน์บนเส้นทางสายมืดแห่งนี้ให้มากที่สุด อย่างน้อยเขาก็ยังได้เลี้ยงดูตอบแทนพระคุณผู้บังเกิดเกล้าของเขาด้วยเงินส่วนนี้ โดยที่ผู้บังเกิดเกล้าเขานั้นไม่มีวันล่วงรู้ได้เลยว่าลูกชายคนเก่งคนนี้หาเงินมาด้วยวิธีไหนและหารู้ไม่ว่าลูกชายของเขาตอนนี้กำลังเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งอกุศลกรรมหนักที่นับวันจะจมดิ่งลงสู่ห้วงเหวลึก <br />
<br />
" มีเรื่องอะไรเหรอพี่รุจ..เสี่ยเค้าโทรตามอีกแล้วเหรอ ..ไม่เอาสิค๊ะคนเก่งของน้องแอน..ไม่คิดมากน๊า..ยังไงน้องแอนก็อยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้พี่รุจอยู่เสมอนะค๊ะ." กนกกรเอ่ยถามชายหนุ่มและให้กำลังใจหลังจากจับความรู้สึกของเขาได้หลังจากที่ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ เธอเป็นฝ่ายใช้มือมาขยี้เล่นที่ผมของเขาเพื่อให้ผ่อนคลายลงบ้าง หลังจากที่ดูใบหน้าของเขาแล้วเหมือนมีความกังวลภายในใจ วิศรุจเป็นชายหนุ่มที่เก่ง เข้มแข็งและแกร่งในสายตาของเธอ เขาเป็นคนที่มี2บุคคลิก ความแกร่งและอ่อนไหวดูจะมีให้เห็นกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอ และเธอก็ยอมรับในความสามารถของเขา ผู้ชายคนนี้มีอะไรให้เธอต้องทึ่งและแปลกใจอยู่หลายๆอย่างและเธอก็ยอมรับแล้วว่าเธอรักและพร้อมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาผู้นี้แม้จะต้องยอมกระทำผิดกับเดือนนภาเพื่อนรักของเธอก็ตามที .. <br />
<br />
" ใช่จ๊ะแอน..เสี่ยเขาโทรตามพี่ไปพบคืนนี้หน่ะ..คงจะมีงานให้ทำอีกหล่ะมั้ง..ก็ดีแล้วแหล่ะแอน..ถ้าไม่มีงานแล้วพี่จะเอาเงินที่ไหนมาให้แอนของพี่ใช้หล่ะ!! ว่าไงแม่คุณทูนหัว.. ฮึ๊..มานี่เลยแม่คุณน่าหมั่นเขี้ยวนักนะเราอ่ะ " ชายหนุ่มบอกยิ้มๆตามีประกายเมื่อสัมผัสกับรูปร่างส่วนบนที่เปลือยเปล่าอันได้สัดส่วนของเธอ ชายหนุ่มใช้แขนกอดรัดโอบตัวเธอให้เข้ามาหาพร้อมกับประทับรอยฝีปากลงบนปากที่สวยได้รูปของกนกกรแบบนุ่มนวล โดยที่กนกกรเป็นฝ่ายเผยอริมฝีปากรอรับอย่างรู้หน้าที่ของเธอเป็นอย่างดี บทเพลงรักแห่งไฟพิศวาสดูจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกับหนุ่มสาวคู่นี้ ..อ่า..นี่คือมนุษย์ผู้ที่ไม่ยอมปล่อยละวางแห่งกามกิเลสตัณหา <br />
<br />
-----------------------------------------------------------------<br />
<br />
สภาพการจราจรใขเขตกรุงเทพฯดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตกเสียจริงๆ ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนรัฐบาลผู้บริหารหน่วยงานไหนแล้วก็ตามที ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรถมากเป็นอันดับต้นๆ ทั้งที่บางคนรถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเขาเลยแต่เขาก็ยังดิ้นรนแสวงหาเข้ามาครอบครองให้ได้ กระแสสังคมและการแข่งขันเป็นการสร้างแรงกิเลสของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว และหนักไปยิ่งกว่านั้นก็คือบางรายมีรถไว้ในครอบครองมากกว่าสองคันขึ้นไปทั้งที่มันไม่จำเป็น ฉะนั้นปัญหาการจราจรก็ต้องมีตามมาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนับวันดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องนี้ยังแก้ไม่ตกกันอยู่ดี อาจเป็นเพราะว่าการแก้ไม่ตรงจุดหรือไม่เต็มใจที่จะแก้หรือเป็นเพราะว่ามันเป็นปัญหาที่ใหญ่และถูกทับถมมาเป็นเวลาช้านาน จนยากเกินความสามารถที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงกับเรื่องพวกนี้จะคลี่คลายหาทางออกได้ ประชาชนผู้สัณจรใช้เส้นทางก็เลยต้องทำใจและยอมรับกับสภาพปัญหาเหล่านี้อยู่นัยๆ <br />
<br />
<br />
ดารุณีข้าวแกง เขตบางกะปิ<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiijbt_wczWu_V_NG8qh1F4YJnhM_GAwWnd41RbtUYPgFq_4kQxGKv4kn2o-MtSRl8Wln7EF3wqPy1oqWxTK2xwun6jVnv44T34zyBRFTjHwGwhvBTeNDeBSkIvMnJ0pK5bgTf1EwZR5wzR/s1600/264021_243800118963336_100000000485141_1085554_6438170_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiijbt_wczWu_V_NG8qh1F4YJnhM_GAwWnd41RbtUYPgFq_4kQxGKv4kn2o-MtSRl8Wln7EF3wqPy1oqWxTK2xwun6jVnv44T34zyBRFTjHwGwhvBTeNDeBSkIvMnJ0pK5bgTf1EwZR5wzR/s400/264021_243800118963336_100000000485141_1085554_6438170_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
" พี่หน่อย..ผมว่าคืนนี้เฮาลองเข้าไปเหล่นแถวๆคลองตันดีบ่ครับ..ผมกะเริ่มสิหงุดหงิดแนแล้วหล่ะ..จนว่าปานนี้ยังบ่ไปเถิงไสอยู่..ผู้กำกับเพินกะแฮ่งเร่งมาอีก " ลุ่มดอนไข่ ตำรวจหนุ่มไฟแรงจากบึงกาฬเอ่ยขอความเห็นจากคู่หูแสนสวยมาดเท่ห์พร้อมกับใช้ช้อนตักข้าวขึ้นหม่ำไปด้วย อากาศภายนอกร้านร้อนระอุกับเปลวแดดที่แผดเผา รถที่วิ่งกันขวักไขว่ดูจะเพิ่มสภาวะความร้อนให้กับโลกได้มากขึ้นอีกแรงนึง <br />
<br />
" พี่ว่ากะดีคือกันหล่ะ..แต่กะแปลกใจคือกันว่าเวลาที่เฮาเข้าไปตรวจค้นคือบ่พ้อหยั๋ง.ทั้งที่สายกะรายงานมาว่าหม่องนี้เป็นหม่องจัดเก็บของบางส่วนไว้..บางเทือพี่เองกะยังแปลกใจอยู่ว่าเขาไหวโตย้อนมีทางเฮาบอกเขาหรือจั่งได๋..แต่จั่งได๋ลองเข้าไปแหย่หนวดเสื้อเหล่นอีกจั๊กรอบกะได้..โบราณเขาว่าไว้บ่เข้าถ้ำเสือสิบ่ได้ลูกเสือเด๊ะ.. " ตำรวจสาวสวยบอกคู่หูของเขาพร้อมกับยักคิ้วข้างขวาขึ้นเป็นเชิงกวนๆตามแบบฉบับของสาวมาดเท่ห์ จนทำให้นายตำรวจหนุ่มนึกที่จะขำไม่ได้ <br />
<br />
" เเสดงว่าพี่หน่อยหนิเป็นคนโบราณเด้หนิเนาะ.ค่อยฮู้จักคำเว้าของคนโบราณ .ฮ่าๆๆ " โดนแซวคำนี้เข้าไปทำให้ตำรวจสาวต้องมองค้อนคู่หูของเธอในทันทีทันใด <br />
<br />
" อย่าหลุดกะแล้วกัน..เจอยิงคืนแท้ๆหล่ะ " เธอนึกในใจพร้อมกับยิ้มออกมา <br />
<br />
" ฮ่าๆๆ..ผมฮู้เด๊ะว่าพี่หน่อยคิดหยั๋งอยู่..ผมหยอกเหล่นซือๆดอกน่า..เออ..ว่าแต่พี่หน่อยบ่ลากลับไปยามบ้านแนบ้อ..ผมเห็นเฮ็ดแต่งานสั่นดอก เป็นห่วงหน่ะอยากให้ผ่อนคลายเจ้าของลงแน จริงจังหลายกะบ่ดีเด้..มาดเข้มหลายแม๊ะเนาะ..จักผู้บ่าวทางได๋เขาสิกล้าเข้ามาจีบ ฮ่าๆๆ " เสียงตำรวจหนุ่มหัวเราะร่าทำให้สาวเจ้าต้องจ้องสายตาขมึงทึงนึกหัวเราะอยู่ในใจ <br />
<br />
" กะซางเถาะ..บ่งึด. โบราณเพินว่าไว้คาดสิได้บินมาคือนกเจ่า..เคยได้ยินเบาะ " เธอบอกยิ้มๆ <br />
<br />
" บ่ครับ..ผมบ่แม่นคนโบราณ ฮ่าๆๆ " ลุ่มดอนไข่หัวเราะลั่นอีกครั้ง งานนี้ตำรวจสาวสวยพลาดไปถึงสองครั้งสองครานึกจะเขกหัวตัวเองเล่นเบาๆสักสองทีที่ปล่อยให้คู่หูหนุ่มไฟแรงยิงเอาได้สองนัดซ้อนติดๆกัน..<br />
<br />
<br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-12634379388903296062011-06-09T05:44:00.000-07:002011-06-09T05:44:11.920-07:00นิยาย กรรมลิขิต 12<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNbpH7tZS-S99aEmswbX67gcqljosjq6G86cuWPrtx1BxnBOkCe5ol2qoi9J7CzJjf3WaxKnlezFOKSA3TEaMoRLUtZIO-vrOJYyYqQhYiF4-g82lyRxcu90UyE9mI-ftAPo5j_o05_5Bh/s1600/20100924012447.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="274" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNbpH7tZS-S99aEmswbX67gcqljosjq6G86cuWPrtx1BxnBOkCe5ol2qoi9J7CzJjf3WaxKnlezFOKSA3TEaMoRLUtZIO-vrOJYyYqQhYiF4-g82lyRxcu90UyE9mI-ftAPo5j_o05_5Bh/s400/20100924012447.jpg" /></a></div><b> <br />
<br />
กรรมลิขิต<br />
<br />
ตอน ชะตาชีวิตหรือชะตาฟ้าลิขิต 2<br />
<br />
เหตุเพราะกรรมนำเกิดตามวิถี ทุกชีวีกรรมเก่าเป็นเจ้าของ<br />
ใช่อยากเด่นอยากดังอยากหวังปอง กรรมพาพ้องพบพานเนิ่นนานเนา<br />
ก่อนตัดสินรักชังชั่งใจก่อน โปรดโอนอ่อนอย่าตีตราว่าโฉดเขลา<br />
มีเมตตาเอาใจเขาใส่ใจเรา คงบรรเทาใจสงบพบสุขพลัน<br />
<br />
<br />
เสียงกาเหว่าร้องก้องยามใกล้รุ่งสาง เป็นสัณญาณคอยปลุกเตือนให้กับสรรพสิ่งรอบข้างให้ตื่นจากความหลับใหล ภารกิจหน้าที่ของแต่ละชีวิตต่างก็มีบทบาทหน้าที่หรือจุดมุ่งหมายต่างเส้นทางต่างวาระและต่างเวลากันออกไป แต่ภาพโดยรวมแล้วทุกๆชีวิตต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอด เพื่อปากเพื่อท้องของตนเองและบุคคลอันเป็นที่รัก เพื่อพยุงตัวเองถีบชีวิตให้พ้นจากความลำบากยากเข็ญ ความต้องการของแต่ละชีวิตมีมาก-น้อย ต่างขึ้นอยู่กับกิเลสและสภาวะแห่งจิตใจของแต่ละบุคคล บุคคลไหนที่รู้จักความพอเพียงหรือพอดีก็สามารถทำให้ชีวิตเกิดประกายแห่งความสุขได้ถึงแม้จะเกิดมาบนเส้นทางที่ด้อยโอกาสทางสังคมก็ตามที แต่กลับมีบุคคลบางพวกที่มีโอกาสต้นทุนทางสังคมสูงต่างกลับมุ่งแสวงหากอบโกยด้วยความไม่รู้จักพอด้วยสภาวะจิตใจที่ถูกกิเลสความอยากครอบงำอยู่หนาเตอะ บุคคลเหล่านี้ยอมที่จะกระทำได้ทุกวีถีทางแม้จะเป็นการที่ได้มาแบบไม่เป็นธรรมหรือถูกต้องก็ตามที และบุคคลจำพวกนี้นี่เองที่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับความสุขอันแท้จริง เพราะพวกเขาต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังกับทรัพย์สมบัติที่พวกเขาพึงได้มา อนิจจา..มนุษย์เราหนอ.. <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhoFa_ruaYBszgDzD0N62KZA0gNxDeKlqiTXkyFza9W4BJYV7u121cH9RdUhwxDP0CmKxAEGHokHh00eCrVFCh1UUwenGNtiu1WESlmBKV64hvxBUQXrotB1JuOmX-FoHsnl4Qiqroaitpe/s1600/20110313041542.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="400" width="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhoFa_ruaYBszgDzD0N62KZA0gNxDeKlqiTXkyFza9W4BJYV7u121cH9RdUhwxDP0CmKxAEGHokHh00eCrVFCh1UUwenGNtiu1WESlmBKV64hvxBUQXrotB1JuOmX-FoHsnl4Qiqroaitpe/s400/20110313041542.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
.....แสงของอรุณในเช้าวันใหม่ทอแสงส่องสว่างเข้ามาทางหน้าต่างบวกกับเสียงร้องของเจ้ากาเหว่ายังร้องร่ำแบบไม่แคร์ต่ออาการระคายเคืองโสตประสาทของผู้ที่ได้ยิน บางรายถึงกับก่นด่าเจ้านาฬิกาปลุกชั้นดีตัวนี้อยู่บ่อยครั้ง สามเณรไผ่ศธรขยับกายพร้อมกับใช้หลังมือถูขยี้ตาตัวเองไปมาเพื่อปรับให้ชินกับสภาพของแสงภายนอก อากาศหน้าร้อนดูจะเป็นปัญหามากกับห้องปูนซีเมนต์ที่มีขนาดไม่โอ่โถงและโล่ง ทำให้เขาต้องหันไปพึ่งเจ้าพัดลมตัวเล็กช่วยผ่อนคลายอากาศที่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งคืนเลยทีเดียว เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งแต่ดูเหมือนว่าตัวจะโอนเอนไปมาเหมือนกับคนหมดเรี่ยวแรง สักพักก็ล้มตัวลงนอนแผละกลับไปยังที่เดิม ความคิดในสมองถูกดึงแว๊บเข้ามาจนเกิดเป็นมโนภาพ เป็นเวลา3ปีแล้วที่เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้จนเกิดเป็นกิจวัตรประจำวัน ภาพของสามเณรขวัญชัยเพื่อนรักที่เคยยืนยิ้มให้เห็นอยู่ในห้องนี้ ก่อนที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปร่ำเรียนต่อผุดประกายขึ้นมา เพื่อนรักของเขาตอนนี้เส้นทางชีวิตดูจะสดใสเป็นพิเศษ เพราะท่านพระครูอุดมรัตนคุณได้ส่งเข้าไปร่ำเรียนศึกษาต่อในระดับสูงขึ้นอีก โดยร่วมเดินทางไปพร้อมกับพระมหาธีระเทพพระพี่เลี้ยงที่เคยอยู่ที่วัดแห่งนี้มาก่อน สามเณรขวัญชัยเพื่อนรักของเขาจบเปรียญธรรม4ประโยคที่วัดมิ่งวรารามแห่งนี้ ( โดยทางวัดมิ่งวรารามเป็นโรงเรียนเปิดสอนบาลีและได้ส่งนักเรียนของตนเข้าสอบสนามสอบในจังหวัดขอนแก่นทุกๆปี ซึ่งในแต่ละปีวัดแห่งนี้สร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมทีเดียว)<br />
<br />
“ วัดสระเกศ “ คำนี้ยังดังกึกก้องในหูของเขา สามเณรไผ่ศธรรู้เพียงว่าเพื่อนรักของเขาถูกส่งเข้าไปศึกษาร่ำเรียนอยู่ที่วัดแห่งนี้ และไม่สามารถรู้เลยว่าวัดแห่งนี้อยู่ส่วนไหนของเมืองกรุง เพราะตัวเขาเองยังไม่เคยมีโอกาสได้ย่างกรายเข้าไปสัมผัสในกรุงเทพมหานคร เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยเลย ในส่วนเขาตอนนี้กำลังเดินตามหลังเพื่อนรักอีกที และดูเหมือนว่าอุปสรรคเส้นทางของเขาดูจะไม่สวยหรูเหมือนกับเพื่อนรักสักเท่าไร สามเณรไผ่ศธรต้องปรับตัวเองให้ชินกับความเหงาความเดียวดายและต้องช่วยเหลือตัวเองในทุกๆอย่าง เพราะไม่มีพระพี่เลี้ยงคอยดูแลเหมือนกับเพื่อนรัก พลบค่ำมาต้องอยู่กับหนังสือตำราเรียนที่เป็นภาษาบาลีแทบทุกวัน ด้วยเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่พอสมควรการอยู่พักก็ดูจะเป็นสัดส่วนของแต่ละคน จึงทำให้เขาเกิดอาการของความเหงาเข้ามาครอบงำได้ง่าย เพื่อนสามเณรด้วยกันก็พลันเงียบงันพอพลบค่ำต่างก็เก็บตัวเงียบขลุกตัวอยู่ในห้องของใครของมันและต่างก็มีพระพี่เลี้ยงคอยกำกับดูแล เพราะภิกษุ-สามเณรเหล่านี้ต่างถูกส่งตัวเข้ามาจากต่างถิ่นด้วยกันทั้งนั้น <br />
<br />
ป้าไหม สายใยและนันเอง นานๆทีถึงจะได้เข้ามาเยี่ยม ทุกครั้งที่มาสามเณรไผ่ศธรจะอดยิ้มไม่ได้กับความน่ารักน่าชังของหลานสาวตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังอยู่ในวัยซน ตอนนี้เขาเองก็กำลังสับสนกับตัวเอง เส้นทางของชีวิตจะเป็นไปในรูปแบบไหนดี จะต้องตกอยู่ในลักษณะแบบนี้อีกนานเท่าไร ความยากจนแร้นแค้นถูกบังคับให้เขาต้องตัดสินใจเข้ามาอยู่ในจุดนี้ ในขณะเดียวกันที่เพื่อนในวัยเดียวกันที่พ่อแม่พอจะมีกินอยู่บ้าง ส่วนมากจะถูกส่งเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมของตัวอำเภอหรือตัวจังหวัด พวกเขาเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะได้เจอเพื่อนๆมากมาย ไม่เหงาไม่เดียวดายเหมือนกับเขา และเพื่อนๆเหล่านี้ยังได้เลือกเส้นทางในการศึกษาที่ตัวเองชอบและใฝ่ฝันต่อไป ซึ่งตัวเขาเองก็แอบมองอยู่หลายๆครั้งที่มีโอกาสได้ออกไปยังนอกสถานที่ ต่างกันกับทางป้าไหมที่ต้องคอยหาเลี้ยงปากท้องในแต่ละวันก็ลำบากยิ่งแล้วจะหาเงินที่ไหนมาเสียให้เขาได้ร่ำเรียนเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ยิ่งช่วงนี้สุขภาพป้าไหมเองก็ดูจะเจ็บออดๆแอดๆอยู่เรื่อยๆ คงเป็นเพราะอายุมากขึ้นและการตรากตรำทำงานหนักทุกวันนั่นเอง ลำพังเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็ดูจะขัดสนอยู่แล้ว แล้วไหนจะต้องเจียดมาเป็นค่าหมอค่าหยูกยาอีก “ เฮ้ออ..” สามเณรไผ่ศธรถอนหายใจออกแผ่วเบาพร้อมกับยกท่อนแขนก่ายหน้าผากตัวเอง ส่วนวีระจักรเพื่อนรักอีกคนตอนนี้ได้ข่าวว่าลงไปทำงานที่กรุงเทพแล้ว เพราะหลังจากที่เขาถูกส่งตัวเข้ามาที่วัดมิ่งวรารามได้เพียง5เดือนเศษ เพื่อนรักของเขาก็ได้ขอท่านพระครูฯลาสิกขาสู่เพศฆราวาส โดยให้เหตุผลเพียงสั้นๆว่า อยากไปทำงาน แต่ลึกๆแล้วเขารู้ดีว่าเพื่อนรักคนนี้ก็เกิดอาการเดียวกันกับเขาในตอนนี้ก็คือความเหงากับการไม่มีเพื่อนเข้าครอบงำสภาวะจิตใจนั่นเอง และมีสิ่งหนึ่งที่เขาและเพื่อนรักคนนี้จะลืมไม่ได้ก็คือ “ คำมั่นคำสัญญาที่จะไม่ทอดทิ้งกันจะคอยช่วยเหลือกันมีทุกข์ร่วมทุกข์มีสุขร่วมสุข หรือแม้แต่ที่ต้องเจอปัญหาอันเลวร้ายพวกเขาทั้งสองจะต้องช่วยเหลือกันถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามที “ นี่คือคำสัญญามั่นที่พวกเขาทั้งสองได้ให้ไว้ต่อกันในพระอุโบสถหลังใหญ่ที่วัดอุดมคีรีเขต บ้านหนองนางาม ก่อนที่ตัวเขาเองจะถูกส่งตัวเข้ามาที่ตัวอำเภอพล <br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj60y1zkZ_bwhMNeOshqIVCIWGqPjmbplqNBIXZtV8-McZ5r7wUu7ZrxjeVny63e0CsLLxoWgQ9wnKNNbFOBXhyphenhyphenyOF6WpPi4RBebcwCzQw-A2kWuOcdliHOX7WvMk35tkfl79Nig9LCfqXW/s1600/20110313041751.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj60y1zkZ_bwhMNeOshqIVCIWGqPjmbplqNBIXZtV8-McZ5r7wUu7ZrxjeVny63e0CsLLxoWgQ9wnKNNbFOBXhyphenhyphenyOF6WpPi4RBebcwCzQw-A2kWuOcdliHOX7WvMk35tkfl79Nig9LCfqXW/s400/20110313041751.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
สามเณรไผ่ศธรปล่อยให้ความนึกคิดล่องลอยไปกับอารมณ์เหงาๆในยามเช้าพลันก็ต้องดึงกลับให้คงที่ เขาขยับกายลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟภายในห้อง และก็ทำภารกิจประจำวันของตัวเอง การเดินบิณฑบาตในตัวเมืองต้องออกแต่เช้าตรู่ เส้นทางที่ต้องเดินทุกวันก็ดูเหมือนจะไม่ไกลจนเกินไปนักสำหรับเขา ออกจากวัดที่อยู่เยื้องกับ บขส. มุ่งตรงถึงแยกหอนาฬิกาแล้วก็เดินขนานมาตามเส้นทางรถไฟแล้วก็วกกลับเข้าวัด ระยะทางก็น่าจะอยู่ที่ไม่เกินสองกิโลเมตร ส่วนในตอนเพลนั้นก็ต้องคอยไปรับปิ่นโตจากโยมแม่อุปัฏฐาก (ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคิวรถ บขส. มากนัก) <br />
<br />
<br />
<br />
//////////////////////////////////////////////////////////////////<br />
<br />
<br />
<br />
(อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร)<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8447w3Tw6RUW9d_N75-ixp3I5jK8mAPAo_WsOdCRwZFmvV4qXjw9F-DHChY8yxRVhghuUzsXwDkHTF8_muSxqHwadTZdv8gyvrmUHlmDz-m3f9UtHraJXJyUJGRwA4bPx_pSypskpjjIm/s1600/20110313042016.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8447w3Tw6RUW9d_N75-ixp3I5jK8mAPAo_WsOdCRwZFmvV4qXjw9F-DHChY8yxRVhghuUzsXwDkHTF8_muSxqHwadTZdv8gyvrmUHlmDz-m3f9UtHraJXJyUJGRwA4bPx_pSypskpjjIm/s400/20110313042016.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
...ณ โรงเรียนมัธยมป่าติ้ววิทยาคาร… <br />
<br />
<br />
“ เหว๋ย…เหว๋ย… เร็วๆแนสองคนนั่น คาแต่ย่างคุยกันอ้อยอิ่งอยู่หั่นหล่ะ เร็วๆมันสิกลับเข้าโรงเรียนบ่ทัน…” เสียงนักเรียนกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าร้องดังขึ้น บอกให้เพื่อนชายหญิงอีกสองคนที่เดินตามหลังมารีบเดินให้ทันกลุ่มของตน ทำให้ดรุณีร่างเล็กวัย15ต้องหยุดชะงัก ใบหน้าอาบด้วยรอยยิ้มที่เอียงอายเล็กน้อย มองเห็นฟันมีเขี้ยวเล็กๆที่แซมอยู่ผุดประกายขึ้นมา พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันกลุ่มเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า….. <br />
<br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-83256210778917383992011-06-09T05:34:00.000-07:002011-06-09T05:34:05.924-07:00นิยาย กรรมลิขิต 11<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDVTjNt_saQzRTNAuWXLtgk5-p-n24_anl3Dd3ZlJAFGqEDpLRNyjars0FrnJarsfwCrrgoqtcOs0glAvIR_WRz9_m8zGhnuVICkY3Zemd0cu8ktQY-8gGAhcx33BnNaTNyyEkRPEldoJE/s1600/20100924012447.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="274" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDVTjNt_saQzRTNAuWXLtgk5-p-n24_anl3Dd3ZlJAFGqEDpLRNyjars0FrnJarsfwCrrgoqtcOs0glAvIR_WRz9_m8zGhnuVICkY3Zemd0cu8ktQY-8gGAhcx33BnNaTNyyEkRPEldoJE/s400/20100924012447.jpg" /></a></div><b> <br />
<br />
...คำนำ.... <br />
..บทละครต่อไปนี้ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะชักนำไปในทางที่ไม่สมควรหรือเสื่อมเสีย และไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝง เป็นจินตนาการที่เกิดจากตัวคนเขียนเอง หากสิ่งใดไม่สมควรผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จุดประสงค์ของผู้เขียนต้องการสื่อให้ผู้อ่านเกิดความบันเทิงเท่านั้นครับ<br />
<br />
กรรมลิขิต<br />
<br />
ตอน เส้นทางแห่งวิบาก 2<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
เวลา 23.45 น .<br />
<br />
เขตอำเภอ ลำลูกกา <br />
<br />
" ....เปรี๊ยง.....เปรี๊ยงงง....." เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันสองนัดซ้อน ถัดจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีก็เกิดฝุ่นคลุ้งตลบเมื่อรถเก๋งคันงามยี่ห้อดังจากญี่ปุ่นพุ่งชนกระแทกเข้ากับกลุ่มเสาหลักข้างทางหลวงแบบจังเบอร์เพราะเสียการทรงตัว คล้ายกับว่าไร้การควบคุมจากเจ้าของที่อยู่ภายใน เจ้ารถเก๋งคันงามจอดนิ่งสนิทหลังจากที่ส่วนหน้าเก๋งชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างถนนเหมือนกับว่าเป็นระบบเบรคชั้นเยี่ยมจนกระจังหน้าบุบเข้ามาเกือบจะถึงตัวคนขับ เจ้าของที่อยู่ภายในตอนนี้ไร้ซึ่งลมหายใจตั้งแต่เสียงปืนดังขึ้นไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ <br />
<br />
<br />
"... แป๊นน...แป่นนน..แปร๊นนน.." แค่เพียงอึดใจเสียงเจ้ามอเตอร์ไซด์คันใหญ่เชื้อสายเดียวกันกับรถเก๋งก็พุ่งทะยานออกไปจากจุดนั้นพร้อมกับร่างของชายในชุดดำ2คนที่สวมหมวกกันน๊อคปิดอำพรางใบหน้า มีรอยยิ้มเหี้ยมเกิดขึ้นเล็กน้อยกับชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง เมื่อมองเห็นว่างานที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จลงได้แบบง่ายดายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา และนี่มันคงสร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขต จังหวัดปทุมธานีในอีกไม่นานต่อจากนี้ไป คงจะเป็นคดีสะเทือนขวัญและถูกกล่าวถึงตามหน้าจอทีวีและหนังสือพิมพ์เป็นแน่แท้ <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEje2pbeDutdu2zFNmQLL-DGHTx140Gxpgvg3xJl5OBjrY7Vy-lF-G8cDYXSEmgREmlpvR2ZPgnHeJgu-nh6s1t-wgQPZYwh4YThVIhw5szthyphenhyphenBuXYzYuWEbdOI3qG3t3E1FH3arEHLpm6Lj/s1600/20110130031204.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEje2pbeDutdu2zFNmQLL-DGHTx140Gxpgvg3xJl5OBjrY7Vy-lF-G8cDYXSEmgREmlpvR2ZPgnHeJgu-nh6s1t-wgQPZYwh4YThVIhw5szthyphenhyphenBuXYzYuWEbdOI3qG3t3E1FH3arEHLpm6Lj/s400/20110130031204.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
......หนึ่งชั่วโมงต่อมา...... <br />
<br />
มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอดเคียงข้างรถเก๋งคันหรูในปั๊มน้ำมันย่านรังสิต ชายหนุ่มในชุดดำก้าวลงจากรถพร้อมกับพยักหน้าให้สัญญาณกับคู่หูที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ หลังจากนั้นเจ้า KR 150 CC. ก็พุ่งทะยานออกไปแบบรู้หน้าที่มุ่งตรงเข้าไปยังเขตดอนเมืองต่อไป ใบหน้าที่เฉยชาของชายหนุ่มในชุดดำเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อหมวกกันน๊อคถูกเปิดออก และรอยยิ้มกับเปิดกว้างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองเห็นบุคคลภายในรถเก๋งคันหรูที่ติดเครื่องรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ... <br />
<br />
" อ้ายรุจมาซ้าไป15นาที ปล่อยให่เดือนมานั่งถ่าอยู่ตั้งโดน " เสียงผู้ที่อยู่ในรถเก๋งต่อว่าแสดงสีหน้างอหลังจากที่ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปนั่ง <br />
<br />
" แหม..เดือนกะดายเนาะ... อ้ายแค่มาซ้าแค่บ่กี่นาทีเองเด๊ะหล่ะ แค่นี้กะเคียดให่อ้ายแล้วติหนิ ฮึ๊..งึดหลายน้อคนเอ๊ยย.. กะมื้อนี้แก่นมันขับซ้าเองเนาะ..อ้ายต้องไถ่โทษแล้วมั้งงานหนิแหม่ะ..อึ๊หึ๊… " ชายหนุ่มอธิบายกับเธอพร้อมกับจูบเข้าไปที่หน้าผากอันกลมมนได้รูป ทำให้ใบหน้าที่บึ้งอยู่เล็กน้อยก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มแทน<br />
<br />
" ตลอดหล่ะอ้ายรุจหน่ะ โยนควมผิดให่อ้ายแก่นเพินตลอดเลย บ่เคยยอมรับเจ้าของ " เธอยังมีอารมณ์แสนงอนอยู่บ้างแต่เธอก็เข้าใจเขาดี แม้คำพูดจะออกมาในลักษณะนี้แต่ส่วนลึกภายในของเธอแล้วกลับรักเขามาก และเข้าใจดีว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เขาต้องผ่านกับงานอะไรมา สิ่งที่เธอจะต้องทำในขณะนี้ก็คือพาเขากลับไปยังคอนโดหรูที่ชายหนุ่มคนรักซื้อไว้อยู่ในย่านมีนบุรีและตัวเธอเองคือสิ่งที่สำคัญมากที่ช่วยให้เขาผ่อนคลายได้มากขึ้น <br />
<br />
..รถเก๋ง BMW สีดำวิ่งออกจากปั๊มแห่งนั้นในเวลาต่อมา ชายหนุ่มปรับเอนเบาะและข่มเปลือกตาลงเล็กน้อยหลังจากที่ตัวเขาต้องผ่านงานอันตึงเครียดมา เขาปล่อยให้แฟนสาวทำหน้าที่คนขับแทน เธอคือคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด แม้ว่าจะดึกสักแค่ไหนเธอก็ยังทำหน้าที่ของเธอได้แบบไม่ขาดตกบกพร่องแม้ว่าบางครั้งเธอจะเอ่ยปากในเชิงตัดพ้อเขาอยู่เรื่อยๆ แต่มันก็เป็นแค่อารมณ์หงุดหงิดภายนอกเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วเธอกลับรักเขาและพร้อมมอบกายถวายชีวิตให้กับเขาเลยที่เดียว วิศรุจเจอเธอในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเขตรามอินทรา หลังจากที่เขาเข้าไปดูลาดเลากับงานที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความมุ่งมั่นแห่งการเป็นนักรักชั้นเลิศ ชายหนุ่มก็สามารถดึงเธอเข้ามาครอบครองได้ในเวลาที่ไม่นานนัก วิศรุจมอบความรักและปรนเปรอเธอทุกอย่างจนทำให้เธอมอบกายถวายชีวิตให้กับเขาแม้เธอจะรู้ดีว่าเส้นทางที่วิศรุจกำลังเดินอยู่นี้มันเลวร้ายมืดมนขนาดไหน แต่เมื่อความรักความสิเหน่หาเข้าครอบงำแล้ว ทุกๆอย่างก็ดูจะไร้ค่าสำหรับมนุษย์ปุถุชนผู้มีจิตอันต่ำเยี่ยงนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเดือนนภา สาวสวยวัย22จากจังหวัดอุบลราชธานีคนนี้… <br />
<br />
วิศรุจ หนุ่มลูกอีสานแห่งเมืองตำน้ำกินดินแดนที่ขึ้นชื่อถึงความแห้งแล้งในอดีตกาล ชีวิตเส้นทางแห่งความยากแค้นแสนเข็ญเป็นจุดกำเนิดให้ผันตัวเองก้าวย่างเข้ามาในเส้นทางที่ดำมืดจนยากเกินที่ตัวเขาจะถอนกลับ ชีวิตของเขาเริ่มต้นเหมือนกับเด็กลูกอีสานทั่วไป ต้องปากกัดตีนถีบดิ้นรนสู้ทำงานเพื่อสร้างตัวเองให้สู่ความมั่นคงแห่งอนาคตของตัวเอง “ ชลบุรี “ คือจังหวัดของการเริ่มต้นที่เขาตัดสินใจเหยียบย่างเพื่อจะก่อร่างสร้างตัวเพราะจังหวัดแห่งนี้เป็นเมืองท่าที่มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่มากมาย ด้วยนิสัยแห่งการรักสนุกชอบท่องเที่ยวแห่งอิสระเสรีทำให้ชีวิตเขาเองต้องผกผันมาสู่เส้นทางแห่งนักฆ่าหรือที่เรียกกันว่า “ มือปืน” ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดชลบุรีดึงเขาเข้ามาอยู่ในสังกัดหลังจากที่เห็นเขาสร้างวีรกรรมในผับแห่งหนึ่งย่านบางแสน ด้วยบุคลิคที่เงียบและเคร่งขรึมภายนอกบวกกับความเลือดเย็นภายในมันทำให้เขาต้องตาต้องใจผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นเป็นอย่างมาก เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่จุดนี้ถึง2ปี ก็ได้รับการติดต่อมาจากทางกรุงเทพฯให้เข้าไปช่วยงาน โดยเขารู้เพียงคร่าวๆในตอนนั้นว่าผู้ที่อยู่ทางกรุงเทพฯเป็นเพื่อนกันกับนายที่อยู่ชลบุรีนั่นเอง วิศรุจดึงตัวเพื่อนสนิทเข้ามาร่วมงานกับเขาอีกคน ปฐมพงษ์ หรือแก่น เด็กหนุ่มจากเมืองแก่นขอน ผู้ที่เข้ามาเป็นคู่หูของเขาและทำหน้าที่เป็นคนขับขี่ที่พร้อมจะพาเขาไปได้ทุกที่ทุกเส้นทางในเขตกรุงเทพและปริมณฑลรวมไปถึงเขตรอบนอก รู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่ชายหนุ่มจะดึงตัวเขาเข้ามารับหน้าที่ในจุดนี้ เพราะถ้าหากไม่แน่จริงพวกเขาก็คงจะจบเห่ลงแบบง่ายๆและต้องเขาไปใช้วิบากแห่งกรรมที่เขาได้กระทำลงไปต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแบบเลือดเย็น… <br />
<br />
<br />
<br />
ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ <br />
<br />
ณรงค์ฤทธิ์ เสี่ยหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลกำลังนั่งดื่มอยู่ในห้องส่วนตัวโดยมีหญิงสาวนั่งขนาบข้างอยู่สองฝั่ง เสียงเธอหัวเราะระริกด้วยความชื่นมื่นพร้อมกับปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองแบบเต็มที่ เพราะหนุ่มผู้นี้คือผู้มีพระคุณแก่พวกเธอและพวกเธอเองก็พร้อมที่จะสนองความพึงพอใจให้กับชายหนุ่มผู้นี้แบบไม่มีข้อยกเว้น อรและดาหลา ดาวเด่นแห่งไนท์คลับแห่งนี้พวกเธอคือจุดดึงดูดเม็ดเงินจากนักเที่ยวยามราตรีได้มากที่สุด ด้วยหุ่นที่อวบอัดและทรวดทรงที่ใครเห็นแล้วต้องอ้าปากค้างพาลนึกเป็นห่วงหนักอกหนักใจแทนพวกเธอเป็นยิ่งนัก เพราะมันทะลักล้นออกมาจนที่จะอดเป็นห่วงเอาเสียไม่ได้นั่นเอง <br />
<br />
<br />
“ ให้น้องเป็นฮัก อ้ายสิขอเป็นแฮง อ้ายเป็นคนหาเจ้าคอยเก็บแบ๊งค์ สร้างฝันด้วยแรงที่อุ้มด้วยฮัก..เห็นดีนำบ่ หรือมีแล้วบ้อ… “ <br />
<br />
เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เสี่ยหนุ่มต้องหยุดกับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้าทันที <br />
<br />
“ ว่าได๋รุจ … ราบรื่นดีบ่ “ <br />
<br />
“ ดีแล้ว ….โตบ่เคยเฮ็ดให่เฮาผิดหวังอยู่แล้ว.. “ <br />
<br />
“ อยู่ไสตอนนนี้ “ <br />
<br />
“ เอ้อ..ดีแล้ว..พักตามสบาย.. เดี๋ยวมื้ออื่นเฮาโอนเข่าบัญชีให่ดอกเว๊ย..เดี๋ยวสิมีใบสั่งไปหาอีกดอก เตรียมควมพ้อมไว้ตลอดแนหล่ะ ” <br />
<br />
“ เอ้อ …ดีดี แค่นี้หล่ะ.. “ <br />
<br />
เสียงสนทนาสิ้นสุดลงทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากณรงค์ฤทธิ์อีกครั้ง เล่นเอาอรและดาหลาพลันยิ้มเอาใจขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าเสี่ยของพวกเธอสุขใจยิ่งนักกับงานที่มอบผ่านไปให้ลูกน้องจัดการมันผ่านฉลุย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5NGt2HoNjIGuY5J706nnnn-YRrnNgDmxcmn9NQaVKrU_zNN1kOgrgeVy8n-o5X4801Cw5QtfNt_Z2pBp6Oe1fqMELp-MT8n44LY0BgRdlOYWeSpSBXqeiHnNMG4jNsamKH4R6nlF419EN/s1600/20110130031350.jpg" imageanchor="1" style="clear:right; float:right; margin-left:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5NGt2HoNjIGuY5J706nnnn-YRrnNgDmxcmn9NQaVKrU_zNN1kOgrgeVy8n-o5X4801Cw5QtfNt_Z2pBp6Oe1fqMELp-MT8n44LY0BgRdlOYWeSpSBXqeiHnNMG4jNsamKH4R6nlF419EN/s400/20110130031350.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
“ สายอมรวสันต์ คอนโดมิเนียม “ <br />
<br />
รถเก๋ง BMW สีดำคันงามขับเข้าไปจอดอยู่ลานจอดข้างล่าง เดือนนภา เขย่าร่างของแฟนหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์แห่งความหลับใหล <br />
<br />
“ อ้ายรุจ ..ตื่นได้แล้ว..ฮอดห้องแล้ว แม่นหยั๋งบ่พอคราวเผลอหลับแล้ว เมื่อกี้เดือนยังเห็นอ้ายโทรไปรายงานเสี่ยเพินอยู่ “ เธอเขย่าต้นแขนเขาซ้ำหลังจากที่เขายังนิ่ง ชายหนุ่มขยับกายงัวเงียตื่นจ้องมองหน้าเธอพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย เขารู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่กับเธอ <br />
<br />
“ เอ้อ..อ้ายรุจ.. งานคืนนี้เสี่ยเพินออกใบสั่งให่อ้ายเฮ็ดงานทางได๋ “ เธอถามพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่ม เขายิ้มนิดๆก่อนจะตอบเธอออกไป<br />
<br />
“ ลูกค้าระดับกลางของเสี่ยเพินหน่ะเดือน ..เสี่ยบอกว่ามันกำลังสิตีโตออกห่างไปรับออเดอร์ยาจากรายอื่น มันว่าทางอื่นให่ถืกกว่า เสี่ยเลยสั่งเก็บเป็นการสั่งสอน ป๊ะขึ่นห้องได้แล้ว อ้ายเมื่อยเต็มทีแล้ว อยากพักผ่อน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับชวน เขาไม่มีความลับอะไรสำหรับเดือนนภา และเขาก็เชื่อว่าเธอจะไม่มีวันทรยศเขาเป็นอันขาด <br />
<br />
“ ไปติ๊หล่ะ..เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน เดี๋ยวเดือนสินวดให่เองอ้ายสิได้ผ่อนคลาย “ เธอบอกยิ้มหวานสายตาทอเป็นประกายดึงมือชายหนุ่มให้ถลาตามขึ้นห้องทันที <br />
<br />
<br />
เช้าวันต่อมา 09.15น. สถานีตำรวจ หัวหมาก <br />
<br />
“ พี่หน่อยกับพี่ลุ่มครับ ผู้กำกับเพินเอิ้นให่เข่าไปหาครับ ..เดี๋ยวนี้เลย..” <br />
<br />
เสียงร้อยเวรตะโกนบอกพร้อมกับแสดงสีหน้าเคร่งเครียดมาแต่ไกล ทำให้ ร้อยตำรวจตรีหญิงกัญญา และ ร้อยตำรวจตรี ประยูร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต้องหันขวับมองหน้ากันทันใด พร้อมกับฉุกคิดว่างานเข้าแต่เช้าอีกแล้ว……<br />
<br />
<br />
<br />
เช้าวันต่อมา 09.15น. สถานีตำรวจ หัวหมาก <br />
<br />
<br />
“ พี่หน่อยกับพี่ลุ่มครับ ผู้กำกับเพินเอิ้นให่เข่าไปหาครับ ..เดี๋ยวนี้เลย..” เสียงร้อยเวรตะโกนบอกพร้อมกับแสดงสีหน้าเคร่งเครียดมาแต่ไกล ทำให้ ร้อยตำรวจตรีหญิงกัญญา และ ร้อยตำรวจตรี ประยูร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต้องหันขวับมองหน้ากันทันใด พร้อมกับฉุกคิดว่างานเข้าแต่เช้าอีกแล้ว……<br />
<br />
" เออนี่พวกคุณ..ผมมีงานให้คุณทั้งสองรับไปทำหน่อย " เสียงของ พ.ต.ต. ปรีชา สังควรรณาการชัย หรือผู้กำกับต้องแล่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้เรียกกันในตอนที่ผู้กำกับคนนี้ไม่ได้อยู่ร่วมวงสนทนา มาดขรึมตามสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว มีให้เห็นในทันทีเมื่อร้อยตำรวจตรีหญิงกัญญาและร้อยตำรวจตรีประยูรเข้าไปถึงภายในห้องที่ทำงานส่วนตัวของเขา <br />
<br />
" เอ่อ..ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรให้พวกเราทำค่ะท่านฯ " ตำรวจหญิงคนสวยที่ปนไปด้วยมาดเท่ห์นัยๆแห่งเมืองดอกบัวเอ่ยถามกลับ <br />
<br />
" คือว่าผมได้รับหนังสือมาจากทางหลายหน่วยงานหลายสถานีประสานขอความร่วมมือมายังสถานีเราว่า ในเขตพื้นที่ที่เรารับผิดชอบอยู่นี้อาจจะมีผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาจากพื้นที่รอบนอกหนีเข้ามากบดานอยู่ในเขตพื้นที่ของเรา และอีกอย่างทางผู้ใหญ่ท่านกำชับสั่งการลงมาให้เข้มงวดกับสถานบริการเริงรมณ์ยามค่ำคืนที่มักจะเปิดเกินเวลาที่กฏหมายกำหนด สถานบริการยามค่ำคืนเหล่านี้มักจะมีธุรกิจลับๆที่ผิดกฏหมายแอบแฝงอยู่ ผมอยากให้คุณทั้งสองเข้าไปหาข่าวโดยการลงพื้นที่หน่อยก็ดี เพราะช่วงนี้ในเขตพื้นที่ที่เรารับผิดชอบอยู่มันมีคดีอาชญากรรมที่พัวพันไปถึงยาเสพติดเกิดขึ้นถี่เหลือเกิน คุณจะดึงคนไหนเข้าไปร่วมก็ได้แค่เขียนรายงานส่งเรื่องเข้ามาที่ผม เดี๋ยวผมจะเซ็นต์อนุมัติให้เอง " ผู้กำกับตงฉินกล่าวออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเคร่งนิดหน่อย ปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานถูกจับขึ้นมาเคาะที่หัวเล่นอยู่เป็นระยะๆ นี่คือสไตล์ของผู้กับกับตงฉินที่กระทำอยู่บ่อยๆจนเกิดเป็นนิสัยเมื่อมีเรื่องให้เข้ามาขบคิด เพราะเมื่อวานกับวันนี้เขาได้รับหนังสือจากสถานีตำรวจรอบนอกส่งมาขอความร่วมมืออีกทั้งยังได้รับโทรศัพท์สายตรงจากผู้กำกับสถานีแห่งนั้นด้วย <br />
<br />
" ครับท่านฯ เดี๋ยวพวกเราจะเร่งลงพื้นที่และหาข่าวให้ได้เร็วที่สุดครับท่าน " ลุ่ม หรือฉายา ลุ่มดอนไข่ ตำรวจฝีมือเยี่ยมหนุ่มไฟแรงจากอำเภอบึงกาฬที่พึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนของประชาชนได้เพียงสองปีกล่าวให้ความมั่นใจกับผู้บังคับบัญชาของตน มีรอยยิ้มวาบเกิดขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย เพราะการลงพื้นที่เข้าไปหาข่าวมันทำให้เกิดความตื่นเต้นความเร้าใจอยู่ลึกๆสำหรับตำรวจหนุ่มไฟแรงคนนี้ <br />
<br />
<br />
<br />
"สายอมรวสันต์ คอนโดมิเนียม " <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgcerVTHNHaVyePepohdqS0ThKPFn84RysHj4D4a_GJXpnA7l3z7gVuIfl59xfiBY_X1QRVE8dG1Mc3m162z6AeWBnvb_kseOfmieniO5MqLPWIrRdVoTxyXwTkzg3NE1qZdp9A4E3uNMAk/s1600/20110130031350.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgcerVTHNHaVyePepohdqS0ThKPFn84RysHj4D4a_GJXpnA7l3z7gVuIfl59xfiBY_X1QRVE8dG1Mc3m162z6AeWBnvb_kseOfmieniO5MqLPWIrRdVoTxyXwTkzg3NE1qZdp9A4E3uNMAk/s400/20110130031350.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากภารกิจเมื่อคืนบวกกับเกมแห่งความรักที่เดือนนภามอบให้ ทำให้สภาพชายหนุ่มตอนนี้ต้องหลับไหลแบบคนไร้สติ แม้เดือนนภาจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วแต่มันก็ไม่ทำให้เขาตื่นจากความหลับใหลได้เลยถ้าไม่มีเสียงนี้ดังขึ้นเสียก่อน <br />
<br />
" ..ก๊อก....ก๊อก...ก๊อก.." เสียงประตูห้องดังขึ้น3ครั้งติดต่อกัน มันทำให้ชายหนุ่มต้องสะดุ้งตื่น ความระแวดระวังสติสัมปชัญญะถูกดึงกลับเข้ามาอีกครั้ง สายตาของเขามองหาเดือนนภาคนรักทันที เขาไม่เห็นเธอแต่คาดเดาได้ว่าเธออยู่ในห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวพร้อมกับเสียงเธอคลอเพลงแผ่วเบาอย่างอารมณ์ดี <br />
<br />
" ..ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก.." เสียงประตูห้องถูกเคาะซ้ำอีกชุดเมื่อไร้การตอบสนองจากผู้ที่อยู่ภายใน ชายหนุ่มคว้าผ้าขนหนูขึ้นมานุ่งพร้อมกับนึกในใจว่าทำไมต้องเคาะกัน3ครั้งทุกทีไปหรื่อนี่เป็นการเคาะระดับสากลกันไปแล้ว ลิ้นชักถูกเปิดออกพร้อมกับหยิบอาวุธคู่กาย เขาเดินตรงไปที่ประตูอย่างแผ่วเบา สายตาถูกแนบเข้าไปตรงกระจกที่ตัวเล็ก(ที่ติดไว้ส่องดูบุคคลภายนอก) สีหน้าปนความสงสัยออกมาเล็กน้อยเมื่อเจอกับบุคคลที่อยู่ภายนอก <br />
<br />
" ไผ๋ว๊ะ..สิเป็นหมู่เดือนหล่ะมั้ง " เขาเปิดประตูออกไปและมันสร้างความตกใจให้กับผู้อยู่ภายนอกเล็กน้อย ดูเธอสะดุ้งพร้อมกับยิ้มเขิลเมื่อเห็นสภาพการแต่งตัวของเขา <br />
<br />
" เอ่อ...ขอโทษค่ะพี่ ..หนูคงจะเคาะห้องผิด " หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดติ้วกล่าวตะกุกตะกักพร้อมกับก้มหลบสายตาและเดินออกจากจุดนั้นทันที วิศรุจจ้องมองตามหลังเธอพร้อมกับทอประกายเปื้อนยิ้มนิดๆ ความสวยและหุ่นของเธอเมื่อเทียบชั้นกับเดือนนภาแล้วต้องบอกว่าเธอคนนี้ก็ไม่ได้เป็นรองเลย เขาปิดประตูและเดินกลับเอาอาวุธคู่กายเข้าเก็บประจำยังที่เดิม <br />
<br />
" อ้าว..อ้ายรุจ..คือตื่นแต่เซ้าแท้ คือบ่นอนพัก เดือนไปมหาลัยกลับมาเดือนสิมาปลุกดอก มื้อนี้มีเรียนบ่โดนดอกจ้า " เดือนนภาออกมาในชุดนุ่งผ้าขนหนูกระโจมอก เม็ดน้ำที่เกาะตามร่างกายของเธอมันช่างชวนให้น่ามองน่าหลงใหลยิ่งนัก เธอยิ้มหวานให้เขาก่อนที่จะหันไปให้ความสนใจกับตัวเธอเองต่อ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วสำหรับการเรียนของเธอ ระยะนี้ส่วนมากจะเป็นการร่วมกิจกรรมเสียส่วนมากซึ่งใช้เวลาไม่เยอะ เธอจึงมีเวลาให้กับเขามากขึ้น <br />
<br />
" ได้จ๊ะเดือน ...กลับมากะค่อยมาปลุกอ้ายกะแล้วกัน ออกไปอย่าลืมล็อคห้องให้อ้ายนำแนหล่ะ " ชายหนุ่มบอกแล้วล้มตัวลงที่นอนพร้อมกับปิดเปลือกตาลง ภาพหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูเมื่อครู่นี้ผุดขึ้นมาล่องลอยอยู่ในสมอง ไม่นานนักเขาก็หลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNPKjEh2jnbESi-wC5bEbn-o5HS5xLx0CwGxNIkOUm91P-99mHCKc_njrD4VFSzywyvIvultqHfElJMLg6Pv6Znsgbw1QAqj7vUmtmq0NP-2rw4mojUphvNU4oPwIa4LxnOnD-FyT_oZj2/s1600/b2035.jpg" imageanchor="1" style="clear:right; float:right; margin-left:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNPKjEh2jnbESi-wC5bEbn-o5HS5xLx0CwGxNIkOUm91P-99mHCKc_njrD4VFSzywyvIvultqHfElJMLg6Pv6Znsgbw1QAqj7vUmtmq0NP-2rw4mojUphvNU4oPwIa4LxnOnD-FyT_oZj2/s400/b2035.jpg" /></a></div><br />
<br />
“ ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ “ เวลา 21.50 น. <br />
<br />
<br />
ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ผู้คนนักท่องเที่ยวยามราตรีพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ วิศรุจ และ ปฐมพงษ์หรือแก่น คู่หูคนสนิทออกมาจากคอนโดด้วย BMW คันเก่งของเขาโดยที่ปฐมพงษ์นั้นขับมอเตอร์ไซค์คู่ชีพมาจอดไว้ลานจอดข้างล่างของคอนโด ส่วนเดือนนภานั้นเธอออกเดินทางไปทำธุระต่างจังหวัดกับเพื่อนตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ....และใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก BMW คันงามก็เข้าเทียบจอดยังลานบริเวณภายนอก <br />
<br />
“ หวัดดีอ้ายรุจ…..เสี่ยเพินนั่งถ่าอยู่ข้างในครับ ผมเตรียมของโปรดไว้ถ่าอ้ายแล้ว “ เสียงตั้ม เมืองศรี ดังขึ้นเดินเข้ามาหาเขาเมื่อมองเห็นบีเอ็มคันงามเลี้ยวเข้ามาตั้งแต่ทีแรก <br />
<br />
“ อื้อ..ขอบใจว๊ะตั้ม..น้องหล่าฮู้จักใจอ้ายดีแท้ๆว๊ะ “ ชายหนุ่มบอกยิ้มๆพร้อมกับหันไปพยักหน้าให้กับแก่นคู่หูคนสนิทให้ตามเข้าไปด้วย <br />
<br />
“ เสี่ยณรงค์ฤทธิ์ “ นั่งรออยู่ภายในห้องส่วนตัวอย่างใจเย็น สองข้างถูกประกบไปด้วยสาวสวยคู่เดิมคืออรและดาหลา สองสาวที่เสี่ยหนุ่มไว้เนื้อเชื่อใจและทำหน้าที่เลี้ยงดูปูเสื่อให้กับพวกเธอเป็นอย่างดี รอยยิ้มของเธอถูกส่งมาทักทายหลังจากที่วิศรุจและปฐมพงษ์เข้ามายังในห้อง <br />
<br />
“ อ้าว..รุจ..แก่น..นั่งๆ เฮาถ่าพวกโตอยู่ ..อรขยับไปนั่งนำรุจไป๋ “ เสียงของเสี่ยหนุ่มกล่าวทักทายเขาพร้อมกับสั่งให้สาวร่างทรงโตที่นั่งเบียดอยู่ด้านขวามือขยับไปนั่งกับชายหนุ่ม<br />
<br />
“ หวัดดีครับเสี่ย..บ่เป็นหยั๋งดอกครับให้น้องอรนั่งอยู่กับเสี่ยนั่นหล่ะครับดีแล้ว<br />
“ วิศรุจบอกพร้อมยิ้มเล็กน้อยแม้เขาจะไม่ใช่คนที่มีใบหน้าคมเข้มแต่รอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็สะดุดสายตาของสาวๆได้ดีทีเดียวมันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเลือดเย็นอยู่ภายใน <br />
<br />
“ เอ๊า…กินๆกันก่อน เดี๋ยวค่อยคุยงานของเฮาทีหลัง “ เสี่ยหนุ่มบอกหลังจากที่อาหารชุดนี้ถูกยกมาวางรอไว้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว วันนี้วิศรุจถูกทางเสี่ยหนุ่มโทรตามให้เข้ามาเจอที่นี่ เพื่อมอบหมายงานใหม่ให้นั่นก็คือ “ ปิดบัญชี “ ลูกค้าเอเย่นต์ระดับกลางๆอีกรายนึง ที่คิดทำตัวออกห่างหันไปทำการค้ากับผู้ค้ารายใหม่ นี่คือประกาศิตที่เสี่ยหนุ่มจะยัดเยียดมอบให้กับเอเย่นต์รายนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ณรงค์ฤทธิ์ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งฟอกเงิน ส่วนแหล่งเก็บซ่อนสิ่งที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงของสังคมถูกเก็บไว้ในคฤหาสน์หลังงามในย่านลาดพร้าวโดยมีตั้ม เมืองศรี และดุ่ย แดนผาขาว เป็นผู้ควบคุมดูแลทำการค้าขายกับเอเย่นต์ทั่วไป ของทั้งหมดนี้ถูกลำเลียงนำเข้ามาตามตะเข็บชายแดนในราคาที่ไม่แพงนักแต่เมื่อมันเข้ามาถึงยังจุดนี้แล้ว มันกลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวทีเดียวเชียว……<br />
<br />
<br />
อาหารบนโต๊ะถูกจัดการไปพร้อมกับการบอกรายละเอียดงานอย่างคร่าวๆโดยที่เสี่ยหนุ่มมอบรูปถ่ายมาให้กับชายหนุ่ม2แผ่น (นี่คือเป้าหมายแห่งการสังหาร) <br />
<br />
“ ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..” เสียงประตูห้องดังขึ้นทำให้วิศรุจต้องนั่งอมยิ้มก่อนจะหันกลับไปดูที่ประตู “ เป็นหยั๋งคือต้องเคาะกัน3เทือตลอดว๊ะ “ พลางคิดไปถึงใบหน้าที่สวยได้รูปของหญิงสาวในวันนั้น ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาและก็เป็นร่างของดุ่ย แดนผาขาว ที่ทำหน้าสีหน้าเครียดเล็กน้อยเดินตรงเข้ามาหานายใหญ่เขา <br />
<br />
“ แม่นหยั๋งว๊ะดุ่ย..มีอีหยั๋ง “ เสี่ยหนุ่มถามหนุ่มมาดเซอร์ผู้เปรียบเสมือนมือซ้ายเขา <br />
<br />
“ ข้างนอกครับเสี่ย มีลูกค้าโต๊ะนึงออกอาการกวนๆแนครับ เขม่นกับเด็กในร้านเฮา “ ดุ่ย แดนผาขาว รายงานเสี่ยหนุ่มด้วยอาการนอบน้อม <br />
<br />
“ มาจั๊กคนว๊ะ “ <br />
<br />
“ มา4คนครับ สามคนนั่นเป็นผู้ซายแต่อีกผู้นึงคือสิแม่นผู้หญิง แต่ว่ามาดออกห้าวๆแต่งโตแบบผู้ซาย ผมเบิ่งแล้วกลุ่มนี้คล้ายกับตำรวจครับเสี่ย เห็นน้องแอ๋วกับน้องยาบอกว่าเขาพยายามถามรายละเอียดเกี่ยวกับร้าน “ <br />
<br />
“ บ่เป็นหยั๋ง..บอกเด็กของเฮาใจเย็นๆอย่าใจฮ้อน เบิ่งไปเรื่อยๆ “ <br />
<br />
“ ครับผม “ <br />
<br />
“ เดี๋ยวบอกตั้มไปเบิ่งนำแน ช่วงนี้ฮู้สึกว่าสิมีลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆและสิมักกวนเด็กเฮา “ <br />
<br />
“ ครับเสี่ย “ <br />
<br />
การสนทนาจบลงแบบรวดเร็วและได้ใจความดุ่ย แดนผาขาวกลับออกไปทำหน้าที่ตามที่นายใหญ่สั่งในทันที ความอดทนต่อการยั่วยุน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องกระทำในเวลานี้ <br />
<br />
วิศรุจ และ ปฐมพงษ์ ขอตัวกลับหลังจากที่ดุ่ย แดนผาขาวออกจากห้องไปได้ไม่นานนัก เมื่อเขาออกมาจากภายในห้องของเสี่ยหนุ่มมา ก็ต้องผ่านบริเวณห้องโถงที่ถูกตั้งไปด้วยโต๊ะอยู่เป็นกลุ่มๆ ตอนนี้มีนักเที่ยวนั่งอยู่หนาตาทีเดียว สายตาของเขาจับไปยังกลุ่มที่ดุ่ยเข้าไปรายงานกับเสี่ยณรงค์ฤทธิ์เมื่อครู่นี้ ด้วยสัณชาตญานของเขาสามารถรับรู้ได้ว่านี่คือตำรวจนอกเครื่องแบบแน่นอน รอยยิ้มที่แฝงด้วยความเยือกเย็นถูกส่งไปทักทายในทันทีเมื่อสายตาเขาปะทะเข้ากับสาวมาดเท่ห์ในกลุ่มนั้นที่นั่งมองตั้งแต่เขาเดินออกมาจากภายในห้องของเสี่ยหนุ่ม….. </b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-59591773948922469702011-06-09T05:23:00.000-07:002011-06-09T05:23:46.616-07:00นิยาย กรรมลิขิต 10<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3Mr2fiWZLY_Wvn2YzyC7iTTGqgdP81kIB14BLqkNmpw3wBYUcI5oo1E9kbR2TyUoPDx_zEYAHgFHzt4HjKRDr1hV2Ls-PtrqwRmnVtJVPaqdG4ctptsej-nl263Dg4LQtj4jcSfFXQ5GU/s1600/20100924012447.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="274" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3Mr2fiWZLY_Wvn2YzyC7iTTGqgdP81kIB14BLqkNmpw3wBYUcI5oo1E9kbR2TyUoPDx_zEYAHgFHzt4HjKRDr1hV2Ls-PtrqwRmnVtJVPaqdG4ctptsej-nl263Dg4LQtj4jcSfFXQ5GU/s400/20100924012447.jpg" /></a></div><b><br />
<br />
กรรมลิขิต<br />
<br />
ตอน เส้นทางแห่งวิบาก 1<br />
<br />
<br />
วิถีเส้นทางเดินของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป ทุกๆสิ่งอย่างย่อมขึ้นอยู่การตัดสินใจในการที่จะเลือกทางเดินของเรา “ ใจ “ คือสิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นตัวแปรในการเลือก ผลการประกอบทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่ที่สภาวะของจิตใจ ความอยาก กิเลส ตัณหา เป็นตัวกระตุ้นให้เราต้องโหยหาและจำยอมรับมันเข้ามา แม้จะรู้ว่าผิดแต่เมื่อสภาวะทางจิตใจอ่อนไหวบวกกับความอ่อนแอก็ย่อมถูกชักนำให้เขวได้ ..ผลประกอบในทางที่เป็นกุศลกรรมนั้นอย่างแรกเราต้องปรับเปลี่ยนและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับจิตใจเป็นอันดับแรกก่อน เมื่อสภาพจิตใจเข้มแข็งก็เท่ากับสร้างภูมิคุ้มกันให้เป็นอย่างดี …. คุณผู้อ่านทุกๆท่าน มาเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันให้กับจิตใจไปพร้อมๆกับผู้เขียนกันดีกว่าครับ……<br />
<br />
<br />
...เสียงไก่ขันส่ง-รับ กันต่อเนื่อง คล้ายกับว่านักวิ่งลมกรดทีมชาติไทยที่คอยวิ่งผลัดส่งไม้กันเป็นทอดๆ ในอีกไม่ช้าไม่นานแสงอรุณยามรุ่งสางก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นแสงสีทองเหลืองอร่าม และมันยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่เช่นนี้เป็นประจำในทุกเช้า พร้อมกับปลุกสรรพสิ่งรอบกายให้ตื่นจากความหลับไหลเพื่อทำหน้าที่แห่งกลไกหน้าที่ที่รับมอบหมายให้ก้าวสู่เส้นทางเดินของแต่ละชีวิตที่แตกต่างกันออกไป นี่คือบทบาทชีวิตของแต่ละคนที่ต้องแสดงให้จบขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกบทบาทและการแสดงไปในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง ความหนาวเหน็บยามเช้าดูจะมีมากเป็นสองเท่ายังผลให้สามเณรตัวน้อยต้องขดตัวเข้ากับจีวรผืนบางที่ใช้เป็นเครื่องประทังความหนาวได้เปลาะหนึ่ง ปีนี้รู้สึกว่าจะหนาวเย็นเป็นพิเศษเสียด้วยซ้ำบวกกับพื้นที่ของวัดอุดมคีรีเขตอยู่ไม่ห่างจากเทือกเขาภูเม็ง....เลยทำให้ความหนาวดูจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เสียงไก่ขันยังดังอยู่เป็นระยะๆทำให้สามเณรตัวน้อยต้องพยุงตัวขึ้นนั่งท่ามกลางความมืดที่ยังปกคลุมอยู่ภายในห้องพอสลัวๆ มองดูเพื่อนรักที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างๆมีรอยยิ้มออกมาจากใบหน้าเล็กน้อย <br />
<br />
" คือสิหนาวแฮงเน๊าะ เหล่นห่มจีวรตั้ง2ผืนเลย ลุกไปเอามาแต่ตอนได๋ว๊า.." พึมพำออกมา พร้อมกับพาตัวเองลุกขึ้นเดินตรงไปเปิดประตูห้องแต่ก็มิวายที่จะลืมคว้าผ้าจีวรผืนใหญ่ห่มตัวเพื่อคลายความเหน็บหนาว<br />
<br />
<br />
...นี่คือกิจวัตรประจำวันของเขา ตั้งแต่หลวงพ่อพระครูฯดึงตัวเขาเข้ามาเป็นสามเณรอุปัฏฐากก้นกุฏิ มันทำให้เขาต้องตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษกว่าใครทั้งหมด เริ่มตั้งแต่จัดแจงหุงข้าว (เพราะตัวหลวงพ่อพระครูฯท่านจะฉันข้าวเหนียวได้ไม่มากเนื่องจากมีผลกับโรคประจำตัวของท่าน และทางหมอก็ดูจะสั่งห้ามเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมาฉันข้าวที่มีสารให้ความหวานน้อยลง) เมื่อออกมานอกห้องสายตาก็เจอเข้ากับหลวงพ่อพระครูฯ ท่านกำลังนั่งทำวัตรเช้าอยู่รูปเดียวเฉกเช่นทุกวัน แม้จะล่วงเลยออกพรรษามาแล้วแต่ท่านก็ยังเคร่งในวัตรปฏิบัติและทำอยู่มิได้ขาด ยังผลให้เกิดรอยยิ้มแก่สามเณรตัวน้อยขึ้นอีกครั้ง นี่คือแบบอย่างที่เขาเห็นแล้วต้องอดที่จะชื่นชมเป็นแบบอย่างไม่ได้ สามเณรไผ่ศธรละสายตาออกจากจุดนั้นและก้าวย่างไปในจุดที่ตัวเองต้องปฏิบัติเป็นอันดับแรก หม้อหุงข้าวถูกจัดการเรียบร้อยในเวลาไม่นานนัก มุ้ง ผ้าห่มที่นอน ในห้องของหลวงพ่อพระครูฯถูกเก็บเข้าที่ในเวลาต่อมาและสิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือกระโถน ที่เขาต้องนำไปเทแล้วก็ล้างทุกเช้าซึ่งแม้ภายในจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไร แต่เขาก็กระทำด้วยความเต็มใจเป็นที่สุดพร้อมสุขใจอยู่ลึกๆที่เขามีโอกาสได้รับใช้พระเถระชั้นผู่ใหญ่ได้แบบนี้ มันเป็นการสอนให้เขาเรียนรู้หลายๆอย่างเมื่ออยู่กับท่าน ไม่ว่าจะเป็นวัตรปฏิบัติ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่พึงมี และความอ่อนน้อมถ่อมตนที่เขาต้องพึงปฏิบัติให้ขึ้นใจ เพราะการเข้ามาอยู่ในจุดนี้เขาต้องเข้าหาพระเถระชั้นผู้ใหญ่แทบทุกวัน หรือแม้แต่หลักการเขียนหนังสือที่หลวงพ่อพระครูฯท่านถ่ายทอดเป็นเชิงบอกกล่าวอยู่เป็นบางครั้ง นี่คือสิ่งที่เขาได้รับและสามเณรตัวน้อยก็พร้อมยินดีรับและปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ... <br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgvxQ6IQwCA99bt-c8BRK1AhAEKVLEckt_WOjXb9MO6psz33AHKEKTTrnNB7jEUi2KK0afsvsPjRS5dlzDr4RSZVIbKODS558PnBpBj5kr1OYnPLU8eL0GuExklFhlJvMF3cxr_V1RPE3Xk/s1600/167675_191804110829604_100000000485141_759359_2672338_n.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="400" width="267" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgvxQ6IQwCA99bt-c8BRK1AhAEKVLEckt_WOjXb9MO6psz33AHKEKTTrnNB7jEUi2KK0afsvsPjRS5dlzDr4RSZVIbKODS558PnBpBj5kr1OYnPLU8eL0GuExklFhlJvMF3cxr_V1RPE3Xk/s400/167675_191804110829604_100000000485141_759359_2672338_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
... เสียงระฆังยามเช้าตรู่ของวัดอุดมคีรีเขตดังขึ้นเป็นจังหวะ ปลุกกระตุ้นให้เหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญให้เตรียมความพร้อมในการประกอบสิ่งอันเป็นกุศลก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ทำกิจวัตรส่วนตัวของตนต่อไป เช้านี้ป้าไหมมอบหน้าที่ให้สายใยลูกสาวคนสวยทำหน้าที่แทนในการใส่บาตร<br />
<br />
<br />
" แม่เลาออกไปเก็บมอญอยู่บ้านโคกหินแตกกับหมู่อาเพินตั้งแต่เซ้าๆแล้ว เลยบ่ได้อยู่ใส่บาตรน้องเณร " สายใยพี่สาวคนสวยบอกสามเณรตัวน้อยพร้อมกับมีรอยยิ้มให้เห็น<br />
<br />
<br />
" ครับโยมเอื้อย " เป็นคำตอบรับที่สั้นและได้ใจความ แม้จะเข้ามาอยู่ในสมณะเพศนานถึงสองปีกว่าแล้วแต่อาการแบบนี้ก้อยังมีไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเจอกับพี่สาวของเขา พลางนึกไปถึงผู้เป็นมารดาที่มีความอดทนความขยันเป็นเลิศที่ต้องฝ่าอากาศอันแสนเหน็บหนาวออกไปตั้งแต่เช้า แต่ก่อนในทุกๆเช้าแม่จะต้องนั่งขลุกตัวอยู่ในมุ้งผ้าเขียวที่ข้างในถูกทำเป็นชั้นๆเกือบ15ชั้นไว้สำหรับสอดเจ้ากระด้งเข้าไป หรือแม้แต่เวลากลางคืนแม่ก็ยังนั่งแช่อยู่กับจุดนี้ คอยประคบประหงมกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในคอยดูแลเหมือนกับลูกน้อยเลยทีเดียว เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายสีทองเหลืองอร่าม และนี่คือรายได้หลักอีกทางที่ช่วยหล่อเลี้ยงจุนเจือครอบครัวมาได้จนทุกวันนี้...<br />
<br />
<br />
....แสงแดดยามสายช่วยคลายความเหน็บหนาวให้กับสิ่งรอบกายลงได้บ้าง สายลมยังโชยหอบเอาความเย็นเข้ามาปะทะอยู่เป็นระลอกๆ <br />
<br />
<br />
" หล่าเอ๊ย..น้อยเอ๊ย..น้อย.. ไปไสน้อ.." เสียงหลวงพ่อพระครูฯร้องเรียกสามเณรไผ่ศธรอยู่ภายในห้อง ทำให้สามเณรตัวน้อยต้องผละวิ่งออกไปจากสามเณรวีระจักรเพื่อนรักทันทีตรงเข้าไปยังห้องเจ้าของเสียงที่ดังขึ้นเมื่อกี๊ .. <br />
<br />
" แม่นหยั๋งครับพ่อ " เอ่ยถามหลวงพ่อพระครูฯที่ตอนนี้สามเณรตัวน้อยเคารพรักเสมือนพ่อของเขาเลยทีเดียว<br />
<br />
" มื้อนี้พ่อบ่ได้มีงานไปไส ...บักหล่าพาหมู่เขาไปทำความสะอาดโบสถ์แนเด้อ มื้อวานพ่อย่างไปเห็นพวกนกพิราบมันขี่ใส่ไว้เต็มพื้นโบสถ์เอาโล้ด พาหมู่เขาหาน้ำไปล้างออกแนไป๋บ่ได้ล้างทำความสะอาดโดนแล้ว.." เสียงท่านบอกกล่าวแล้วหันไปให้ความสนใจกับหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ<br />
<br />
" ครับพ่อ " รับคำแล้วผละออกไปจากจุดนั้น <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVY7IpxJxid1zfnTIu8aMJtyWEoHHsFCEJce8eTKbJOKFvs_s9zwlsxI5_ae37PjUXyVMeVgKLXRlHV3c4ISy1tqbZ3c0LE2GiTFK_Et23oALx0Bcm-u-IELIHp4zmhih8PbVdSXntx0hN/s1600/163605_191804174162931_100000000485141_759363_4985212_n.jpg" imageanchor="1" style="clear:right; float:right; margin-left:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVY7IpxJxid1zfnTIu8aMJtyWEoHHsFCEJce8eTKbJOKFvs_s9zwlsxI5_ae37PjUXyVMeVgKLXRlHV3c4ISy1tqbZ3c0LE2GiTFK_Et23oALx0Bcm-u-IELIHp4zmhih8PbVdSXntx0hN/s400/163605_191804174162931_100000000485141_759363_4985212_n.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
.......ครึ่งชั่วโมงผ่านไป....... <br />
<br />
......สายยางฉีดน้ำถูกต่อและลากเข้าไปในบริเวณพระอุโบสถโดยขณะนี้มีสามเณรตัวน้อย4รูปกำลังส่งเสียงร้องสนุกสนานพร้อมกับขัดเจ้าสิ่งปฏิกูลน่าเกลียดจากอาคันตุกะที่เข้ามาใช้ที่พำนักอาศัยก่อสร้างครอบครัวอยู่ในบริเวณพระอุโบสถแห่งนี้แบบถาวร มองให้เห็นเกือบ30ครอบครัวหลังจากประเมิณด้วยสายตาแบบคร่าวๆ แถมเจ้าอาคันตุกะพวกนี้ยังยัดเยียดความสกปรกให้กับสถานที่แห่งนี้แบบไม่เกรงใจเจ้าของสถานที่ กว่าจะใช้เวลาจัดการเสร็จก็กินเวลาไปนานทีเดียว...<br />
<br />
" เฮาว่าแม่นเฮาล้างถูออกได้กะบ่เกินอาทิตย์ดอก มันต้องขี่ใส่อีกคือเก่าเดี๋ยวกะต้องได้ล้างอีก เอาแบบซี้ดีกว่า..." เสียงสามเณรวีระจักรดังขึ้นพร้อมกับทอดสายตาขึ้นไปยังข้างบนที่ตอนนี้ มองเห็นรังของเจ้าพิราบอยู่เป็นจุดๆ ใบหน้ายิ้มออกมาแบบมีเลศนัย..<br />
<br />
" โตสิเฮ็ดหยั๋งเพิน " สามเณรตัวน้อยถามเพื่อนรักและสงสัยในอากัปกิริยาของเพื่อน<br />
<br />
" เดี๋ยวเฮาจัดการเอง โตอยู่ซือๆโล้ด " บอกยิ้มๆ และไม่พูดเปล่าร่างของเขาก็ปีนป่ายขึ้นไปยืนอยู่บนริมขอบของหน้าต่างพระอุโบสถที่ยกตัวสูงขึ้นจากพื้นมากพอสมควร เสมือนกับว่าเป็นผู้ชำนาญการที่ถูกฝึกฝนมาเป็นพิเศษทางด้านการปีนป่ายมาโดยเฉพาะ ไม่ถึงอึดใจรังของเจ้าพิราบถูกจับโยนลงมายังเบื้องล่างโดยหารู้ไม่ว่าข้างในนั้นมีสิ่งที่มีชีวิตอยู่ด้วย ลูกนกน้อยพึ่งคลอดออกมาใหม่ตัวสิแดงหลุดออกมาจากรังพร้อมกับหล่นลงมากระแทกพื้นนอนตายอยู่เบื้องล่างเกือบนับสิบตัว รวมไปถึงไข่อีกหลายฟองที่แตกละเอียดแบบไม่มีชิ้นดีหลังจากกระแทกเข้ากับพื้นปูนซีเมนต์เบื้องล่าง ยังผลให้สามเณรไผ่ศธรถึงกับร้องตะโกนบอกเพื่อนรักทันที…<br />
<br />
“ เพินจักร…หยุดก่อน… “ เสียงร้องดังก้องพร้อมกับใบหน้าถอดสีเมื่อมองเห็นสภาพของลูกนกที่นอนตายเกลื่อนอยู่ตรงหน้าของเขาในขณะนี้...<br />
<br />
>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
...คำนำ....
......บทละครต่อไปนี้ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะชักนำไปในทางที่ไม่สมควรหรือเสื่อมเสีย และไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝง เป็นจินตนาการที่เกิดจากตัวคนเขียนเอง หากสิ่งใดไม่สมควรผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จุดประสงค์ของผู้เขียนต้องการสื่อให้ผู้อ่านเกิดความบันเทิงเท่านั้นครับ
วิบากกรรมนั้นแม้ตัดไม่ได้ แต่ทำให้เบาบางลงได้ พระพุทธองค์เรียกว่า "การก้าวล่วงบาปกรรม" จริงๆ การก้าวล่วงบาปกรรมนั้น ก็คือการสำนึกบาปอย่างจริงใจนั่นเอง แล้วตั้งใจมั่นว่า จะไม่ทำบาปกรรมเข่นนั้นอีก สิ่งนี้เป็นการขจัดมลทินแห่งอกุศลออกไปจากจิต(ใต้สำนึก) ทำให้กรรมดำกลายเป็นกรรมขาว พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต ตั้งใจมั่นว่า " กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด "
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_Wwd9Sjnx8CdNeY0fMRm2MlO7FZQe66HHO25JlCnqQviwwWUxsPArrdQP574cew8IA6muWgFhtp3UApF6jdgvhFTOI6R6GdapiQ9fDu0ULLEqGcBfi8UbJtc6Tgg0JTp5SSsr4FwR33b2/s1600/20110123025450.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="301" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_Wwd9Sjnx8CdNeY0fMRm2MlO7FZQe66HHO25JlCnqQviwwWUxsPArrdQP574cew8IA6muWgFhtp3UApF6jdgvhFTOI6R6GdapiQ9fDu0ULLEqGcBfi8UbJtc6Tgg0JTp5SSsr4FwR33b2/s400/20110123025450.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
" กรุงเทพมหานคร " <br />
<br />
..... เมืองที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย เป็นเมืองที่เรียกว่าสังคมแห่งการแข่งขันในทุกๆด้านเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงธุรกิจหรือสิ่งต่างๆ บนถนนทุกสายเต็มไปด้วยรถที่เบียดกันวิ่งขวักไขว่ราวกับมด โรงงาน ห้างสรรพสินค้า (ที่ส่วนมากนายทุนจากต่างชาติจะเข้ามาถือหุ้นครอบครอง) มหาวิทยาลัยถูกสร้างขึ้นกระจายตามเขตต่างๆเพื่อที่จะรองรับผู้คน ร้านอาหาร ผับ บาร์ ตึกรามบ้านช่องและสิ่งก่อสร้างต่างๆผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกในทุกๆด้านมีให้เห็นอยู่ในเมืองแห่งนี้ได้แทบทุกจุด จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมผู้คนมากมายต่างมุ่งตรงเข้ามาจากทุกภาค ( โดยเฉพาะภาคอีสาน ซึ่งถือว่าเป็นแรงงานที่มีความขยันเป็นเลิศ ) จุดมุ่งหมายของทุกๆคนก็คงจะเป็นคำตอบเดียวกันหรือถ้าไม่ใช่ก็น่าจะไกล้เคียง นั่นก็คือเข้ามาสร้างตัวสร้างอนาคตของตัวเองและต่างก็หวังอยู่ลึกๆว่า เมื่อสมควรแก่กาลเวลาและความเป็นไปได้ก็คงนำส่วนที่เก็บได้นี้กลับไปสร้างอนาคตของตัวเองยังบ้านเกิดเมืองนอน มีหลายคนที่พบกับความรักในเมืองหลวงแห่งนี้และมีหลายคู่ที่ตกลงปลงใจร่วมสร้างอนาคตร่วมกัน บางคนโชคดีหน่อยทำมาหากินถูกทางก็สามารถถีบตัวเองขึ้นเป็นเจ้าของธุรกิจเองเสียเลย ซึ่งมีให้เห็นอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ และนี่คงเป็นความต้องการและความฝันของใครหลายๆที่จะก้าวย่างขึ้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้ให้จงได้ <br />
<br />
....เมื่อเป็นสังคมที่ใหญ่และเป็นสังคมแห่งการแข่งขันสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นก็คือ ปัญหาสิ่งต่างๆที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติดที่ทะลักเข้ามายังตะเข็บชายแดนเพื่อมุ่งตรงนำเข้ามาเมืองหลวงแห่งนี้ ปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นมาในรูปแบบต่างๆจนน่ากลัว นี่คือปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และมันเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่บริสุทธิ์ที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ต้องผวาอยู่เนืองๆ เพราะมีบางครั้งที่พวกเขาต้องเจอกับสิ่งพวกนี้โดยที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้สัมผัสกับมัน <br />
.....แล้วคุณหล่ะ???.... " ระวังจะเจอเข้ากับมันโดยที่คุณยังไม่ทันตั้งตัว " ......<br />
<br />
เวลา 21.20 น. <br />
<br />
.... เบนซ์สีดำคันงามเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเข้าไปจอดยังสถานที่แห่งหนึ่ง <br />
" ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ " ป้ายตัวใหญ่ที่ถูกไฟสว่างส่องให้เห็นเด่นชัด ดึงดูดสายตาของผู้คนที่สัญจรเดินผ่านไปผ่านมา หรือนักเที่ยวยามราตรีให้ต้องหยุดมองและอยากเข้ามาสัมผัส สถานที่แห่งนี้คือสถานที่เที่ยวของคนกลางคืนในเขตย่านคลองตัน ข้างในถูกปิดกั้นด้วยกระจกติดฟิมล์กรองแสงจนมืดมิด ตรงประตูทางเข้านั้นถูกปรับใช้ไฟให้มองเห็นพอสลัวๆตอนนี้มีร่างของหญิงสาว3คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงโปรยยิ้มส่งสายตาดึงดูดนักเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าดูตามความเป็นไปได้แล้ว " รอยยิ้ม" คงจะเป็นแค่ส่วนประกอบให้คนที่พบเห็นได้เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง แต่จุดใหญ่ที่ดึงดูดสายตาผู้คนได้ดีคงเป็นเพราะกระโปรงของพวกเธอที่สวมใส่อยู่มันสั้นจนน่าใจหายเล่นเอาคนที่เดินผ่านมาพบเห็นต้องหยุดหายใจ คอแห้งผากหิวน้ำขึ้นมาในทันทีทันใด แสงไฟพอสลัวส่องให้เห็นเรียวขาที่ขาวเนียนได้ส่วนสัดอัดแน่นไปด้วยหนั่นเนื้อจนกระโปรงขนาดเล็กที่พวกเธอสวมใส่อยู่แทบปริออกมา พวกเธอหยุดให้ความสนใจกับหน้าร้านไปชั่วขณะเมื่อเบ็นซ์คันงามที่พึ่งวิ่งเข้ามาเมื่อกี๊จอดนิ่งสนิทแล้ว สายตาของพวกเธอหันมาให้ความสนใจกับบรุษเจ้าของเบ็นซ์สีดำคันงามคันนี้แทน ประตูซ้ายด้านหน้าถูกเปิดออกโดยมีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกระวีกระวาดลงมาจากรถพร้อมกับเดินมาเปิดประตูซ้ายด้านหลังออก ร่างของชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ก้าวลงออกมาจากรถในทันใด แสงไฟจากหน้าร้านส่องให้เห็นใบหน้าที่คมเข้ม รูปร่างกำยำหน้าเกรงขามสามารถเรียกบรรดาสาวๆให้ชะงักหยุดมองได้ดีทีเดียว <br />
<br />
" เสี่ยสิกินหยั๋งครับมื้อนี่ เดี๋ยวผมสิสั่งเด็กน้อยจัดมาให่ " เด็กหนุ่มผู้มีนามว่า " ตั้ม เมืองศรี " คนสนิทที่เปรียบเสมือนมือขวาถามลูกพี่แบบรู้หน้าที่<br />
<br />
" เอาแบบเก่ามากะได้ตั้ม แต่เพิ่มยำเข่ามาให่อีกเมนูหนึ่งกะพอแล้ว " เสี่ยณรงค์ฤทธิ์ หรือเสี่ยหน่อที่ลูกน้องชอบเรียกหันไปสั่งคนสนิทแบบเป็นกันเองพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปยังหน้าร้านที่ตอนนี้สามสาวกำลังลุกขึ้นส่งยิ้มหวานรอแบบเอาอกเอาใจ เพราะบุรุษหนุ่มคนนี้คือผู้ที่มอบโอกาสให้แก่พวกเธอได้มีกินมีใช้ในทุกๆเดือนโดยไม่ขัดสน <br />
<br />
" เสี่ยหน่อเพินกินหยั๋งแนว๊ะมื้อนี้ " หนุ่มร่างเล็กผู้ทำหน้าที่พลขับเบ็นซ์คันหรูและเปรียบเสมือนสมุนมือซ้ายของเสี่ยณรงค์ฤทธิ์เอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังมองตามหลังลูกพี่ไปซึ่งตอนนี้3สาวที่นั่งอยู่ประตูทางเข้าเดินออกมาเกาะแขนเอาใจใส่แบบรู้หน้าที่ของตัวเอง <br />
<br />
" แบบเก่าว๊ะดุ่ย!! เพิ่มยำเข่ามาอีกอย่างนึง เดี๋ยวโตไปบอกอรกับดาหลาไปนั่งนำเสี่ยเพินเด้อ เฮาสิเข่าไปบอกเด็กน้อยในครัวเอง" ตั้ม เมืองศรี บอกเพื่อนรักแบบรู้ใจนายใหญ่ของตัวเอง……. <br />
<br />
<br />
….. “ ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ “ คือกิจการของณรงค์ฤทธิ์ เสี่ยหนุ่มผู้มาดมั่นด้วยหัวใจเต็มร้อยแห่งการบุกเบิกสร้างตัวเอง เขาเติบโตมาจากสายเลือดอีสานดินแดนแห่งทุ่งกุลาร้องไห้ พื้นฐานของณรงค์ฤทธิ์ดูจะมีความสดใสมาตั้งแต่เด็กเนื่องด้วยกิจการฐานะทางบ้านปูทางไว้ให้ก่อนแล้ว ที่จังหวัดร้อยเอ็ดณรงค์ฤทธิ์มีกิจการเป็นของตัวเองคือเปิดเป็นโรงสีไฟใหญ่และเปิดรับซื้อขาวเปลือกซึ่งแต่ละปีเขามีกำไรอยู่มากโขทีเดียว โดยมอบให้น้องชายคนเล็กเขาเป็นผู้ดูแลแทน ซึ่งนานๆครั้งถึงจะกลับไปดูที เมื่อ2ปีที่ผ่านมาเสี่ยหนุ่มผันตัวเองจากธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรหันมาทำธุรกิจด้านบริการแทนซึ่งนับว่าเขาจะจับถูกด้านเสียด้วยเมื่อเขาหันมาเปิดไนต์คลับในเมืองหลวงแทนโดยที่ตัวเขาเข้ามาควบคุมด้วยตัวเอง ไนท์คลับแห่งนี้คือ แหล่งรองรับนักท่องเที่ยวนักดื่มผู้ที่มิยอมหลับไหลยามราตรี และดูจะสร้างกำไรให้เขาเป็นกอบเป็นกำทีเดียว ณรงค์ฤทธิ์มีเด็กสาวในความดูแลถึง15คน ซึ่งแต่ละคนล้วนหน้าตาสวยๆทั้งนั้น แต่ละคืนไนท์คลับแห่งสร้างเม็ดเงินเข้ากระเป๋าของเสี่ยหนุ่มได้มากมาย จนตัวเขาเองต้องนำเม็ดเงินเข้าไปลงทุนเปิดเป็นร้านอาหารอีสานอีกแห่งในเขตบางกะปิ เปิดให้บริการในช่วงหนึ่งทุ่มไปจนถึงตีสองทุกวัน โดยแต่ละคืนมีนักร้องหนุ่มสาวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นเวทีขับกล่อมให้บริการสร้างความสำราญใจให้แก่ลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการอยู่ทุกค่ำคืน แต่มีสิ่งหนึ่งที่สร้างเม็ดเงินให้แก่เสี่ยหนุ่มอย่างมากมายมหาศาลนั่นก็คือ …” ยาเสพติด “ …นั่นเอง<br />
<br />
<br />
<br />
ตั้ม เมืองศรี และ ดุ่ย แดนผาขาว สองเด็กหนุ่มลูกอีสานที่มาจากต่างถิ่นโดยจุดหมายของพวกเขาคือสิ่งเดียวกันนั่นก็คือ ถีบตัวเองให้พ้นจากความแร้นแค้นโดยมีผู้ที่ฝากความหวังไว้กับพวกเขาหลายชีวิตด้วยกัน อำนาจของเงินตรานำพาให้ชีวิตของพวกเขาทั้ง2คนต้องโคจรมาพบกันโดยบังเอิญ “ ตั้ม “ เด็กหนุ่มจากจังหวัดศรีสะเกษ หน้าตาคมคายผู้มีความดุดัน ใจถึงและทุ่มเทความภักดิ์ดีให้กับเสี่ยหน่อ วีรกรรมที่ผกผันชีวิตให้เขาต้องขึ้นมาเป็นมือขวาของเสี่ยหนุ่มก็คือการคว่ำลูกสมุนที่เสี่ยหนุ่มมอบหมายหน้าที่ให้คุมไนท์คลับแห่งนี้ลงไปนอนนิ่งถึง5คนภายในไม่ถึงสองนาที หลังจากที่ตัวเขาเองเข้ามาเที่ยวสถานที่แห่งนี้แล้วเกิดไม่พอใจที่หญิงสาวคนหนึ่งไม่ยอมทำตามใจของเขา จนผู้ที่ดูแลต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยแต่กลับไม่สำฤทธิ์ผล เมื่อโดน ตั้ม เมืองศรี อัดลงไปกองอยู่กับพื้นในพริบตาและมันก็สร้างความพึงพอใจให้กับเสี่ยหนุ่มเป็นอย่างมาก ตั้ม เมืองศรี ถูกเสี่ยหนุ่มดึงตัวเข้ามาพร้อมกับการแลกเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินหลายเท่ากว่าที่ตัวเขาได้รับในแต่ละเดือนเลยทีเดียว ส่วน " ดุ่ย แดนผาขาว" คือเด็กหนุ่มจากจังหวัดเลย ผู้มีบุคลิคอ่อนโยนแต่แกร่งในสภาวะคับขัน เขาเป็นนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากร้านอาหารอีสานเขตบางกะปิที่ทางเสี่ยหนุ่มเป็นเจ้าของกิจการอยู่ แล้วก็ดึงตัวมาเป็นพลขับให้โดยบังเอิญ หลังจากที่คนขับคนก่อนนั้นหายตัวสาบสูญไปแบบไร้ร่องรอย โดยที่เสี่ยหนุ่มเข้าใจว่าคนขับรถของเขาคนก่อนคงโดนคู่อริ( คู่แข่งทางธุรกิจ) อุ้มตัวไปรีดข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของเขา ดุ่ย แดนผาขาว เปรียบเสมือนมือซ้ายของเสี่ยหนุ่มที่เขาให้ความไว้เนื้อเชื่อใจไปไม่ต่างจากตั้ม เมืองศรีเลย เพราะเมื่อสองคนนี้ได้ทำงานร่วมกันทีไร บรรดาคู่ต่อกรต้องขยาดกันเป็นแถว…… <br />
<br />
พวกคุณจงระวังพวกเขาสองคนกันให้ดี….. <br />
<br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-66599195723548531282011-06-09T05:10:00.000-07:002011-06-09T05:10:14.997-07:00นิยาย กรรมลิขิต 9<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLF6Qq-HpJehqv9x73Wdckqyoep5Imrh-K20HyrzwndHS-SYKqS28svQXs2aAhzuI-ZuTSa6-4VVGqdXWuhJc2NMcJoGLnetP80fKZSpknHGyd3k1bOBFLMeDuqRvacbdXl3uSdLSHyKHB/s1600/20100924012447.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="274" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLF6Qq-HpJehqv9x73Wdckqyoep5Imrh-K20HyrzwndHS-SYKqS28svQXs2aAhzuI-ZuTSa6-4VVGqdXWuhJc2NMcJoGLnetP80fKZSpknHGyd3k1bOBFLMeDuqRvacbdXl3uSdLSHyKHB/s400/20100924012447.jpg" /></a></div><b> <br />
กรรมลิขิต<br />
<br />
<br />
ตอน ชะตาชีวิตหรือชะตาฟ้าลิขิต 1<br />
<br />
<br />
..โบราณเคยว่าไว้ ...แข่งเรือแข่งฝีพายนั้นแข่งกันได้แต่แข่งโชคแข่งวาสนานั้นยากนักที่จะทำได้... (นี่คือสัจจะธรรมแห่งชีวิต) ชีวิตทุกชีวิตที่เกิดมานั้นแต่ละคนประกอบไปด้วยจิตวิณญาณ ความรู้สึกนึกคิดแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าใครประกอบหรือกระทำอะไรไว้ในอดีตชาติกาลก่อน แล้วผลในอดีตชาติจะเป็นตัวกำหนดปรุงแต่งรูปร่างและจิตใจให้บังเกิดปฏิพัทธ์มาเสวยวิบากในปัจจุบันชาตินี้.. ชะตาชีวิต-ฟ้าลิขิต เสมือนกับชีวิตถูกกำหนดอย่างมีกฏเกณฑ์ "กรรม" คือการกระทำที่ส่งผลให้กับตัวเราแบบเต็มๆและอย่าลืมว่ากรรมนั้นรวมปัจจุบันกาลไปด้วย ฉะนั้นควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?.<br />
<br />
..ชะตาชีวิต...(ฟ้าลิขิต).. ขึ้นอยู่ที่ตัวเรา เราเป็นผู้กำหนดแห่งการกระทำ..แล้วคุณหล่ะเลือกที่จะกระทำกรรมในรูปแบบไหนดี?.<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8l2x5Aq7IZGIRy7iVihzGuXDXPxvgTEVnC5KMC3agoXG5wZ8DVKnwwVvuwGsxZeWWkVR36onrz79_Hso2-4bjL9ibVfX1GpLD1-tYQ8Y9wiCX9R2mPxeFvnVv7dPFChruHu61asFh8bIx/s1600/20110227055535.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="281" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8l2x5Aq7IZGIRy7iVihzGuXDXPxvgTEVnC5KMC3agoXG5wZ8DVKnwwVvuwGsxZeWWkVR36onrz79_Hso2-4bjL9ibVfX1GpLD1-tYQ8Y9wiCX9R2mPxeFvnVv7dPFChruHu61asFh8bIx/s400/20110227055535.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
... แสงสุรีย์ลาลับขอบฟ้ามองเห็นแสงสีทองอร่ามวางขนานนาบกับขอบพื้นพสุธาอยู่ลิบลับ เหล่าฝูงสกุณากลุ่มใหญ่ร่อนถลาโล้โลมเล่นสายลมขณะบินกลับรังของมันคล้ายกับว่าจะพิสูจน์ความแกร่งของปีกเสมือนกับว่าชายหนุ่มกำลังเบ่งพลังความมาดแมนกำยำของสรีระร่างกายอันผึ่งผายเปล่งประกายชวนให้ดรุณีนางต้องชะม้ายชายตามองแบบไม่กระพริบสายตา<br />
<br />
...วิ๊ววว...วิ๊ววว..วิ๊ววว.. เสียงสายลมพัดปะทะเข้ากับกิ่งสนกลุ่มใหญ่ที่ยืนต้นเรียงรายกันอยู่เป็นกลุ่ม จนเกิดเป็นเสียงดังชวนให้ขนลุก แม้ว่าใบของมันจะร่วงหล่นลงไปกองอยู่กับพื้นดินข้างล่างเสียส่วนมากแล้วก็ตามแต่เนื่องด้วยสายลมที่พัดด้วยความรุนแรงเข้าปะทะกับกิ่งที่ตั้งตัวตรงที่แผ่ขยายอยู่ทั่วลำต้นแบบเต็มๆก็จึงบังเกิดเสียงดังขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้<br />
<br />
<br />
..ฤดูอันหนาวเหน็บแห่งผืนดินแถบอีสานดูจะเป็นฤดูกาลที่เลวร้ายมาก และคงทำให้ใครหลายคนเกลียดความหนาวเหน็บนี้เข้ากระดูกดำไปเลยโดยเฉพาะครอบครัวที่ไม่มีอันจะกิน เพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูจะขาดซ่อมซ่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นับประสาอะไรจะหวังกับผ้าห่มผืนใหญ่ๆหนาๆปกปิดกายาให้สร่างซาจากความหนาวลงไปได้ ทางออกที่ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นประกายความอบอุ่นแห่งเปลวเพลิงที่ชาวบ้านหนองนางามแห่งนี้กำลังก่อเกิดให้เห็นแสงประกายขึ้นอยู่เป็นจุดๆในตอนนี้..... <br />
<br />
" ตั้งแต่ลูกเณรเพินเข่าไปเรียนอยู่วัดมิ่ง (เมืองพล) แล้วข่อยกะสบายใจขึ่นหลายคักอยู่เด๊ะเฒ่า ลูกเณรเพินคือสิวาสนาดีคือจั่งหลวงพ่อพระครูฯเพินเบิ่งดวงให่แท้ๆ " เสียงทิดจวนพ่อของสามเณรขวัญชัยเอ่ยกับเมียรักขณะที่นั่งเฝ้ากองไฟอยู่ลานหน้าบ้าน พร้อมใช้มือจับกระบอกข้าวหลามพลิกหมุนให้โดนความร้อนอย่างทั่วถึง และตอนนี้รู้สึกว่าจะส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ <br />
<br />
" กะสิคือก็หมู่เขาอยู่ดอกตี๊ข่อยว่า บ่จั่งซั่นหลวงพ่อพระครูเพินคือสิบ่ส่งไปก่อนหมู่ดอกเนาะ เณรไผ่กับเณรจักรเพินกะยังบ่ส่งไป แต่เพินส่งลูกซายเฮาแสดงว่าเพินสิเห็นอีหยั๋งดีๆในโตลูกซายเฮาแท้ๆ " ป้าแต๋วเอ่ยกับสามีพร้อมกับยิ้มเป็นประกายสายตาแสดงออกถึงความสุขใจอยู่ลึกๆเมื่อนึกถึงลูกชาย<br />
<br />
<br />
..หลังจากที่สหายรักทั้ง3 ได้บรรพชาเข้ามาอยู่ในความดูแลของหลวงพ่อพระครูอุดมรัตนคุณ เจ้าคณะตำบลหนองนางามและเจ้าอาวาสวัดอุดมคีรีเขต. เพียงแค่ระยะเวลาสองปีก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากๆสำหรับสามเณรขวัญชัย เพราะทางหลวงพ่อพ่อครูฯท่านเล็งเห็นถึงความสามารถฉลาดหลักแหลมท่านเลยได้ส่งเข้าไปศึกษาต่อยังวัดมิ่งวราราม ที่อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น โดยท่านพระครูประสิทธิ์ญานุรักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสและเป็นเพื่อนกับท่านให้ความอุปการะซึ่งวัดแห่งนี้เปิดสอนธรรมควบคู่ไปกับบาลีด้วย โดยสามเณรขวัญชัยได้พักอยู่กับพระมหาธีระเทพ (เปรียญธรรม 5ประโยค) ลูกศิษย์สายพระครูอุดมรัตนคุณนั่นเอง <br />
<br />
ส่วนทางด้านสามเณรไผ่ศธรนั้นเมื่อเข้าปีที่2หลังจากสอบนักธรรมชั้นโทผ่านพ้นไปแล้วทางหลวงพ่อพระครูอุดมฯก็ดึงตัวเข้ามาเป็นสามเณรอุปัฏฐากก้นกุฏิ ที่มีหน้าที่ต้องคอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ท่านอย่างไกล้ชิด ซึ่งก็นับเป็นผลดีกับตัวเขาเป็นอย่างมาก เพราะหน้าที่เหล่านี้เป็นเสมือนการฝึกตนให้รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ ความอ่อนน้อมถ่อมตน การมีสัมมาคาระวะที่ความยึดถือให้ควบคู่ไปกับความอ่อนโยนภายในใจ และตัวเขาเองก็เฝ้ารอโอกาสและแอบหวังอยู่ลึกๆว่าสักวันท่านหลวงพ่อพระครูฯจะหยิบยื่นโอกาสให้เขาเหมือนกับที่สามเณรขวัญชัยเพื่อนรักได้รับจากท่านไปแล้วนั่นเอง<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhxyw7YZE1FcNHTQYSCC3TOuF7Kkz8v4_Q8lxbKPH0CSmu2-Xs7_7WG9GyenXSk6q0N-v1rtDpnmDWJwHcBO81tv2SWVxpUcfY4vrgDm9EY03LUIoNvk1gVDSWYwP1mMMRa07RK5XIk-UE9/s1600/20100513012208.jpg" imageanchor="1" style="clear:right; float:right; margin-left:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="266" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhxyw7YZE1FcNHTQYSCC3TOuF7Kkz8v4_Q8lxbKPH0CSmu2-Xs7_7WG9GyenXSk6q0N-v1rtDpnmDWJwHcBO81tv2SWVxpUcfY4vrgDm9EY03LUIoNvk1gVDSWYwP1mMMRa07RK5XIk-UE9/s400/20100513012208.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
......เพื่อน.... <br />
<br />
คำๆนี้ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำเสมอ ระยะทางของกาลเวลา นำพาสิ่งต่างให้เปลี่ยนแปลงไปตามกลไกลของวิบาก หนทางที่ก้าวย่างของแต่ละคนดูจะแตกต่างคนละเส้นทาง แต่คำว่าเพื่อนมิตรภาพสิ่งดีๆก็ยังคงมีไว้ในความทรงจำให้กันเสมอ ถึงแม้วันนี้หนทางแห่งอนาคตต้องทำให้สามเณรขวัญชัยต้องไกลห่างจากมิตรภาพออกไป แต่สามเณรไผ่ศธรก็ยังยิ้มอยู่ได้เพราะยังมีเพื่อนรักที่อยู่เคียงข้างกายอีกคนนั่นก็คือ..สามเณรวีระจักร เพื่อนรักของเขาอีกคนนั่นเอง... <br />
<br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-27094264422253360952011-06-03T05:30:00.000-07:002012-10-03T00:04:30.113-07:00คลายเครียดด้วยนิทานสอนใจในสไตล์ของ รุทธิ์ อีเกียแดง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkRwTQl1TCU5jAiKjxG0LtuEeaA2KdAkJgmk8zGXlJ_xijANuPTR90wouUwZVp6FYNpMNVmRiaAPrsTMMxzs2-DoQboMqjVRDK3hrbHbEnWHtio4BCh1_qi1ufG7rsXM0XWov-mSM5dLDw/s1600/20100114084908.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="400" width="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkRwTQl1TCU5jAiKjxG0LtuEeaA2KdAkJgmk8zGXlJ_xijANuPTR90wouUwZVp6FYNpMNVmRiaAPrsTMMxzs2-DoQboMqjVRDK3hrbHbEnWHtio4BCh1_qi1ufG7rsXM0XWov-mSM5dLDw/s400/20100114084908.jpg" /></a></div><b> <br />
เรื่อง "อนิจจาหนอ นายแอ่น"<br />
<br />
ที่มา: เป็นนิทานที่นำมาแปลงใหม่ในสไตล์ของผมเองครับ<br />
<br />
ครั้งหนึ่งโดนมาแล้วครับ(โดนเติบอยู่)มีนกนางแอ่นโตผู้สีดำอยู่โตหนึ่ง<br />
(น่าสิเอิ้นนกนายแอ่นเด๊เน๊าะเพราะว่าเป็นโตผู้แหมะ) นกโตนี่เป็นนกที่อารมณ์ดีมักฮ้อง<br />
เพลงคือบ่าวรุทธิ์นี่หล่ะ แต่ละมื้อนกโตนี่สิบ่ค่อยเฮ็ดหยั๋ง กิจวัตรประจำมื้อกะคือมันสิ<br />
บินเซิน(ถลา)ร่อนลมอย่างมีความสุขอยู่เทิงฟ้ากว้าง สูงขึ้นไปฮอดก้อนขี่ฝ่า(เมฆ)<br />
แล้วกะเซินต่ำลงมาเฉียดยอดหญ้า (แสดงว่าหมอนี่อารมณ์ดีแล้วกะบ่มีเวียกคั๊ก)<br />
มันบินหยอกล้อสายรุ้ง จนลืมว่าลมหนาวกำลังสิมาฮอดมาเยือนแล้ว<br />
<br />
มันเป็นฤดูหนาวที่โหดเหี้ยมหลายอุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง (พอปานเกาหลีตอนนี้)<br />
แค่เวลาข้ามคืนหิมะกะโปรยปรายตกลงตลอดมื้อตลอดคืนจนท่งนากลายเป็นลานน้ำแข็งสีขาว สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ทั้งหลายต่างกะมุดเข้าถ้ำจำศีลกับคู่เจ้าของ หานอนกอดกันแก้หนาวดีกว่าพะนะ <br />
<br />
กะสิมีแต่เจ้านกนางแอ่นผู้ที่มักเสียงเพลง สายลม แสงแดดและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พะนะ ที่บินไปมาอย่างไร้จุดหมาย ฮังของมันถืกอัดแน่นไปด้วยหิมะเย็นยะเยือก ในที่สุดมันจึงได้ตัดสินใจ นั่งรถไฟโอ๊ะบินลงใต้ หวังว่าสิไปพ้อดินแดนที่อบอุ่น แต่อนิจจาครับท่านผู้ติดตามอ่านนกนางแอ่นน้อยฝ่าลมหนาวไปได้บ่ไกล พายุหิมะเฮ็ดให่ปีกมันชา ปวด แล้วกะตกตุ๊บลงข้างๆกองเฟียง(ฟาง)โรงนาของชาวบ้านแห่งหนึ่ง (ลองเบิ่งแหล่วกับความหนาวต๊ะบ่าวรุทธิ์ อีเกียแดงกะแข็งแล้ว) มันนอนโตแข็งทื่อเหลียวเห็นความตายกำลังกวักมื้อเอิ้นอยู่ต่อหน้า (มาถะแม้มาถะแม้ )เลือดกำลังจับโตเพราะความหนาวเหน็บ<br />
<br />
ทันใดนั้นเองกะมีแม่งัวโตหนึ่งย่างฝ่าหิมะมาหาเฟียงเคี้ยวกิน ย่างผ่านมาเห็นนกนางแอ่นน้อยที่นอนแข็งอยู่เฮ็ดให่เกิดความหลูโตนหลาย กะเลยขี้ออกมากองบักใหญ่ทับไปที่ร่างนกนางแอ่นน้อย (เหอะๆๆเหม็นหลายพะนะ ฮิ๊ววว) ความอบอุ่นจากขี้งัวซอยคลายความหนาว<br />
ขับไล่ความหนาวเย็น นกน้อยเริ่มฮู้สึกโตช้าๆ โอ...ช่างอบอุ่น ช่างเหม็นดีแท้ๆ <br />
หรือว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังสิมายามแล้วบ้อ พุ้นหน่ะเพินคิดไป<br />
<br />
ด้วยความอบอุ่นเป็นสุขมันกะเลยอ้าปากฮ้องเพลงอันไพเราะออกมาว่า<br />
<br />
"ลมหนาวลูบข้าวรวงไหวลู่ตามแรง ตะวันโอบแสงกอดผืนนาปลายฟ้าหน้าหนาว" (ฮ้องเพลงไผ่เลยตั๊วนี่555)<br />
พอดีขณะนั้นเองมีแมวป่าหิวโซย่างออกหาอาหารผ่านมา มันกะหยุดฟังพ้อมกับแปลกใจ<br />
<br />
<br />
"เอ... กองขี่งัวคือฮ้องเพลงได้น้อบาดเนี่ยะ งึดหลายย" เมื่อสงสัยแล้วแมวป่า<br />
กะเลยทำการพิสูจน์แหวกกองขี่งัวออกเบิ่ง เลยไปพ้อกับนกนางแอ่นน้อยอยู่ในนั้น เสร็จถ่อนแหล่วพี่น้องเอ๊ย แมวป่าเลียปากใส่เลย..<br />
<br />
(แมวป่าท้องกิ่วกะเลยจับนกน้อยกินเป็นอาหารซ้ำ)<br />
<br />
นิทานเรื่องนี่สอนให่ฮู้ว่า.....<br />
<br />
1. คนที่นำสิ่งสกปรกมาให่กะใช่ว่าสิเฮ็ดร้ายเฮาเสมอไปเน๊าะ<br />
<br />
2. คนที่ซอยเฮาออกจากที่สกปรกอาจเป็นอันตรายกะได้<br />
<br />
3. อย่าเพิ่งอ้าปากคุยโว ขณะยังมีมลทิน<br />
<br />
4. อย่าเป็นคนเถลไถล(ฮู้จักเตรียมการแน คาต๊ะม่วนหลาย) <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJE59bTygK6SRA4cVGb_jknMmKNF-rIeNOfnoljnkfbU548TZcnnOrGhFRFPgtPBr5jGHQTVdQzz93WMRO7hAjfe0t-MqF6cKDxwh4IibhkayTJD4VH9-Qo7YTOAydC7kEDohMQ0SnRKnc/s1600/20100116063606.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="347" width="361" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJE59bTygK6SRA4cVGb_jknMmKNF-rIeNOfnoljnkfbU548TZcnnOrGhFRFPgtPBr5jGHQTVdQzz93WMRO7hAjfe0t-MqF6cKDxwh4IibhkayTJD4VH9-Qo7YTOAydC7kEDohMQ0SnRKnc/s400/20100116063606.jpg" /></a></div><br />
นิทานเรื่อง สองพ่อลูกจอมปึกกับเจ้าลาจอมโง่<br />
<br />
ณ หมู่บ้านดู่ดอน(ห้ามผวนหนา)มีสองพ่อลูกอยู่คู่หนึ่งผู้พ่อซือว่าตาดุดพะนะ(ซือกะดายเน๊าะ)ส่วนลูกซายเพินซือรุทธิ์พะนะ "บุ๊ย" กำลังเป็นบ่าวเลย สองพ่อลูกนี่เป็นคนโม่แป้งเพินเป็นเจ้าของโรงสีพุ้นเด๊(โอ้..บ่ธรรมดา) แต่ว่าผั่นมีฐานะยากจน(เอ๊า..มาเว้าเป็นตาซังแถะ5555)จนแล้วยังบ่แล้วพี่น้องเอ๋ยตกมาปีนี้ฝนกะมาแล้งอีก<br />
ฝนบ่ยอมตกลงมาเลย จุดบั้งไฟแล้วกะแล้วแห่นางแมวแล้วกะแล้วกะบ่ยอมตก สงสัยพญาแถนเลาสิคานอนเว็นพะนะคือสิลืมเบิ่งโลกมนุษย์ มันกะเลยเป็นสาเหตุให่ต้นข้าวสาลีแห้งเหี่ยวตายถ่อนแหล่ว แต่ก่อนกะยังไคเด๊มีชาวบ้านชาวนานำข้าวสาลีมาโม่แป้งอยู่เรื่อยๆปีนี้แล้งหลายกะเลยหาแทบสิบ่มี บ่าวรุทธิ์กะเลยเว้ากับผู้เป็นพ่อว่า<br />
<br />
"นี่อี๊พ่อแป้งที่เฮาเอามาเฮ็ดขนมปังกินกะเหมิดแล้วเด๊สิกินหยั๋งหล่ะบาดนี่สิให่ผมไปกินข้าวบ่ายเกลือผมบ่เอาเด๊..ผมอยากอายผู้สาวพะนะ บุ๊ย!!!)<br />
<br />
ทางพ่อใหญ่ดุดผู้เป็นพ่อกะเลยเว้ากับผู้เป็นลูกซายว่า<br />
<br />
"นี่รุทธิ์เอ๊ย...พ่อเองกะปวดหมองคือกันหล่ะบ่แม่นต๊ะโตดอก เฮายังมีลาอยู่โตหนึ่งอยู่เด๊หล่า พ่อว่าเฮาเอาไปขายดีบ่พอมีเงินพอได้ใช้จั๊กน้อยแนดีบ่หล่า" เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วพ่อใหญ่ดุดกับบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายกะตัดสินใจสินำลาเข้าไปขายในโตเมืองพุทไธสงพะนะ สองพ่อลูกพากันจูงลาไปครับแดดกะจั่งแม่นฮ้อนหยั๋งกะด้อกะเดี้ยบุ๊หนิ จูงลาไปเช็ดเหงื่อไปไหลเข้าปากกะพ่องกัน(เค็มดีแท้ๆ) ระหว่างทางนั้นเองบ่าวรุทธิ์กับผู้เป็นพ่อได้พ้อกับผู้สาวอยู่กลุ่มหนึ่งกำลังพากันนั่งซักผ้าอยู่ บ่าวรุทธิ์กะเป็นคนปากไวอยู่แล้วกะเลยฮ้องถามไปว่า<br />
<br />
"ผู้สาวเฮ็ดหยั๋งน้อ" ทางผู้สาวกะเลยตอบมาว่า<br />
<br />
"ซักผ้าอ้าย ตาบ่มืนตี้พะนะ" 555งึดหลาย ทางผู้สาวนอกจากว่าบ่าวรุทธิ์ตาบ่มืนแล้วกะยังมาหาว่าสองพ่อลูกนี่มาซางพากันโง่แท้ว่าซั่น(โง่เทิงพ่อเทิงลูกเลย)โอ๊ยรับบ่ได้พี่น้องเอ๊ยย สูนถ่อนแหล่วบาดนี่กะเลยฮ้องถามไปทางหมู่ผู้สาวแบบเคี๊ยดสุดๆว่า<br />
<br />
"นี่คนสวยเป็นหยั๋งคือว่าอ้ายกับพ่อโง่ครับ" น้านเห็นผู้สาวบ่ได้เคี๊ยดปานได๋กะเว้าม่วน555 ทางผู้สาวเพินกะเลยฮ้องตอบกลับมาว่า <br />
<br />
"กะโง่แหล่วเนาะลากะมียังพากันจูงย่างเกียกขี่ฝุ่นจนหัวแดงอยู่แทนที่สิขึ่นนั่งเทิงหลังมัน" บ่าวรุทธิ์ได้ยินจั่งซั่นกะเลยเว้ากับผู้เป็นพ่อว่า<br />
<br />
"เออ...มันกะแม่นควมผู้สาวเขาว่าเด๊หล่ะพ่อ" ทางพ่อใหญ่ดุดเลากะเลยเว้ากับลูกซายว่า<br />
<br />
"เอาจั่งซี้บักหล่าโตขึ้นเทิงหลังลาสาลูกหล่า" ว่าแล้วพ่อใหญ่ดุดเลากะอยู่ดากบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายขึ่นนั่งเทิงหลังของลาแล้วกะพากันเดินทางต่อไป<br />
<br />
พากันย่างต่อมากะมาพ้อผู้หญิงเฒ่าๆ(คนชรา)ในมือเลาถือไม้เท้าย่างสวนมาพะนะ พอย่างสวนมาฮอดไกล้ๆเลากะใช้ไม้เท้าเลาเค๊าะไปหม่องหัวบ่าวรุทธิ์ทันที<br />
<br />
"เอิ๊อะ!!!แม่นหยั๋งหนิแม่ใหญ่เจ้ามาเค๊าะหัวผมเฮ็ดหยั๋งหนิ เยี่ยวใส่บ่อนไผ๋รับผิดชอบหนิแม่ใหญ่" บ่าวรุทธิ์สวนขึ่นไปปนอารมณ์สูน+กับควมเจ็บ ทางฝ่ายยายเฒ่าเลากะสวนขึ่นมาทันทีเลยว่า<br />
<br />
"บักผีบ้า บักผู้ฮ้ายหลวง กะมัง บักสันหลังยาว อากาศแฮ่งฮ้อนแทนที่สิให่พ่อมึงนั่ง มึงผั่นมานั่งเองจั่งแม่นมึงคั๊กหลายเน๊าะบักผู้ฮ้ายหลวงหน้าบ่อายแท้ ว่าซ้านนน" เอ....มันกะแม่นควมเลาว่าเด๊เน๊าะพ่อ(บ่าวรุทธิ์เว้า)<br />
<br />
"เอาจั่งซี้อี๊พ่อมานั่งเดี๋ยวผมจูงเองสั่นหน่ะ" ว่าแล้วบ่าวรุทธิ์กะลงจากหลังลาเปลี่ยนกับตาดุดผู้เป็นพ่อแล้วกะพากันเดินทางต่อไปอีก(ฮอดพุทไธสงง่ายบ้อน้อ55555)<br />
<br />
สองพ่อลูกย่างไปได้อีกบ่ไกลกะพ้อกับคนเดินทาง(จั่งแม่นพ้อดุ๊หนิ ฮ่าๆๆๆ) คนเดินทางย่างสวนมากะเลยเว้าขึ่นว่า<br />
<br />
"สองพ่อลูกนี่มาโง่แท้อากาศกะฮ้อน ลากะมีเทิงโต แทนที่สิขึ่นนั่งเทิงสองคนยังมาย่างจูงอยู่อีก จั่งแม่นมันปึกเด๊ ปึ๊กแล้วบ่แล้วมันยังพกดีกรีควมผู้ฮ้ายพ่วงมานำอีก คั๊กหลายน้อสู" ฝ่ายบ่าวรุทธิ์ได้ยินจั่งซั่นกะเลยมีความคิดขึ่นมาในสมองว่า<br />
<br />
"มันแม่นคือเขาเว้าเด๊เน๊าะ เฮากะโง่อีหลี๋ นี่หล่ะน้อเพินว่าผู้ฮ้ายแล้วบ่แล้วซ้ำตื่มตดเหม็นอีก เฮ้อออ" ทางพ่อใหญ่ดุดเลาเองกะได้ยินคือกันเลากะบอกบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายขึ่นมานั่งนำกัน แล้วกะพากันเดินทางต่ออีก<br />
<br />
พากันขึ่นหลังลาย่างจนสิไปฮอดเมืองพุทไธสงแต่กะไปพ้อกับชาวนาอีกผู้หนึ่งจนได้(ผู๊ได๋เขียนบทหนิพ้อดุ๊เหลือฮ้าย เฮ้อออ555) <br />
<br />
"นี่ลาพวกเจ้าตี๊" ชาวนาถามขึ่น <br />
<br />
"แม่นแล้วคุณชาวนามีอะไรเหรอ ผมสิเอามันไปขายในเมืองพุทไธสง ฮ่าๆๆๆ" บ่าวรุทธิ์ตอบแทนผู้เป็นพ่อ ฝ่ายชาวนาได้ยินจั่งซั่นกะเลยตอบกลับมาว่า<br />
<br />
"อีกบ่โดนถ่าเบิ่งโล้ดลาโตนี่สิเหมิดแฮง ย้อนมันแบกน้ำหนักหมู่เจ้าซำบายกันคั๊กแท้น้อหล่ะบ่หลูโตนมันแหมะ มันเหมิดกำลังเวลาเอาไปขายสิได้ราคาบ้อเจ๊กโคกทางได๋สิซื้อให่เจ้า บุ๊ย พากันคิดบ่หนิ ข่อยคิดว่าพวกเจ้าสองคนพากันซอยแบกมันสิดีกว่าเด๊" ฝ่ายบ่าวรุทธิ์กับผู้เป็นพ่อหันมาสบตากันหน่อยนึง<br />
<br />
"อี๊พ่อ เอาตามนั่นพะนะ 5555" เป็นความคิดที่ดีเข้าท่าแท้<br />
<br />
ว่าแล้วตาดุดกับบ่าวรุทธิ์กะพากันหาไม้กับเชือกมา ซอยกันผูกลาไว้กับท่อนไม้แล้วกะหามลาเข้าไปในเมืองพุทไธสง(เฮ้อ!!!ฮอดง่ายบ่น้อพี่น้อง) หามกันเข้าไปฮอดในเมืองครับ คนในเมืองบ่เคยเห็นสิ่งที่ตลกแบบซี้มาก่อนเลยพากันหัวร่อจนท้องแข็ง คอกะแข็งบุ๊ยย!! (บาดนี่มาเว้าฮอดลาครับ งึดหลายจนสิจบเรื่องแล้วค่อยสิมาเว้าฮอดมัน) ลามันกะบ่ว่าหยั๋งดอกที่มันถืกหามแบบซี้(ลองว่าลองเว้าออกมาตี๊บ่าวรุทธิ์แล่นแท้ๆ ฮ่าๆๆๆ<br />
<br />
"พี่น้องเอ๊ยยยซอยแนลาเว้าได้" ครับท่านผู้ติดตามอ่านลามันบ่พอใจที่ถืกคนหัวร่อกะยังหว่า มันกะเลยพยศเทิงดิ้น เทิงยัน เทิงถีบ ในที่สุดเชือกขาดครับแล้วกะควมบังเอิญตรงกับควมพอดีตรงนั้นมีสะพานข้ามคลองพอดี ลากะเลยตกลงไปในน้ำจมลงไปหายไปต่อหน้าต่อตาพ่อใหญ่ดุดกับบ่าวรุทธิ์<br />
<br />
"อี๊พ่อเห็นบ่" บ่าวรุทธิ์ถามพ่อ <br />
<br />
"บ่เห็น" พ่อใหญ่ดุดตอบลูกซาย <br />
<br />
"เอาอี๊พ่อบ่เห็นเบาะลามันตกลงไปในน้ำไปแล้วนั่นแหมะ" บ่าวรุทธิ์ว่า <br />
<br />
"พ่อบ่เห็นกะย้อนว่าตอนนี้มันจมไปแล้วบักผีบ้า" พ่อใหญ่ดุดเทิงเว้าเทิงสิให่ สรุปแล้วสองพ่อลูกเลยจำใจต้องกลับบ้านมือเปล่าพี่น้องเอ๋ย เสียลาไปโดยเปล่าประโยชน์ บ่ได้หยั๋งซ้ำ ทางพ่อใหญ่ดุดเลาหันมาหาบ่าวรุทธิ์ผู้เป็นลูกซายทั้งถอนหายใจแล้วกะเว้าขึ่นว่า"พ่อบ่น่าเฮ็ดตามใจซุมหมู่นี่เลย ในที่สุดพ่อกะเฮ็ดบ่ถืกใจไผ๋ แล้วกะกลับกลายเป็นพ่อเองนี่หล่ะลูกที่โง่คือลาแถมคั๊กกว่าลาอีกหล่ะหว๋า เฮ้อออ" <br />
<br />
(นิทานเรื่องนี้สอนให้ฮู้ว่า) <br />
บ่ใช้สมอง บ่ใช้ควมคิดของเจ้าของมัวแต่อาศัยควมคิดชาวบ้านหรือคนอื่น จั๊กมื้อหนึ่งสิพ้อกับควมเสียหายอย่างพ่อใหญ่ดุดกับบ่าวรุทธิ์กะได้เด๊ สั่นดอกว๊าพี่น้อง <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqTd0VOezQoL3mhl_ahyIpxPENQrUGH7dgx5qkyoZmMxGozbwruGttrAFSB2iTitxPFbvH13_Lx0be-TEOVqstA51_tr8vj_FxOgufH1dsfsRsHXzhaMPmLVEwb4sxmZZ9bxkBEgY7kZvI/s1600/20100126065832.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="100" width="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqTd0VOezQoL3mhl_ahyIpxPENQrUGH7dgx5qkyoZmMxGozbwruGttrAFSB2iTitxPFbvH13_Lx0be-TEOVqstA51_tr8vj_FxOgufH1dsfsRsHXzhaMPmLVEwb4sxmZZ9bxkBEgY7kZvI/s400/20100126065832.jpg" /></a></div><br />
นิทานสอนใจผู้ชาย (ที่ผู้หญิงต้องอ่าน แห่ะๆ)<br />
<br />
..กาลครั้งหนึ่ง บ่โดนปานใด๋ครับยังมี ผบ.น (ผู้บ่าวซ่ำน้อยพะนะ) จารย์ใหญ่พาแปลเด้อครับเคลียร์กันเอาเอง5555 ซื่อว่าบ่าวหน่อ (เอ๊ะ..ซื่อคุ้นๆ) เพินมีอาชีพตัดต้นไม้ขายครับ ตัดไปตัดมาตัดอี๊ท่าได๋บุ๊หนิขวานหลุดมือตกลงน้ำกะหยั๋งหว่า สงสัยเพินสิอ่านนิทานดู๊ครับ <br />
<br />
"เอ????เฮาลองทำท่าให่เบิ่งก่อนน๊าลังเทือสิมีเทวดามาซอย" ความคิดช่างร้ายกาจมาก คิดได้จั่งซั่นกะให่สั่นแล้วครับ<br />
<br />
"ฮือๆๆๆๆไผ๋กะได้ซอยแนซอยผมแนขวานหลุดมื๊อขวานหลุดมือ จมจ้อย ฮือๆๆๆๆซอยแน๊ซอยแน" ไห่เป็นตาซังคั๊ก55555 บ่เซือกะต้องเซือครับเพราะมันเป็นนิทานบ่าวรุทธิ์ ทันใดนั้นเองเทวดาลอยขึนมาจากผิวน้ำ ว่ายฟรีสไตล์200เมตรเข้ามาหาบ่าวหน่อทันทีเลย พ้อมกับเปล่งวาจาออกมาว่า<br />
<br />
"มีอะไรรึเจ้าหนุ่มน้อย" ทางบ่าวหน่อได้ยินหัวร่อสู่อยู่แอ๊กๆถืกใจเพินหลายเทวดาเอิ้นหนุ่มน้อย พ้อมคิดอยู่ในใจเป็นไปตามแผนเป๊ะเทวดากำลังสิตกหลุมพราง5555 เพินกะเลยเอ่ยขึ่นว่า<br />
<br />
"เทวดาครับซอยผมแนขวานผมตกลงน้ำแหมะ ลึกกะลึกเฮ็ดจั่งใด๋ดีบ่มีขวานผมสิเอาหยั๋งทำมาหากินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียครับ" เว้าบ่เว้าซือๆบ่าวหน่อนั่งลงแล้วกะเอาเท้าเพินยันขี้ดินอยู่ตั๊บๆคือจั่งเวลาเด็กน้อยเคียดแม่บ่ซื้อขนมให่กิน เทิงฮ้องเทิงเฮ็ด ฝ่ายเทวดาเห็นจั่งซั่นเลาเลยคิดในใจ<br />
<br />
"โอ ....ซางเฮ็ดไปได้ งึดหลายว่าซ้านนน5555)" เทวดากะเลยเว้าขึ้นว่า<br />
<br />
"บ่เป็นหยั๋งดอกเฮาสิซอยเอง" ว่าแล้วเทวดากะว่ายตีกรรเชียงออกไปจั๊กหน่อยพ้อมกับมุดดำลงไป <br />
<br />
ฝ่ายบ่าวหน่ออักยิ้มอยู่ผู้เดียว กำลังสิเป็นไปตามแผนเทวดาเพินต้องขึ้นมาพ้อมกับขวานทองในเทือแรกพุ้นหน่ะ (ป๊าดดด เฮ็ดการบ้านมาดีคั๊ก) เป็นไปตามคาดครับเทวดาโผล่ขึ้นมาพ้อมกับขวานทองอีหลี แล้วถามไปทางบ่าวหน่อว่า<br />
<br />
"แม่นขวานด้ามนี่บ่ของเจ้า" ทางบ่าวหน่อบ๊าเข้าล็อคเพินสั่นแหล่ว<br />
<br />
"มันบ่แม้นมันบ่แม่น เทิงฮ้องเทิงไห่" เทวดาเห็นดังนั้นกะเลยว่า<br />
<br />
"บ่เป็นหยั๋งอย่าให่เฮาอยากไล่ ฮ่าๆๆๆ เดียวเฮาสิลงไปเบิ่งใหม่" ว่าแล้วกะดำลงไปอีก ลับตาเทวดาบ่าวหน่อหัวไหลเต๊อะไหลเติ่นอยู่<br />
<br />
"ต่อไปขวานเงิน" พุ้นนะ เฮ็ดการบ้านมาดีคั๊ก เทวดากลับขึ้นมาอีกครั้งพ้อมกับขวานเงินอีหลีครับ บ่าวหน่อหันมายิกคิ้วให่กับคนอ่านอีกเทือนึง (ตามแผนชัวร์ว่าซั่น) <br />
<br />
"อั่นนี้แมนขวานเจ้าบ่" เทวดาถามขึ้น <br />
<br />
"มันบ่แม้นมันบ่แม่น" (ตามสูตรเก่าเพิน) เทวดากะเลยบอกว่า<br />
<br />
"บ่เป็นหยั๋งเฮาสิลองอีกจั๊กเทือ คิดว่าสิแม่นต่อไปนี่ เพราะว่าเฮากะเริ่มสิเมื่อยแล้ว อีกอย่างเฮาซังท่าฮ้องให่ของเจ้าพะนะ" เทวดามุดเทือที่สามบ่โดนกะโผล่ขึ้นมาพ้อมกับขวานเหล็กด้ามไม้เก่าของบ่าวหน่อ<br />
<br />
"แม่นด้ามนี่บ่หล่ะ" ทางบ่าวหน่อเพินเตรียมการมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว<br />
<br />
"แม่นครับขวานเหล็กนี่หล่ะขวานผม ฮักหลายแม่นด้ามหล่อนปานใด๋กะฮั๊กฮั๊กแฮ้งแฮงว่าซั่น" เทวดาได้ฟังดังนั้นกะเลยคิดว่า<br />
<br />
"โอ...เพินนี่เป็นคนฮู้ผู้ดีเด๊หนิ ซื่อสัตย์สุจริต บ่อยากได้ของที่บ่แม่นของเจ้าของ<br />
<br />
"เทวดาเลยเว้าขึ้นว่าเฮาเห็นโตเป็นคนดีฉะนั้นเฮาสิมอบขวานทองกับขวานเงินให่นำ ไป กลับบ้านเจ้าได้แล้ว" เข้าตามแผนทุกประการครับ บ่าวหน่อสู่อยู่แอ๊กๆถืกใจเพินหลายกะยังหว่า <br />
<br />
หนึ่งเดือนต่อมา....บ่าวหน่อกับภรรยา(เมีย)เพินได้พากันไปย่างเหล่นริมหนองน้ำ รำลึกความหวานโรแมนติก ย่างแบบได๋กะบ่ฮู้ ภรรยาบ่าวหน่อได้มื่นตกลงหนองน้ำ (อั่นนี้นิทานเด้อ 5555) บ่าวหน่อเฮ็ดหยั๋งบ่ถืกไห่สั่นแหล่วครับ ยากเทวดาผู้เก่าอีก <br />
<br />
"แม่นหยั๋งอี๊กมาให่เฮ็ดหยั๋ง" เทวดาถามขึ้น<br />
<br />
"เมียผมตกน้ำครับ ดังจ๋อมเลย ซอยผมแน" <br />
<br />
"เอ๊าๆๆเซาไห่ได้แล้วเฮาสิซอยเดี๋ยวนี้หล่ะ" ว่าแล้วเทวดากะมุดลงน้ำทันที บ่ถึงนาทีเทวดาโผล่ขึ้นมาพ้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายๆน้องพอลล่า คือคั๊กคือแนปานว่าน้องพอลล่า เทเล่อร์ เอาโล้ด<br />
<br />
"ผู้หญิงคนนี้แม่นภรรยาเจ้าบ่" เทวดาถามขึ้น ฝ่ายบ่าวหน่อเมื่อเห็นดังนั้นยิ้มปุ้ยเลยท่านผู้อ่าน<br />
<br />
"แม่นแล้วครับนี้หล่ะภรรยาของผมว่าซ้าน ฮ่าๆๆๆ" ฝ่ายเทวดาได้ยินดังนั้นสูนถ่อนแหล่วครับ<br />
<br />
"โห้ ...เดียวนี่เจ้าเป็นคนแบบซี้แล้วบ่ เจ้าบ่ซื่อสัตย์คือเก่า<br />
<br />
" ทางบ่าวหน่อได้ยินจั่งซั่นกะเลยฟ้าวเว้าขึ้นว่า<br />
<br />
"ขออภัยครับท่านเทวดาตามความคิดผมถ้าแม่นผมตอบว่าบ่แม่น ท่านเทวดากะคือสิดำลงไปพ้อมกับผู้สาวหน้าตาคล้ายน้องจีจ้า (ที่บ่าวรุทธิ์ปลื้ม บุ๊ย) ถ้าผมปฏิเสธท่านกะสิดำลงไปใหม่ สุดท้ายกะคือสิดำลงไปพ้อมกับนำภรรยาโตแท้ผมขึ้นมา ผลสรุปผมคิดว่าท่านกะสิมอบผู้หญิงสองคนให่ผมนำ ในฐานะผมบ่ตั๋วผมซื่อสัตย์ ลำพังผมมีเมียผู้เดียวอาชีพตัดไม้ขายกะหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องยากอยู่ ฉะนั้นผมเลยตอบว่าแม่นตั้งแต่คนแรก" ป๊าดดดเหตุผลเพินแหมะ (ห้ามลอกเลียนแบบ ฮ่าๆๆๆ) เห็นสาวพอลล่าบ่ได้ฟ้าวฮับเอาเลย ฮ่าๆๆไปเคลียร์กันกับโตแท้เอาพะนะ<br />
<br />
นิทานเรื่องนี้สอนอีหยั๋ง <br />
สอนว่าเมื่อใดที่ผู้ซายขี้ตั๋ว แสดงว่าผู้ซายคนนั้นต้องมีเหตุผลจำเป็นในการตั๋วและมีเจตนาดีอย่างแน่นอน5555 <br />
<br />
ปล. อั่นนี้เป็นนิทานเนาะครับ อย่าคิดหยั๋งผมต้องการให่คลายเครียดกันท่อนั้น ความเป็นจริงแล้วการฮักเดียวใจเดียว เอาใจเขามาใส่ใจเฮา เป็นสิ่งประเสริฐแท้ครับ <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEja-LpRq13h0mVB3QEDdVWoySQmJOCqSjuwhkKbMH4JQuX9b4zXknGKQyMvnHF49jk5NBXQ0DjtzAva_ERT6T2EzMXFI3WOAYTS4JvcwWSZjdbAEKhTLkFoitbpnxWYlTxbQ8WgQ1OuYCpC/s1600/20110313063907.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="400" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEja-LpRq13h0mVB3QEDdVWoySQmJOCqSjuwhkKbMH4JQuX9b4zXknGKQyMvnHF49jk5NBXQ0DjtzAva_ERT6T2EzMXFI3WOAYTS4JvcwWSZjdbAEKhTLkFoitbpnxWYlTxbQ8WgQ1OuYCpC/s400/20110313063907.jpg" /></a></div><br />
ไปอ่านพ้อนิทานเรื่องนึงครับจาก วิชาการ ดอทคอม<br />
(ออกแนวขำดีคือกันเลยนำมาแต่งแปลงเพิ่มตามสไตล์อีเกียแดง)<br />
<br />
นิทานเรื่อง ไม่คิดเอาเสียเล๊ยยย..<br />
<br />
..โดนนานมาแล้วยังมีกบวิเศษโตหนึ่ง อาศัยอยู่ในป่าซึ่งเป็นป่าดงดิบซึ่งห่างจากป่าละเมาะเข่าไปอีก ลึกลับยากที่สิมีมนุษย์หรือว่าสัตว์ชนิดใดเดินทางไปเถิง แต่แล้วอยู่มามื้อหนึ่งครับกบวิเศษโตนี่ได้ยินเสียงสัตว์สองชนิดแล่นไล่กวดกันมาอย่างเอาเป็นเอาตาย มันคืออีหยั๋งน้อหนิ.. ที่แท้มันคือหมีตัวบักใหญ่กำลังไล่ล่ากระต่ายเจ้าเล่ห์เพื่อนำเฮ็ดดินเนอร์ยามมื้อแลงครับ<br />
<br />
" พวกเจ้าเทิงสอง หยุดเดี๋ยวนี่ " เสียงกบวิเศษฮ้องบอกสัตว์ทั้งสองให้หยุดตอบข้อซักถามเพราะตลอดชีวิตของมันบ่เคยพ้อหมีและกระต่ายแล่นไล่กันมาก่อน<br />
<br />
"พวกเจ้าทั้งสองแล่นกวดกันแทบเป็นแทบตายเพราะเหตุอีหยั๋งหนิ" กบวิเศษถาม<br />
<br />
"บักหมีมันสิจับข่อยเฮ็ดอาหารแลงแม๊ะท่าน" กระต่ายตอบลิ้นห้อยด้วยความเมื่อยยังบ่เซา<br />
<br />
"อ๋อ เป็นแบบซี้นี้เอง เอาเถาะ อย่าเฮ็ดอีหยั๋งกันเลย เฮาสิให้พรวิเศษเจ้าโตละ 3 ข้อหวังว่าคงสิซอยลดความขัดแย้งลงได้เนาะ" ทั้งหมีและกระต่ายรับคำด้วยความยินดี<br />
<br />
เจ้าหมีเป็นฝ่ายขอพรก่อน มันคิดอยู่เป็นนาทีจึงบอกไปว่า<br />
<br />
" ข่อยอยากให้หมีทั้งเหมิดป่าแห่งนี้ยกเว้นโตข่อยเป็นโตเมียเทิงเหมิด " ว่าซั้น..เว้าแล้วกะขนคิงลุกด้วยความสยิวตีคิ้วอยู่ ฮึ๊บฮึ๊บ... บ่โดนกลิ่นสาบสาวจากหมีโตเมียกะหอมฟุ้งไปทั่วป่า<br />
<br />
เถิงทีกระต่ายน้อยขอบาดหนิ กระต่ายผู้น่าหลูโตนขอแค่หมวกกันน็อคหนึ่งใบพะนะ งึดหลาย บักหมีสู่อยู่แอ๊กๆ ถืกใจเพินหลาย<br />
<br />
" บักกระต่ายปัญญาอ่อนหน้าโง่เอ๊ย..ถ้ามันขอเงินสักพันล้านมันสามารถซื้อหมวกกันน็อคได้หลายล้านใบ สิเอาไปเหล่นหุ้น ซื้อดาวเทียมกะได้ แต่ช่างเถาะมันบ่แม่นธุระของเฮา" หมีพึมพำออกมา หมีบ้าตัณหาได้โอกาสขอพรข้อ2 ซึ่งมันคิดอยู่โดนคักประมาณ 3นาทีก่อนสิบอกว่า<br />
<br />
" ข่อยปรารถนาให้หมีทุกโตในป่าถัดไปกลายเป็นโตเมียทั้งสิ้น" เว้าแล้วกะน้ำลายไหลยืดด้วยความสยิว คันมีหมีโตเมียเพิ่มอีกนับร้อยโตมันสิตั้งฮาเร็มหมีว่าซ้าน.. (ป้าดแผนการช่างเข้าท่าทีเดียวเชียว)<br />
<br />
ส่วนกระต่ายน้อยขอพรข้อ2 มันขอมอเตอร์ไซต์หนึ่งคันพะนะ (งึดหลายอีกแล้ว) เมื่อได้สมปรารถนามันแล้วกะสวมหมวกกันน็อคกระโดดขึ้นคร่อมและสตาร์ทรถทันทีเลย<br />
<br />
บักหมีใหญ่ขอพรข้อสุดท้ายบาดหนิ<br />
<br />
"ข่อยปรารถนาสิให้หมีทุกโตในโลก ยกเว้นโตข่อยกลายเป็นหมีโตเมียทั้งเหมิด ว่าซ้าน " <br />
<br />
...โอ .. มันแทบสิถ่าบ่ไหวแล้ว...เทิงเว้าเทิงน้ำลายแตกห่าวอยู่โด่งๆ สั่นขนด้วยความสยิว แต่แล้วบักหมีกะเถิงกับช็อค เมื่อได้ยินกระต่ายน้อยขอพรข้อที่ 3 ก่อนสิตีค้วป๊อกๆให่สองเทือพ้อมกับบิดรถรถมอเตอร์ไซค์หนีไปในทันที<br />
<br />
<br />
พรข้อที่3ที่กระต่ายน้อยขอกะคือ<br />
<br />
>>>>>ข่อยขอให่บักหมีโตนี้มันเป็นเกย์<< (..ว่าซ้านนนนน..)
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
...คิดให่ดีก่อนแนก่อนสิเว้าก่อนสิว่า คิดให่รอบคอบ มีสติ อย่าสะคึดต๊ะแนวเดี๋ยวหลายเลยกลายเป็นพังเพราะกิเลสตัณหา เดี๋ยวสิคือบักหมีสั่นดอกว๊า...
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqa3CMvVlNj3MeY3sNuYf1u0toL3mHiVQ5arL6A82kEYfQP45bcu4TSZjxXWASfU1Dgk2Cqph6sTaszCvLlPQ_SKcGXhyPxJA-FHW34BTcQY5A-IYG_ORM11P94bGH007huLx1nqemVTXh/s1600/y1m2890YWz_D5os6nTTj_y-W7aqp2S2Fmyu0vEY7JhiNctsr0xsIJgqg5J1dKSiAhZJm6g_VBWN-XBUTBcgafWt7Q.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="96" width="96" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqa3CMvVlNj3MeY3sNuYf1u0toL3mHiVQ5arL6A82kEYfQP45bcu4TSZjxXWASfU1Dgk2Cqph6sTaszCvLlPQ_SKcGXhyPxJA-FHW34BTcQY5A-IYG_ORM11P94bGH007huLx1nqemVTXh/s400/y1m2890YWz_D5os6nTTj_y-W7aqp2S2Fmyu0vEY7JhiNctsr0xsIJgqg5J1dKSiAhZJm6g_VBWN-XBUTBcgafWt7Q.jpg" /></a></div><br />
(ยังไม่มีชื่อเรื่องครับ)<br />
<br />
กาลครั้งหนึ่งโดนมาแล้วมีอีเกีย (ค้างคาว) 3 โต อาศัยอยู่เทิงกกตาลต้นเดียวกัน<br />
มีอีเกียริวน้อย มีอีเกียบ่าวรุทธิ์ และกะอีเกียชราจารย์ใหญ่ <br />
<br />
...ปรกติอีเกียเทิง3โตนี่ สิเปลี่ยนเวรกันออกไปหาเลือดสดๆจากคอผู้สาวงามๆ มาแบ่งปันกันกินเพื่อความเป็นอมตะ และมื้อนี้เป็นเวรของเจ้าอีเกียริวน้อยต้องออกไปหาดูดเลือดจากคอผู้สาว อีเกียริวน้อยออกไปโดนเติบ....จนว่าโดนบักคัก กะยังบ่เห็นกลับมา แต่ที่สุดแล้วอีเกียริวน้อยกะกลับมา... <br />
<br />
" ริวน้อยขอโทษหลายๆที่หาเลือดมาให่บ่ได้ ริวน้อยคิดว่าช่วงนี้เป็นหน้าแล้งผู้สาวเลยพากันหนีไปกรุงเทพเหมิด " (บุ๊ย..คิดคือคักเนาะหมอหนิ) อีเกียริวน้อยบอกเสียงเจื้อยแจ้ว <br />
<br />
" โตหนะ ยังด้อยประสบการณ์หลาย เดี๋ยวอ้ายออกไปเอง..." เสียงอีเกียบ่าวรุทธิ์บอก พ้อมกับบินเซิ่นออกไป.. แล้วออกไปโดนคักบาดหนิ..โดนกว่าอีเกียริวน้อยอีก... แล้วกะฟาวล์กลับมาบ่ได้เลือดแม้แต่หน่อย .. <br />
<br />
" สงสัยท่านชราจารย์ใหญ่ต้องซอยพวกเฮาแล้วหละครับ" อีเกียบ่าวรุทธิบอก ...ว่าแล้วอีเกียชราจารย์ใหญ่กะจำต้องบินออกไป โดยแสยะยิ้มอยู่ในใจว่า " ปะสาสูน้อประสบการณ์ช่างอ่อนด้อยหลาย มันต้องเฮาพี้..ถ่าเบิ่งผลงานบักหล่า " เว้าพ้อมตีปีกพ้อม... <br />
<br />
.. บ่น่าเชื่อ....บ่เถิง3นาที ท่านอีเกียชราจารย์ใหญ่ก็กลับมา พร้อมกับเลือดสดๆ เต็มปาก.... <br />
<br />
" ป้าด..เจ้าเฮ็ดได้จั่งได๋หนิ ท่านผู้ชรา (แห่ะๆ) ..^_^.. " อีเกียทั้งสองฮ้องด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ งึดหลายว่าซั่น... <br />
<br />
...ท่านอีเกียชราจารย์ใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.....<br />
<br />
" พวกโตเห็นต้นไม้อยู่ด้านหน้านั่นบ่ " เสียงอีเกียชราจารย์ใหญ่ถาม<br />
<br />
" เห็นครับท่าน " อีเกียบ่าวรุทธิ์กับอีเกียริวน้อยตอบ <br />
<br />
" นั่นแหละ...............เฮาบ่เห็นว๊ะ " <br />
<br />
บ่าวรุทธิ์ ..กาละมังคนเอ๊ยยย..ฮ่าๆๆๆ </b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-73117075780535923502011-06-01T07:28:00.000-07:002011-06-01T07:28:04.103-07:00นิยาย กรรมลิขิต 8<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGl7JRRB8wwgWbFP6kd_e773fk83fWlXplmlGfhv7uFsZ5ZNLQDv6gBcRp2uT4_RXUD8ZElunZWABG6f-Ir91BbSJWBtxtoa8JV5ltXltiufe384DuHGynDx61HfmTlvAr2fS42xqkgkcv/s1600/20101031062158.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="265" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGl7JRRB8wwgWbFP6kd_e773fk83fWlXplmlGfhv7uFsZ5ZNLQDv6gBcRp2uT4_RXUD8ZElunZWABG6f-Ir91BbSJWBtxtoa8JV5ltXltiufe384DuHGynDx61HfmTlvAr2fS42xqkgkcv/s400/20101031062158.jpg" /></a></div><b><br />
ตอน กุศลกรรม 2<br />
<br />
" ธรรมทั้งหลายที่บุคคลได้กระทำไว้ ด้วยกาย วาจา และใจย่อมจะมีผลเกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัตินั้นเอง โดยไม่จำกัดด้วยกาลเวลา กรรมที่ได้กระทำแล้วย่อมส่งผลต่อบุคคลนั้นทันที เช่น คิดดี พูดดี ทำดี ก็ให้ผลเป็นความสุขแก่ผู้นั้นทันที แต่หากคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ก็ให้ผลเป็นความทุกข์แก่ผู้นั้นทันทีเช่นกัน โดยกฏแห่งจิตตนิยาม ว่าด้วยธรรมชาติของจิต เมื่อจิตประกอบไปด้วยเจตสิก มีการปรุงแต่งคิดนึกด้วยอกุศลเจตนา ก็ย่อมจะให้ผลเป็นอกุศลวิบาก ทำจิตของบุคคลนั้นให้เศร้าหมองทันที "<br />
<br />
..ค่ำคืนแห่งรัตติกาลสว่างไสวไปด้วยมวลหมู่ดาว พร่างพราวระยิบระยับอวดกันเปล่งประกายแสงแข่งกันกับดวงจันทร์ดวงโตที่ตอนนี้กำลังทอแสงสีเหลืองนวลสุกใสเหมือนถูกอาบไปด้วยทองเหลืองแผ่นใหญ่ มองผ่านเข้าไปข้างในเห็นเจ้ากระต่ายสีขาวตัวน้อยชะเง้อคอจ้องมองขึ้นไปยังข้างบนชื่นชมในแสงนวลของจันทร์เจ้า เปรียบประดุจในความรักของชาวนาหนุ่มผู้ลุ่มหลงเฝ้าฝันจะหมายปองเทพธิดาดอกฟ้าแห่งกรุงไกล แต่ไฉนใยกลับต้องร้อนลุ่มเหมือนถูกไฟสุมทรวงเมื่อสิ่งที่หมายปองนั้นสุดที่จะเอื้อมไขว่คว้าถึง สายลมที่แผ่วเบาช่วยพัดพาใบไม้ให้ไหวพริ้วไปตามแรงมองดูผ่านแสงนวลของจันทร์เหมือนกับว่ากำลังเบิกบานฤทัยขยับกายโยกย้ายส่ายลีลาไปตามจังหวะเสียงเพลงที่บรรดาหริ่งเรไรร่ำร้องประชันกันขึ้นอยู่เป็นระยะๆ กลิ่นของดอกไม้ยามค่ำคืนหอมตลบอบอวลแผ่ขจรไปทั่วบริเวณ เหมือนกับว่ายั่วยุสรรพสิ่งที่อยู่รอบข้างให้ลุ่มหลงในมนต์เสน่ห์เฉกเช่นชายหนุ่มร่างกำยำละเมอเพ้อหากลิ่นอายอันหอมกรุ่นของเนื้อนางก็มิปาน.... <br />
<br />
<br />
/////////////////////////////////////////////////////////////<br />
<br />
<br />
..แสงสว่างจากหลอดไฟนีออนส่องประกายออกมานอกหน้าต่างมองเห็นเงาสะท้อนของผู้ที่อยู่ภายในห้อง เสียงคุยกันจ้อกแจ้กจอแจพร้อมกับเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาตามสายลมที่พัดโชยมาแผ่วเบา <br />
<br />
" โป้งง ... โป้งง.." เสียงของคนจุดประทัดดังแว่วมาจากภายในหมู่บ้านทำให้สามเณรตัวน้อยทั้งสามหันหน้าสบสายตากันพร้อมกับยิ้มออกมา พลางนึกย้อนไปถึงเมื่อปีที่แล้วที่พวกเขาวิ่งอ้อนขอเงินแม่ไปซื้อประทัดมาจุดเล่นในก่อนวันออกพรรษา บางทีก็นึกซนไปมากกว่านั้น เมื่อได้ประทัดมาแล้วก็ชอบที่จะเอามาเล่นทำเป็นระเบิดเวลา คือใช้หนังยางมัดประทัดเข้ากับธูปโดยที่แนบไส้ประทัดที่ข้างในมีชนวนของดินปืน(วัตถุไฟไว) เข้ากับลำธูป หลังจากนั้นกะจุดธูปนำไปปักไว้ที่ใต้ถุนบ้านหรือที่ไหนก็ตามแต่ นั่งรอเวลาที่ไฟไหม้ธูปลงไปถึงไส้ประทัดอย่างใจเย็น เมื่อถึงเวลาที่ไฟไหม้ธูปลงมาถึงไส้ของประทัดมันก็จะ ...." โป้งง ".... สมใจนึกทันทีเมื่อคนที่เราคิดจะแกล้งตกใจจนร้องเสียงหลงพร้อมกับสะดุ้ง จนต้องเผลอตะโกนด่าอวยพรหาไอ้คนที่คิดพิเรนทร์ทำให้หัวใจแทบวายปราณออกมาเสียงดังลั่น (ทุกวันนี้ประทัดดูจะพัฒนาการอัดแน่นยิ่งขึ้น เช่นประทัดสามเหลี่ยมที่มีอานุภาพการระเบิดรุนแรงเอาการ ช่วงออกพรรษาหรือลอยกระทง เรามักจะได้ยินข่าวอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือหน้าจอทีวีอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับผู้ที่ถูกประทัดแตก-ระเบิดใส่มือ อันนี้ต้องควรระวังนะครับ) <br />
<br />
<br />
สามเณรตัวน้อยหันกลับมาให้ความสนใจกับกิจกรรมที่พวกเขาทำร่วมกันขึ้นอีกครั้ง <br />
<br />
" เณรจักรโตต่อแผ่นให่มันงามๆแนเด้อ เอาสลับสีกันมันค่อยสิเป็นตาเบิ่ง เณรขวัญโตตาบฮอยขาดแผ่นนั้นให่เฮานำแน เอาสีเดียวกันนั่นหล่ะ " เสียงสามเณรไผ่ศธรบอกเพื่อนรักทั้งสอง <br />
<br />
" เฮาหน่าสิเฮ็ดหน่วยละสองโหลเนาะ มันสิได้สูงๆเวลาปล่อยขึ่นไปมันจั่งค่อยสิมีโอกาสลอดห่วงได้ง่าย " สามเณรขวัญชัยออกความเห็นพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้ากระดาษแผ่นที่มีรูขาดอยู่ตรงกลางเพื่อนำมาปะให้ดูดีดังเดิม <br />
<br />
" มันบ่แม่นจั่งซั่นเด้เพิน กติกาเพินให่เฮ็ดหน่วยละโหลส่ำกันเหมิด บ่เป็นหยั๋งดอกเฮาเฮ็ดพอได้มีส่วนร่วมนำเพินซือๆดอกหลวงพ่อพระครูเพินบอกว่าจั่งซั่นเด๋ เข่าห่วงหรือบ่กะซางมันเถาะ แต่เฮาคิดเห็นภาพกะเป็นตาได้ลุ้นอยู่เด๊ะหล่ะ ฮ่าๆๆ " สามเณรไผ่ศธรหัวเราะร่าออกมา <br />
<br />
<br />
กิจกรรมที่เขาทั้งสามร่วมกันทำอยู่ในขณะนี้ก็คือ การทำโคมลอย (โคมไฟ) ที่จะใช้ปล่อยหลังวันออกพรรษาในช่วงเวลาเย็น ซึ่งทางหลวงพ่อพระครูฯท่านได้ร่วมประชุมกับทางกำนัน และชาวบ้านร่วมกันจัดการแข่งขันขึ้น ซึ่งทางวัดอุดมคีรีเขตจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆปีในช่วงออกพรรษา เพื่อเป็นการจัดกิจกรรมให้ความสนุกสนานกับชาวบ้านหลังจากที่พวกเขาหมดภาระจากการทำไร่ทำนาในช่วงนี้ การแข่งขันนั้นจะจัดขึ้นในวันแรม๑ค่ำช่วงเย็น โดยในช่วงเช้าจะเป็นการทำบุญตักบาตรเทโว รับศีล ฟังเทศน์และถวายกัณฑ์เทศน์ สำหรับกติกานั้นก็คือใครก็ตามที่สามารถบังคับโคมไฟให้เข้าในห่วงที่อยู่ข้างบนได้ก็จะเป็นผู้ชนะไป ในกรณีที่มีผู้เข้าหลายคนก็ต้องมาตัดสินอีกทีว่าโคมไฟของใครเข้าได้สวยกว่าโดยที่ไม่ชนห่วงเลย ให้เป็นอันดับที่หนึ่งและลดหลั่นลงมาตามลำดับ ส่วนของรางวัลนั้นทางหลวงพ่อพระครูฯและทางกำนันเป็นผู้กำหนดขึ้นเอง โดยจะมีตั้งแต่อันดับที่ 1-5 ต้องถือว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานเป็นอย่างมาก เพราะเนืองแน่นไปด้วยชาวบ้านที่มาพร้อมเสียงเชียร์คอยลุ้นกันจนตัวโก่ง ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีโคมไฟทั้งจากของชาวบ้านและทางวัดส่งเข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 30 ลูกได้ สำหรับปีนี้ทางวัดน่าจะมีการส่งเข้าร่วมอยู่ที่ 6 ลูก โดยใน6ลูกนี้ก็เป็นของสามเณรตัวน้อยทั้งสามที่กำลังนั่งขะมักเขม้นทำช่วยกันอยู่ตอนนี้2ลูก <br />
<br />
" ฟ้าวเฮ็ดฟ้าวแล้วเพินสิได้นอน เมื่อยอยู่เหมิดมื้อเลย มื้อเว็นนี้กะนั่งเฮ็ดหมากอีโฮง กว่าสิแล้ว" สามเณรไผ่ศธรกระตุ้นเพื่อนรักให้เร่งมือแปะกาวต่อแผ่นกระดาษให้เร็วขึ้น ความปวดเมื่อยจากช่วงกลางวันก็มีมากอยู่แล้วหลังจากที่ต้องนั่งทำเครื่องบินลำใหญ่เป็นเวลานานๆ <br />
( หมากอีโฮง เป็นภาษาอีสานที่ใช้เรียกทางถิ่นของผู้เขียนเอง และไม่แน่ใจว่าพื้นที่อื่นๆจะเรียกเหมือนกันหรือเปล่านะครับ ในช่วงออกพรรษาพระภิกษุหรือสามเณรก็จะทำสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้คนละอย่างไว้ไปห้อยประดับที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ แล้วแต่ใครจะออกแบบให้เป็นรูปอะไรหรือลักษณะอย่างไรก็ได้ ทำจากไม้ไผ่ประมาณนั้นครับ ส่วนมากที่เห็นทำกันอยู่มากก็จะเป็นรูปเครื่องบิน รูปดาว แปะปิดข้างนอกด้วยกระดาษแก้วหลากสีสันสวยงาม ทำเป็นช่องเปิดได้ไว้ใส่หลอดไฟข้างใน เวลากลางคืนจะดูสวยงามมาก) <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhnqza8KyBVjJD8BDxhOkiNU9BSSg9NtDGe8L1_A4x95MVfbXL2qnk5rvCH6flRzcXo_U6eB9a2eQGMwVfkHwvzWNYZmmcadhUo8tduLXFFBv4OlmFcW3OtkgEk5No9O4Ns3ABxWQeX42iI/s1600/20101031062342.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="286" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhnqza8KyBVjJD8BDxhOkiNU9BSSg9NtDGe8L1_A4x95MVfbXL2qnk5rvCH6flRzcXo_U6eB9a2eQGMwVfkHwvzWNYZmmcadhUo8tduLXFFBv4OlmFcW3OtkgEk5No9O4Ns3ABxWQeX42iI/s400/20101031062342.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
สายลมอันแผ่วเบาช่วยพัดพาความเย็นเข้ามายังทางหน้าต่าง สัมผัสกับร่างที่ไร้ซึ่งสิ่งกันหนาวปกคลุม คงมีก็เพียงแต่เสื้ออังสะตัวน้อยสวมใส่อยู่ทำให้ร่างของสามเณรไผ่ศธรถึงกับสั่น เพิกสายตาออกจากงานที่วางอยู่ตรงหน้า แววตาสีหน้ายิ้มละมุนเมื่อเห็นแสงจันทร์ยามค่ำคืนเหลืองนวลน่าชมชิดพิศมัยยิ่งนัก จนต้องผละลุกขึ้นเดินไปยังขอบหน้าต่าง มองเห็นภายนอกได้กระจ่างตาท่ามกลางแสงจันทร์ แม้จะยังเหลืออีก 2วันจะถึงวันออกพรรษาแต่พระจันทร์ก็ทอแสงเหลืองนวลอร่ามตาจนอดที่จะมองหาเจ้าของแสงมิได้ พลันสายตาสามเณรตัวน้อยก็ไปสะดุดเข้ากับวัตถุสิ่งหนึ่งที่อยู่บนท้องฟ้าจนต้องเผลอยิ้มออกมา <br />
<br />
<br />
" ตั๊บบ... ตั๊บ.. ตั๊บ... ตั๊บ.. เร็ว.. เร็วแนเว๊ยย.. มันสิลงแล้ว " หูจับสัญญาณฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งได้สายตาเหลือบมองเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ถนนนอกวัด พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินเด็กกลุ่มนั้นร้องตะโกนบอกเพื่อนให้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น <br />
<br />
" เหอะ.. เหอะ.. พอปานกันกับเฮาแต่ก่อนเนาะ แล่นนำโคมจนว่าตกคันแทกลิ้งอยู่ในป่าเข่าจนว่าเปียกม้อดยอด " สามเณรตัวน้อยหวนนึกถึงภาพตัวเองเมื่อครั้งก่อนถึงกับต้องยิ้มประกายออกมา ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบร่างจนมองให้เห็นรูปใบหน้าตอนนี้เปล่งประกายไปด้วยรัศมีแห่งเปลวทอง...<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9w53WWRNj5r9xjd5G-BKYSSlEWDfF_7Dar8Ho6TyuFi-6TN8SGc7-ph70eaxIWOTtCxYu4Ae6rv8We0vz4WOkqs92kvONDf-EqGInXnm7AcWiLSeSpMAVEdrF5gvYJZllHUv04wW34c4D/s1600/20101007094829ii.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="306" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9w53WWRNj5r9xjd5G-BKYSSlEWDfF_7Dar8Ho6TyuFi-6TN8SGc7-ph70eaxIWOTtCxYu4Ae6rv8We0vz4WOkqs92kvONDf-EqGInXnm7AcWiLSeSpMAVEdrF5gvYJZllHUv04wW34c4D/s400/20101007094829ii.jpg" /></a></div><br />
....สายลมยามไกล้รุ่งสาง หอบพัดพาความหนาวเย็นจากภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเข้ามากระทบกับต้นสนกลุ่มใหญ่จนเกิดเป็นเสียงดัง <br />
<br />
..วิ๊ววว)).... วี๊ดดด)).... วิ๊วววว))....วี๊ดดด))... อยู่เป็นระยะคล้ายกับเสียงของภูตผีปีศาจที่กรีดร้องอย่างโหยหวนเรียกโหยหาขอส่วนบุญส่วนกุศล ทำให้คนที่ได้สำผัสกับเสียงนี้ถึงกับต้องขนลุกผวาอยู่นัยๆ ..ดาวคู่หนึ่งทอประกายแสงยามไกล้รุ่งอรุณอยู่ในจุดตำแหน่งที่ไกล้กันเสมือนชายหนุ่มที่กำลังออดอ้อนเว้าวอนคนรักอยู่มิห่างกาย <br />
<br />
" ..เอ๊ก.. อี๊.. เอ๊ก... เอ๊กกก))...เอ๊ก... อี๊ เอ๊ก.. เอ๊กกก)).. " เสียงไก่ขันขานรับกันขึ้นอยู่เป็นจุดๆในบริเวณหมู่บ้านเหมือนจะเปล่งเสียงร้องประกวดประชัน เพื่อชิงตำแหน่งหาผู้ที่ชนะบนเวทีระดับใหญ่ในรายการชุมทางเสียงทองทางช่อง7สี เสียงกระดิ่งดังก้องกังวานเป็นระยะๆจากคอของเจ้าทุยเมื่อมันส่ายหน้าขยับต้นคอ คงพาลนึกรำคาญเสียงของเหล่านักร้องลูกทุ่งในรายการชื่อดัง ที่ประกวดประชันกันแบบไม่รู้เวล่ำเวลา เป็นการรบกวนเวลานอนอันสุนทรีย์ของมันจนถึงกับจะอดรนทนไม่ไหว ต้องพ่นเสียงเบื่อหน่ายน่ารำคาญออกมาทางจมูกจนเกิดเสียงดังอยู่ " .ฟืด...ฟืด.. " <br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiD2kobpOAp0PaL2KHAuRJeLu7P22Fvg5JJMj0AmiiscJqxUDbAMa5l72lWn2Q-vrFvRfWdxW0AO9yIqO7TkD36Ngxsq9tqVNymvAt7NObWeinPVdkEFMRvxp2wr2AKHCY85IV0QMc4o5R-/s1600/20100909082048.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="300" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiD2kobpOAp0PaL2KHAuRJeLu7P22Fvg5JJMj0AmiiscJqxUDbAMa5l72lWn2Q-vrFvRfWdxW0AO9yIqO7TkD36Ngxsq9tqVNymvAt7NObWeinPVdkEFMRvxp2wr2AKHCY85IV0QMc4o5R-/s400/20100909082048.jpg" /></a></div><br />
เครื่องขยายเสียงดังแว่วมาจากวัดอุดมคีรีเขตแต่เช้า วันนี้เป็นวันที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งที่เหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ที่ใฝ่กุศลผลบุญต้องควรปฏิบัติกันอยู่เป็นทุกๆปี นั่นก็คือการทำบุญตักบาตรเทโว โดยการตักบาตรเทโวนั้นเหล่าพุทธศาสนิกชนมีหลักความเชื่อก็คือเป็นวันที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมายังเทวโลก หลังจากที่เสด็จไปประทับจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดาที่ได้กำเนิดเป็นเทพบุตรอยู่ในชั้นดุสิต จนพระพุทธมารดาได้บรรลุโสดาปัตติผล ครั้นออกพรรษาในวันขึ้น15 ค่ำเดือน11แล้ว จึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสนคร พอรุ่งขึ้นในวันแรม 1ค่ำเดือน11 ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่ เพราะไม่ได้เห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานานถึงสามเดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ ต่อมามีการเรียกกร่อนไปจึงเหลือเพียงตักบาตรเทโว <br />
<br />
บนศาลาการเปรียญหลังใหญ่ในขณะนี้แม้จะเป็นเวลาเช้ามืดอยู่ แต่ก็เต็มไปด้วยเหล่าพุทธบริษัท (อุบาสก-อุบาสิกา) ที่พร้อมใจกันมาปฏิบัติธรรมโดยอาศัยศาลาการเปรียญหลังใหญ่แห่งนี้เป็นที่หลับนอน สายออกมาหน่อยทางชาวบ้านหนองนางามต่างก็ทะยอยกันออกมาที่วัด ในวันนี้ป้าไหมและสายใยสวมซิ่นไหมผืนงามจนสามเณรไผ่ศธรต้องแอบยืนยิ้มอยู่คนเดียว ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ดูจะคับแคบลงไปถนัดตาเพราะศรัทธาจากชาวบ้านหนองนางามนั้นมีมากมาย<br />
<br />
หลังจากที่หลวงพ่อพระครูฯพร้อมด้วยพระภิกษุ สามเณรร่วมกันทำวัตรเช้าในพระอุโบสถเสร็จแล้วต่างก็มาพร้อมกันที่ศาลา หลังจากนั้นก็เป็นการทำบุญตักบาตรเทโวที่ลานวัดด้านล่าง ส่วนอาหารที่ชาวบ้านนำมาทำบุญตักบาตรก็คือข้าว ข้าวต้มมัดนั่นเอง เสร็จแล้วก็เป็นการแสดงธรรมเทศนาจากหลวงพ่อพระครูที่บนศาลาหลังใหญ่ และวันนี้สามเณรตัวน้อยก็สังเกตุเห็นบรรดาเพื่อนๆของเขาในตอนที่เคยเรียนอยู่ชั้นประถมด้วยหลายคน " ขวัญชนก " วันนี้เธอมาในชุดที่สวยงามและสายตาของเธอยังจ้องมองมายังเขาด้วย จึงต้องนั่งก้มหน้าหลบสายตาของเธอในทันทีทันใด กิจกรรมทางพระพุทธศาสนามีอยู่ตลอดทั้งวันจนเวลาล่วงเลยเข้ามาในช่วงบ่ายคล้อย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านตั้งหน้าตั้งตารอคอยดูการแข่งขันการปล่อยโคมลอดห่วง ซึ่งปีนี้ดูจะคึกคักเช่นทุกปีที่ผ่านมา มีผู้ที่ลงชื่อแข่งขันเกือบ30 คน โดยทางคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันต้องจัดลำดับคิวให้เป็นรายบุคคลไป สำหรับสามเณรตัวน้อยทั้งสามรูปได้อยู่ในลำดับที่ 5และ18 และทางสามเณรไผ่ศธรยังได้ลุ้นช่วยทิดนัน(พี่เขย)อีกทางด้วย เนื่องจากทิดนันเองก็ได้ลงชื่อเข้าร่วมในครั้งนี้ <br />
<br />
บรรยากาศในการแข่งขันตอนนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ผู้คนยืนเนืองแน่นทั่วบริเวณลานวัดด้านหน้าศาลาหลังใหญ่ ห่วงถูกเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ในช่วงเที่ยง มองเห็นสูงขึ้นไปหลายเมตรทีเดียว งานนี้คงได้วัดฝีมือความสามารถกันหน่อยว่าใครจะบังคับเจ้าโคมลอยของตนให้ขึ้นไปแบบตรงดิ่งโดยให้เข้าในห่วงกลมมนที่ทำด้วยลวดเส้นใหญ่อยู่ข้างบน แต่วันนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักเนื่องจากกระแสลมแรงพอสมควร <br />
<br />
" ต่อไปกะขอเชิญทางผู้เข่าแข่งขันเตรียมความพ้อมเด้อครับ ฮอดเวลากันแล้ว ทางหลวงพ่อพระครูใหญ่เพินกะมานั่งเป็นประธานเบิ่งการแข่งขันนำ ทางกำนันชมเพินกะออกมาแล้วเนาะ ลำดับแรกกะเป็นทิดวีเด้อครับ พ้อมยังน้อ " เสียงตาปั่นมคทายกประจำวัดเป็นผู้ประกาศใส่ไมโครโฟนบอกกล่าวกับผู้แข่งขัน <br />
<br />
" เณรขวัญโตพันให่มันแหน่นๆเด้อ ไฟมันค่อยสิบ่ได้ลุกออกก้วงแฮง " เสียงสามเณรไผ่ศธรบอกสามเณรขวัญชัยเพื่อนรักที่กำลังนั่งพันไส้ของโคมลอยเข้ากับเส้นลวดที่ถูกขึงพาดผ่านกลางปากห่วงของโคมลอย โดยที่ตัวเขาและสามเณรวีระจักรช่วยกันจับลูกโคมยกสูงขึ้นไม่ให้พับลงมาติดกับน้ำมัน ไส้ที่ใช้นั้นทำด้วยผ้าเก่าที่ขาด (ผ้าเหลืองที่ไม่ได้ใช้แล้ว) ฉีกเป็นริ้วแล้วแช่ไว้กับน้ำมันก๊าด ....เสียงเฮจากผู้คนดังขึ้นหลังจากที่โคมลอยลูกแรกถูกปล่อยขึ้นไปแต่ต้องพลาดเป้าห่างไปเยอะเลย เมื่อโดนกระแสลมพัดเขวออกจากวิถีเป้าหมาย ไล่ลำดับมาเรื่อยๆก็ยังไม่มีผู้ที่บังคับโคมลอยของตนเข้าห่วงได้ และก็มาถึงคิวของสามเณรตัวน้อยทั้งสาม งานนี้ลูกแรกมอบให้สามเณรวีระจักรเป็นผู้บังคับตอนปล่อยออก ไส้โคมถูกจุดขึ้นโดยที่เพื่อนรักทั้งสองช่วยพยุงลูกโคมให้ตรง เปลวไฟและควันที่ปากปล่องโคมลอยเป็นแรงขับดันช่วยทำให้ลูกโคมตั้งตัวตรงและพร้อมจะลอยขึ้นได้ทุกเมื่อ <br />
<br />
" เล็งดีๆเพิน ถ่าจังหวะลมค่อยก่อนี้จักหน่อยก่อน " สามเณรไผ่ศธรบอกเพื่อนรักพร้อมกับยืนพยุงลูกโคมอยู่ข้าง<br />
<br />
ป้าไหม สายใย ทิดนัน ลุงเลิศ ป้าอ้อย ทิดจวน ต่างก็ลุ้นเอาใจช่วยพวกเขา <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLLxD38EmZRxGfV5PoVDOMXkKGX8wXo_saSNLfaNghQLQU57dqIWKWFQj7ep_aKufaBtqWzJL8JiPwqJMapv2OGUIaUK4Xy9qjarf0d4TJdaYCQnVsg-h_-NzYgwii1-QWjv3mqOJEmJAL/s1600/20101106083003.jpg" imageanchor="1" style="clear:right; float:right; margin-left:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="400" width="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLLxD38EmZRxGfV5PoVDOMXkKGX8wXo_saSNLfaNghQLQU57dqIWKWFQj7ep_aKufaBtqWzJL8JiPwqJMapv2OGUIaUK4Xy9qjarf0d4TJdaYCQnVsg-h_-NzYgwii1-QWjv3mqOJEmJAL/s400/20101106083003.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
" ตึงมือคักแล้ว เฮาปล่อยเด้อเพิน " สามเณรวีระจักรขอความเห็นจากเพื่อนพร้อมกับชำเลืองมองไปที่ห่วงข้างบนก่อนที่จะปล่อยมืออกจากปากโคมลอย มันพุ่งขึ้นตรงด้วยความเร็วเหมือนวิถีจะเข้าเป้าแต่ก็พลาดจนได้เมื่อขึ้นสูงไปข้างบนต้องเจอเข้ากับกระแสลมจนทำให้โคมลอยของพวกเขาเปลี่ยนทิศทางไป การแข่งขันดำเนินมาจนเวลาพลบค่ำ สามเพื่อนรักได้ลุ้นอีกครั้งในลำดับที่17 ครั้งนี้สามเณรไผ่ศธรขอเป็นผู้บังคับเอง แต่เขาก็ทำได้เพียงหวาดเสียวเท่านั้นเมื่อโคมลอยชนเข้าที่ขอบห่วงจนเกือบจะมุดเข้าอยู่รอมร่อแต่กระแสลมก็พัดเขวออกนอกห่วงอีกจนได้ ผลการแข่งขันจบลง ปีนี้มีผู้ที่บังคับโคมลอยเข้าในห่วงได้ถึง4ลูก โดยในสี่ลูกนั้นเป็นของหลวงพี่ทางวัดลูกหนึ่ง ของทิดนันพี่เขยสามเณรไผ่ศธรลูกหนึ่ง แม้กิจกรรมจะจบลงไปแล้วแต่มันก็สร้างรอยยิ้มความสุขและความประทับใจให้กับสามเณรตัวน้อยทั้งสามอยู่ลึกๆภายใน ถึงแม้พวกเขาจะพลาดหวังแต่เขาก็อิ่มใจที่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมในครั้งนี้.. <br />
</b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-120770649545412404.post-78062592587286292382011-06-01T07:13:00.000-07:002011-06-01T07:13:09.586-07:00นิยาย กรรมลิขิต 7<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihiUxzHaSHX4BFYcnflZlONXX5-19z51JpbMpoD9YGQKhmPDu8ECz_qNchQu6JebNLGOrT6YSrQAZQibxT3YZ-q101ueD-Y6u8e25tvTRYlz2dS3m6sp47mEojqVTb71QtmIw9jEm5_3N3/s1600/20100924012447.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="274" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihiUxzHaSHX4BFYcnflZlONXX5-19z51JpbMpoD9YGQKhmPDu8ECz_qNchQu6JebNLGOrT6YSrQAZQibxT3YZ-q101ueD-Y6u8e25tvTRYlz2dS3m6sp47mEojqVTb71QtmIw9jEm5_3N3/s400/20100924012447.jpg" /></a></div><br />
<b> ตอน สายเลือดนักสู้แห่งทุ่งกุลา 2<br />
<br />
<br />
<br />
"มนุษย์มีกรรมเหมือนสัตว์อื่นๆ แต่มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียว ที่เปลี่ยนแปลงกรรมได้ "<br />
<br />
<br />
...เพราะมนุษย์มีความคิด ความรู้สึก เลือกที่จะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะดี หรือจะชั่ว ไม่ว่ากรรมเก่าเราจะทำให้ชีวิตชาตินี้เราจะตกทุกข์ได้ยากเพียงใด เราก็สามารถอดทน ขยัน และเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดีได้เช่นกัน.... <br />
<br />
...ตายจากชาติที่แล้ว เกิดมาใหม่ในชาตินี้ ก็เปรียบเหมือน การนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาวันใหม่ เมื่อวาน ขี้เกียจ ไม่ไปเดินเร่ขายของ จึงไม่มีรายได้ แต่วันนี้ตื่นมาพร้อมความไม่มีเงินเหมือนเดิม แต่ตั้งมั่นว่าจะขายของ และก็ออกเดินเร่ขายของ จึงทำให้วันนี้มีเงิน นี่คือการเปลี่ยนแปลงกรรม หรือเรียกว่า ลิขิตชีวิตตัวเองจากมานะของตนเอง โดยปราศจากการอ้อนวอนแล้วนั่งนอนรอผู้บันดาลครับ..... <br />
<br />
...ดังนั้นมนุษย์ไม่เหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน ที่มีวิถีชิวิตเป็นรูปแบบ ไม่สามารถทำอะไรได้ เกิดมาชาติหนึ่ง รู้จักแต่เพียง กิน ถ่าย ผสมพันธุ์ นอน เท่านั้นเอง <br />
แต่ก็มีมนุษย์หลายคน ทำตัวเหมือนสัตว์เดรัจฉาน และบ่นถึงชีวิตตัวเองว่าเกิดมาอาภัพ ทุกสิ่งไม่เพรียบพร้อมได้แต่ อ้อนวอนผู้บันดาล แล้วนั่งงอมืองอเท้ารอไปวันๆ ...<br />
<br />
(ดังนั้น จึงมี ผู้รู้ เปรียบเทียบการมาการไปของคน ไว้ 4 แบบ) <br />
<br />
1. มาสว่าง ไปสว่าง - อดีตทำดี ปัจจุบันก็ยังทำดี <br />
2. มาสว่าง ไปมืด - อดีตทำดี แต่ปัจจุบันทำชั่ว <br />
3. มามืด ไปสว่าง - อดีตทำชั่ว แต่ปัจจุบันกลับใจทำดี <br />
4. มามืด ไปมืด - อดีตทำชั่ว ปัจจุบันก็ยังชั่วเหมือนเดิม <br />
<br />
เราเกิดแบบเช่นไร เกิดมาแบบอาภัพ(มืด) หรือเกิดแบบเพรียบพร้อม(สว่าง) เราย่อมรู้ตัวเอง ส่วนปัจจุบัน เลือกดูก็แล้วกัน ว่าจะ ไปแบบอาภัพ(มืด) หรือไปแบบเพรียบพร้อม(สว่าง) <br />
<br />
เลือกแบบไหน ก็ทำแบบนั้น เมื่อรู้ว่ากำหนดชะตาตัวเองได้ ก็เริ่มกำหนดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าไม่ทำ แล้วเกิดชาติใหม่แบบอาภัพคงไม่มีใครช่วยได้ <br />
<br />
(บทความจากมูลนิธิออนไลน์วุทธานันท์) <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglmK7ayqqrtAGhwoJ1jf905_sFyMjgecM1I5s5e1AgBzGdcB3XMXWLAdVCzdo9PYWJdrBM5746lRhgxts57TK6IhxcKoBCTynBbXxiWDPNOmK4LT76er5Cwy7WqIyr7-R4Y1iaX2pvIqtF/s1600/20101028093434.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="271" width="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglmK7ayqqrtAGhwoJ1jf905_sFyMjgecM1I5s5e1AgBzGdcB3XMXWLAdVCzdo9PYWJdrBM5746lRhgxts57TK6IhxcKoBCTynBbXxiWDPNOmK4LT76er5Cwy7WqIyr7-R4Y1iaX2pvIqtF/s400/20101028093434.jpg" /></a></div><br />
<br />
..สายหมอกยามเช้าตรู่ดูขมุกขมัวอยู่ทั่วทุกหนแห่ง พร่างพรมกิ่งใบของต้นไม้ที่ตั้งตัวตรงอยู่สองฟากฝั่งคันนา หรือแม้แต่ต้นข้าวในท้องทุ่งนาเองก็มองดูพราวพร่างไปด้วยสีขาวหม่นปกคลุมทั่วเรียวใบ ตอนนี้ต้นข้าวกำลังแข่งกันตั้งท้องขึ้นมาเองแบบพิศวง โดยหาผู้ที่รับผิดชอบแสดงตัวเป็นผู้ที่กระทำต่อเธอเหล่านี้ไม่ได้เลย แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะไม่แยแสกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา และพวกเธอเองก็ยังเฝ้ารอให้สูตินารีเวชผ่านเข้ามาตรวจดูแลให้อยู่เป็นระยะๆ ต้นหญ้าน้อยใหญ่ถูกสายหมอกปกคลุมจนใบแอ่นเอนด้วยน้ำหนักของน้ำ แต่ก็ยังสร้างรอยยิ้มให้กับพวกมันเป็นอย่างดีเพราะสิ่งที่มันได้รับก็คือความสดใสและสดชื่นเสมือนว่าได้รับน้ำทิพย์จากแดนสวรรค์ชะโลมให้ชีวิตและจิตใจของพวกมันเกิดความอิ่มเอม และพวกมันก็ยินดีรับ พร้อมกับเก็บซึมซับน้ำทิพย์เหล่านี้ลงไว้สู่อณูเบื้องล่างผิวพื้นดิน เหล่ากุ้งฝอยตัวเล็กกลุ่มใหญ่ขึ้นลอยตัวชูปากอยู่ในสระน้ำหยอกล้อเล่นกับสายหมอกในยามเช้าอย่างสนุกสนาน โดยที่เจ้าเขียดจะนาน้อยอาภัพนั่งชำเลืองตามองอยู่บนขอนไม้แบบนึกหมั่นไส้ เสียงลูกนกร้องอยู่บนต้นมะขามใหญ่เหมือนสื่อสารบอกกับแม่ของมัน หลังจากรังที่อาศัยอยู่โดนหมอกจับเกาะจนเกิดเป็นเม็ดน้ำไหลย้อยหยดลงเข้าไปข้างในรังสัมผัสกับร่างของมันจนต้องสะดุ้งโหยง งานนี้หัวหน้าครอบครัวคงจะต้องวุ่นวายบินหาคาบกิ่งหญ้าเข้ามาซ่อมแซมที่อยู่เป็นการด่วนอย่างแน่แท้..... <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNzWxWdK4Hy_4ZFIRGSQHppVZ58AT2r9FFXrOaxgOEXpG9oLSf8mfNF3FbKB1YmVDq4lyLGXT2VN9ZGO124DwCe-E88AQs89ys890HJ0ZG0h9PoysX5e9rFq2G9RyaG3g8Df0OhZVRZ_Cr/s1600/20101028093604.jpg" imageanchor="1" style="clear:right; float:right; margin-left:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="400" width="271" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNzWxWdK4Hy_4ZFIRGSQHppVZ58AT2r9FFXrOaxgOEXpG9oLSf8mfNF3FbKB1YmVDq4lyLGXT2VN9ZGO124DwCe-E88AQs89ys890HJ0ZG0h9PoysX5e9rFq2G9RyaG3g8Df0OhZVRZ_Cr/s400/20101028093604.jpg" /></a></div><br />
<br />
<br />
" ..ตั๊บ.. ตั๊บ... ตั๊บ... ตั๊บ.. " เสียงรองเท้าฟองน้ำดังเป็นระยะๆไปตามจังหวะของการก้าวเดินของบุคคลทั้งสอง ที่ตอนนี้กำลังเดินฝ่ากระแสหมอกที่ดูหนาตาจนมองดูสรรพสิ่งที่อยู่รอบข้างแทบจะไม่เห็น เท้าและขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหลังจากที่ต้องเดินฝ่าต้นหญ้าที่เกิดอยู่ตามคันนา แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขาเลยเพราะสภาพแบบนี้ดูจะชินชาเป็นเรื่องปรกติวิสัยอยู่แล้วนั่นเอง คงจะมีปิดป้องอยู่บ้างก็คือหมวกที่ใส่กันน้ำหมอกยามเช้านั่นเอง <br />
<br />
<br />
" พ่อบอกว่าอย่ามากะยั้งแอ่วมาจนได้น้ออีนาง " เสียงผู้เป็นพ่อหันกลับไปเอ่ยกับลูกสาวตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังเดินตามหลังผู้เป็นพ่อต้อยๆ โดยที่บ่าของเธอสะพายข้องขนาดกลางไว้สำหรับใส่ปลาที่จะได้ เมื่อปลากินเบ็ดหลังจากที่พ่อของเธอลงมือปักไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ซึ่งเมื่อคืนนี้พ่อของเธอก็ได้ปลาช่อนกลับไปหลายตัวทีเดียว<br />
<br />
เนื่องจากอากาศยามเช้ามืดที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายหมอกวิสัยทัศน์จึงยังไม่สามารถมองเห็นได้เต็มที่นัก เด็กหญิงตัวน้อยจึงต้องก้าวเดินพลาดพลั้งพลางลื่นไถลจนเกือบตกคันนาอยู่บ่อยครั้ง คงจะเป็นเพราะประสบการณ์การเผชิญโลกภายนอกที่มีอยู่น้อยนิดซึ่งผิดกับผู้เป็นพ่อของเธอที่การเดินก้าวย่างเป็นไปด้วยความมั่นคงชำนาญ แม้สภาพอากาศภายนอกจะไม่อำนวยก็ตามแต่ก็ไม่สามารถสร้างอุปสรรคให้กับแกได้เลย เปรียบดังเช่นชีวิตจริงคนเราที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคขวากหนาม การเผชิญกับปัญหาสิ่งต่างๆอยู่เรื่อยๆจะสามารถทำให้ชีวิต จิตใจของเราสะสมความแข็งแกร่งขึ้นมาเองได้ การพิสูจน์ตนเองที่ดีต้องอาศัยเวลาและการกระทำ ต้องรักที่จะเรียนรู้ ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย แต่มันให้บทเรียนและพิสูจน์ศรัทธาแก่เรา ก้าวเดินต่อไปด้วยการเรียนรู้ อยู่ด้วยการแสวงหา รอยร้าวในใจของนักสู้ไม่ใช่อยู่ที่เคยล้มเหลว แพ้เป็นบันได ชนะเป็นสะพาน ประสบการณ์ถือเป็นบทเรียนให้ก้าวย่างเดินต่อไปด้วยความมั่นคง... <br />
<br />
<br />
" เอ้าๆ ย่างดีๆอีนาง หัวสักหัวข่วมสิตกคันแทแล้วนั่นหน่ะ ฮ่าๆๆ " เสียงพ่อเธอปลุกกระตุ้นอีกครั้งหลังจากที่มองกลับมาดูเห็นลูกสาวเดินหัวสั่นหัวคลอน การที่เธอยังไม่ได้ล้างหน้าคงจะเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้การเดินออกจะเป๋อยู่บ้าง <br />
<br />
" อีพ่อ...ไกล้ฮอดยัง " เธอเอ่ยถามขึ้นบ้างหลังจากที่เดินเงียบตามหลังพ่อมาเสียนาน <br />
<br />
" ไกล้ฮอดแล้วอีนาง อยู่คันแทข่างหน่าหนิ " พ่อเธอบอกพร้อมกับชี้มือฝ่าสายหมอกตรงจุดที่ปักเบ็ด<br />
<br />
" เอ๊า...นั่นมันนาลุงเติมบ่แม่ติ " เธอเอ่ยสงสัย <br />
<br />
" กะแม่นนั่นหล่ะ พ่อใส่จากนาลุงเติมขึ่นไปหาท่งนาเฮา ลุงเติมเพินบ่หวงดอกอีนาง แถวบ้านเฮานี้บ่มีผู้ได๋หวงกันดอกแนวปลาบ่ได้เลี้ยง แต่ว่าเวลาสิใส่ยามพ้อเจ้าของนาเพินกะต้องบอกเพินนำแนตามมารยาท คนอีสานบ้านเฮากะจั่งซี้หล่ะเพิงพาอาศัยซึ่งกันและกัน ฮักแพงกัน อีนางเองกะจำไว้เด้อใหญ่ไปภายหน้ากะให่ฮู้จักมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนรอบข่าง ถ่าเฮาอยากให่คนอื่นซอยเหลือเฮากะต้องฮู้จักซอยเหลือคนอื่นสาก่อน" ทิดนพบอกลูกสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู <br />
<br />
<br />
การเก็บกู้เบ็ดในยามเช้าผ่านไปด้วยความตื่นเต้นสำหรับศิริกัญญานุช เพราะดูเธอจะออกอาการดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเจ้าปลาช่อนตัวใหญ่เข้ามาติดเบ็ดที่พ่อของเธอปักล่อไว้ เมื่อคืนนี้เธออ้อนวอนจะตามออกมากับพ่อแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับโดนผู้เป็นแม่ห้ามปรามไว้เพราะเป็นเวลากลางคืนซึ่งดูจะไม่เหมาะนัก กลัวเธอจะพลาดพลั้งเดินไม่ระวังตกคันนาเอาดื้อๆ แต่เช้านี้ก็คงต้องยอมปล่อยให้เธอตามผู้เป็นพ่ออกมาจนได้หลังจากที่เธอขอร้องไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าต้องปลุกเธอในยามเช้าด้วย การซึมซับวิถีทางการดำเนินชีวิตแบบอย่างของผู้เป็นพ่อ ถูกบันทึกใส่ความทรงจำของเด็กหญิงตัวน้อย ที่เธอพร้อมจะยึดถือนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไปเมื่อเติบใหญ่ สายเลือดอีสานเป็นเป็นสายเลือดแห่งนักสู้ที่ทรหด <br />
แต่ศิริกัญญานุชเธอกลับมีมากกว่านั้นอีก เพราะนอกจากเธอจะมีความอดทนเป็นเลิศแล้วเธอยังได้ความโอบอ้อมอารีย์ที่ผู้เป็นพ่อและแม่กำลังปลูกฝังให้กับเธออยู่ในตอนนี้อีกด้วย.. </b>อีเกียแดง แห่งรัตติกาลhttp://www.blogger.com/profile/01728653297675931225noreply@blogger.com0