จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 11



...คำนำ....
..บทละครต่อไปนี้ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะชักนำไปในทางที่ไม่สมควรหรือเสื่อมเสีย และไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝง เป็นจินตนาการที่เกิดจากตัวคนเขียนเอง หากสิ่งใดไม่สมควรผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จุดประสงค์ของผู้เขียนต้องการสื่อให้ผู้อ่านเกิดความบันเทิงเท่านั้นครับ

กรรมลิขิต

ตอน เส้นทางแห่งวิบาก 2




เวลา 23.45 น .

เขตอำเภอ ลำลูกกา

" ....เปรี๊ยง.....เปรี๊ยงงง....." เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันสองนัดซ้อน ถัดจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีก็เกิดฝุ่นคลุ้งตลบเมื่อรถเก๋งคันงามยี่ห้อดังจากญี่ปุ่นพุ่งชนกระแทกเข้ากับกลุ่มเสาหลักข้างทางหลวงแบบจังเบอร์เพราะเสียการทรงตัว คล้ายกับว่าไร้การควบคุมจากเจ้าของที่อยู่ภายใน เจ้ารถเก๋งคันงามจอดนิ่งสนิทหลังจากที่ส่วนหน้าเก๋งชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างถนนเหมือนกับว่าเป็นระบบเบรคชั้นเยี่ยมจนกระจังหน้าบุบเข้ามาเกือบจะถึงตัวคนขับ เจ้าของที่อยู่ภายในตอนนี้ไร้ซึ่งลมหายใจตั้งแต่เสียงปืนดังขึ้นไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้


"... แป๊นน...แป่นนน..แปร๊นนน.." แค่เพียงอึดใจเสียงเจ้ามอเตอร์ไซด์คันใหญ่เชื้อสายเดียวกันกับรถเก๋งก็พุ่งทะยานออกไปจากจุดนั้นพร้อมกับร่างของชายในชุดดำ2คนที่สวมหมวกกันน๊อคปิดอำพรางใบหน้า มีรอยยิ้มเหี้ยมเกิดขึ้นเล็กน้อยกับชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง เมื่อมองเห็นว่างานที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จลงได้แบบง่ายดายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา และนี่มันคงสร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขต จังหวัดปทุมธานีในอีกไม่นานต่อจากนี้ไป คงจะเป็นคดีสะเทือนขวัญและถูกกล่าวถึงตามหน้าจอทีวีและหนังสือพิมพ์เป็นแน่แท้









......หนึ่งชั่วโมงต่อมา......

มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอดเคียงข้างรถเก๋งคันหรูในปั๊มน้ำมันย่านรังสิต ชายหนุ่มในชุดดำก้าวลงจากรถพร้อมกับพยักหน้าให้สัญญาณกับคู่หูที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ หลังจากนั้นเจ้า KR 150 CC. ก็พุ่งทะยานออกไปแบบรู้หน้าที่มุ่งตรงเข้าไปยังเขตดอนเมืองต่อไป ใบหน้าที่เฉยชาของชายหนุ่มในชุดดำเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อหมวกกันน๊อคถูกเปิดออก และรอยยิ้มกับเปิดกว้างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองเห็นบุคคลภายในรถเก๋งคันหรูที่ติดเครื่องรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ...

" อ้ายรุจมาซ้าไป15นาที ปล่อยให่เดือนมานั่งถ่าอยู่ตั้งโดน " เสียงผู้ที่อยู่ในรถเก๋งต่อว่าแสดงสีหน้างอหลังจากที่ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปนั่ง

" แหม..เดือนกะดายเนาะ... อ้ายแค่มาซ้าแค่บ่กี่นาทีเองเด๊ะหล่ะ แค่นี้กะเคียดให่อ้ายแล้วติหนิ ฮึ๊..งึดหลายน้อคนเอ๊ยย.. กะมื้อนี้แก่นมันขับซ้าเองเนาะ..อ้ายต้องไถ่โทษแล้วมั้งงานหนิแหม่ะ..อึ๊หึ๊… " ชายหนุ่มอธิบายกับเธอพร้อมกับจูบเข้าไปที่หน้าผากอันกลมมนได้รูป ทำให้ใบหน้าที่บึ้งอยู่เล็กน้อยก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มแทน

" ตลอดหล่ะอ้ายรุจหน่ะ โยนควมผิดให่อ้ายแก่นเพินตลอดเลย บ่เคยยอมรับเจ้าของ " เธอยังมีอารมณ์แสนงอนอยู่บ้างแต่เธอก็เข้าใจเขาดี แม้คำพูดจะออกมาในลักษณะนี้แต่ส่วนลึกภายในของเธอแล้วกลับรักเขามาก และเข้าใจดีว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เขาต้องผ่านกับงานอะไรมา สิ่งที่เธอจะต้องทำในขณะนี้ก็คือพาเขากลับไปยังคอนโดหรูที่ชายหนุ่มคนรักซื้อไว้อยู่ในย่านมีนบุรีและตัวเธอเองคือสิ่งที่สำคัญมากที่ช่วยให้เขาผ่อนคลายได้มากขึ้น

..รถเก๋ง BMW สีดำวิ่งออกจากปั๊มแห่งนั้นในเวลาต่อมา ชายหนุ่มปรับเอนเบาะและข่มเปลือกตาลงเล็กน้อยหลังจากที่ตัวเขาต้องผ่านงานอันตึงเครียดมา เขาปล่อยให้แฟนสาวทำหน้าที่คนขับแทน เธอคือคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด แม้ว่าจะดึกสักแค่ไหนเธอก็ยังทำหน้าที่ของเธอได้แบบไม่ขาดตกบกพร่องแม้ว่าบางครั้งเธอจะเอ่ยปากในเชิงตัดพ้อเขาอยู่เรื่อยๆ แต่มันก็เป็นแค่อารมณ์หงุดหงิดภายนอกเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วเธอกลับรักเขาและพร้อมมอบกายถวายชีวิตให้กับเขาเลยที่เดียว วิศรุจเจอเธอในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเขตรามอินทรา หลังจากที่เขาเข้าไปดูลาดเลากับงานที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความมุ่งมั่นแห่งการเป็นนักรักชั้นเลิศ ชายหนุ่มก็สามารถดึงเธอเข้ามาครอบครองได้ในเวลาที่ไม่นานนัก วิศรุจมอบความรักและปรนเปรอเธอทุกอย่างจนทำให้เธอมอบกายถวายชีวิตให้กับเขาแม้เธอจะรู้ดีว่าเส้นทางที่วิศรุจกำลังเดินอยู่นี้มันเลวร้ายมืดมนขนาดไหน แต่เมื่อความรักความสิเหน่หาเข้าครอบงำแล้ว ทุกๆอย่างก็ดูจะไร้ค่าสำหรับมนุษย์ปุถุชนผู้มีจิตอันต่ำเยี่ยงนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเดือนนภา สาวสวยวัย22จากจังหวัดอุบลราชธานีคนนี้…

วิศรุจ หนุ่มลูกอีสานแห่งเมืองตำน้ำกินดินแดนที่ขึ้นชื่อถึงความแห้งแล้งในอดีตกาล ชีวิตเส้นทางแห่งความยากแค้นแสนเข็ญเป็นจุดกำเนิดให้ผันตัวเองก้าวย่างเข้ามาในเส้นทางที่ดำมืดจนยากเกินที่ตัวเขาจะถอนกลับ ชีวิตของเขาเริ่มต้นเหมือนกับเด็กลูกอีสานทั่วไป ต้องปากกัดตีนถีบดิ้นรนสู้ทำงานเพื่อสร้างตัวเองให้สู่ความมั่นคงแห่งอนาคตของตัวเอง “ ชลบุรี “ คือจังหวัดของการเริ่มต้นที่เขาตัดสินใจเหยียบย่างเพื่อจะก่อร่างสร้างตัวเพราะจังหวัดแห่งนี้เป็นเมืองท่าที่มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่มากมาย ด้วยนิสัยแห่งการรักสนุกชอบท่องเที่ยวแห่งอิสระเสรีทำให้ชีวิตเขาเองต้องผกผันมาสู่เส้นทางแห่งนักฆ่าหรือที่เรียกกันว่า “ มือปืน” ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดชลบุรีดึงเขาเข้ามาอยู่ในสังกัดหลังจากที่เห็นเขาสร้างวีรกรรมในผับแห่งหนึ่งย่านบางแสน ด้วยบุคลิคที่เงียบและเคร่งขรึมภายนอกบวกกับความเลือดเย็นภายในมันทำให้เขาต้องตาต้องใจผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นเป็นอย่างมาก เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่จุดนี้ถึง2ปี ก็ได้รับการติดต่อมาจากทางกรุงเทพฯให้เข้าไปช่วยงาน โดยเขารู้เพียงคร่าวๆในตอนนั้นว่าผู้ที่อยู่ทางกรุงเทพฯเป็นเพื่อนกันกับนายที่อยู่ชลบุรีนั่นเอง วิศรุจดึงตัวเพื่อนสนิทเข้ามาร่วมงานกับเขาอีกคน ปฐมพงษ์ หรือแก่น เด็กหนุ่มจากเมืองแก่นขอน ผู้ที่เข้ามาเป็นคู่หูของเขาและทำหน้าที่เป็นคนขับขี่ที่พร้อมจะพาเขาไปได้ทุกที่ทุกเส้นทางในเขตกรุงเทพและปริมณฑลรวมไปถึงเขตรอบนอก รู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่ชายหนุ่มจะดึงตัวเขาเข้ามารับหน้าที่ในจุดนี้ เพราะถ้าหากไม่แน่จริงพวกเขาก็คงจะจบเห่ลงแบบง่ายๆและต้องเขาไปใช้วิบากแห่งกรรมที่เขาได้กระทำลงไปต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแบบเลือดเย็น…



ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ

ณรงค์ฤทธิ์ เสี่ยหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลกำลังนั่งดื่มอยู่ในห้องส่วนตัวโดยมีหญิงสาวนั่งขนาบข้างอยู่สองฝั่ง เสียงเธอหัวเราะระริกด้วยความชื่นมื่นพร้อมกับปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองแบบเต็มที่ เพราะหนุ่มผู้นี้คือผู้มีพระคุณแก่พวกเธอและพวกเธอเองก็พร้อมที่จะสนองความพึงพอใจให้กับชายหนุ่มผู้นี้แบบไม่มีข้อยกเว้น อรและดาหลา ดาวเด่นแห่งไนท์คลับแห่งนี้พวกเธอคือจุดดึงดูดเม็ดเงินจากนักเที่ยวยามราตรีได้มากที่สุด ด้วยหุ่นที่อวบอัดและทรวดทรงที่ใครเห็นแล้วต้องอ้าปากค้างพาลนึกเป็นห่วงหนักอกหนักใจแทนพวกเธอเป็นยิ่งนัก เพราะมันทะลักล้นออกมาจนที่จะอดเป็นห่วงเอาเสียไม่ได้นั่นเอง


“ ให้น้องเป็นฮัก อ้ายสิขอเป็นแฮง อ้ายเป็นคนหาเจ้าคอยเก็บแบ๊งค์ สร้างฝันด้วยแรงที่อุ้มด้วยฮัก..เห็นดีนำบ่ หรือมีแล้วบ้อ… “

เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เสี่ยหนุ่มต้องหยุดกับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้าทันที

“ ว่าได๋รุจ … ราบรื่นดีบ่ “

“ ดีแล้ว ….โตบ่เคยเฮ็ดให่เฮาผิดหวังอยู่แล้ว.. “

“ อยู่ไสตอนนนี้ “

“ เอ้อ..ดีแล้ว..พักตามสบาย.. เดี๋ยวมื้ออื่นเฮาโอนเข่าบัญชีให่ดอกเว๊ย..เดี๋ยวสิมีใบสั่งไปหาอีกดอก เตรียมควมพ้อมไว้ตลอดแนหล่ะ ”

“ เอ้อ …ดีดี แค่นี้หล่ะ.. “

เสียงสนทนาสิ้นสุดลงทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากณรงค์ฤทธิ์อีกครั้ง เล่นเอาอรและดาหลาพลันยิ้มเอาใจขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าเสี่ยของพวกเธอสุขใจยิ่งนักกับงานที่มอบผ่านไปให้ลูกน้องจัดการมันผ่านฉลุย











“ สายอมรวสันต์ คอนโดมิเนียม “

รถเก๋ง BMW สีดำคันงามขับเข้าไปจอดอยู่ลานจอดข้างล่าง เดือนนภา เขย่าร่างของแฟนหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์แห่งความหลับใหล

“ อ้ายรุจ ..ตื่นได้แล้ว..ฮอดห้องแล้ว แม่นหยั๋งบ่พอคราวเผลอหลับแล้ว เมื่อกี้เดือนยังเห็นอ้ายโทรไปรายงานเสี่ยเพินอยู่ “ เธอเขย่าต้นแขนเขาซ้ำหลังจากที่เขายังนิ่ง ชายหนุ่มขยับกายงัวเงียตื่นจ้องมองหน้าเธอพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย เขารู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่กับเธอ

“ เอ้อ..อ้ายรุจ.. งานคืนนี้เสี่ยเพินออกใบสั่งให่อ้ายเฮ็ดงานทางได๋ “ เธอถามพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่ม เขายิ้มนิดๆก่อนจะตอบเธอออกไป

“ ลูกค้าระดับกลางของเสี่ยเพินหน่ะเดือน ..เสี่ยบอกว่ามันกำลังสิตีโตออกห่างไปรับออเดอร์ยาจากรายอื่น มันว่าทางอื่นให่ถืกกว่า เสี่ยเลยสั่งเก็บเป็นการสั่งสอน ป๊ะขึ่นห้องได้แล้ว อ้ายเมื่อยเต็มทีแล้ว อยากพักผ่อน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับชวน เขาไม่มีความลับอะไรสำหรับเดือนนภา และเขาก็เชื่อว่าเธอจะไม่มีวันทรยศเขาเป็นอันขาด

“ ไปติ๊หล่ะ..เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน เดี๋ยวเดือนสินวดให่เองอ้ายสิได้ผ่อนคลาย “ เธอบอกยิ้มหวานสายตาทอเป็นประกายดึงมือชายหนุ่มให้ถลาตามขึ้นห้องทันที


เช้าวันต่อมา 09.15น. สถานีตำรวจ หัวหมาก

“ พี่หน่อยกับพี่ลุ่มครับ ผู้กำกับเพินเอิ้นให่เข่าไปหาครับ ..เดี๋ยวนี้เลย..”

เสียงร้อยเวรตะโกนบอกพร้อมกับแสดงสีหน้าเคร่งเครียดมาแต่ไกล ทำให้ ร้อยตำรวจตรีหญิงกัญญา และ ร้อยตำรวจตรี ประยูร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต้องหันขวับมองหน้ากันทันใด พร้อมกับฉุกคิดว่างานเข้าแต่เช้าอีกแล้ว……



เช้าวันต่อมา 09.15น. สถานีตำรวจ หัวหมาก


“ พี่หน่อยกับพี่ลุ่มครับ ผู้กำกับเพินเอิ้นให่เข่าไปหาครับ ..เดี๋ยวนี้เลย..” เสียงร้อยเวรตะโกนบอกพร้อมกับแสดงสีหน้าเคร่งเครียดมาแต่ไกล ทำให้ ร้อยตำรวจตรีหญิงกัญญา และ ร้อยตำรวจตรี ประยูร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต้องหันขวับมองหน้ากันทันใด พร้อมกับฉุกคิดว่างานเข้าแต่เช้าอีกแล้ว……

" เออนี่พวกคุณ..ผมมีงานให้คุณทั้งสองรับไปทำหน่อย " เสียงของ พ.ต.ต. ปรีชา สังควรรณาการชัย หรือผู้กำกับต้องแล่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้เรียกกันในตอนที่ผู้กำกับคนนี้ไม่ได้อยู่ร่วมวงสนทนา มาดขรึมตามสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว มีให้เห็นในทันทีเมื่อร้อยตำรวจตรีหญิงกัญญาและร้อยตำรวจตรีประยูรเข้าไปถึงภายในห้องที่ทำงานส่วนตัวของเขา

" เอ่อ..ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรให้พวกเราทำค่ะท่านฯ " ตำรวจหญิงคนสวยที่ปนไปด้วยมาดเท่ห์นัยๆแห่งเมืองดอกบัวเอ่ยถามกลับ

" คือว่าผมได้รับหนังสือมาจากทางหลายหน่วยงานหลายสถานีประสานขอความร่วมมือมายังสถานีเราว่า ในเขตพื้นที่ที่เรารับผิดชอบอยู่นี้อาจจะมีผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาจากพื้นที่รอบนอกหนีเข้ามากบดานอยู่ในเขตพื้นที่ของเรา และอีกอย่างทางผู้ใหญ่ท่านกำชับสั่งการลงมาให้เข้มงวดกับสถานบริการเริงรมณ์ยามค่ำคืนที่มักจะเปิดเกินเวลาที่กฏหมายกำหนด สถานบริการยามค่ำคืนเหล่านี้มักจะมีธุรกิจลับๆที่ผิดกฏหมายแอบแฝงอยู่ ผมอยากให้คุณทั้งสองเข้าไปหาข่าวโดยการลงพื้นที่หน่อยก็ดี เพราะช่วงนี้ในเขตพื้นที่ที่เรารับผิดชอบอยู่มันมีคดีอาชญากรรมที่พัวพันไปถึงยาเสพติดเกิดขึ้นถี่เหลือเกิน คุณจะดึงคนไหนเข้าไปร่วมก็ได้แค่เขียนรายงานส่งเรื่องเข้ามาที่ผม เดี๋ยวผมจะเซ็นต์อนุมัติให้เอง " ผู้กำกับตงฉินกล่าวออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเคร่งนิดหน่อย ปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานถูกจับขึ้นมาเคาะที่หัวเล่นอยู่เป็นระยะๆ นี่คือสไตล์ของผู้กับกับตงฉินที่กระทำอยู่บ่อยๆจนเกิดเป็นนิสัยเมื่อมีเรื่องให้เข้ามาขบคิด เพราะเมื่อวานกับวันนี้เขาได้รับหนังสือจากสถานีตำรวจรอบนอกส่งมาขอความร่วมมืออีกทั้งยังได้รับโทรศัพท์สายตรงจากผู้กำกับสถานีแห่งนั้นด้วย

" ครับท่านฯ เดี๋ยวพวกเราจะเร่งลงพื้นที่และหาข่าวให้ได้เร็วที่สุดครับท่าน " ลุ่ม หรือฉายา ลุ่มดอนไข่ ตำรวจฝีมือเยี่ยมหนุ่มไฟแรงจากอำเภอบึงกาฬที่พึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนของประชาชนได้เพียงสองปีกล่าวให้ความมั่นใจกับผู้บังคับบัญชาของตน มีรอยยิ้มวาบเกิดขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย เพราะการลงพื้นที่เข้าไปหาข่าวมันทำให้เกิดความตื่นเต้นความเร้าใจอยู่ลึกๆสำหรับตำรวจหนุ่มไฟแรงคนนี้



"สายอมรวสันต์ คอนโดมิเนียม "








ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากภารกิจเมื่อคืนบวกกับเกมแห่งความรักที่เดือนนภามอบให้ ทำให้สภาพชายหนุ่มตอนนี้ต้องหลับไหลแบบคนไร้สติ แม้เดือนนภาจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วแต่มันก็ไม่ทำให้เขาตื่นจากความหลับใหลได้เลยถ้าไม่มีเสียงนี้ดังขึ้นเสียก่อน

" ..ก๊อก....ก๊อก...ก๊อก.." เสียงประตูห้องดังขึ้น3ครั้งติดต่อกัน มันทำให้ชายหนุ่มต้องสะดุ้งตื่น ความระแวดระวังสติสัมปชัญญะถูกดึงกลับเข้ามาอีกครั้ง สายตาของเขามองหาเดือนนภาคนรักทันที เขาไม่เห็นเธอแต่คาดเดาได้ว่าเธออยู่ในห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวพร้อมกับเสียงเธอคลอเพลงแผ่วเบาอย่างอารมณ์ดี

" ..ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก.." เสียงประตูห้องถูกเคาะซ้ำอีกชุดเมื่อไร้การตอบสนองจากผู้ที่อยู่ภายใน ชายหนุ่มคว้าผ้าขนหนูขึ้นมานุ่งพร้อมกับนึกในใจว่าทำไมต้องเคาะกัน3ครั้งทุกทีไปหรื่อนี่เป็นการเคาะระดับสากลกันไปแล้ว ลิ้นชักถูกเปิดออกพร้อมกับหยิบอาวุธคู่กาย เขาเดินตรงไปที่ประตูอย่างแผ่วเบา สายตาถูกแนบเข้าไปตรงกระจกที่ตัวเล็ก(ที่ติดไว้ส่องดูบุคคลภายนอก) สีหน้าปนความสงสัยออกมาเล็กน้อยเมื่อเจอกับบุคคลที่อยู่ภายนอก

" ไผ๋ว๊ะ..สิเป็นหมู่เดือนหล่ะมั้ง " เขาเปิดประตูออกไปและมันสร้างความตกใจให้กับผู้อยู่ภายนอกเล็กน้อย ดูเธอสะดุ้งพร้อมกับยิ้มเขิลเมื่อเห็นสภาพการแต่งตัวของเขา

" เอ่อ...ขอโทษค่ะพี่ ..หนูคงจะเคาะห้องผิด " หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดติ้วกล่าวตะกุกตะกักพร้อมกับก้มหลบสายตาและเดินออกจากจุดนั้นทันที วิศรุจจ้องมองตามหลังเธอพร้อมกับทอประกายเปื้อนยิ้มนิดๆ ความสวยและหุ่นของเธอเมื่อเทียบชั้นกับเดือนนภาแล้วต้องบอกว่าเธอคนนี้ก็ไม่ได้เป็นรองเลย เขาปิดประตูและเดินกลับเอาอาวุธคู่กายเข้าเก็บประจำยังที่เดิม

" อ้าว..อ้ายรุจ..คือตื่นแต่เซ้าแท้ คือบ่นอนพัก เดือนไปมหาลัยกลับมาเดือนสิมาปลุกดอก มื้อนี้มีเรียนบ่โดนดอกจ้า " เดือนนภาออกมาในชุดนุ่งผ้าขนหนูกระโจมอก เม็ดน้ำที่เกาะตามร่างกายของเธอมันช่างชวนให้น่ามองน่าหลงใหลยิ่งนัก เธอยิ้มหวานให้เขาก่อนที่จะหันไปให้ความสนใจกับตัวเธอเองต่อ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วสำหรับการเรียนของเธอ ระยะนี้ส่วนมากจะเป็นการร่วมกิจกรรมเสียส่วนมากซึ่งใช้เวลาไม่เยอะ เธอจึงมีเวลาให้กับเขามากขึ้น

" ได้จ๊ะเดือน ...กลับมากะค่อยมาปลุกอ้ายกะแล้วกัน ออกไปอย่าลืมล็อคห้องให้อ้ายนำแนหล่ะ " ชายหนุ่มบอกแล้วล้มตัวลงที่นอนพร้อมกับปิดเปลือกตาลง ภาพหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูเมื่อครู่นี้ผุดขึ้นมาล่องลอยอยู่ในสมอง ไม่นานนักเขาก็หลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย




“ ไอค่อนสกาย ไนท์คลับ “ เวลา 21.50 น.


ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ผู้คนนักท่องเที่ยวยามราตรีพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ วิศรุจ และ ปฐมพงษ์หรือแก่น คู่หูคนสนิทออกมาจากคอนโดด้วย BMW คันเก่งของเขาโดยที่ปฐมพงษ์นั้นขับมอเตอร์ไซค์คู่ชีพมาจอดไว้ลานจอดข้างล่างของคอนโด ส่วนเดือนนภานั้นเธอออกเดินทางไปทำธุระต่างจังหวัดกับเพื่อนตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ....และใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก BMW คันงามก็เข้าเทียบจอดยังลานบริเวณภายนอก

“ หวัดดีอ้ายรุจ…..เสี่ยเพินนั่งถ่าอยู่ข้างในครับ ผมเตรียมของโปรดไว้ถ่าอ้ายแล้ว “ เสียงตั้ม เมืองศรี ดังขึ้นเดินเข้ามาหาเขาเมื่อมองเห็นบีเอ็มคันงามเลี้ยวเข้ามาตั้งแต่ทีแรก

“ อื้อ..ขอบใจว๊ะตั้ม..น้องหล่าฮู้จักใจอ้ายดีแท้ๆว๊ะ “ ชายหนุ่มบอกยิ้มๆพร้อมกับหันไปพยักหน้าให้กับแก่นคู่หูคนสนิทให้ตามเข้าไปด้วย

“ เสี่ยณรงค์ฤทธิ์ “ นั่งรออยู่ภายในห้องส่วนตัวอย่างใจเย็น สองข้างถูกประกบไปด้วยสาวสวยคู่เดิมคืออรและดาหลา สองสาวที่เสี่ยหนุ่มไว้เนื้อเชื่อใจและทำหน้าที่เลี้ยงดูปูเสื่อให้กับพวกเธอเป็นอย่างดี รอยยิ้มของเธอถูกส่งมาทักทายหลังจากที่วิศรุจและปฐมพงษ์เข้ามายังในห้อง

“ อ้าว..รุจ..แก่น..นั่งๆ เฮาถ่าพวกโตอยู่ ..อรขยับไปนั่งนำรุจไป๋ “ เสียงของเสี่ยหนุ่มกล่าวทักทายเขาพร้อมกับสั่งให้สาวร่างทรงโตที่นั่งเบียดอยู่ด้านขวามือขยับไปนั่งกับชายหนุ่ม

“ หวัดดีครับเสี่ย..บ่เป็นหยั๋งดอกครับให้น้องอรนั่งอยู่กับเสี่ยนั่นหล่ะครับดีแล้ว
“ วิศรุจบอกพร้อมยิ้มเล็กน้อยแม้เขาจะไม่ใช่คนที่มีใบหน้าคมเข้มแต่รอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็สะดุดสายตาของสาวๆได้ดีทีเดียวมันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเลือดเย็นอยู่ภายใน

“ เอ๊า…กินๆกันก่อน เดี๋ยวค่อยคุยงานของเฮาทีหลัง “ เสี่ยหนุ่มบอกหลังจากที่อาหารชุดนี้ถูกยกมาวางรอไว้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว วันนี้วิศรุจถูกทางเสี่ยหนุ่มโทรตามให้เข้ามาเจอที่นี่ เพื่อมอบหมายงานใหม่ให้นั่นก็คือ “ ปิดบัญชี “ ลูกค้าเอเย่นต์ระดับกลางๆอีกรายนึง ที่คิดทำตัวออกห่างหันไปทำการค้ากับผู้ค้ารายใหม่ นี่คือประกาศิตที่เสี่ยหนุ่มจะยัดเยียดมอบให้กับเอเย่นต์รายนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ณรงค์ฤทธิ์ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งฟอกเงิน ส่วนแหล่งเก็บซ่อนสิ่งที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงของสังคมถูกเก็บไว้ในคฤหาสน์หลังงามในย่านลาดพร้าวโดยมีตั้ม เมืองศรี และดุ่ย แดนผาขาว เป็นผู้ควบคุมดูแลทำการค้าขายกับเอเย่นต์ทั่วไป ของทั้งหมดนี้ถูกลำเลียงนำเข้ามาตามตะเข็บชายแดนในราคาที่ไม่แพงนักแต่เมื่อมันเข้ามาถึงยังจุดนี้แล้ว มันกลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวทีเดียวเชียว……


อาหารบนโต๊ะถูกจัดการไปพร้อมกับการบอกรายละเอียดงานอย่างคร่าวๆโดยที่เสี่ยหนุ่มมอบรูปถ่ายมาให้กับชายหนุ่ม2แผ่น (นี่คือเป้าหมายแห่งการสังหาร)

“ ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..” เสียงประตูห้องดังขึ้นทำให้วิศรุจต้องนั่งอมยิ้มก่อนจะหันกลับไปดูที่ประตู “ เป็นหยั๋งคือต้องเคาะกัน3เทือตลอดว๊ะ “ พลางคิดไปถึงใบหน้าที่สวยได้รูปของหญิงสาวในวันนั้น ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาและก็เป็นร่างของดุ่ย แดนผาขาว ที่ทำหน้าสีหน้าเครียดเล็กน้อยเดินตรงเข้ามาหานายใหญ่เขา

“ แม่นหยั๋งว๊ะดุ่ย..มีอีหยั๋ง “ เสี่ยหนุ่มถามหนุ่มมาดเซอร์ผู้เปรียบเสมือนมือซ้ายเขา

“ ข้างนอกครับเสี่ย มีลูกค้าโต๊ะนึงออกอาการกวนๆแนครับ เขม่นกับเด็กในร้านเฮา “ ดุ่ย แดนผาขาว รายงานเสี่ยหนุ่มด้วยอาการนอบน้อม

“ มาจั๊กคนว๊ะ “

“ มา4คนครับ สามคนนั่นเป็นผู้ซายแต่อีกผู้นึงคือสิแม่นผู้หญิง แต่ว่ามาดออกห้าวๆแต่งโตแบบผู้ซาย ผมเบิ่งแล้วกลุ่มนี้คล้ายกับตำรวจครับเสี่ย เห็นน้องแอ๋วกับน้องยาบอกว่าเขาพยายามถามรายละเอียดเกี่ยวกับร้าน “

“ บ่เป็นหยั๋ง..บอกเด็กของเฮาใจเย็นๆอย่าใจฮ้อน เบิ่งไปเรื่อยๆ “

“ ครับผม “

“ เดี๋ยวบอกตั้มไปเบิ่งนำแน ช่วงนี้ฮู้สึกว่าสิมีลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆและสิมักกวนเด็กเฮา “

“ ครับเสี่ย “

การสนทนาจบลงแบบรวดเร็วและได้ใจความดุ่ย แดนผาขาวกลับออกไปทำหน้าที่ตามที่นายใหญ่สั่งในทันที ความอดทนต่อการยั่วยุน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องกระทำในเวลานี้

วิศรุจ และ ปฐมพงษ์ ขอตัวกลับหลังจากที่ดุ่ย แดนผาขาวออกจากห้องไปได้ไม่นานนัก เมื่อเขาออกมาจากภายในห้องของเสี่ยหนุ่มมา ก็ต้องผ่านบริเวณห้องโถงที่ถูกตั้งไปด้วยโต๊ะอยู่เป็นกลุ่มๆ ตอนนี้มีนักเที่ยวนั่งอยู่หนาตาทีเดียว สายตาของเขาจับไปยังกลุ่มที่ดุ่ยเข้าไปรายงานกับเสี่ยณรงค์ฤทธิ์เมื่อครู่นี้ ด้วยสัณชาตญานของเขาสามารถรับรู้ได้ว่านี่คือตำรวจนอกเครื่องแบบแน่นอน รอยยิ้มที่แฝงด้วยความเยือกเย็นถูกส่งไปทักทายในทันทีเมื่อสายตาเขาปะทะเข้ากับสาวมาดเท่ห์ในกลุ่มนั้นที่นั่งมองตั้งแต่เขาเดินออกมาจากภายในห้องของเสี่ยหนุ่ม…..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น