จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 16



..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา..


{กรรมลิขิต}

{ตอนเส้นทางเดิน4}

{ขอบพระคุณไปยังเจ้าของรูปภาพด้วยนะครับ}


ชีวิตของการเดินทาง คือบทเรียนของการทดสอบที่ช่วยวัดเกณฑ์ประเมิณผลทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับเราได้อย่างดีเยี่ยมว่า เรานั้นจะสามารถก้าวย่างฟันฝ่าอุปสรรคสิ่งที่รุมเร้าถาโถมเข้ามาได้ดีแค่ไหนกัน การเดินทางของชีวิตบางครั้งเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แสนเปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เงียบเหงาและเดียวดาย นี่คือบททดสอบของจิตใจอีกขั้นหนึ่งที่เราต้องเผชิญอยู่เนืองๆ { แม้แต่คนเขียนเอง ที่ถูกสิ่งเหล่านี้เข้ามาสัมผัสกลืนกินความรู้สึกอยู่บ่อยครั้ง }

เส้นทางการเดินทางที่บางครั้งเราไม่อาจจะสามารถมองเห็นไปยังข้างหน้าได้ จะด้วยวิสัยทัศน์อะไรก็ตามแต่ สายหมอก แสงแดดไอร้อนที่แผดเผา พายุ คลื่นลม ฝน รัตติกาลอันมืดมิด สิ่งเหล่านี้คืออุปสรรคที่ขวางกั้นชีวิตของการเดินทางทั้งนั้น แต่พึงสำนึกได้ว่า " อุปสรรคเป็นอุปกรณ์หลอมคนให้เก่งขึ้น ปัญหาคือเครื่องมือสร้างคนให้สมบูรณ์แบบ " ดังมีคำกล่าวไว้ว่า {..ทะเลยังมีคลื่น..ชีวิตจะราบรื่นต้องมีอุปสรรคให้ฝ่าฟัน..}

หากทะเลที่ราบเรียบไร้ซึ่งคลื่นลมและมรสุม ไฉนเลยจะมีนักเดินเรือที่ช่ำชองได้ เปรียบดังเช่นชีวิตคนเราถ้าสามารถทนรับกับคลื่นลมมรสุมของชีวิตและฟันฝ่าไปได้ มันจะทำให้ชีวิตเรามีคุณค่าและสมภาคภูมิเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าตามองยังไม่เห็นฝั่งขาหยั่งไม่ถึงพื้น ก็จงฟันฝ่าว่ายไปด้วยเรี่ยวแรงที่พึงมี " ถึงแม้จะต้องตาย " ก็ตายด้วยความภาคภูมิโดยที่ไม่มีใครครหานินทาหรือติเตียนได้ เพราะเราได้ทำเต็มที่กับชีวิตของเราแล้วผลลัพธ์ออกมาแบบไหนจบลงตรงไหนก็คงไม่สำคัญ อย่างน้อยเราก็ได้เต็มที่กับมันแล้ว { แม้กระทั่งกับความรัก } เอ๊ะ!!...ยังไงเนี่ยะ..^_^.. ถึงอย่างไรก็ตามในนามคนเขียนบทนิยายกรรมลิขิต ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยความตั้งมั่นและเต็มที่กับชีวิตในทุกๆช่วง จงก้าวย่างไปพร้อมๆกับคนเขียนกันดีกว่าครับ ..^_^..














สายฝนโปรยปรายตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้ายังความชุ่มชื้นให้กับสรรพสิ่งรอบข้าง ต้นไม้ใบหญ้าหรือแม้กระทั่ง ท้องทุ่งนาข้าวถูกอาบชะโลมไปด้วยน้ำทิพย์แห่งสรวงสวรรค์ ที่ประทานลงมาด้วยจิตอันเป็นประดิพัทธ์แฝงด้วยความเมตตากรุณาปราณีให้กับผืนดินที่อยู่เบื้องล่าง ยังความอิ่มเอมเกษมเปรมปรีบังเกิดรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับเหล่าฝูงปลากบเขียดที่อยู่ในท้องทุ่ง หรือกระทั่งชาวนาผู้ที่เฝ้ารอความหวังกับผลผลิตบนผืนนาและมันคงจะทำให้พวกเขาได้มีความหวังมากขึ้นและก็เฝ้ารอเวลาได้เก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แสงอาทิตย์ยามเช้าเปล่งประกายสีทองอาบโลมเลียสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องล่างหรือแม้แต่ต้นข้าวเขียวที่ยืนต้นทรงตัวตรงโบกใบพริ้วไหวออกท่าทางแบบจินตลีลาอยู่บนผืนนาอันใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วคล้ายดั่งสาวงามผู้มีศิริโฉมเลอเลิศได้รับน้ำทิพย์ชะโลมลูบหัวใจบวกด้วยรสรักแห่งความสิเน่หาที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างเปี่ยมล้น จนต้องแสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทางเพราะยากที่จะควบคุมอาการแห่งความปีติยินดีเอาไว้ได้

เม็ดน้ำใสๆจับตัวเป็นก้อนกลมเล็กๆเกาะติดอยู่ตามใบข้าวเรียว บ้างก็หยดลงกระทบผืนน้ำเบื้องล่างจนเกิดเป็นคลื่นวงเล็กๆ บ้างก็วิ่งกลับกลอกกลิ้งไปกลิ้งมาในยามที่ใบข้าวเกิดอาการไหวติงเมื่อถูกสายลมอันแผ่วเบาโชยพัดผ่านกระทบอยู่เป็นระยะๆ ช่างเป็นภาพสวยงามที่ธรรมชาติเสกสรรปั้นแต่งมาให้ชมโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าเดินทางไปสัมผัสในที่แดนไกล เพราะสิ่งที่สวยงามมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือเก็บเกี่ยวภาพเหล่านี้เข้ามาสู่ห้วงแห่งมโนภาพได้มากน้อยเพียงไรกัน..

สายตาที่เศร้าสร้อยและดูจะเหม่อลอยในบางครั้ง ถูกทอดมองผ่านไปยังผืนนาข้าวที่เขียวขจี ความคิดถูกปลดปล่อยให้ล่องลอยจนเกิดเป็นมโนภาพขึ้นมาในสมอง ป่านนี้ลูกชายสุดที่รักจะต้องอยู่อย่างไรมิอาจที่จะรู้ได้ ไผ่ศธรเดินทางเข้าไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นเวลาอาทิตย์กว่าๆแล้ว แม้จะรู้ดีว่าลูกชายตอนนี้ได้ทำงานอะไรแต่ความรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี เป็นครั้งแรกกับการเดินทางไกลของเขาโดยมีความมุ่งมั่นเป็นตัวเบิกทางให้สู่ความฝันของตัวเอง

“ เฮ้อ “ เสียงทอดถอนลมหายใจออกมาแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนลึกภายในก็ยังคงแอบหวังว่าลูกชายจะผ่านงานที่ทำอยู่ตอนนี้ไปด้วยความราบรื่น และเจ้านายเพื่อนร่วมงานคงจะรักและเอ็นดูเขาเหมือนอย่างที่แกมีให้กับลูกชายของแก “ ป้าไหมนึกปลอบใจตัวเอง “
มือที่ดูเหมือนว่าผ่านการตรากตรำลุยงานหนักมานักต่อนักกำเคียวมั่น แกนั่งย่อตัวลงบนคันนาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าอันเขียวขจีอยู่สองฟากฝั่ง สายฝนเมื่อคืนช่วยอาบไล้ต้นหญ้าจนเปียกชุ่มเมื่อยื่นมือเข้าไปสัมผัสก็ทำให้มือเปียกชุ่มตามไปด้วยเลยทีเดียว มือซ้ายถูกหน่วงน้าวต้นหญ้าเข้ามารวมกันเป็นกระจุกพร้อมกับใช้มือขวาตวัดเคียวลงบนโคนต้นหญ้าดัง “ ฉับ ฉับ “ อย่างผู้ชำนาญการ มันเป็นภาพที่หาดูได้ไม่ยากนักตามท้องทุ่งนาทั่วไปในช่วงนี้ ฤดูที่ต้นข้าวกำลังยืนต้นวัวควายจะถูกผูกล่ามไว้อยู่ในคอกเป็นส่วนมาก สิ่งเดียวที่เจ้าของพึงจะทำได้ก็คือการเก็บเกี่ยวอาหารพวกนี้ส่งป้อนให้ถึงที่กันเลยทีเดียว เพราะถึงอย่างไรบรรดาวัวควายเหล่านี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อมนุษย์เรามากมายแล้วนับประสาอะไรที่เราจะตอบแทนเค๊าคืนในระยะไม่กี่เดือนจะทำไม่ได้เลยเชียวหรือ….












กรุงเทพมหานคร

สภาพปัญหาการจราจรดูจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปตามลำดับ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากมีรถยนต์ไว้ในครอบครอง เนื่องจากสถานะการเงินและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนี่เอง เพราะเมื่อประชาชนทั่วไปมีรายได้ดีจึงนิยมใช้รถยนต์กันมาก ปัญหาการจราจรคือสาเหตุสำคัญที่ได้บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต มลพิษจากท่อไอเสียส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและยังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นความสูญเปล่าทางด้านเชื้อเพลิงและการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ความแออัดคับคั่งจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้า { ต้องคอยพกยาหม่องติดตัวอยู่เป็นประจำมั้งเนี่ยะ } ฉะนั้นแล้วปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครจึงถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ว่าใครเข้ามามีหน้าที่ควบคุม กำกับดูแล ต่างก็กุมขมับไปตามๆกันสิเอ๊า..










วัดสระเกศ
สองสหายเพื่อนรักก้มลงกราบลาสามเณรหนุ่มผู้มีใบหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตาธรรม รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากสามเณรหนุ่มเล็กน้อย ความปีติยินดียังมีอยู่ลึกๆภายใน เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาทั้งสามไม่ได้เจอกัน ภาพแห่งความหลังที่ผ่านมาเกือบห้าปียังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของพวกเขาได้ดี มิตรภาพ ความรัก ความห่วงหาเอื้ออาทรยังมีให้กันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะต่างสถานะกันแล้วก็ตาม คำว่าเพื่อนมันยังมีให้กันอยู่เสมอ เส้นทางของชีวิตแม้ว่าจะเป็นไปคนละจุดมุ่งหมายและไม่รู้ว่าปลายทางของชีวิตจะจบลงอย่างไร คงต้องอยู่ที่การเลือกตัดสินใจโดยมีหรหมลิขิตหรือกรรมลิขิตเป็นสิ่งคอยเสริมหรือคอยฉุดไม่อาจทราบได้ แต่พวกเขาก็สัญญาว่าจะยังคงไว้ซึ่งมิตรภาพอันเหนียวแน่นให้คงอยู่ตลอดไปตราบสิ้นลมหายใจ


“ ผมสองคนลาเด้อครับ พอดีตอนแลงนี่เพินไผ่ยังเฮ็ดงานอยู่ พึ่งสิเข้างานใหม่เลยหยุดบ่ทันได้ครับ “ วีรจักรบอกลาสามเณรขวัญชัยเพื่อนรัก พร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น

“ ได้ๆ..มื้อได๋หยุดงานกะเข้ามาเหล่นนำเรื่อยๆแนเด้อ ยังคิดฮอดคิดเถิงหมู่คือเก่า ดีใจหลายที่อยู่บ่ไกลกันแล้ว พอสิไปมาหาสู่กันได้ตลอดแนเนาะเพิน “ สามเณรหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ ความนิ่งและอ่อนโยนภายในดูจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เส้นทางของชีวิตเขาจะก้าวเดินมาได้ไกลกว่าเพื่อน และสิ่งหนึ่งที่สามเณรหนุ่มดูจะมีมากกว่าเพื่อนรักทั้งสองคนนั่นก็คือ “ วาสนา “ ที่เกิดจากผลบุญกุศลที่ทำมาตั้งแต่ในครั้งอดีตกาล

“ ครับ..พวกผมลาหล่ะครับ “ สองสหายพนมมือไหว้ก่อนที่จะเดินออกมาจากกุฏิคณะ5 ซึ่งเป็นสถานที่สามเณรขวัญชัยได้พำนักอยู่ รอยยิ้มและภาพเมื่อครู่นี้ยังตราตรึงสร้างความอิ่มเอิบอยู่ลึกๆภายในใจของพวกเขาทั้งสองคน














ร้านอาหารอีสาน สกาวเดือน เขตบางกะปิ {เวลา 20.25น.}



"ช่วยเดินผ่านใกล้ ทักทายสักคำนำพา เทคแคร์อ้ายด้วยหางตา
แค่วันละหน่อยได้ไหม ส่งยิ้มมาบ้าง คงไม่เปลืองเวลาเกินไป พอได้ตั๋วหัวใจ มีแฮงฮึดลุยสร้างฝัน
บ่ฮักบ่ว่าเจ้าดอกคำแพง เว้านำพออ้ายมีแฮงเดินแข่งปัญหารายวัน
บ่หวังได้ครองขอแค่มองให้มีใจมั่น ขอยืมหน้ามาเข้าฝันแค่นั้นก็เป็นบุญใจ"


เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือตามมา ไผ่ศธรเด็กหนุ่มจากเมืองหมอแคนก้มโค้งคำนับขอบคุณกับแขกภายในร้าน รอยยิ้มแห่งความปีติผุดวาบขึ้นมาเล็กน้อย แขกภายในร้านดูจะชื่นชมกับน้ำเสียงของเขาที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ดึงดูดสะกดให้ผู้ฟังต้องหยุดนิ่งเมื่อยามเขาขับกล่อมบรรเลง ถึงแม้เขาจะพึ่งเข้ามาทำหน้าที่อยู่จุดนี้ได้ไม่นานแต่มันก็สามารถทำให้ลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารอีสานของร้านสกาวเดือนรู้จักเขาในนาม ไผ่2 ได้ดีทีเดียว ไผ่ศธรมีน้ำเสียงคล้ายคลึงนิดๆกับนักร้องชื่อดังที่เป็นที่ชื่นชอบของคนฟังเพลงลูกทุ่งอยู่ในขณะนี้..

เด็กหนุ่มได้รับโอกาสอันดีจากวิศรุจชายหนุ่มจอมอหังการจากเมืองพนมรุ้ง เป็นผู้เอ่ยฝากกับทางเสี่ยณรงค์ฤทธิ์ {และนี่ก็คือสถานที่ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเสี่ยหนุ่มอีกที่นึงนอกจากไนต์คลับในย่านคลองตัน} และไม่ใช่ปัญหาเมื่อเสี่ยหนุ่มตกลงรับคำแล้วก็ให้ดุ่ย แดนผาขาว เข้ามาจัดการเคลียร์กับทีมงานผู้ดูแลควบคุม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้กับวีรจักรเพื่อนรัก ที่เป็นผู้ประเดิมเปิดทางตีสนิทกับวิศรุจจนนำมาสู่เส้นทางแห่งการเริ่มก้าวเดินตรงจุดนี้ และต้องคอยลุ้นว่าทางเดินของเขาจะเป็นไปในรูปแบบใดรวมถึงเพื่อนรักของเขาทั้งสองด้วย …


{ โปรดติดตามตอนต่อไป }

ขอบพระคุณทุกท่านที่ติตาม

ด้วยจิตคารวะ

{ รุทธิ์ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล }



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น