จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

นิยาย กรรมลิขิต 8


ตอน กุศลกรรม 2

" ธรรมทั้งหลายที่บุคคลได้กระทำไว้ ด้วยกาย วาจา และใจย่อมจะมีผลเกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัตินั้นเอง โดยไม่จำกัดด้วยกาลเวลา กรรมที่ได้กระทำแล้วย่อมส่งผลต่อบุคคลนั้นทันที เช่น คิดดี พูดดี ทำดี ก็ให้ผลเป็นความสุขแก่ผู้นั้นทันที แต่หากคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ก็ให้ผลเป็นความทุกข์แก่ผู้นั้นทันทีเช่นกัน โดยกฏแห่งจิตตนิยาม ว่าด้วยธรรมชาติของจิต เมื่อจิตประกอบไปด้วยเจตสิก มีการปรุงแต่งคิดนึกด้วยอกุศลเจตนา ก็ย่อมจะให้ผลเป็นอกุศลวิบาก ทำจิตของบุคคลนั้นให้เศร้าหมองทันที "

..ค่ำคืนแห่งรัตติกาลสว่างไสวไปด้วยมวลหมู่ดาว พร่างพราวระยิบระยับอวดกันเปล่งประกายแสงแข่งกันกับดวงจันทร์ดวงโตที่ตอนนี้กำลังทอแสงสีเหลืองนวลสุกใสเหมือนถูกอาบไปด้วยทองเหลืองแผ่นใหญ่ มองผ่านเข้าไปข้างในเห็นเจ้ากระต่ายสีขาวตัวน้อยชะเง้อคอจ้องมองขึ้นไปยังข้างบนชื่นชมในแสงนวลของจันทร์เจ้า เปรียบประดุจในความรักของชาวนาหนุ่มผู้ลุ่มหลงเฝ้าฝันจะหมายปองเทพธิดาดอกฟ้าแห่งกรุงไกล แต่ไฉนใยกลับต้องร้อนลุ่มเหมือนถูกไฟสุมทรวงเมื่อสิ่งที่หมายปองนั้นสุดที่จะเอื้อมไขว่คว้าถึง สายลมที่แผ่วเบาช่วยพัดพาใบไม้ให้ไหวพริ้วไปตามแรงมองดูผ่านแสงนวลของจันทร์เหมือนกับว่ากำลังเบิกบานฤทัยขยับกายโยกย้ายส่ายลีลาไปตามจังหวะเสียงเพลงที่บรรดาหริ่งเรไรร่ำร้องประชันกันขึ้นอยู่เป็นระยะๆ กลิ่นของดอกไม้ยามค่ำคืนหอมตลบอบอวลแผ่ขจรไปทั่วบริเวณ เหมือนกับว่ายั่วยุสรรพสิ่งที่อยู่รอบข้างให้ลุ่มหลงในมนต์เสน่ห์เฉกเช่นชายหนุ่มร่างกำยำละเมอเพ้อหากลิ่นอายอันหอมกรุ่นของเนื้อนางก็มิปาน....


/////////////////////////////////////////////////////////////


..แสงสว่างจากหลอดไฟนีออนส่องประกายออกมานอกหน้าต่างมองเห็นเงาสะท้อนของผู้ที่อยู่ภายในห้อง เสียงคุยกันจ้อกแจ้กจอแจพร้อมกับเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาตามสายลมที่พัดโชยมาแผ่วเบา

" โป้งง ... โป้งง.." เสียงของคนจุดประทัดดังแว่วมาจากภายในหมู่บ้านทำให้สามเณรตัวน้อยทั้งสามหันหน้าสบสายตากันพร้อมกับยิ้มออกมา พลางนึกย้อนไปถึงเมื่อปีที่แล้วที่พวกเขาวิ่งอ้อนขอเงินแม่ไปซื้อประทัดมาจุดเล่นในก่อนวันออกพรรษา บางทีก็นึกซนไปมากกว่านั้น เมื่อได้ประทัดมาแล้วก็ชอบที่จะเอามาเล่นทำเป็นระเบิดเวลา คือใช้หนังยางมัดประทัดเข้ากับธูปโดยที่แนบไส้ประทัดที่ข้างในมีชนวนของดินปืน(วัตถุไฟไว) เข้ากับลำธูป หลังจากนั้นกะจุดธูปนำไปปักไว้ที่ใต้ถุนบ้านหรือที่ไหนก็ตามแต่ นั่งรอเวลาที่ไฟไหม้ธูปลงไปถึงไส้ประทัดอย่างใจเย็น เมื่อถึงเวลาที่ไฟไหม้ธูปลงมาถึงไส้ของประทัดมันก็จะ ...." โป้งง ".... สมใจนึกทันทีเมื่อคนที่เราคิดจะแกล้งตกใจจนร้องเสียงหลงพร้อมกับสะดุ้ง จนต้องเผลอตะโกนด่าอวยพรหาไอ้คนที่คิดพิเรนทร์ทำให้หัวใจแทบวายปราณออกมาเสียงดังลั่น (ทุกวันนี้ประทัดดูจะพัฒนาการอัดแน่นยิ่งขึ้น เช่นประทัดสามเหลี่ยมที่มีอานุภาพการระเบิดรุนแรงเอาการ ช่วงออกพรรษาหรือลอยกระทง เรามักจะได้ยินข่าวอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือหน้าจอทีวีอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับผู้ที่ถูกประทัดแตก-ระเบิดใส่มือ อันนี้ต้องควรระวังนะครับ)


สามเณรตัวน้อยหันกลับมาให้ความสนใจกับกิจกรรมที่พวกเขาทำร่วมกันขึ้นอีกครั้ง

" เณรจักรโตต่อแผ่นให่มันงามๆแนเด้อ เอาสลับสีกันมันค่อยสิเป็นตาเบิ่ง เณรขวัญโตตาบฮอยขาดแผ่นนั้นให่เฮานำแน เอาสีเดียวกันนั่นหล่ะ " เสียงสามเณรไผ่ศธรบอกเพื่อนรักทั้งสอง

" เฮาหน่าสิเฮ็ดหน่วยละสองโหลเนาะ มันสิได้สูงๆเวลาปล่อยขึ่นไปมันจั่งค่อยสิมีโอกาสลอดห่วงได้ง่าย " สามเณรขวัญชัยออกความเห็นพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้ากระดาษแผ่นที่มีรูขาดอยู่ตรงกลางเพื่อนำมาปะให้ดูดีดังเดิม

" มันบ่แม่นจั่งซั่นเด้เพิน กติกาเพินให่เฮ็ดหน่วยละโหลส่ำกันเหมิด บ่เป็นหยั๋งดอกเฮาเฮ็ดพอได้มีส่วนร่วมนำเพินซือๆดอกหลวงพ่อพระครูเพินบอกว่าจั่งซั่นเด๋ เข่าห่วงหรือบ่กะซางมันเถาะ แต่เฮาคิดเห็นภาพกะเป็นตาได้ลุ้นอยู่เด๊ะหล่ะ ฮ่าๆๆ " สามเณรไผ่ศธรหัวเราะร่าออกมา


กิจกรรมที่เขาทั้งสามร่วมกันทำอยู่ในขณะนี้ก็คือ การทำโคมลอย (โคมไฟ) ที่จะใช้ปล่อยหลังวันออกพรรษาในช่วงเวลาเย็น ซึ่งทางหลวงพ่อพระครูฯท่านได้ร่วมประชุมกับทางกำนัน และชาวบ้านร่วมกันจัดการแข่งขันขึ้น ซึ่งทางวัดอุดมคีรีเขตจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆปีในช่วงออกพรรษา เพื่อเป็นการจัดกิจกรรมให้ความสนุกสนานกับชาวบ้านหลังจากที่พวกเขาหมดภาระจากการทำไร่ทำนาในช่วงนี้ การแข่งขันนั้นจะจัดขึ้นในวันแรม๑ค่ำช่วงเย็น โดยในช่วงเช้าจะเป็นการทำบุญตักบาตรเทโว รับศีล ฟังเทศน์และถวายกัณฑ์เทศน์ สำหรับกติกานั้นก็คือใครก็ตามที่สามารถบังคับโคมไฟให้เข้าในห่วงที่อยู่ข้างบนได้ก็จะเป็นผู้ชนะไป ในกรณีที่มีผู้เข้าหลายคนก็ต้องมาตัดสินอีกทีว่าโคมไฟของใครเข้าได้สวยกว่าโดยที่ไม่ชนห่วงเลย ให้เป็นอันดับที่หนึ่งและลดหลั่นลงมาตามลำดับ ส่วนของรางวัลนั้นทางหลวงพ่อพระครูฯและทางกำนันเป็นผู้กำหนดขึ้นเอง โดยจะมีตั้งแต่อันดับที่ 1-5 ต้องถือว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานเป็นอย่างมาก เพราะเนืองแน่นไปด้วยชาวบ้านที่มาพร้อมเสียงเชียร์คอยลุ้นกันจนตัวโก่ง ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีโคมไฟทั้งจากของชาวบ้านและทางวัดส่งเข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 30 ลูกได้ สำหรับปีนี้ทางวัดน่าจะมีการส่งเข้าร่วมอยู่ที่ 6 ลูก โดยใน6ลูกนี้ก็เป็นของสามเณรตัวน้อยทั้งสามที่กำลังนั่งขะมักเขม้นทำช่วยกันอยู่ตอนนี้2ลูก

" ฟ้าวเฮ็ดฟ้าวแล้วเพินสิได้นอน เมื่อยอยู่เหมิดมื้อเลย มื้อเว็นนี้กะนั่งเฮ็ดหมากอีโฮง กว่าสิแล้ว" สามเณรไผ่ศธรกระตุ้นเพื่อนรักให้เร่งมือแปะกาวต่อแผ่นกระดาษให้เร็วขึ้น ความปวดเมื่อยจากช่วงกลางวันก็มีมากอยู่แล้วหลังจากที่ต้องนั่งทำเครื่องบินลำใหญ่เป็นเวลานานๆ
( หมากอีโฮง เป็นภาษาอีสานที่ใช้เรียกทางถิ่นของผู้เขียนเอง และไม่แน่ใจว่าพื้นที่อื่นๆจะเรียกเหมือนกันหรือเปล่านะครับ ในช่วงออกพรรษาพระภิกษุหรือสามเณรก็จะทำสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้คนละอย่างไว้ไปห้อยประดับที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ แล้วแต่ใครจะออกแบบให้เป็นรูปอะไรหรือลักษณะอย่างไรก็ได้ ทำจากไม้ไผ่ประมาณนั้นครับ ส่วนมากที่เห็นทำกันอยู่มากก็จะเป็นรูปเครื่องบิน รูปดาว แปะปิดข้างนอกด้วยกระดาษแก้วหลากสีสันสวยงาม ทำเป็นช่องเปิดได้ไว้ใส่หลอดไฟข้างใน เวลากลางคืนจะดูสวยงามมาก)






สายลมอันแผ่วเบาช่วยพัดพาความเย็นเข้ามายังทางหน้าต่าง สัมผัสกับร่างที่ไร้ซึ่งสิ่งกันหนาวปกคลุม คงมีก็เพียงแต่เสื้ออังสะตัวน้อยสวมใส่อยู่ทำให้ร่างของสามเณรไผ่ศธรถึงกับสั่น เพิกสายตาออกจากงานที่วางอยู่ตรงหน้า แววตาสีหน้ายิ้มละมุนเมื่อเห็นแสงจันทร์ยามค่ำคืนเหลืองนวลน่าชมชิดพิศมัยยิ่งนัก จนต้องผละลุกขึ้นเดินไปยังขอบหน้าต่าง มองเห็นภายนอกได้กระจ่างตาท่ามกลางแสงจันทร์ แม้จะยังเหลืออีก 2วันจะถึงวันออกพรรษาแต่พระจันทร์ก็ทอแสงเหลืองนวลอร่ามตาจนอดที่จะมองหาเจ้าของแสงมิได้ พลันสายตาสามเณรตัวน้อยก็ไปสะดุดเข้ากับวัตถุสิ่งหนึ่งที่อยู่บนท้องฟ้าจนต้องเผลอยิ้มออกมา


" ตั๊บบ... ตั๊บ.. ตั๊บ... ตั๊บ.. เร็ว.. เร็วแนเว๊ยย.. มันสิลงแล้ว " หูจับสัญญาณฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งได้สายตาเหลือบมองเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ถนนนอกวัด พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินเด็กกลุ่มนั้นร้องตะโกนบอกเพื่อนให้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

" เหอะ.. เหอะ.. พอปานกันกับเฮาแต่ก่อนเนาะ แล่นนำโคมจนว่าตกคันแทกลิ้งอยู่ในป่าเข่าจนว่าเปียกม้อดยอด " สามเณรตัวน้อยหวนนึกถึงภาพตัวเองเมื่อครั้งก่อนถึงกับต้องยิ้มประกายออกมา ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบร่างจนมองให้เห็นรูปใบหน้าตอนนี้เปล่งประกายไปด้วยรัศมีแห่งเปลวทอง...


....สายลมยามไกล้รุ่งสาง หอบพัดพาความหนาวเย็นจากภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเข้ามากระทบกับต้นสนกลุ่มใหญ่จนเกิดเป็นเสียงดัง

..วิ๊ววว)).... วี๊ดดด)).... วิ๊วววว))....วี๊ดดด))... อยู่เป็นระยะคล้ายกับเสียงของภูตผีปีศาจที่กรีดร้องอย่างโหยหวนเรียกโหยหาขอส่วนบุญส่วนกุศล ทำให้คนที่ได้สำผัสกับเสียงนี้ถึงกับต้องขนลุกผวาอยู่นัยๆ ..ดาวคู่หนึ่งทอประกายแสงยามไกล้รุ่งอรุณอยู่ในจุดตำแหน่งที่ไกล้กันเสมือนชายหนุ่มที่กำลังออดอ้อนเว้าวอนคนรักอยู่มิห่างกาย

" ..เอ๊ก.. อี๊.. เอ๊ก... เอ๊กกก))...เอ๊ก... อี๊ เอ๊ก.. เอ๊กกก)).. " เสียงไก่ขันขานรับกันขึ้นอยู่เป็นจุดๆในบริเวณหมู่บ้านเหมือนจะเปล่งเสียงร้องประกวดประชัน เพื่อชิงตำแหน่งหาผู้ที่ชนะบนเวทีระดับใหญ่ในรายการชุมทางเสียงทองทางช่อง7สี เสียงกระดิ่งดังก้องกังวานเป็นระยะๆจากคอของเจ้าทุยเมื่อมันส่ายหน้าขยับต้นคอ คงพาลนึกรำคาญเสียงของเหล่านักร้องลูกทุ่งในรายการชื่อดัง ที่ประกวดประชันกันแบบไม่รู้เวล่ำเวลา เป็นการรบกวนเวลานอนอันสุนทรีย์ของมันจนถึงกับจะอดรนทนไม่ไหว ต้องพ่นเสียงเบื่อหน่ายน่ารำคาญออกมาทางจมูกจนเกิดเสียงดังอยู่ " .ฟืด...ฟืด.. "




เครื่องขยายเสียงดังแว่วมาจากวัดอุดมคีรีเขตแต่เช้า วันนี้เป็นวันที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งที่เหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ที่ใฝ่กุศลผลบุญต้องควรปฏิบัติกันอยู่เป็นทุกๆปี นั่นก็คือการทำบุญตักบาตรเทโว โดยการตักบาตรเทโวนั้นเหล่าพุทธศาสนิกชนมีหลักความเชื่อก็คือเป็นวันที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมายังเทวโลก หลังจากที่เสด็จไปประทับจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดาที่ได้กำเนิดเป็นเทพบุตรอยู่ในชั้นดุสิต จนพระพุทธมารดาได้บรรลุโสดาปัตติผล ครั้นออกพรรษาในวันขึ้น15 ค่ำเดือน11แล้ว จึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสนคร พอรุ่งขึ้นในวันแรม 1ค่ำเดือน11 ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่ เพราะไม่ได้เห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานานถึงสามเดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ ต่อมามีการเรียกกร่อนไปจึงเหลือเพียงตักบาตรเทโว

บนศาลาการเปรียญหลังใหญ่ในขณะนี้แม้จะเป็นเวลาเช้ามืดอยู่ แต่ก็เต็มไปด้วยเหล่าพุทธบริษัท (อุบาสก-อุบาสิกา) ที่พร้อมใจกันมาปฏิบัติธรรมโดยอาศัยศาลาการเปรียญหลังใหญ่แห่งนี้เป็นที่หลับนอน สายออกมาหน่อยทางชาวบ้านหนองนางามต่างก็ทะยอยกันออกมาที่วัด ในวันนี้ป้าไหมและสายใยสวมซิ่นไหมผืนงามจนสามเณรไผ่ศธรต้องแอบยืนยิ้มอยู่คนเดียว ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ดูจะคับแคบลงไปถนัดตาเพราะศรัทธาจากชาวบ้านหนองนางามนั้นมีมากมาย

หลังจากที่หลวงพ่อพระครูฯพร้อมด้วยพระภิกษุ สามเณรร่วมกันทำวัตรเช้าในพระอุโบสถเสร็จแล้วต่างก็มาพร้อมกันที่ศาลา หลังจากนั้นก็เป็นการทำบุญตักบาตรเทโวที่ลานวัดด้านล่าง ส่วนอาหารที่ชาวบ้านนำมาทำบุญตักบาตรก็คือข้าว ข้าวต้มมัดนั่นเอง เสร็จแล้วก็เป็นการแสดงธรรมเทศนาจากหลวงพ่อพระครูที่บนศาลาหลังใหญ่ และวันนี้สามเณรตัวน้อยก็สังเกตุเห็นบรรดาเพื่อนๆของเขาในตอนที่เคยเรียนอยู่ชั้นประถมด้วยหลายคน " ขวัญชนก " วันนี้เธอมาในชุดที่สวยงามและสายตาของเธอยังจ้องมองมายังเขาด้วย จึงต้องนั่งก้มหน้าหลบสายตาของเธอในทันทีทันใด กิจกรรมทางพระพุทธศาสนามีอยู่ตลอดทั้งวันจนเวลาล่วงเลยเข้ามาในช่วงบ่ายคล้อย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านตั้งหน้าตั้งตารอคอยดูการแข่งขันการปล่อยโคมลอดห่วง ซึ่งปีนี้ดูจะคึกคักเช่นทุกปีที่ผ่านมา มีผู้ที่ลงชื่อแข่งขันเกือบ30 คน โดยทางคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันต้องจัดลำดับคิวให้เป็นรายบุคคลไป สำหรับสามเณรตัวน้อยทั้งสามรูปได้อยู่ในลำดับที่ 5และ18 และทางสามเณรไผ่ศธรยังได้ลุ้นช่วยทิดนัน(พี่เขย)อีกทางด้วย เนื่องจากทิดนันเองก็ได้ลงชื่อเข้าร่วมในครั้งนี้

บรรยากาศในการแข่งขันตอนนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ผู้คนยืนเนืองแน่นทั่วบริเวณลานวัดด้านหน้าศาลาหลังใหญ่ ห่วงถูกเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ในช่วงเที่ยง มองเห็นสูงขึ้นไปหลายเมตรทีเดียว งานนี้คงได้วัดฝีมือความสามารถกันหน่อยว่าใครจะบังคับเจ้าโคมลอยของตนให้ขึ้นไปแบบตรงดิ่งโดยให้เข้าในห่วงกลมมนที่ทำด้วยลวดเส้นใหญ่อยู่ข้างบน แต่วันนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักเนื่องจากกระแสลมแรงพอสมควร

" ต่อไปกะขอเชิญทางผู้เข่าแข่งขันเตรียมความพ้อมเด้อครับ ฮอดเวลากันแล้ว ทางหลวงพ่อพระครูใหญ่เพินกะมานั่งเป็นประธานเบิ่งการแข่งขันนำ ทางกำนันชมเพินกะออกมาแล้วเนาะ ลำดับแรกกะเป็นทิดวีเด้อครับ พ้อมยังน้อ " เสียงตาปั่นมคทายกประจำวัดเป็นผู้ประกาศใส่ไมโครโฟนบอกกล่าวกับผู้แข่งขัน

" เณรขวัญโตพันให่มันแหน่นๆเด้อ ไฟมันค่อยสิบ่ได้ลุกออกก้วงแฮง " เสียงสามเณรไผ่ศธรบอกสามเณรขวัญชัยเพื่อนรักที่กำลังนั่งพันไส้ของโคมลอยเข้ากับเส้นลวดที่ถูกขึงพาดผ่านกลางปากห่วงของโคมลอย โดยที่ตัวเขาและสามเณรวีระจักรช่วยกันจับลูกโคมยกสูงขึ้นไม่ให้พับลงมาติดกับน้ำมัน ไส้ที่ใช้นั้นทำด้วยผ้าเก่าที่ขาด (ผ้าเหลืองที่ไม่ได้ใช้แล้ว) ฉีกเป็นริ้วแล้วแช่ไว้กับน้ำมันก๊าด ....เสียงเฮจากผู้คนดังขึ้นหลังจากที่โคมลอยลูกแรกถูกปล่อยขึ้นไปแต่ต้องพลาดเป้าห่างไปเยอะเลย เมื่อโดนกระแสลมพัดเขวออกจากวิถีเป้าหมาย ไล่ลำดับมาเรื่อยๆก็ยังไม่มีผู้ที่บังคับโคมลอยของตนเข้าห่วงได้ และก็มาถึงคิวของสามเณรตัวน้อยทั้งสาม งานนี้ลูกแรกมอบให้สามเณรวีระจักรเป็นผู้บังคับตอนปล่อยออก ไส้โคมถูกจุดขึ้นโดยที่เพื่อนรักทั้งสองช่วยพยุงลูกโคมให้ตรง เปลวไฟและควันที่ปากปล่องโคมลอยเป็นแรงขับดันช่วยทำให้ลูกโคมตั้งตัวตรงและพร้อมจะลอยขึ้นได้ทุกเมื่อ

" เล็งดีๆเพิน ถ่าจังหวะลมค่อยก่อนี้จักหน่อยก่อน " สามเณรไผ่ศธรบอกเพื่อนรักพร้อมกับยืนพยุงลูกโคมอยู่ข้าง

ป้าไหม สายใย ทิดนัน ลุงเลิศ ป้าอ้อย ทิดจวน ต่างก็ลุ้นเอาใจช่วยพวกเขา







" ตึงมือคักแล้ว เฮาปล่อยเด้อเพิน " สามเณรวีระจักรขอความเห็นจากเพื่อนพร้อมกับชำเลืองมองไปที่ห่วงข้างบนก่อนที่จะปล่อยมืออกจากปากโคมลอย มันพุ่งขึ้นตรงด้วยความเร็วเหมือนวิถีจะเข้าเป้าแต่ก็พลาดจนได้เมื่อขึ้นสูงไปข้างบนต้องเจอเข้ากับกระแสลมจนทำให้โคมลอยของพวกเขาเปลี่ยนทิศทางไป การแข่งขันดำเนินมาจนเวลาพลบค่ำ สามเพื่อนรักได้ลุ้นอีกครั้งในลำดับที่17 ครั้งนี้สามเณรไผ่ศธรขอเป็นผู้บังคับเอง แต่เขาก็ทำได้เพียงหวาดเสียวเท่านั้นเมื่อโคมลอยชนเข้าที่ขอบห่วงจนเกือบจะมุดเข้าอยู่รอมร่อแต่กระแสลมก็พัดเขวออกนอกห่วงอีกจนได้ ผลการแข่งขันจบลง ปีนี้มีผู้ที่บังคับโคมลอยเข้าในห่วงได้ถึง4ลูก โดยในสี่ลูกนั้นเป็นของหลวงพี่ทางวัดลูกหนึ่ง ของทิดนันพี่เขยสามเณรไผ่ศธรลูกหนึ่ง แม้กิจกรรมจะจบลงไปแล้วแต่มันก็สร้างรอยยิ้มความสุขและความประทับใจให้กับสามเณรตัวน้อยทั้งสามอยู่ลึกๆภายใน ถึงแม้พวกเขาจะพลาดหวังแต่เขาก็อิ่มใจที่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมในครั้งนี้..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น