จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 17



{นิยายกรรมลิขิต}

ตอน เส้นทางเดิน 6










การเดินทางของชีวิต


"เวลาไม่ใช่เงินฝากที่ใครๆจะสามารถถอนออกมาใช้ได้ตามอำเภอใจ" ท่านที่กำลังนั่งอ่านบทความอยู่ในตอนนี้มีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างเอ่ย...ถ้าเวลามันสามารถนำไปฝากไว้ได้เหมือนกับเงินทั่วๆไปก็คงจะดีเป็นแน่แท้เลยนะครับ เพราะเมื่อใดที่เราไม่อยากจะนำเวลาที่เรามีอยู่ไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย อยากหยุดพักไว้ เราก็สามารถนำเข้าไปฝากไว้ที่ธนาคาร โดยมีสาวสวยนั่งยิ้มแป้นรอรับอยู่หน้าเคาน์เตอร์ พร้อมกับมีสมุดบัญชีเล่มสวยให้ โดยพิมพ์เป็นตัวหนังสืออยู่ด้านหน้าว่า (สมุดฝากเวลาของชีวิต..ประเภทออมชีวิต.) สิ้นปีมามีดอกเบี้ยของเวลาให้เรานำไปใช้ต่อได้และดอกเบี้ยเหล่านี้มันคงจะสามารถยืดชีวิตของการเดินทางของเราให้ยาวออกไปได้อีกเยอะเลย คิดภาพตามแล้วมันคงจะมีอะไรให้ทำมากมายขึ้นเยอะแยะเลยนะครับ คิดอยากพักตอนไหนก็พักได้เพราะเวลาของเรามันยังมีเหลือเฟือ

บางท่านอาจจะมีแย้งมาว่า..ยืดออกไปทำไม..เบื่อแล้ว..อยู่นานก็ทุกข์นาน ก็ใช่ครับแต่ก็ต้องมองโลกในแง่ดีสิเอ้อ..ฮ่าๆ ..{คิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วน้อ} ..เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้นี่เองผมถึงต้องเก็บมาคิดอยู่บ้าง ชีวิตของคนเราเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีความจีรังยั่งยืน จึงทำให้นึกว่าเราควรจะใช้เวลาของเราให้ให้คุ้มค่าและควรใช้ชีวิตแห่งการเดินทางด้วยความไม่ประมาทจะดีกว่า " การเดินทางของชีวิต " อาจช่วยให้เราพบเจอสิ่งต่างๆในชีวิตมากมายขึ้น แม้ว่าบางครั้งต้องสัมผัสกับเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทั้งสุขและทุกข์หลากหลายอารมณ์ต่างกัน ตัวผมเองให้มุมมองกับสิ่งเหล่านี้ว่า " สีสันของชีวิต " คือเจอหลากหลายสี ทั้งสีขาว{ด้านดี}ทั้งสีดำ{ด้านมืด}และอีกมากมายหลากหลายสี ต้องก้าวฟันฝ่าสัน{สันเขา}หรือสันอะไรก็แล้วแต่ ล้มลุกคลุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดการเดินทางของชีวิตอยู่เนืองๆ การเดินทางนั้นต้องฝ่ามรสุมของชีวิตลูกแล้วลูกเล่ามันช่างเป็นประสบการณ์อันหวานหอมและหวานอมขมกลืนในบางครั้งใช่หรือเปล่าครับ แต่สิ่งเหล่านี้มันทำให้เกิดความแกร่งขึ้นมากมาย จงเก็บร้อยเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตเป็นความทรงจำน้อมนำสิ่งที่ดีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในช่วงชีวิตของการเดินทางที่เหลืออยู่เสียดีกว่าเนาะ ผมเชื่อว่าชีวิตของคนเราส่วนมากคงมีความฝันเหมือนกันทุกๆคน ถ้าใครไม่มีความฝันก็คงแปลกน่าดู {หรือเปล่า}





" ความฝันและจุดหมายปลายทาง " คือจุดยืนที่ตัวผมเองก็ชอบตั้งไว้เช่นกันครับ แต่การฝันและจุดหมายปลายทางนั้นอย่าได้ไปตั้งไว้แบบยิ่งใหญ่หรือไกลเกินกำลังที่เราจะเดินไปถึงได้ แค่ฝันเล็กๆมันก็สร้างความสุขให้เกิดขึ้นมาในจิตของเราได้เช่นกันนะผมว่า ขอให้มีความฝันเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเองชีวิตก็มีสีสันขึ้นแล้ว เต็มที่กับฝันของเราดีกว่านะครับ เดินไปตามฝันบนเส้นทางของจุดหมายที่เราตั้งไว้ด้วยความมุ่งมั่น ดีกว่าปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรมเพราะมันจะทำให้จิตใจของเราหดหู่อยู่ตลอด ท้อแท้อยู่เรื่อยๆจนเกิดความเคยชินจนฝังรากลึก มาสร้างสีสันให้กับชีวิตกันดีกว่าไหมเอ่ย ชีวิตจะได้กระชุ่มกระชวยขึ้น ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มเสียแต่ตอนนี้เลยดีกว่าครับ ไปพร้อมๆกันเล๊ย..












….สองปีต่อมา….

แสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันเปล่งประกายเจิดจ้าแผ่รังสีความเร่าร้อนให้กับสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องล่างกระทบกับผืนป่าใหญ่ที่สำคัญของทางฝั่งภาคใต้ของประเทศไทย “ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด “ ผืนป่าใหญ่ที่มีเนื้อที่เกือบแปดแสนไร่มีพื้นครอบคลุม4จังหวัดของภาคใต้คือ พัทลุง ตรัง สตูล และสงขลา ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องด้วยเป็นแนวเขาที่มีความสลับซับซ้อนบวกกับผืนป่าที่หนาแน่นเลยทำให้มีสัตว์ป่าและนกนาๆชนิดเข้ามาอาศัยในผืนป่าแห่งนี้อยู่เป็นจำนวนมาก และสิ่งเหล่านี้มันก็คือวัฐจักรที่สร้างความสมดุลให้กับผืนป่า ทำให้เพิ่มเสน่ห์แห่งความตราตึงเพิ่มมนต์ขลังดึงดูดให้ผู้คนที่ห่างไกลจากธรรมชาติต้องลุ่มหลง เฝ้าฝันที่จะได้มาเยี่ยมชมสัมผัสกับกลิ่นไอของความร่มรื่นที่ธรรมชาติเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมา และเมื่อได้มาสัมผัสแล้วก็ทำให้ต้องมนต์เสน่ห์จากธรรมชาติของผืนป่าแห่งนี้จนต้องแวะเวียนกลับมาสำผัสอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า








 เสียงสายน้ำไหลเซ็นกระเซาะเข้ากระทบกับกลุ่มหินน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาอยู่เป็นจุดๆจนทำให้เกิดเป็นคลื่นเกลียวเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา-วกวนไปมา เมื่อไหลผ่านจนสุดแนวหินแล้วก็ไหลตกลงไปกระทบกับแอ่งเบื้องล่างเสียงดังสนั่นก้องไปทั่วผืนป่า ละอองแห่งความชื่นฉ่ำถูกสาดกระทบจนเกิดเป็นฟองคลื่น เมื่อต้องสำผัสกับแสงทองที่สาดส่องลงมาทำให้เกิดประกายแห่งสายรุ้งงาม เป็นสิ่งที่น่ายลน่าพิสมัยดึงดูดสายตาเหล่านักท่องเที่ยวที่เข้าไปดื่มด่ำความเย็นชุ่มฉ่ำของ “น้ำตกสายรุ้ง” อยู่ตลอด น้ำตกสายรุ้งเป็นน้ำตกที่สวยงามและขึ้นชื่อของจังหวัดตรัง ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อำเภอย่านตาขาว แม้ชื่อเสียงของน้ำตกสายรุ้งจะไม่โด่งดังเท่าน้ำตกอื่นๆ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัดเหมือนเช่น น้ำตกโตนเต๊ะและน้ำตกโตนตก แต่ความสวยงามในช่วงสายรุ้งพาดผ่านตัวน้ำตกและบรรยากาศเย็นสบายเงียบสงบไม่แพ้กันนั้น ล้วนเป็นเสน่ห์ที่มากพอจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง เทือกเขาบรรทัด มียอดเขาหลักเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด และยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่ไหลมารวมกันสู่ทะเลสาบสงขลาหล่อเลี้ยงประชากรในพื้นที่ 4 จังหวัด  น้ำตกสายรุ้ง มีทั้งหมด 4 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกัน แต่จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือ ยามบ่ายหากอากาศดี ละอองน้ำจากน้ำตกทำมุมกับแสงแดดปรากฏเป็นประกายรุ้งงดงามจึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกสายรุ้งนั่นเอง 







 
   ก้อนหินน้อยใหญ่ผุดแซมต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ยืนต้นเป็นแถวยาวขนานไปกับสายน้ำตก ซึ่งมันก็ให้ร่มเงากับบรรดานักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติได้ดีนัก นักท่องเที่ยวส่วนมากจะนิยมออกมาเที่ยวน้ำตกช่วงสายๆพร้อมกับนำสำภาระ อาหารการกินมาทำกินกันอยู่ริมสายน้ำตกเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ป้าอรที่กำลังขะมักเขม้นจัดเตรียมอาหารอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ เพื่อรองรับกับสมาชิกในครอบครัวและกลุ่มญาติๆที่ตอนนี้กำลังเล่นน้ำตกกันอยู่อย่างสนุกสนาน

   “ ป่าน..เจ้าป่านเอ๊ย..พากันขึ้นมากินข้าวได้แล้วมั้ง จวนจะบ่ายโมงแล้ว ไม่ใช่เล่นกันจนตัวเขียวแล้วเหรอ “ เสียงป้าอรร้องเรียกลูกสาวคนสวยให้ขึ้นมาจากน้ำหลังจากที่เธอลงไปนั่งแช่ ดำผุด ดำว่าย เล่นอยู่เป็นเวลานานกับบรรดาน้องสาวและญาติๆของเธอ เสียงคุยกันอย่างออกรสตามมาด้วยเสียงหัวเราะอยู่เป็นระยะจากกลุ่มของเธอทำให้ป้าอรถึงกลับต้องแอบยิ้มอยู่ลึกๆพร้อมกับนึกภูมิใจกับความสวย ฉลาดเก่งของลูกสาวคนนี้และแกก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าต่อไปในวันข้างหน้าจะได้เห็นเธอประสบความสำเร็จในถนนสายชีวิต
 






“ จ้าแม่ เดี๋ยวป่านจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ “ เสียงใสของเธอร้องตะโกนตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอิ่มเต็มใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว เธอหันไปเอ่ยชวนกลุ่มเพื่อนและน้าๆของเธอให้ขึ้นจากน้ำ เมื่อมองขึ้นไปเห็นผู้เป็นแม่กวักมือเรียกซ้ำอีกที ใบหน้าและรูปร่างที่สวยอยู่แล้วเมื่อมาอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดมันดูจะเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเธอมากขึ้นอีก สังเกตุได้ว่าบรรดาชายหนุ่มหรือสาวๆในจุดนั้นต้องแอบมองมายังกลุ่มของเธออยู่ตลอด 

       ความสวยและความมั่นใจคือจุดเด่นที่เธอมีอยู่เต็มเปี่ยม ป่านหรือสายป่านเป็นสาวใต้จากอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ว่าที่บัณทิตคณะศึกษาศาสตร์จากรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง {กรุงเทพมหานคร} สาวสวยผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนภายใน จิตใจเอื้ออารีและเป็นคนที่จริงใจดีเยี่ยมกับเพื่อนๆ

  “ คริ คริ “ เสียงหัวเราะเบาๆจากเธอดังขึ้นหลังจากเดินลุยน้ำผ่านหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเล่นน้ำอยู่ เพราะชายหนุ่มคนนั้นเผลอมองตามเธอเล่นเอาสาวเจ้าที่นั่งอยู่ข้างๆกดเล็บเข้าไปที่ต้นแขนจนชายหนุ่มต้องร้องออกมา

  “ โห..แม่น่าหรอยจัง “ เสียงใสๆออกสำเนียงทองแดงเล็กน้อยดังขึ้นเมื่อเธอมองเห็นสิ่งที่ผู้เป็นแม่เตรียมไว้รอ

  “ ปลาทูทอดก็มี หมูทอดก็มี ไก่ย่างก็มี น้ำพริกก็มี แถมมีข้าวเหนียวเตรียมไว้ให้พร้อมเลยนิ “ เสียงใสยังพูดไม่หยุดทำให้ป้าอรต้องยิ้มพร้อมกับใช้มือลูบหัวเธอเล่นด้วยความรักและเอ็นดู อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างรอยยิ้มให้กับเธอนั่นก็คือส้มตำ ที่ผู้เป็นแม่ยกอุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องปรุงทุกอย่างมาบรรเลงอยู่ตรงนี้เลย เป็นเวลานานพอสมควรที่เธอไม่ได้ลิ้มลองรสชาติฝีมือของผู้เป็นแม่ หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยปิดเทอมจึงเป็นโอกาสเหมาะเจาะได้กลับลงมาเยี่ยมบ้าน ความรักความห่วงหาเอื้ออาทรสิ่งดีๆที่ทุกๆคนเคยมีให้กับเธอนั้นก็ยังมีให้เธอได้สัมผัสได้เช่นเดิมและก็ไม่เคยลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด สายป่านพยายามเก็บเกี่ยวสิ่งที่เธอขาดหายไปให้กลับเข้ามาในความรู้สึกให้ได้มากที่สุด เพื่อนำสิ่งเหล่านี้เติมเต็มเติมแรงฝันในยามที่เธอเกิดอาการท้อแท้ อ่อนล้า ความรักความห่วงใยเอื้ออาทรและกำลังใจจากผู้ที่อยู่ข้างหลังคือสิ่งที่สำคัญเพราะเมื่อใดที่เธอเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมา..เธอสามารถมีแรงสู้ต่อและผ่านมันไปได้ทุกทีเมื่อนึกถึงภาพของบุคคลอันเป็นที่รักเหล่านี้..








แสงตะวันยามบ่ายคล้อยสาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มต้องขยับร่างลุกขึ้นเพื่อให้พ้นจากไอของความร้อน แสงสว่างที่เจิดจ้าทำให้ชายหนุ่มถึงต้องปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพื่อให้สายตาได้ปรับตัวให้เข้าที่กับแสง อาการง่วงนอนนั้นดูเหมือนว่าจะยังคงมีอยู่ สังเกตุได้จากที่เขานั่งตัวโอนเอนไปมา แล้วก็ล้มแผละลงกลับไปนอนอีกครั้ง..ไม่นานนักก็ผุดลุกขึ้นกลับมานั่ง แม้ว่าเปลือกตาเขาจะยังปิดอยู่แต่ในสมองของเขาตอนนี้กำลังก่อเกิดเป็นมโนภาพเมื่อครั้นตอนที่เป็นสามเณร มันเหมือนกับหนังม้วนเดิมๆที่กำลังฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียแต่ว่าต่างวาระและต่างสถานที่เท่านั้น

ไผ่ศธรค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพยุงตัวให้ลุกขึ้นจากเสื่อผืนเล็กๆ ..ใช่แล้ว.. นี่คือจุดที่เขาใช้ซุกหัวนอน ห้องเช่าสี่เหลี่ยมเล็กๆที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอยู่ไม่กี่อย่างมันคงจะดูไม่เข้าทีนักในสายตาคนระดับชั้นกลางๆทั่วไป แต่ในความรู้สึกของเขามันยังคอยย้ำเตือนให้อดทนสู้อยู่เสมอ ถึงแม้ว่ามันจะไม่สุข อิ่มเอิบเหมือนที่บ้านนักก็ตามแต่ อย่างน้อยการอดทนของเขาคนเดียวมันก็ทำให้หลายๆชีวิตอิ่มเต็มมากขึ้นและเขายังมีรายได้จากส่วนนี้ไปขยับวุฒิบัตรด้านการศึกษาได้ด้วย ไผ่ศธรลงสมัครเรียนเทียบเท่าในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ทก) ที่เปิดการเรียนการสอนเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้วด้วย เขาใช้ระยะเวลาเรียนไม่นานนักเพราะเขาใช้วุฒิการศึกษาด้านที่ผ่านมาเมื่อครั้งเป็นสามเณรมาเทียบโอนเพิ่มหน่วยกิต จึงทำให้ย่นระยะเวลาลงได้มากโข

การเลือกเส้นทางเดินของไผ่ศธรมันไม่ได้สวยงามไปอย่างที่ฝันเท่าใดนัก เขาต้องอดตาหลับขับตานอนแทบทุกคืน ต้องทำหน้าที่ภายในร้านแทบทุกอย่างตั้งแต่หน้าที่เสริฟรวมไปถึงการขึ้นจับไมค์ร้องเพลงบนเวที ถึงแม้ว่าบางคืนมันแสนจะเหนื่อยล้าเต็มทีแต่ก็สร้างรอยยิ้มให้เขาได้ในบางหนกับผลตอบแทน ทิปพิเศษจากการร้องเพลงด้านหน้าเวทีทำให้รายได้ของเขาเพิ่มขึ้นมาบ้าง เส้นทางเดินของเขานั้นมันช่างแตกต่างกับขวัญชัยมากมายเหลือเกิน ขวัญชัยเพื่อนรักอีกคนดูเหมือนว่ากำลังแห่งผลบุญและวาสนากำลังหนุนส่งในทุกๆด้าน หลังจากลาสิกขาบทเมื่อปลายปีเขาก็ได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ไผ่ศธรแอบยิ้มกับความก้าวหน้าของเพื่อนคนนี้อยู่ลึกๆ คำว่าเพื่อนยังติดตราตรึงอยู่ในใจเสมอ ในเมื่อเพื่อนไปได้ดีเขาก็ต้องยินดีด้วยเป็นธรรมดา

“ เฮ้อ..“ ไผ่ศธรต้องลอบถอนหายใจออกมาเมื่อคิดถึงเพื่อนรักอีกคน วีรจักรเส้นทางเดินของเขานั้นดูจะย่ำแย่กว่าเขาด้วยซ้ำ งานโรงงานเล็กๆมันไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่เขาดีขึ้นมากมายเท่าใดนัก แต่มันกลับย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อวีรจักรทำตัวเองให้ตกต่ำลงไปยิ่งกว่าเดิม การคบเพื่อนคือสิ่งสำคัญอันดับแรกในมงคล38ประการ การใช้ชีวิตที่ผิดคบเพื่อนที่ไม่ดีทำให้เขาต้องเจอปัญหาอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าไผ่ศธรจะกล่าวเตือนเพื่อนรักด้วยความห่วงใยและหวังดีแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าอกุศลกรรมในอดีตชาติกำลังขับเคลื่อนให้เขาเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งวิบาก ที่กำลังนับวันจะก่อตัวขึ้นเพื่อนำตัวเขาไปสู่ยังอบายภูมิต่อไป…..

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 16



..บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา..


{กรรมลิขิต}

{ตอนเส้นทางเดิน4}

{ขอบพระคุณไปยังเจ้าของรูปภาพด้วยนะครับ}


ชีวิตของการเดินทาง คือบทเรียนของการทดสอบที่ช่วยวัดเกณฑ์ประเมิณผลทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับเราได้อย่างดีเยี่ยมว่า เรานั้นจะสามารถก้าวย่างฟันฝ่าอุปสรรคสิ่งที่รุมเร้าถาโถมเข้ามาได้ดีแค่ไหนกัน การเดินทางของชีวิตบางครั้งเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แสนเปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เงียบเหงาและเดียวดาย นี่คือบททดสอบของจิตใจอีกขั้นหนึ่งที่เราต้องเผชิญอยู่เนืองๆ { แม้แต่คนเขียนเอง ที่ถูกสิ่งเหล่านี้เข้ามาสัมผัสกลืนกินความรู้สึกอยู่บ่อยครั้ง }

เส้นทางการเดินทางที่บางครั้งเราไม่อาจจะสามารถมองเห็นไปยังข้างหน้าได้ จะด้วยวิสัยทัศน์อะไรก็ตามแต่ สายหมอก แสงแดดไอร้อนที่แผดเผา พายุ คลื่นลม ฝน รัตติกาลอันมืดมิด สิ่งเหล่านี้คืออุปสรรคที่ขวางกั้นชีวิตของการเดินทางทั้งนั้น แต่พึงสำนึกได้ว่า " อุปสรรคเป็นอุปกรณ์หลอมคนให้เก่งขึ้น ปัญหาคือเครื่องมือสร้างคนให้สมบูรณ์แบบ " ดังมีคำกล่าวไว้ว่า {..ทะเลยังมีคลื่น..ชีวิตจะราบรื่นต้องมีอุปสรรคให้ฝ่าฟัน..}

หากทะเลที่ราบเรียบไร้ซึ่งคลื่นลมและมรสุม ไฉนเลยจะมีนักเดินเรือที่ช่ำชองได้ เปรียบดังเช่นชีวิตคนเราถ้าสามารถทนรับกับคลื่นลมมรสุมของชีวิตและฟันฝ่าไปได้ มันจะทำให้ชีวิตเรามีคุณค่าและสมภาคภูมิเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าตามองยังไม่เห็นฝั่งขาหยั่งไม่ถึงพื้น ก็จงฟันฝ่าว่ายไปด้วยเรี่ยวแรงที่พึงมี " ถึงแม้จะต้องตาย " ก็ตายด้วยความภาคภูมิโดยที่ไม่มีใครครหานินทาหรือติเตียนได้ เพราะเราได้ทำเต็มที่กับชีวิตของเราแล้วผลลัพธ์ออกมาแบบไหนจบลงตรงไหนก็คงไม่สำคัญ อย่างน้อยเราก็ได้เต็มที่กับมันแล้ว { แม้กระทั่งกับความรัก } เอ๊ะ!!...ยังไงเนี่ยะ..^_^.. ถึงอย่างไรก็ตามในนามคนเขียนบทนิยายกรรมลิขิต ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยความตั้งมั่นและเต็มที่กับชีวิตในทุกๆช่วง จงก้าวย่างไปพร้อมๆกับคนเขียนกันดีกว่าครับ ..^_^..














สายฝนโปรยปรายตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้ายังความชุ่มชื้นให้กับสรรพสิ่งรอบข้าง ต้นไม้ใบหญ้าหรือแม้กระทั่ง ท้องทุ่งนาข้าวถูกอาบชะโลมไปด้วยน้ำทิพย์แห่งสรวงสวรรค์ ที่ประทานลงมาด้วยจิตอันเป็นประดิพัทธ์แฝงด้วยความเมตตากรุณาปราณีให้กับผืนดินที่อยู่เบื้องล่าง ยังความอิ่มเอมเกษมเปรมปรีบังเกิดรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับเหล่าฝูงปลากบเขียดที่อยู่ในท้องทุ่ง หรือกระทั่งชาวนาผู้ที่เฝ้ารอความหวังกับผลผลิตบนผืนนาและมันคงจะทำให้พวกเขาได้มีความหวังมากขึ้นและก็เฝ้ารอเวลาได้เก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แสงอาทิตย์ยามเช้าเปล่งประกายสีทองอาบโลมเลียสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องล่างหรือแม้แต่ต้นข้าวเขียวที่ยืนต้นทรงตัวตรงโบกใบพริ้วไหวออกท่าทางแบบจินตลีลาอยู่บนผืนนาอันใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วคล้ายดั่งสาวงามผู้มีศิริโฉมเลอเลิศได้รับน้ำทิพย์ชะโลมลูบหัวใจบวกด้วยรสรักแห่งความสิเน่หาที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างเปี่ยมล้น จนต้องแสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทางเพราะยากที่จะควบคุมอาการแห่งความปีติยินดีเอาไว้ได้

เม็ดน้ำใสๆจับตัวเป็นก้อนกลมเล็กๆเกาะติดอยู่ตามใบข้าวเรียว บ้างก็หยดลงกระทบผืนน้ำเบื้องล่างจนเกิดเป็นคลื่นวงเล็กๆ บ้างก็วิ่งกลับกลอกกลิ้งไปกลิ้งมาในยามที่ใบข้าวเกิดอาการไหวติงเมื่อถูกสายลมอันแผ่วเบาโชยพัดผ่านกระทบอยู่เป็นระยะๆ ช่างเป็นภาพสวยงามที่ธรรมชาติเสกสรรปั้นแต่งมาให้ชมโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าเดินทางไปสัมผัสในที่แดนไกล เพราะสิ่งที่สวยงามมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือเก็บเกี่ยวภาพเหล่านี้เข้ามาสู่ห้วงแห่งมโนภาพได้มากน้อยเพียงไรกัน..

สายตาที่เศร้าสร้อยและดูจะเหม่อลอยในบางครั้ง ถูกทอดมองผ่านไปยังผืนนาข้าวที่เขียวขจี ความคิดถูกปลดปล่อยให้ล่องลอยจนเกิดเป็นมโนภาพขึ้นมาในสมอง ป่านนี้ลูกชายสุดที่รักจะต้องอยู่อย่างไรมิอาจที่จะรู้ได้ ไผ่ศธรเดินทางเข้าไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นเวลาอาทิตย์กว่าๆแล้ว แม้จะรู้ดีว่าลูกชายตอนนี้ได้ทำงานอะไรแต่ความรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี เป็นครั้งแรกกับการเดินทางไกลของเขาโดยมีความมุ่งมั่นเป็นตัวเบิกทางให้สู่ความฝันของตัวเอง

“ เฮ้อ “ เสียงทอดถอนลมหายใจออกมาแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนลึกภายในก็ยังคงแอบหวังว่าลูกชายจะผ่านงานที่ทำอยู่ตอนนี้ไปด้วยความราบรื่น และเจ้านายเพื่อนร่วมงานคงจะรักและเอ็นดูเขาเหมือนอย่างที่แกมีให้กับลูกชายของแก “ ป้าไหมนึกปลอบใจตัวเอง “
มือที่ดูเหมือนว่าผ่านการตรากตรำลุยงานหนักมานักต่อนักกำเคียวมั่น แกนั่งย่อตัวลงบนคันนาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าอันเขียวขจีอยู่สองฟากฝั่ง สายฝนเมื่อคืนช่วยอาบไล้ต้นหญ้าจนเปียกชุ่มเมื่อยื่นมือเข้าไปสัมผัสก็ทำให้มือเปียกชุ่มตามไปด้วยเลยทีเดียว มือซ้ายถูกหน่วงน้าวต้นหญ้าเข้ามารวมกันเป็นกระจุกพร้อมกับใช้มือขวาตวัดเคียวลงบนโคนต้นหญ้าดัง “ ฉับ ฉับ “ อย่างผู้ชำนาญการ มันเป็นภาพที่หาดูได้ไม่ยากนักตามท้องทุ่งนาทั่วไปในช่วงนี้ ฤดูที่ต้นข้าวกำลังยืนต้นวัวควายจะถูกผูกล่ามไว้อยู่ในคอกเป็นส่วนมาก สิ่งเดียวที่เจ้าของพึงจะทำได้ก็คือการเก็บเกี่ยวอาหารพวกนี้ส่งป้อนให้ถึงที่กันเลยทีเดียว เพราะถึงอย่างไรบรรดาวัวควายเหล่านี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อมนุษย์เรามากมายแล้วนับประสาอะไรที่เราจะตอบแทนเค๊าคืนในระยะไม่กี่เดือนจะทำไม่ได้เลยเชียวหรือ….












กรุงเทพมหานคร

สภาพปัญหาการจราจรดูจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปตามลำดับ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากมีรถยนต์ไว้ในครอบครอง เนื่องจากสถานะการเงินและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนี่เอง เพราะเมื่อประชาชนทั่วไปมีรายได้ดีจึงนิยมใช้รถยนต์กันมาก ปัญหาการจราจรคือสาเหตุสำคัญที่ได้บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต มลพิษจากท่อไอเสียส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและยังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นความสูญเปล่าทางด้านเชื้อเพลิงและการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ความแออัดคับคั่งจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้า { ต้องคอยพกยาหม่องติดตัวอยู่เป็นประจำมั้งเนี่ยะ } ฉะนั้นแล้วปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครจึงถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ว่าใครเข้ามามีหน้าที่ควบคุม กำกับดูแล ต่างก็กุมขมับไปตามๆกันสิเอ๊า..










วัดสระเกศ
สองสหายเพื่อนรักก้มลงกราบลาสามเณรหนุ่มผู้มีใบหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตาธรรม รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากสามเณรหนุ่มเล็กน้อย ความปีติยินดียังมีอยู่ลึกๆภายใน เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาทั้งสามไม่ได้เจอกัน ภาพแห่งความหลังที่ผ่านมาเกือบห้าปียังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของพวกเขาได้ดี มิตรภาพ ความรัก ความห่วงหาเอื้ออาทรยังมีให้กันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะต่างสถานะกันแล้วก็ตาม คำว่าเพื่อนมันยังมีให้กันอยู่เสมอ เส้นทางของชีวิตแม้ว่าจะเป็นไปคนละจุดมุ่งหมายและไม่รู้ว่าปลายทางของชีวิตจะจบลงอย่างไร คงต้องอยู่ที่การเลือกตัดสินใจโดยมีหรหมลิขิตหรือกรรมลิขิตเป็นสิ่งคอยเสริมหรือคอยฉุดไม่อาจทราบได้ แต่พวกเขาก็สัญญาว่าจะยังคงไว้ซึ่งมิตรภาพอันเหนียวแน่นให้คงอยู่ตลอดไปตราบสิ้นลมหายใจ


“ ผมสองคนลาเด้อครับ พอดีตอนแลงนี่เพินไผ่ยังเฮ็ดงานอยู่ พึ่งสิเข้างานใหม่เลยหยุดบ่ทันได้ครับ “ วีรจักรบอกลาสามเณรขวัญชัยเพื่อนรัก พร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น

“ ได้ๆ..มื้อได๋หยุดงานกะเข้ามาเหล่นนำเรื่อยๆแนเด้อ ยังคิดฮอดคิดเถิงหมู่คือเก่า ดีใจหลายที่อยู่บ่ไกลกันแล้ว พอสิไปมาหาสู่กันได้ตลอดแนเนาะเพิน “ สามเณรหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ ความนิ่งและอ่อนโยนภายในดูจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เส้นทางของชีวิตเขาจะก้าวเดินมาได้ไกลกว่าเพื่อน และสิ่งหนึ่งที่สามเณรหนุ่มดูจะมีมากกว่าเพื่อนรักทั้งสองคนนั่นก็คือ “ วาสนา “ ที่เกิดจากผลบุญกุศลที่ทำมาตั้งแต่ในครั้งอดีตกาล

“ ครับ..พวกผมลาหล่ะครับ “ สองสหายพนมมือไหว้ก่อนที่จะเดินออกมาจากกุฏิคณะ5 ซึ่งเป็นสถานที่สามเณรขวัญชัยได้พำนักอยู่ รอยยิ้มและภาพเมื่อครู่นี้ยังตราตรึงสร้างความอิ่มเอิบอยู่ลึกๆภายในใจของพวกเขาทั้งสองคน














ร้านอาหารอีสาน สกาวเดือน เขตบางกะปิ {เวลา 20.25น.}



"ช่วยเดินผ่านใกล้ ทักทายสักคำนำพา เทคแคร์อ้ายด้วยหางตา
แค่วันละหน่อยได้ไหม ส่งยิ้มมาบ้าง คงไม่เปลืองเวลาเกินไป พอได้ตั๋วหัวใจ มีแฮงฮึดลุยสร้างฝัน
บ่ฮักบ่ว่าเจ้าดอกคำแพง เว้านำพออ้ายมีแฮงเดินแข่งปัญหารายวัน
บ่หวังได้ครองขอแค่มองให้มีใจมั่น ขอยืมหน้ามาเข้าฝันแค่นั้นก็เป็นบุญใจ"


เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือตามมา ไผ่ศธรเด็กหนุ่มจากเมืองหมอแคนก้มโค้งคำนับขอบคุณกับแขกภายในร้าน รอยยิ้มแห่งความปีติผุดวาบขึ้นมาเล็กน้อย แขกภายในร้านดูจะชื่นชมกับน้ำเสียงของเขาที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ดึงดูดสะกดให้ผู้ฟังต้องหยุดนิ่งเมื่อยามเขาขับกล่อมบรรเลง ถึงแม้เขาจะพึ่งเข้ามาทำหน้าที่อยู่จุดนี้ได้ไม่นานแต่มันก็สามารถทำให้ลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารอีสานของร้านสกาวเดือนรู้จักเขาในนาม ไผ่2 ได้ดีทีเดียว ไผ่ศธรมีน้ำเสียงคล้ายคลึงนิดๆกับนักร้องชื่อดังที่เป็นที่ชื่นชอบของคนฟังเพลงลูกทุ่งอยู่ในขณะนี้..

เด็กหนุ่มได้รับโอกาสอันดีจากวิศรุจชายหนุ่มจอมอหังการจากเมืองพนมรุ้ง เป็นผู้เอ่ยฝากกับทางเสี่ยณรงค์ฤทธิ์ {และนี่ก็คือสถานที่ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเสี่ยหนุ่มอีกที่นึงนอกจากไนต์คลับในย่านคลองตัน} และไม่ใช่ปัญหาเมื่อเสี่ยหนุ่มตกลงรับคำแล้วก็ให้ดุ่ย แดนผาขาว เข้ามาจัดการเคลียร์กับทีมงานผู้ดูแลควบคุม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้กับวีรจักรเพื่อนรัก ที่เป็นผู้ประเดิมเปิดทางตีสนิทกับวิศรุจจนนำมาสู่เส้นทางแห่งการเริ่มก้าวเดินตรงจุดนี้ และต้องคอยลุ้นว่าทางเดินของเขาจะเป็นไปในรูปแบบใดรวมถึงเพื่อนรักของเขาทั้งสองด้วย …


{ โปรดติดตามตอนต่อไป }

ขอบพระคุณทุกท่านที่ติตาม

ด้วยจิตคารวะ

{ รุทธิ์ อีเกียแดง แห่งรัตติกาล }