จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 14


กรรมลิขิต

ตอน เส้นทางเดิน 2


คนที่เชื่อในเรื่องกรรม ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เชื่อ คนที่เชื่อเรื่องกรรมย่อมสามารถอดทนรับความทุกข์ยากลำบาก ความผิดหวัง ความขมขื่น และเคราะห์ร้ายที่เกิดแก่ตนได้ เพราะถือว่าเป็นกรรมที่ทำมาแต่อดีต ไม่ตีโพยตีพายว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำดีแล้วไม่ได้ดี คนที่เชื่อในเรื่องกรรมจะยึดมั่นอยู่ในการทำความดีต่อไป จะเป็นผู้สามารถให้อภัยแก่ผู้อื่น และจะเป็นผู้มีหิริโอตตัปปะ

คนที่ประกอบกรรมทำชั่วทั้งกาย วาจา และใจ ส่วนใหญ่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่อเรื่องบุญและบาป ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด คนพวกนี้เกิดมาจึงมุ่งแสวงหาทรัพย์สมบัติและความสุขสบายให้แก่ตัว โดยไม่คำนึงว่าทรัพย์สมบัติหรือความสนุกสนานที่ตนได้มาถูกหรือผิด และทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนหรือไม่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน กรรมนั้นย่อมเป็นของเราโดยเฉพาะ และเราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น จะโอนให้ผู้อื่นไม่ได้ เช่น เราทำกรรมชั่วอย่างหนึ่ง เราจะต้องรับผลของกรรมชั่วนั้น จะลบล้างหรอโอนไปให้ผู้อื่นไม่ได้ แม้ผู้นั้นจะยินดีรับโอนกรรมชั่วของเราก็ตาม กรรมดีก็เช่นเดียวกัน ผู้ใดทำกรรมดี กรรมดีย่อมเป็นของผู้ทำโดยเฉพาะ จะจ้างหรือวานให้ทำแทนกันหาได้ไม่ เช่นเราจะเอาเงินจ้างผู้อื่นให้ประกอบกรรมดี แล้วขอให้โอนกรรมดีที่ผู้นั้นทำมาให้แก่เราย่อมไม่ได้ หากเราต้องการกรรมดีเป็นของเรา เราก็ต้องประกอบกรรมดีเอง เหมือนกับการรับประทานอาหาร ผู้ใดรับประทานผู้นั้นก็เป็นผู้อิ่ม (บทความดีๆจาก..มหาโชค ดอทคอมครับ )







21.05 น. ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ

ดุ่ย แดนผาขาวเดินยิ้มมาแต่ไกลหลังจากมองเห็น BMW สีดำเลี้ยวเข้ามาจอดสงบนิ่งยังบริเวณลานจอดของสถานบันเทิงที่ตัวเองรับหน้าที่ดูแลให้กับเสี่ยหนุ่มของเขา

" หวัดดีครับอ้ายรุจ..หวัดดีครับอ้ายแก่น " เสียงเอ่ยทักทายแบบสนิทสนมดังขึ้นเมื่อวิศรุจและปฐมพงษ์ก้าวลงมาจากรถเก๋งคันหรู

" หวัดดีน้อง..เป็นได๋สำบายดีบ่น้องหล่า.กิจการของเสี่ยคือสิไปในทิศทางสวยหรูคือเก่าเนาะ " ชายหนุ่มเอ่ยทักและตบไหล่หนุ่มจากเมืองเลยเบาๆ แม้การพบเจอกันของพวกเขาจะมีไม่บ่อยนักแต่วิศรุจกับหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ดูจะมีความสัมพันธ์ให้กันเป็นอย่างดีเนื่องด้วยบุคลิกอันแกร่งที่แฝงด้วยความอ่อนโยนของวิศรุจที่มีอยู่ในตัวตนกับความอ่อนน้อมของดุ่ย แดนผาขาว เลยทำให้สัมพันธภาพจึงเป็นไปด้วยดี

" เสี่ยเพินคือสิเข้ามาประมาณ4ทุ่มอ้าย..อ้ายรุจกับอ้ายแก่นเข้าไปนั่งจิบเบียร์อยู่ในห้องถ่าก่อน..เดี๋ยวผมบอกตั้มจัดน้องคนงามๆไปให่อ้ายเอง " เด็กหนุ่มบอกอย่างเอาใจ

" ขอบใจน้องหล่า..บ่ต้องกะได้ดอกหามาให่แก่นกะพอแล้ว..ให่น้องเขาเฮ็ดหน้าที่ของเขาสา " ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินตามหลังของดุ่ย แดนผาขาวเข้าไปข้างยังข้างใน รอยยิ้มเปิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านกับกลุ่มสาวๆที่นั่งอยู่ทางเข้า ซึ่งพวกเธอเหล่านี้มีหน้าที่คอยเรียกลูกค้าเข้ามาดื่ม-กินนั่นเอง






ไฟจากข้างในดูสลัวๆอึมครึมนิดๆเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของการดื่มกิน..มีเสียงเพลงเล่นคลอเคล้าเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับนักท่องเที่ยวในยามราตรีได้เป็นอย่างดีทีเดียว แต่ละโต๊ะก็จะมีสาวสวยคอยนั่งเทคแคร์ดูแลลูกค้าอยู่อย่างใกล้ชิดมองดูเหมือนว่าแนบชิดสนิทเลยทีเดียว สายตาอันคมกริบของชายหนุ่มสะดุดเข้ากับนักดื่มกินโต๊ะนึงที่มีอยู่ประมาณ5คน ประเมิณด้วยสายตาแล้วน่าจะเป็นเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึง18ปีด้วยซ้ำ ซึ่งตามหลักแห่งความเป็นจริงสถานบริการในรูปแบบนี้ เปิดให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า18ปีเท่านั้น คงเป็นเพราะอำนาจของผลประโยชน์ที่ทางเสี่ยณรงค์ฤทธิ์หยิบยื่นให้บุคคลบางกลุ่ม จึงทำให้สถานบันเทิงแห่งนี้เปิดรับได้แบบสบายใจแฮ...


เสียงอันดังและสนุกจนเกินเหตุของเด็กกลุ่มนี้ทำให้โต๊ะข้างๆถึงกับจ้องมองด้วยสายตาอันขุ่นเคือง คงจะเป็นเพราะความคึกคะนองในวัยบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปวิ่งอยู่ในสายเลือดมากเกินไป จนมิอาจที่จะควบคุมสติของตัวเองให้คงที่ได้จึงถูกปลดปล่อยออกมาในรูปแบบนี้

" แก่น..เบิ่งเด็กน้อยกลุ่มนั้นแนหล่ะ..เฮาว่าบ่โดนดอกคันเป็นจั่งซี้.มีสิทธิ์ได้คลานออกไปข้างนอกแท้ๆ.." วิศรุจบอกพร้อมกับสะกิดเพื่อนรักให้หยุดมอง

" เดี๋ยวผมจัดการเองอ้าย..มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดูแล " ดุ่ย แดนผาขาวบอกและเดินตรงเข้าไปยังเด็กกลุ่มนั้นโดยมีวิศรุจและปฐมพงษ์เดินตามเข้าไปด้วย

" เบาเสียงลงหน่อยนะครับ..มันรบกวนโต๊ะข้างๆครับ " เสียงบอกด้วยความนุ่มนวลของเด็กหนุ่มจากเมืองเลย มันทำให้เกิดความเงียบจากเด็กกลุ่มนั้นในทันที สายตาทุกคู่จ้องมายังกลุ่มของวิศรุจที่ยืนอยู่ประชิดโต๊ะกลุ่มของพวกเด็กวัยรุ่น

" เฮ๊ยย..มรึงเป็นใครว๊ะ!!ถึงกล้าเดินเข้ามาบอกกรู.." เสียงดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นเสมือนหัวโจกแสดงความก้าวร้าวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

" อ้าวไอ้น้อง..ทำไมพูดกวนส้นตรีน.แบบนี้ว๊ะ " ปฐมพงษ์ตบะแตกในทันใดเมื่อการบอกกล่าวดีๆไม่เป็นผล

" ตั๊บบ. " เสียงกำปั้นดังหนักแน่น กลุ่มของวิศรุจต้องพลาดไปก่อนแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อกำปั้นวัยรุ่นเลือดร้อนตรงดิ่งเข้าที่ปากของปฐมพงษ์อย่างเหมาะเหม็ง เล่นเอาไอ้หนุ่มจากแดนหมอแคนถึงกับหน้าผงะหงาย ฤทธิ์ของหมัดมันไม่ได้มีน้ำหนักมากมายนักสำหรับปฐมพงษ์แต่มันเป็นการเสียหลักแบบที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียมากกว่า.. กลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนต่างลุกทะยานเข้าหาทันทีหลังจากที่หัวโจกประเดิมชัยเบิกทางให้แล้วในหมัดแรก กลุ่มโต๊ะที่อยู่ข้างๆถึงกับลุกฮือถอยออกจากที่บริเวณนั้นทันที

" งานนี้ได้ม่วนกับอ้ายแท้ๆ..บักหล่า " วิศรุจคำรามออกมาพร้อมกับตั้งรับในทันที

" วื๊ดด." เสียงหมัดเฉียดใบหน้าเขาไปเพียงนิดเดียว สายตายังใช้ได้ดีอยู่(ชายหนุ่มนึกในใจ) และก็ให้บทเรียนกับน้องๆที่น่ารักเข้าให้แล้ว

" ตั๊บ " เสียงกำปั้นอันหนักหน่วงกระทบเข้าที่ใบหน้าของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง มันทำให้ร่างนั้นต้องผงะหงายลงไปนอนดิ้นอยู่ตรงนั้นได้เลย

" ตั๊บ..ตั๊บ.." เสียงลำแข้งเข้ากระทบเข้าที่ต้นขาจนเกิดเสียงดัง มันทำให้ใบหน้าของวิศรุจเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย เขาโดนเข้าอีกฝั่งโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั่นเอง ตอนนี้ปฐมพงษ์และดุ่ยแดนผาขาวดูเหมือนจะยืนแลกและก็กำลังให้บทเรียนกับกลุ่มวัยรุ่นจอมอหังการเหล่านี้ลงไปนอนดิ้นได้เช่นเดียวกัน

" วื๊ดด..ตั๊บบบ. " เสียงความต่างที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกันเมื่อหมัดของวัยรุ่นเลือดร้อนพลาดเป้าแล้วก็โดนหมัดสวนของวิศรุจจนต้องเซถลาไปติดกับโต๊ะ ผลงานช่างยอดเยี่ยมนักเมื่อสามารถเรียกเลือดให้ไหลออกจากปากได้ในฉับพลัน ..เมื่อมองเห็นเลือดเท่านั้นเองความบ้าระห่ำก็เกิดขึ้นกับวัยรุ่นเลือดร้อนคนนี้ในทันที

" กูเอามึงตายแน่..ไอ้เชี่ยย. " เสียงตะโกนออกมาพร้อมกับคว้าขวดเบียร์ที่ตั้งอยุ่บนโต๊ะพุ่งทะยานเข้าหาวิศรุจโดยที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว

" ฮ๊ะ..เฮ๊ยย..อ้ายรุจระวัง.." ดุ่ย แดนผาขาวร้องบอก เมื่อมองเห็นขวดในมือของวัยรุ่นเลือดร้อนฟาดเข้ายังร่างของชายหนุ่ม

" ปั๊วะ..กรี๊ดดด..กรี๊ดดด.. " เสียงขวดเบียร์กระทบเข้ากับท่อนแขนจนแตกกระจายพร้อมกับเสียงกรีดร้องของบรรดาสาวๆที่อยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มต้องสะบัดแขนเร่าไล่ความเหน็บชาแต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้ใบหน้าเหยเกได้ ความเร็วของสายตาและปฏิกิริยาของวิศรุจดูจะยังใช้การได้ดีอยู่ ถ้าขืนช้ากว่านี้มีหวังบริเวณใบหน้าและส่วนหัวของเขาคงจะรับไปเต็มๆแน่นอน และแล้วการตอบสนองเอาคืนดูจะยอดเยี่ยมเสียด้วยสิ

“ พลั๊วะ!!..ตั๊บบ.. “ เสียงรองเท้าคู่งามปะทะเข้ากับยอดอกของวัยรุ่นเลือดร้อนตามด้วยสันหมัดที่เข้าปะทะปากครึ่งจมูกครึ่งแบบจังๆ ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มจอมเฮี๊ยว.ลงไปนอนกองกับพื้นแบบหมดสภาพส่งเสียงร้องครวญครางโอดโอย งานนี้คงไม่มีการซ้ำอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นแค่การสั่งสอนให้รู้จักความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นเอง..

“ โทษหลายๆอ้าย..ผมออกมาซ้าไปหน่อยนึง..ยากนำสั่งงานข้างในอยู่..อ้ายเป็นได๋เจ็บแฮงอยู่เบาะ “ ตั้ม เมืองศรี เด็กหนุ่มมือขวาของเสี่ยณรงค์ฤทธิ์เอ่ยถามกระหืดกระหอบเพราะพึ่งวิ่งออกมาจากส่วนของห้องครัวหลังจากที่พนักงานเข้าไปรายงานให้ทราบถึงเหตุการณ์

“ บ่เป็นหยั๋งดอกน้อง..บอกเด็กน้อยมาเคลียร์สถานที่หม่องหนี่แนหล่ะ..เคลียร์กับซุมหมู่แขกเพินนำ..เด็กน้อยซุมนี้ให่มันออกไปซ๊ะ..มันบ่สมควรที่สิอยู่ในสถานที่แบบซี้ “ ชายหนุ่มบอกพร้อมกับกราดสายตามองเหล่าวัยรุ่นสี่ถึงห้าคนที่นอนกองอยู่กับพื้นแบบหมดสภาพ เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเพราะฤทธิ์ของหมัดและเท้าที่กลุ่มของพวกเขายัดเยียดให้

“ กระดูกมันคนละเบอร์ไอ้น้อง..ลุกขึ้นแล้วไสหัวออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย..พวกมึงจะลุกออกไปเองหรือจะให้กูจับโยนออกไป..” ปฐมพงษ์ร้องสั่ง.อารมณ์เดือดดาลยังพลุ่งพล่านอยู่ภายใน

กลุ่มของเด็กวัยรุ่นจำต้องรีบพยุงตัวเองออกไปอย่างทุลักทุเล วิศรุจและปฐมพงษ์เดินตามหลังกลุ่มของเด็กวัยรุ่นออกมายังข้างนอก เสียงคุยกันของพวกเขา ชายหนุ่มพอจะจับสำเนียงได้ว่าในกลุ่มนี้มีเด็กจากถิ่นที่ราบสูงอยู่สองคน ชายหนุ่มจึงเรียกให้หยุดก่อนพร้อมกับเอ่ยถามเป็นสำเนียงของตัวเอง

“ เฮ๊ย..พวกโตสองคนมาแต่ไสว๊ะ..เบิ่งหน้าแล้วอายุบ่น่าสิฮอด18..บ่ฮู้เบาะว่าสถานที่แบบนี้เขาห้ามเข้า “ ชายหนุ่มถามสายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของหนุ่มหน้าตาละอ่อนคนหนึ่ง สำเนียงจากถิ่นเดียวกันมันสร้างรอยยิ้มให้กับหนุ่มน้อยทันทีถึงแม้ว่าพึ่งจะรับหมัดและเท้าของผู้ชายคนนี้ไปหยกๆแต่กลับทำให้จิตใจตอนนี้รู้สึกเป็นมิตรขึ้นมาทันใด

“ ผมอายุตอนนี้18พอดี..ผมมาเฮ็ดงานอยู่แถวลำสาลีครับอ้าย พอดีหมู่เขาซวนออกมาเที่ยวกะเลยมานำเขาซือๆดอก พึ่งสิมาเป็นเทือที่สอง บ่คิดเลยว่าสิมาพ้อแบบซี้..เจ็บคิงขนาดเลย “ เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบคลำที่ใบหน้าตัวเอง เล่นเอาเขาต้องสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตอนนี้พลังของหมัดมันกำลังแผลงฤทธิ์ออกอาการย้อนหลังเสียแล้ว ส่งผลให้ใบหน้าต้องบวมปูดขึ้นมาในบัดดล

“ นั่นหล่ะ..ทีหลังอ้ายสิบอกอีหยั๋งให่ เฮาเป็นเด็กน้อยกว่า ผู้ใหญ่ผู้ได๋บอกกะตามซางต้องหัดฟังแล้วกะคิดนำ บ่แม่นสิพากันแสดงนิสัยแบบซี้ออกมา เขาหวังดีเขาเห็นผิดตานั่นหล่ะเขาค่อยบอกค่อยเตือน เอ้อ..โตเป็นคนทางได๋ว๊ะ “ ชายหนุ่มถาม

“ ผมอยู่มัญจาคีรี ทางขอนแก่นครับอ้าย แล้วอ้ายเด๋ “ เด็กหนุ่มบอกและถามกลับใบหน้าฝืนยิ้มเล็กน้อยเนื่องจากรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองตอนนี้มันใหญ่ขึ้นแบบกะทันหัน

“ เอิ้นอ้ายรุจกะได้น้อง บ้านอ้ายอยู่ทางบุรีรัมย์พุ้นหล่ะ นี่หมู่อ้ายซือว่าแก่น เป็นคนศรีบุญเรือง ขอนแก่นคือกันกับโตนั่นหล่ะ “ ชายหนุ่มบอกยิ้มๆจ้องมองดูเด็กหนุ่มพลางนึกในใจว่า เด็กคนนี้เวลาได้คุยก็ดูเหมือนจะมีความเคารพอยู่ในที เหมือนกับว่าเคยผ่านการอบรมบ่มนิสัยมาบ้าง เมื่อสักครู่นี้คงเป็นเพราะความคึกคะนองตามเพื่อนๆเท่านั้นเองและดูเหมือนว่าเด็กที่มาด้วยกันจะเป็นเด็กในถิ่นแถบนี้เสียด้วยสิ " นี่หล่ะนะที่เขาว่าการคบมิตรที่ไม่ดีจะทำให้เราต้องพลอยไม่ดีไปเสียด้วย " ชายหนุ่มนึกและรีบสลัดความคิดทิ้งเสีย จะไปบอกกล่าวมากมายก็ดูกระไรอยู่ เพราะตัวเขาเองเมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มคนนี้อกุศลกรรมการกระทำมันยังห่างกันลิบลับหลายเท่าตัว

“ ครับอ้าย..ผมซือจักรเด้อครับ..จั่งได๋ผมกะขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกะขอโทษแทนหมู่นำแนเด้ออ้าย “ เด็กหนุ่มดูเหมือนจะเริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ดูเหมือนจะเบาบางลงไปด้วย

“ บ่เป็นหยั๋งดอกน้องหล่า ไป๋..พากันกลับได้แล้ว “ วิศรุจบอกพร้อมกับเดินหันหลังกลับจะเข้าข้างใน

“ เดี๋ยวอ้ายรุจ..อย่าพึ่งไปครับ ผมขอเบอร์โทรอ้ายได้บ่ครับ..ผมฮู้สึกว่าผมถืกโฉลกกับอ้ายแฮง..ผมอยากพ้ออ้ายอีก “ เด็กหนุ่มร้องเรียกและบอกจุดประสงค์มันทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาอีกครังพร้อมกับเอ่ยบอกเพื่อนรักเบาๆ

“ แก่น..เอาเบอร์โทรโตให้น้องมันแน “








สายฝนยามเดือนหกโปรยปรายอาบพื้นพสุธาเป็นระยะเวลาสามวันติดต่อกันจนน้ำเจิ่งนอง ยังความชุ่มชื้นความอิ่มเอมให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่โดยรอบเป็นภาพที่ชวนให้น่ามองน่าพิศมัยยิ่งนัก เปรียบดังเช่นสายน้ำตาแห่งความปลื้มปีติยินดีของดรุณีนางผู้ที่ตื้นตันกับความรักอันสมหวังที่ชายหนุ่มมอบให้แบบหมดตัวและหัวใจจนยากที่เธอจะควบคุมความยินดีไว้ได้..จำต้องปลดปล่อยออกมาในรูปแบบสายน้ำแห่งความอิ่มเอมชื่นมื่นปรีดา…เสียงสกุณาวิหคตัวน้อยเปล่งเสียงร้องให้ได้ยินเป็นระยะๆพร้อมกับกระโดดบินถลาไปยังกิ่งไม้ที่อยู่ถัดไปกิ่งแล้วกิ่งเล่า มองดูแล้วเหมือนกับนักกายกรรมเหรียญทองโอลิมปิคชื่อดังของเมืองจีนกำลังแสดงโชว์ลวดลายความสามารถ อวดสายตาต่อคณะกรรมการที่กำลังนั่งเพ่งพิศคอยจับผิดหาข้อบกพร่องอยู่แบบไม่คลาดสายตา









“ สิกขังปัจจักขามิ..คิหีติมัง ธาเรถะ “


เสียงดังแว่วมาจากกุฏิหลังใหญ่ของวัดอุดมคีรีเขต ตอนนี้ปรากฏภาพของหนุ่มวัยรุ่นหัวเกรียนกำลังก้มลงกราบหลวงพ่อพระครูฯผู้มีอภิญญาแบบนอบน้อม การได้สัมผัสกับรสของพระธรรมตลอดระยะเวลาสี่ปีมันช่วยสร้างความอ่อนโยน ความรู้สึกนึกคิดอันดีภายในจิตได้อย่างดีเยี่ยม และสิ่งเหล่านี้หนุ่มน้อยคนนี้ก็พร้อมจะรักษาให้อยู่กับตัวเองให้ตราบนานเท่านานและก็สัญญากับตัวเองว่าจะนำสิ่งดีๆที่ได้รับมาไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่นให้มากที่สุด


“ ต่อไปนี่กะถือว่าเป็นคฤหัสถ์สมบูรณ์แบบแล้วเด้อ..กะพยายามนำสิ่งดีๆที่ได้รับและได้สัมผัสจากจุดนี้ไปใช้ในชีวิตเจ้าของ เว้ามาแล้วกูกะเสียดายคักอยู่ดอก..กำลังสิไปได้ดีกะต้องมาหยุดชะงักลง..ว่าสิส่งไปเรียนต่อวัดสระเกศนำเณรขวัญอยู่..แต่กะเอาเถาะวาสนาคนเฮาแต่ละคนมันบ่ท่อกัน..วิถีชีวิตแต่ละคนมันขึ้นอยู่กับกรรมการกระทำมาในอดีต กรรมเป็นโตลิขิตขึ้นอยู่ว่าผู้ได๋ได้เฮ็ดมาจั่งได๋ ทางนี้มึงคือสิได้แค่นี้กะบ่จักอาจสิมีทางให่ย่างพ้อถ่ามึงอยู่อีกหลายเส้น..แต่กูอยากบอกไว้ว่าจั่งได๋กะขอให้ตั้งมั่นในความดีให่หลายๆมันสิได้ซอยค้ำซอยซูชีวิตมึงให้ดีขึ้นไปในภายภาคหน้าเด้อ “

หลวงพ่อพระครูฯเอ่ยบอกด้วยความเมตตาอยู่ลึกๆภายใน ความรักความเอ็นดูที่ท่านมีต่อลูกศิษย์คนนี้ยังมีอยู่เปี่ยมล้น ไผ่ศธรเคยทำหน้าที่อุปฐากรับใช้ท่านอยู่ถึงสองปีเลยทีเดียว ความฝันของเขาไม่สามารถจะไปถึงยังฝั่งฝันได้ เขาทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ แต่เขาก็แอบสุขใจอยู่ลึกๆกับการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินชีวิตในครั้งนี้ ต่อไปสิ่งที่เขาต้องก้าวย่างต่อไปก็คือการเดินทางไปหาเพื่อนรักที่เฝ้ารออยู่ ณ กรุงไกล และสิ่งที่เขาหวังไว้มากกว่านั้นก็คือ การหารายได้เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่และการดิ้นรนหาโอกาสทางการศึกษาให้กับตัวเองควบคู่ไปด้วย..

( ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม)

รุทธิ์ อีเกียแดง




นิยาย กรรมลิขิต 13


...บทนิยายต่อไปนี้เป็นจิตนาการที่ถูกดึงขึ้นมาเท่านั้น ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เสื่อมเสียไม่ว่าในด้านใด ขออภัยกับคำบางคำที่ไม่เหมาะสมหรือว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นการใช้ชีวิตของสังคมมุมๆหนึ่งเท่านั้น เพื่อโยงไปสู่การกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และการรับผลของการกระทำในสิ่งที่ตัวละครเหล่านั้นกำลังก่อขึ้นมา..

ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

( อีเกียแดง )

กรรมลิขิต

ตอน เส้นทางเดิน









...ณ โรงเรียนมัธยมป่าติ้ววิทยาคาร…


“ เหว๋ย…เหว๋ย… เร็วๆแนสองคนนั่น คาแต่ย่างคุยกันอ้อยอิ่งอยู่หั่นหล่ะ เร็วๆมันสิกลับเข้าโรงเรียนบ่ทัน…” เสียงนักเรียนกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าร้องดังขึ้น บอกให้เพื่อนชายหญิงอีกสองคนที่เดินตามหลังมารีบเดินให้ทันกลุ่มของตน ทำให้ดรุณีร่างเล็กวัย15ต้องหยุดชะงัก ใบหน้าอาบด้วยรอยยิ้มที่เอียงอายเล็กน้อย มองเห็นฟันมีเขี้ยวเล็กๆที่แซมอยู่ผุดประกายขึ้นมา พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันกลุ่มเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า…..









..เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานดังมาจากนักเรียนกลุ่มใหญ่ที่ตอนนี้กำลังดื่มด่ำกับความเย็นสดชื่นของสายน้ำจาก
" ห้วยวังหิน " สายน้ำที่อยู่ห่างออกไปจากโรงเรียนไม่ไกลเท่าใดนัก สภาพของห้วยวังหินนั้นเป็นเหมือนเนินหินและมีหาดทรายอยู่เป็นบริเวณที่ใม่กว้างเท่าไรนัก มีโขดหินขนาดใหญ่กระจายกันอยู่ประปรายทั่วบริเวณ ต้นไม้ป่าสีเขียวปิดล้อมไว้ทุกๆด้านซึ่งถือว่าเป็นที่ปิดบังสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดีทีเดียว อีกฟากฝั่งนึงของห้วยวังหินนั้น มีร่องธารน้ำขนาดเล็กกว้างสักสองถึงสามเมตรมีน้ำไหลเลาะออกมาจากแนวป่า สายน้ำใสที่มีความเย็นเป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ผู้มาเยือนต้องลุ่มหลงจนต้องกลับมาสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า

เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวดูจะเป็นสาเหตุหลักให้คนเราต้องหาทางออกให้กับตัวเองบ้าง ยิ่งเป็นแถบทางภาคอีสานในเขตทุ่งกุลาร้องไห้แล้วด้วย คงไม่ต้องเอ่ยถึง อณูแห่งความเร่าร้อนมันแผดเผาไหม้ลามเลียต้นไม้ใบหญ้าให้แห้งกรอบและไหม้เกรียม ขึ้นชื่อว่าความเร่าร้อนคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาเท่าใดนัก เปรียบได้ดั่งจิตใจของคนเราที่ร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลา ย่อมเป็นบ่อเกิดให้เกิดความแห้งและหมองคล้ำ เมื่อจิตร้อนรุ่มอยู่ตลอดย่อมมีผลส่งมากระทบโดยตรงกับใบหน้าและร่างกายเป็นแน่นอน ซึ่งมันทำให้ขาดความสดใสและสดชื่นไร้ซึ่งความสุข และกลายเป็นคนหมดสง่าราศีไปในที่สุด

“ เร็วๆแนเด้อ!!! ฟ้าวเหล่นฟ้าวแล้วเดี๋ยวมันสิกลับไปบ่ทันเวลา แล้วอย่าพากันเว้าเสียงดังหลายสู “ ศิริกัญญานุชสาวน้อยวัย15นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ร้องบอกเพื่อนๆที่ตอนนี้กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่ากลุ่มพวกเขาจะเตรียมการมาอย่างดีกับชุดที่ผลัดเปลี่ยนลงเล่นน้ำ แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เป็นการหนีออกมาเล่นน้ำเป็นครั้งแรกแน่นอน

วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมเปลี่ยนไปตามเวลา สิ่งสำคัญของชีวิตนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการเลือกของเราเอง เลือกที่ตัดสินใจในการเลือกเส้นทางของชีวิต มีหลากหลายชีวิตที่ตัดสินใจเลือกในแบบฉบับของตัวเองโดยคิดว่าสิ่งที่ตัวเราเลือกลงไปนั้นดีและถูกต้องที่สุด แต่ไม่ใช่ เมื่อสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่เป็นตามที่เราตั้งใจและเลือกไว้เลยและสิ่งที่ทุกคนต้องเอ่ยถึงและคาดโทษเมื่อเราไม่สมหวังในสิ่งที่ปรารถนานั่นก็คือ เป็นเพราะกรรมนั่นเอง “ กรรมลิขิต “ กรรมนั้นคือตัวกำหนดในสิ่งที่เรากระทำและส่งผลมาถึงตัวเราเองอย่างแน่นอน สิ่งที่เราได้รับในปัจจุบันย่อมเป็นผลกรรมตั้งแต่ในอดีตชาติไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรมก็ตามที และย่อมส่งผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ต่อเมื่อมันถึงเวลาอันควร การเลือกกระทำในสิ่งที่ดีมีอุดมมงคลนั้นย่อมส่งผลให้ชีวิตต้องพานพบเจอแต่สิ่งที่เป็นมงคลของชีวิตแน่นอน

เส้นทางของ ศิริกัญญานุช สาวน้อยเลือดนักสู้จากจังหวัดยโสธรคนนี้ ดูกำลังจะเป็นไปได้สวย เธอกำลังเดินสู่เส้นทางที่ดีในสิ่งที่เธอเองได้ตัดสินใจเลือกโดยมีครอบครัวเป็นผู้ส่งเสริมผลักดันให้เธอก้าวย่างด้วยความมั่นคง ความสามารถที่เรียกว่าพรสวรรค์นั้นมันมีอยู่ในตัวของสาวน้อยผู้นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วและพรแสวงที่เธอพยายามค้นหาและฝึกปรือมาตลอดนั้นมันคือกำไรที่เธอได้รับแบบสมบูรณ์จนยากที่เพื่อนๆในวัยเดียวกันจะพึงมีได้เฉกเช่นเธอ ..ความมั่นใจ กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก และกล้าที่จะตัดสินใจเลือกมันทำให้เป็นจุดเด่นให้เธอถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการแข่งขันการพูดและการแสดงวิสัยทัศน์ความสามารถในเวทีใหญ่ในตัวจังหวัด และเธอก็ไม่ทำให้ใครๆผิดหวังเมื่อเธอคว้ารางวัลในหลายๆรายการมาสู่โรงรียนมัธยมป่าติ้ววิทยคาร ซึ่งมันสร้างความภาคภูมิใจให้กับทางสถาบันและตัวเธอเองเป็นอย่างยิ่ง และเธอเองก็หวังว่าเธอจะใช้จุดเด่นที่ตัวเองมีอยู่นี้เป็นบันไดเพื่อปีนป่ายขึ้นไปเรียนรู้ในสังคมโลกกว้าง จะต้องต่อสู้ยืนหยัดจนประสบความสำเร็จในชีวิตให้จงได้ และพร้อมที่จะนำความรู้ที่มีอยู่นำกลับไปพัฒนาถิ่นกำเนิดที่เธอจากมา เพราะนั่นมันคือ “ ไอดินถิ่นรัก “ ที่เธอตั้งมั่นเอาไว้ในใจเสมอมา..







บนโลกกลมๆที่ปนไปด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิงนั้น มีทางเดินอยู่มากมากให้เราเลือกตัดสินใจในการก้าวเดิน จงเลือกตัดสินใจกับเส้นทางเดินที่ดีที่สุด ชีวิตมีทางเลือกเสมอ ไม่มีใครห้ามหากเราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต และขอให้เราภูมิใจในสิ่งที่เราได้เลือกขอให้เต็มที่กับมัน ความสุขและความสำเร็จของชีวิตไม่ได้อยู่ที่ความร่ำรวยแต่ผู้เขียนกลับมองว่ามันอยู่ที่ความสงบและเพียงพอ จงเปิดรับในสิ่งที่ดีและใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด จงทำให้ตัวเองมีความสุขในทุกๆขั้นตอนของชีวิต เวลายังคงเดินหน้าต่อไปไม่เคยหยุดนิ่ง สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในอดีต สิ่งไหนที่ดีควรเก็บเอาไว้ในความทรงจำและก็พร้อมที่จะลบสิ่งที่ไม่ดีทิ้งไปเสีย เก็บและรวบรวมประมวลข้อผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์แก้ไขตัวเองเสียดีกว่า..


กรุงเทพมหานคร เขต..รามอินทรา เวลา ..20.45 นาที










BMW สีดำขับเลี้ยวเข้าไปตามซอยแคบๆที่รถสองคันพอวิ่งสวนกันได้เท่านั้น ถัดไปไม่ถึงห้านาทีเจ้าบีเอ็มคันหรูก็ชะลอความเร็วลง “ หมู่บ้านเทพอินทรา “ ป้ายขนาดใหญ่ที่ถูกติดไว้ก่อนทางเข้าโครงการของหมู่บ้านมองเห็นได้ชัดเจน

“ หวัดดีครับหัวหน้า..บ่เห็นหน้าเกือบอาทิตย์นึงเนาะครับ “ เสียงชายวัยจะ40 รูปร่างผอมสูงซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ประจำป้อมยามหรูหน้าทางเข้าหมู่บ้านเอ่ยทักพร้อมกับก้มหัวเป็นการแสดงการให้เกียรติเล็กน้อย

“ ครับน้าสิทธิ์..ช่วงนี้งานหลายแนเลยบ่ค่อยได้แวะมาปานได๋..จั่งได๋ซ่อยเป็นหูเป็นตาให่นำแนหล่ะครับ..มีผู้ได๋มาเกาะแกะกับเด็กผมบ่ “ เสียงษุรุษหนุ่มภายในรถเก๋งคันหรูบอกเหมือนจะสนิทกับชายวัยกลางคนได้เป็นอย่างดี

“ บ่มีปัญหาครับ..ผมสิเป็นหูเป็นตาให่อย่างดี..ว่าแต่คุณแอนคือจั่งหลับมาแบบซั้นหล่ะครับหัวหน้า “ ชายวัยกลางคนเอ่ยถามเมื่อสายตามองผ่านเข้าไปในรถเห็นร่างของสาวสวยนอนคอพับอยู่เบาะข้างๆเขา

“ หึหึ.เมาหน่ะครับ.อัดเข้าไปหลายแก้วโพ้ด “ ชายหนุ่มตอบยิ้มๆสายตาชำเลืองดูร่างสวยที่ได้สัดส่วนนอนหลับใหลแบบไม่รู้สติ

“ เชิญครับเชิญ..เดี๋ยวจั่งได๋ผมสิเบิ่งให่ดอกครับ..คันไผ๋มาเกาะแกะคุณแอนผมสิฟ้าวรายงานหัวหน้าทันทีเลย “

“ ครับน้าสิทธิ์..เอาแนวแก้ง่วงไปเม็ดนึง “ ชายหนุ่มยื่นบางสิ่งให้กับชายวัยกลางคน ซึ่งมันทำให้ผู้ทำหน้าที่ดูแลทางเข้าของหมู่บ้านเปิดยิ้มออกมาพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่ม..ไม่น่าเชื่อว่าอำนาจแห่งเงินตราและสิ่งอันยั่วยุที่ก่อกิเลสมันทำให้คนที่มีวัยวุฒิสูงกว่ายอมกระทำในสิ่งที่ไม่บังควรยิ่งนัก ชายหนุ่มขับรถเขามาจอดในบ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างจากป้อมยามทางเข้าไม่ถึงสามร้อยเมตร บ้านหลังนี้เขาเป็นคนซื้อให้กับกนกกร หรือแอน สาวสวยจากจังหวัดระยอง เธอคือเพื่อนของเดือนนภานั่นเอง วิศรุจมีโอกาสเจอเธอหลายครั้งเมื่อตอนที่เธอไปหาเดือนนภาที่ห้อง ด้วยคารมและอำนาจของเงินตราที่วิศรุจแอบหยิบยื่นให้เธอหรือแม้แต่บ้านหลังงามแห่งนี้ มันทำให้กนกกรสาวสวยผู้นี้ยอมตกลงและยอมเป็นของเขาแบบไม่มีข้อบิดพลิ้ว กนกกรยอมทรยศหักหลังกับเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าสนิทที่สุดซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับวิศรุจในตอนนี้ที่ยอมแอบนอกใจเดือนนภาเช่นกัน

“ แอน..แอน..ตื่นได้แล้วคนดี..ถึงบ้านแล้วครับ “ ชายหนุ่มเรียกเธอให้ตื่นจากความหลับใหลพร้อมกับจับหัวไหล่ของเธอเขย่าเบาๆ สาวสวยเปิดเปลือกตาขึ้นมองมองกับยิ้มตาปรือจนทำให้ชายหนุ่มแอบนึกขำไม่ได้

“ ถึงบ้านแล้วเหรอพี่รุจ..น้องแอนง่วงจังเลยย..ขอนอนต่ออีกได้ไหมอ่ะ..น๊า..” เธอพูดเสียงอ่อยและปิดเปลือกตาลงอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้ม ความสวยของเธอมันไม่ได้เป็นรองเดือนนภาเอาเสียเลย กรกนกทำให้เขาต้องหลงหัวปักหัวปำเลยทีเดียว วิศรุจก้มลงบรรจงหอมที่แก้มด้านขวาของเธอ กลิ่นหอมจากผิวกายเธอดูจะเป็นเชื้อปลุกเร้าอารมณ์ของกิเลสตัณหาราคะของเขาได้เป็นอย่างดี เล่นเอาไฟในตัวถึงกับเดือดปุดๆใบหน้าร้อนผ่าวออกมาเลยทีเดียว เกือบอาทิตย์นึงแล้วที่เขาไม่ได้แวะมาหาเธอ เนื่องจากเดือนนภาคอยติดแจอยู่ข้างกายนั่นเอง วันนี้เป็นโอกาสเหมาะเพราะเดือนนภาเดินทางกลับอุบลฯ เขาจึงมีโอกาสได้มาหาเธอและพรุ่งนี้อีกทั้งวันที่เขาก็มีโอกาสได้อยู่กับเธอตลอดทั้งวัน

“ ขึ้นไปนอนที่เตียงนุ่มๆดีกว่าแม่คุณ…เดินไหวไหม.. “ ชายหนุ่มกระซิบแนบที่ข้างหูเธอแผ่วเบา

“ น้องแอนเดินม่ายยหวายย..เอิ๊กก. พี่รุจช่วยยย..น้องแอนที “ @@@@@

“ ได้สิแม่คุณ..ยังไงพี่ก็ต้องช่วยแอนอยู่แล้วหล่ะ..” ชายหนุ่มบอกเสียงพร่าสั่นเล็กน้อยสายตาจ้องมองรูปร่างที่ได้สัดส่วนจนทำให้หัวใจหวิวๆอยู่ข้างใน กางเกงยีนส์ที่กระชับรัดรูปและเสื้อยืดที่รัดตึงแน่นมันทำให้ชายหนุ่มต้องคอแห้งผากเอาแบบดื้อๆ กนกกรช่างทำให้เขาตื่นเต้นได้ทุกเมื่อ เธอไม่เคยด้อยกว่าเดือนนภาเอาเสียเลย ชายหนุ่มยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับผลักประตูรถออกเดินอ้อมไปยังฝั่งเธอพร้อมกับใช้มือและท่อนแขนที่แข็งแรงอุ้มเอาร่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เข้าไปยังบ้านหลังงามซึ่งมันคือแดนสวรรค์ของเขาและเธอในค่ำคืนนี้..



เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากเครื่องของกนกกรที่วางไว้บนหัวเตียงนอน มันทำให้ชายหนุ่มต้องเปิดเปลือกตาพร้อมกับใช้มือควานหากับเจ้าของเสียง ส่วนเจ้าของโทรศัพท์ดูเหมือนว่าเธอยังนอนหันหลังหลับปุ๋ยอย่างมีความสุขโดยหนุนที่ต้นแขนด้านซ้ายของเขาอยู่ ผ้าห่มถูกดึงปกปิดในส่วนด้านล่างของเธอไว้ ทำให้ตอนนี้มองเห็นแผ่นหลังที่ขาวเนียนสวยของวัยสาว ชายหนุ่มต้องขยับแขนนิดหน่อยเพื่อคลายการกดทับของน้ำหนักจากส่วนหัวของเธอ นี่เธอคงจะหนุนต้นแขนเขามานานพอดูเพราะเล่นเอาอวัยวะส่วนนี้ของเขาถึงกับเป็นเหน็บชาเลยทีเดียว







" แอน..แอน..เสียงโทรศัพท์ดังหน่ะแม่คุณ..พี่เอื้อมไม่ถึงอ่ะ " ชายหนุ่มจำต้องปลุกเธอ เพราะมองดูแล้วเห็นว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นวางอยู่สุดหัวเตียงด้านฝั่งที่เธอนอน กนกกรเป็นฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นมาบ้าง พร้อมกับหันมามองหน้าของชายหนุ่มแบบเอื้อนออด..ความง่วงและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ของเมื่อคืนมันทำให้ใบหน้าของเธอดูเหมือนจะออกแนวยุ่งๆจนชายหนุ่มต้องเผลอยิ้มออกมา

" พี่รุจรับให้น้องแอนเลย..น้องแอนปวดหัวจาแย่อยู่แล้วอ่ะ.. " เธอบอกเสียงยุ่งพร้อมกับทำหน้าให้ยุ่งเข้าไปอีก ทำให้ชายหนุ่มต้องนึกขำและใช้มือจับเย้าที่หัวของเธอเล่นเบาๆ เขาขยับท่อนแขนซ้ายนิดหน่อยเพื่อการเอื้อมตัวให้ไปถึงยังสุดหัวเตียง ชายหนุ่มนึกแปลกใจอีกครั้งเมื่อมองเห็นรายชื่อที่ขึ้นมาโชว์อยู่หน้าจอ เพราะดูเหมือนว่าจะคุ้นตาเขาเหลือเกิน

" อื้อ..ว่าได๋แก่นคือได้โทรเข้ามาเครื่องของแอน "

" อ้าวแม่นติ..สงสัยแบตเหมิดมั้ง..มื้อคืนกะลืมชาร์ตแม๊ะ.มีเรื่องหยั๋งด่วนบ่หนิ "

" อืม..ได้ๆ.เดี๋ยวโตกะมาถ่าเฮาอยู่คอนโดนั้นหล่ะจั๊กสองทุ่มค่อยไปกะได้ดอก..จั่งได๋เฮาสิโทรเข้าไปหาเสี่ยเพินเองดอกเว๊ยย."

" ได้แก่นได้..บ่มีปัญหา2ทุ่มพ้อกัน "

ชายหนุ่มกดวางพร้อมกับล้มตัวกลับลงมานอนยังจุดเดิมอีกครั้ง อีกไม่กี่วันข้างหน้าคงมีงานใหญ่ให้เขาได้สัมผัสอีกเป็นแน่ " เฮ้ออ " ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาแบบแผ่วเบาพลางฉุกคิดว่านี่มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วหนอที่เขาต้องกระทำและเดินอยู่บนเส้นทางแห่งตราบาปนี้ และต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรกันเขาถึงจะสามารถเดินออกจากเส้นทางของนักฆ่าซึ่งเป็นถนนของอกุศลกรรมหนักที่ไม่มีใครปรารถนา หลายชีวิตต้องมาจบสิ้นด้วยน้ำมือของเขากับการแลกด้วยสิ่งบรรณาการที่ใครๆต่างก็หวังปรารถนา " นั่นก็คือเงิน " อำนาจของเงินตรามันช่างมีอานุภาพมากมายมหาศาลเหลือเกินเพราะมันสามารถแลกได้แม้กระทั่งกับชีวิตของมนุษย์ผู้ยึดติดกับบ่วงกิเลศได้อย่างง่ายดายแบบไม่มีข้อยกเว้นเอาเสียเลย

วิศรุจรู้ตัวเองดีว่าสิ่งที่เขากำลังเดินอยู่นี้มันจะเป็นไปในรูปแบบไหน แต่การได้ก้าวถลำลึกเข้ามาแล้วนั้นมักยากนักที่จะถอนตัว สิ่งที่เขาต้องทำได้ในตอนนี้ก็คือยอมรับชะตากรรมกับสิ่งที่เขาเป็นคนเลือกและก็ตักตวงกับผลประโยน์บนเส้นทางสายมืดแห่งนี้ให้มากที่สุด อย่างน้อยเขาก็ยังได้เลี้ยงดูตอบแทนพระคุณผู้บังเกิดเกล้าของเขาด้วยเงินส่วนนี้ โดยที่ผู้บังเกิดเกล้าเขานั้นไม่มีวันล่วงรู้ได้เลยว่าลูกชายคนเก่งคนนี้หาเงินมาด้วยวิธีไหนและหารู้ไม่ว่าลูกชายของเขาตอนนี้กำลังเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งอกุศลกรรมหนักที่นับวันจะจมดิ่งลงสู่ห้วงเหวลึก

" มีเรื่องอะไรเหรอพี่รุจ..เสี่ยเค้าโทรตามอีกแล้วเหรอ ..ไม่เอาสิค๊ะคนเก่งของน้องแอน..ไม่คิดมากน๊า..ยังไงน้องแอนก็อยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้พี่รุจอยู่เสมอนะค๊ะ." กนกกรเอ่ยถามชายหนุ่มและให้กำลังใจหลังจากจับความรู้สึกของเขาได้หลังจากที่ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ เธอเป็นฝ่ายใช้มือมาขยี้เล่นที่ผมของเขาเพื่อให้ผ่อนคลายลงบ้าง หลังจากที่ดูใบหน้าของเขาแล้วเหมือนมีความกังวลภายในใจ วิศรุจเป็นชายหนุ่มที่เก่ง เข้มแข็งและแกร่งในสายตาของเธอ เขาเป็นคนที่มี2บุคคลิก ความแกร่งและอ่อนไหวดูจะมีให้เห็นกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอ และเธอก็ยอมรับในความสามารถของเขา ผู้ชายคนนี้มีอะไรให้เธอต้องทึ่งและแปลกใจอยู่หลายๆอย่างและเธอก็ยอมรับแล้วว่าเธอรักและพร้อมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาผู้นี้แม้จะต้องยอมกระทำผิดกับเดือนนภาเพื่อนรักของเธอก็ตามที ..

" ใช่จ๊ะแอน..เสี่ยเขาโทรตามพี่ไปพบคืนนี้หน่ะ..คงจะมีงานให้ทำอีกหล่ะมั้ง..ก็ดีแล้วแหล่ะแอน..ถ้าไม่มีงานแล้วพี่จะเอาเงินที่ไหนมาให้แอนของพี่ใช้หล่ะ!! ว่าไงแม่คุณทูนหัว.. ฮึ๊..มานี่เลยแม่คุณน่าหมั่นเขี้ยวนักนะเราอ่ะ " ชายหนุ่มบอกยิ้มๆตามีประกายเมื่อสัมผัสกับรูปร่างส่วนบนที่เปลือยเปล่าอันได้สัดส่วนของเธอ ชายหนุ่มใช้แขนกอดรัดโอบตัวเธอให้เข้ามาหาพร้อมกับประทับรอยฝีปากลงบนปากที่สวยได้รูปของกนกกรแบบนุ่มนวล โดยที่กนกกรเป็นฝ่ายเผยอริมฝีปากรอรับอย่างรู้หน้าที่ของเธอเป็นอย่างดี บทเพลงรักแห่งไฟพิศวาสดูจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกับหนุ่มสาวคู่นี้ ..อ่า..นี่คือมนุษย์ผู้ที่ไม่ยอมปล่อยละวางแห่งกามกิเลสตัณหา

-----------------------------------------------------------------

สภาพการจราจรใขเขตกรุงเทพฯดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตกเสียจริงๆ ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนรัฐบาลผู้บริหารหน่วยงานไหนแล้วก็ตามที ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรถมากเป็นอันดับต้นๆ ทั้งที่บางคนรถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเขาเลยแต่เขาก็ยังดิ้นรนแสวงหาเข้ามาครอบครองให้ได้ กระแสสังคมและการแข่งขันเป็นการสร้างแรงกิเลสของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว และหนักไปยิ่งกว่านั้นก็คือบางรายมีรถไว้ในครอบครองมากกว่าสองคันขึ้นไปทั้งที่มันไม่จำเป็น ฉะนั้นปัญหาการจราจรก็ต้องมีตามมาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนับวันดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องนี้ยังแก้ไม่ตกกันอยู่ดี อาจเป็นเพราะว่าการแก้ไม่ตรงจุดหรือไม่เต็มใจที่จะแก้หรือเป็นเพราะว่ามันเป็นปัญหาที่ใหญ่และถูกทับถมมาเป็นเวลาช้านาน จนยากเกินความสามารถที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงกับเรื่องพวกนี้จะคลี่คลายหาทางออกได้ ประชาชนผู้สัณจรใช้เส้นทางก็เลยต้องทำใจและยอมรับกับสภาพปัญหาเหล่านี้อยู่นัยๆ


ดารุณีข้าวแกง เขตบางกะปิ








" พี่หน่อย..ผมว่าคืนนี้เฮาลองเข้าไปเหล่นแถวๆคลองตันดีบ่ครับ..ผมกะเริ่มสิหงุดหงิดแนแล้วหล่ะ..จนว่าปานนี้ยังบ่ไปเถิงไสอยู่..ผู้กำกับเพินกะแฮ่งเร่งมาอีก " ลุ่มดอนไข่ ตำรวจหนุ่มไฟแรงจากบึงกาฬเอ่ยขอความเห็นจากคู่หูแสนสวยมาดเท่ห์พร้อมกับใช้ช้อนตักข้าวขึ้นหม่ำไปด้วย อากาศภายนอกร้านร้อนระอุกับเปลวแดดที่แผดเผา รถที่วิ่งกันขวักไขว่ดูจะเพิ่มสภาวะความร้อนให้กับโลกได้มากขึ้นอีกแรงนึง

" พี่ว่ากะดีคือกันหล่ะ..แต่กะแปลกใจคือกันว่าเวลาที่เฮาเข้าไปตรวจค้นคือบ่พ้อหยั๋ง.ทั้งที่สายกะรายงานมาว่าหม่องนี้เป็นหม่องจัดเก็บของบางส่วนไว้..บางเทือพี่เองกะยังแปลกใจอยู่ว่าเขาไหวโตย้อนมีทางเฮาบอกเขาหรือจั่งได๋..แต่จั่งได๋ลองเข้าไปแหย่หนวดเสื้อเหล่นอีกจั๊กรอบกะได้..โบราณเขาว่าไว้บ่เข้าถ้ำเสือสิบ่ได้ลูกเสือเด๊ะ.. " ตำรวจสาวสวยบอกคู่หูของเขาพร้อมกับยักคิ้วข้างขวาขึ้นเป็นเชิงกวนๆตามแบบฉบับของสาวมาดเท่ห์ จนทำให้นายตำรวจหนุ่มนึกที่จะขำไม่ได้

" เเสดงว่าพี่หน่อยหนิเป็นคนโบราณเด้หนิเนาะ.ค่อยฮู้จักคำเว้าของคนโบราณ .ฮ่าๆๆ " โดนแซวคำนี้เข้าไปทำให้ตำรวจสาวต้องมองค้อนคู่หูของเธอในทันทีทันใด

" อย่าหลุดกะแล้วกัน..เจอยิงคืนแท้ๆหล่ะ " เธอนึกในใจพร้อมกับยิ้มออกมา

" ฮ่าๆๆ..ผมฮู้เด๊ะว่าพี่หน่อยคิดหยั๋งอยู่..ผมหยอกเหล่นซือๆดอกน่า..เออ..ว่าแต่พี่หน่อยบ่ลากลับไปยามบ้านแนบ้อ..ผมเห็นเฮ็ดแต่งานสั่นดอก เป็นห่วงหน่ะอยากให้ผ่อนคลายเจ้าของลงแน จริงจังหลายกะบ่ดีเด้..มาดเข้มหลายแม๊ะเนาะ..จักผู้บ่าวทางได๋เขาสิกล้าเข้ามาจีบ ฮ่าๆๆ " เสียงตำรวจหนุ่มหัวเราะร่าทำให้สาวเจ้าต้องจ้องสายตาขมึงทึงนึกหัวเราะอยู่ในใจ

" กะซางเถาะ..บ่งึด. โบราณเพินว่าไว้คาดสิได้บินมาคือนกเจ่า..เคยได้ยินเบาะ " เธอบอกยิ้มๆ

" บ่ครับ..ผมบ่แม่นคนโบราณ ฮ่าๆๆ " ลุ่มดอนไข่หัวเราะลั่นอีกครั้ง งานนี้ตำรวจสาวสวยพลาดไปถึงสองครั้งสองครานึกจะเขกหัวตัวเองเล่นเบาๆสักสองทีที่ปล่อยให้คู่หูหนุ่มไฟแรงยิงเอาได้สองนัดซ้อนติดๆกัน..