จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 18

  กรรมลิขิต


                                                            ตอน เส้นทางเดิน 6



                                 ความฝันและความหวัง คนเราทุกคนมักจะมีความฝันและความหวังควบคู่กันอยู่เสมอ การมีความฝันนั้นไม่ได้แปลว่าเราต้องอยู่ในโลกแห่งความฝันเสมอไป  เราสามารถใช้ประโยชน์จากความฝันเพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง.. คนเราทุกคนต่างก็ต้องต่อสู้เพื่อการมีชีวิตรอดตามสัญชาตญาณ.ยกเว้นนอกเสียจากผู้ที่หมดสิ้นแล้วซึ่งความฝันและความหวัง.. ความสุขภายในที่บังเกิดขึ้นมาคือการที่เราได้พยายามทำเพื่อความฝัน เมื่อได้ทำแล้วก็เหมือนได้ทำเพื่อตนเองถึงแม้ว่าบางครั้งจะล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าแต่ก็มีความสุขที่ได้พยายามแล้ว ไม่มีอะไรเสียเปล่าถ้าได้ลงมือกระทำ ความสุขอยู่ที่ใจ ทำเท่าที่เราทำได้ ชีวิตคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้...
                               ความเป็นจริงกับความฝันบางความฝัน ยังมีปัจจัยที่ห่างกันเยอะ ถึงแม้ปัจจัยในตัวของเราจะมีโอกาสเป็นไปได้สูง แต่ปัจจัยสิ่งแวดล้อมอาจจะไม่ส่งผลให้ความเป็นไปได้นั้นเกิดขึ้นมา สิ่งที่ต้องทบทวนอยู่รอบแล้วรอบเล่าคือ เมื่อเราต้องรับภาพจินตนาการแห่งความฝันนั้นออกมา การประเมิณค่าจากประสบการณ์ที่ด้อยกว่าอาจจะทำให้เราทำได้แค่ เกาะฝัน  เป็นฝันที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นจินตนาการโดยที่มองไม่เห็นแสงสว่างเอาเสียเลย  การที่ไม่มีฝันก็เหมือนชีวิตมันสิ้นหวัง  แต่ฝันบางฝันก็เป็นได้แค่อยู่ในจินตนาการเพียงเท่านั้น..ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกความฝันให้เป็นไปในทิศทางไหน

                               ..เกมส์ชีวิต.. มิใช่เกมส์ชีวิตในสวน (เกมส์ที่กำลังนิยมในเฟคบุ๊ค) การเล่นเกมส์ทั่วไปต้องเดินตามแนวทางที่ระบบได้ถูกสร้างไว้ เกมส์ชีวิตในสวนก็เช่นกันต้องทำการเร่งปลูกพืชทำแต้มขยับเรเวลเพื่อไล่กวดตามหลังกลุ่มเพื่อนๆให้ทัน ดูเป็นการแข่งขันที่ดูเร้าใจน่าหวาดเสียวตื่นเต้นเล็กน้อยถึงปานกลาง เมื่อซื้ออะไรเข้ามาไม่ชอบใจก็จัดการโล๊ะทิ้งไปแบบไม่เสียดาย แล้วก็เริ่มสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และคงจะเดินหน้าทำแต้มไปเรื่อยๆจนกว่าจะสิ้นสุดที่ระบบได้ตั้งไว้  นี่คือเกมส์ชีวิตในสวนทั่วๆไป             

   แต่เกมส์ชีวิตจริงมิได้เป็นเช่นนี้ ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ระบบการควบคุมจากสภาวะจิตของเราโดยตรง การก้าวไปข้างหน้าจึงต้องแตกต่างกับเกมส์ชีวิตในสวนอย่างสิ้นเชิง การที่จะไปวิ่งตามใครๆเช่นนั้นมันคงจะไม่เข้าทีนัก การเดินเกมส์ต้องเป็นไปด้วยความแน่วแน่และมั่นคง เพราะเมื่อใดที่เราเดินพลาดขึ้นมามันจะกระทบกับตัวเราเข้าเต็มๆ  ทุกข์จริง สุขจริง  มีร้องไห้จริง หัวเราะจริง เพราะมันคือเกมส์ชีวิตแห่งความเป็นจริง สุขทุกข์อยู่ที่ใจเป็นตัวกำหนด การเดินเกมส์ชีวิตที่ใช้สภาวะของจิตนำทางดูจะเป็นเรื่องที่ดีมากที่เดียว จิตที่สะอาดบวกด้วยความเชื่อมั่นที่จะก้าวเดินคือหลักประกันให้เราได้มีชัยไปเกินกว่าครึ่ง  ความฝันและความหวัง ที่ตั้งไว้คงจะดูไม่ไกลสำหรับความเป็นจริงแน่นอน..{ เป็นกำลังใจให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคน..ให้ประสบผลสำเร็จกับความฝันและความหวังที่ตั้งไว้นะครับ...

                                                                 {จากใจ..รุทธิ์ อีเกียแดง}



                  



                       สายลมโชยพัดโบกกิ่งไม้ให้ไหวเอนไปตามแรง ก้อนเมฆที่ดูสีดำทะมึนจนน่ากลัวถูกสายลมพัดพาเข้ามาให้จับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน มองดูแล้วคล้ายกับว่าเป็นรูปภาพของเหล่าภูตปีศาจอสูรกายกำลังแยกเขี้ยวจ้องมองลงมายังเบื้องล่างแบบเขม็งเกลียวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อมนุษย์ผู้ที่ไม่สามารถละจากบ่วงพันธะให้หลุดพ้นได้

   "  ครืนน..ครืนนน…ฮึ่มม.. " เสียงร้องดังโหยหวนอยู่เป็นระยะๆเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างสำเหนียกถึงความเกรงกลัวตามพวกมัน..และเตรียมความพร้อมกับการรับสายน้ำตาหลากหลายล้านเม็ดของพวกมันที่กำลังจะกลั่นออกมา ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังสำนึกตัวถึงสิ่งที่พวกมันได้ก่อขึ้นมาโดยที่แก้ไขอะไรตอนนี้ไม่ได้เลย ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือคราบน้ำตาแห่งความเสียใจเพียงเท่านั้น ..ผงธุลีทรายเบื้องล่างถูกอำนาจของกระแสลมโอบอุ้มขึ้นจนฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ เสียงลมพัดกิ่งไม้ไหวเอนไปตามแรงจนเกิดเสียงดัง “ วิ๊ววว..วิ๊ววว..”  เล่นเอากลุ่มคนที่อยู่เบื้องล่างต้องร้องตะโกนโหวกเหวกส่งสัญญาณรับมือในทันควัน

           วัวควายอยู่กลางทุ่งนาถูกไล่ต้อนเข้ายังหมู่บ้านก่อนเวลากำหนด คนแก่ที่อยู่ลานหน้าบ้านก็ใช้ไม้เท้ายันพื้นขยับตัวเข้าสู่ภายในบ้านซึ่งถือเป็นที่คุ้มภัยได้ดีที่สุด เสียงลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้อยู่เป็นจุดๆสลับกับเสียงร้องอันโหยหวนของเหล่าปีศาจที่อยู่ข้างบน ซึ่งอีกไม่นานนักเหล่าปีศาจพวกนี้คงสุดที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่และคงจะปล่อยลงสู่เบื้องล่างให้ผู้คนได้สัมผัสถึงกลิ่นไอที่มาพร้อมกับอุณหภูมิที่ดูจะแตกต่างก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง..

   " แม่ว่าแล้ว..มันฮ้อนผิดสังเกตุมาสองมื้อแล้ว คิดอยู่ว่าจั่งได๋มันกะต้องตกมื้อนี้แท้ๆเลย "  เสียงป้าไหมเอ่ยกับสายใยผู้เป็นลูกสาวขณะที่ตัวแกกำลังสาละวนเร่งกระจายใบหม่อนให้ทั่วกระด้งโดยที่มีตัวหนอนน้อยกำลังนอนรออาหารของมันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

   " โอ้…ปีนี้ฟ้ามันคือห่าวแท้น้อ ลมกะแฮ๊งแฮงเว๊ย..ใยเอ๊ยใย..ออกไปฮับบักนันแนเด้อ..มันสั่งความมานำลุง "  เสียงลุงจวนร้องตะโกนฝ่าสายลมที่พัดโหมกระหน่ำ ควาย3ตัวถูกแกไล่ต้อนอย่างเร่งรีบเพื่อให้ถึงบ้านก่อนที่ฝนจะเทลงมา

   “ จ้าลุงจวน เดี๋ยวใยสิออกไปเดี๋ยวนี้หล่ะจ้า… “  เธอตอบลุงจวนกลับไป

   “ แม่เบิ่งหลานนำแนเด้อ..ใยออกไปฮับอ้ายนันเพินจักคราวก่อน “  สายใยบอกแม่พร้อมกับวางงานที่ทำอยู่ก่อนจะรีบแจ้นออกไปยังทุ่งนาที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าใดนัก

       สายฝนกระหน่ำเทลงมาหลังจากที่นันและสายใยต้อนควายกลับเข้ามาถึงบ้านไม่ถึง10นาที เสียงเม็ดฝนห่าใหญ่ที่ปนมาพร้อมกับลูกเห็บกระทบเข้ากับสังกะสีหลังคาบ้านจนเกิดเสียงดังอึงมี่  เสียงเด็กน้อยร้องตะโกนแข่งกับเสียงลมและฝนแสดงอาการดีใจตื่นตากับก้อนน้ำแข็งใสๆขนาดเล็กที่ตกมาจากฟากฟ้าโดยที่ไม่นึกกลัวเอาเสียเลยจนผู้เป็นแม่ต้องออกมาดึงแขนให้กลับเข้าไปข้างในบ้าน “ ครืนนน..ครืนนน..ฮึ่มมม..”  เสียงฟ้าร้องอยู่เป็นระยะพร้อมกับกระแสลมที่ยังคงโหมอยู่ไม่ขาดระยะ สายฝนกระหน่ำเทลงมาพราวพร่างจนทำให้มองไม่เห็นวิสัยทัศน์แม้จะอยู่ในระยะห่างไม่กี่เมตรก็ตามที   ผืนดินแห่งความแห้งแล้งตอนนี้กำลังถูกอาบชะโลมด้วยคราบน้ำตาของกลุ่มเมฆาที่ชาวบ้านมองว่าเป็นน้ำทิพย์จากเบื้องบนประทานมาให้ อีกไม่นานเกินรอพวกเขาก็จะได้เริ่มวิถีทางอาชีพที่พวกเขาใช้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตมาตั้งแต่รุ่นอดีตกาลนานนม..รอยยิ้มแห่งความเปรมปรีย์เริ่มจะบังเกิดขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้มาเสียนานเลย…



                  



           เสียงข่าวยามเช้าจากบ้านของกำนันชมยังทำหน้าที่เป็นข่าวสารให้แก่ลูกบ้านของแกด้วยดีตลอดมา  ในระยะเวลาที่แกเข้ามารับตำแหน่งกำนันประจำตำบลหนองนางามที่ผ่านมานั้น ถือว่าแกทำหน้าที่เป็นผู้นำชุมชนในการพัฒนาหมู่บ้านได้ดีเยี่ยม โครงการหลากหลายโครงการเห็นเป็นรูปธรรมขึ้นมาด้วยฝีมือที่มุ่งมั่นและทุ่มเท ทำให้แกกลายเป็นที่รักของลูกบ้านไปโดยปริยาย  และลูกบ้านทั้งหลายก็คงยินยอมพร้อมใจมอบความเชื่อมั่นให้แกเป็นผู้นำของหมู่บ้านต่อไปจนจะครบวาระแห่งการเกษียณอายุราชการของแกแน่นอน…

           แสงอาทิตย์ทอประกายสีทองผ่องอำไพ สาดส่องท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา น้ำฝนที่ตกมาเมื่อคืนทำให้ท้องทุ่งดูจะมีความชุ่มชื่นขึ้นมาในทันควันซึ่งดูจะแตกต่างก่อนหน้านี้มากมายนัก เสียงนกน้อยร้องขับขานกระโดดโลดเต้นจับกิ่งไม้เล่นกิ่งแล้วกิ่งเล่าอย่างอารมณ์ดี  นกเอี้ยงสองตัวยืนคุยกันเล่นอยู่บนหลังเจ้าทุยอย่างออกรส โดยที่เจ้าทุยไม่นึกรำคาญเอาเสียเลย มันยังคงก้มหน้าเลาะเล็มหญ้าพร้อมกับสูดดมเอากลิ่นความหอมสดชื่นจากผืนดินที่ถูกอาบไปด้วยน้ำฝนก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง  

“ ใยเอ๊ย..บักไผ่มันติดต่อส่งข่าวมาแนบ่นางเอ๊ย..เห็นบักขวัญบอกว่าช่วงนี้มันบ่ค่อยได้ติดต่อกันปานได๋กะเลยบ่ค่อยฮู้ว่ามันอยู่กินจั่งได๋ “  เสียงของลุงจวนนั่นเองแกพึ่งกลับมาจากนำควายไปล่ามให้เลาะเล็มหญ้าอยู่ชายทุ่ง  ร่างสูงผอมที่มีผ้าขาวม้าพาดที่บ่าด้านซ้ายอยู่ตลอดจนมองเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของแกไปเสียแล้ว มีบ่อยครั้งที่แกจะโดนสายใยแซวว่าแกคงจะอยากเหมือนนักร้องคนดัง ไมค์ ภิรมย์พร ที่มีอัลบั้มชุดผ้าขาวบนบ่าซ้ายจนดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองไทย ซึ่งทำให้ลุงจวนถึงกับต้องหัวเราะออกมาชอบใจ

   “ น้องมันกะติดต่อมาตลอดนั่นหล่ะลุง ยังส่งเงินกลับบ้านอยู่บ่ขาด เห็นว่าอีกบ่โดนกะสิไปสมัครเรียนรามฯนำหมู่เขาอยู่ว่าซั้น “ สายใยบอกยิ้มๆพลางนึกถึงใบหน้าของน้องชายอันเป็นที่รักของเธอ

   “ เอ้อ..ดีแล้วๆ จั่งได๋กะอย่าให้มันคือบักจักรเด้อ ..ลุงได้ยินอาวเลิศกับอาอ้อยจ่มอยู่ตลอดว่าลูกซายเลาบ่ได้ส่งเงินกลับมาบ้านเลย แถมข่าวคราวกะเงียบบ่ยอมติดต่อมาให้ฮู้ “  

   “ จ้าลุง ใยกะได้ยินอยู่ว่าบักจักรตอนนี้ติดหมู่คักหลาย บอกกะบ่ค่อยฟังปานได๋ว่าซั้นน้องมันว่า  แนวหมู่เคยอยู่นำกันมาแต่น้อยเนาะกะเลยต้องบอกเตือนกันแต่บอกแล้วมันกะบ่ค่อยฟังกันกะจักสิว่าจั่งได๋ บ่คือบักขวัญน้อลุง อีกจักหน่อยกะสิได้เป็นเจ้าคนนายคนมีกระบี่ห้อยข้างติดดาวโก้เลย ลูกซายลุงจั่งแม่นเก่งคักเนาะ “ สายใยเอ่ยชื่นชมถึงขวัญชัยลูกชายสุดที่รักของลุงจวน ซึ่งทำให้แกต้องยืนภูมิใจกับความสามารถของลูกชาย

  “ เป็นวาสนาของมันหล่ะนางเอ๊ย “ ลุงจวนบอกสายใยพร้อมกับส่งประกายยิ้มออกมา




                




                        แสงไฟภายในร้านอาหารอีสาน “ สกาวเดือน “ ตอนนี้ดูอึมครึมสลัวๆ  นี่เป็นการสร้างบรรยากาศให้กับลูกค้าที่มานั่งลิ้มรสความแซบกับหลากหลายเมนูที่ขึ้นชื่อของทางอีสาน ความสว่างที่มากเกินไปบางครั้งก็อาจทำให้สิ่งรอบข้างดูจะไม่งามตานักทีเดียว เสียงเพลงดังอยู่เป็นระยะๆสลับเปลี่ยนหมุนเวียน นักร้องชาย-หญิงของทางร้านสกาวเดือนมีอยู่แค่ห้าคน  เพลงลูกทุ่งดูจะเน้นมากเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของความเป็นอีสานซึ่งลูกค้าส่วนมากก็เป็นคนอีสาน หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับภาระกิจการงานในช่วงกลางวันแล้ว ก็แวะมาเติมแรงทางกายด้วยรสชาดอาหารที่อร่อยพร้อมกับเติมความสุขทางใจกับเสียงเพลงไปด้วย

                   ค่ำคืนนี้ไผ่ศธรทำหน้าที่ของเขาด้วยความราบรื่นอีกครั้ง มีบ่อยครั้งที่เขาต้องเจอกับสภาวะทางอารมณ์ของลูกค้าหลากหลายคนแตกต่างกันไป  ความเมาของลูกค้าดูจะเป็นอันดับต้นๆที่มักจะเกิดขึ้นกับเขาในด้านหน้าเวที ไม่เว้นแต่วริศราหรือเอิญ นักร้องสาวดาวเด่นประจำร้านที่มักจะโดนลูกค้าที่เมาควบคุมตัวเองไม่ได้ลวนลามอยู่ด้านหน้าเวทีเป็นประจำ แต่เขาและเธอต่างก็ต้องยอมรับแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้และเข้าใจดีว่านี้คืออาชีพที่พวกเขาเลือกเอง สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการยิ้มสู้และคอยให้กำลังซึ่งกันและกันหลังจากที่การแสดงของพวกเขาผ่านพ้นไปแล้วนั่นเอง..